Masuk"หมับ !!!
คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา "มีอะไรคะ ? "เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.. "เอาไปทำไมคะ "จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้ "ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้ "ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้ "เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ "ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ "แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน "ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.. "ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.. "เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄 "ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี "ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก "แต่ฉันอยากให้คืน... "ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ "ดื้อ ! "ไม่ดื้อค่ะ...เขาเรียกคนมีสัจจะ "หึ! ฉันก็ไม่เคยผิดคำพูดกับใครเหมือนกัน.. "ก็ใช่ไงคะ...หนูก็ทำตามที่ตัวเองเคยพูดไว้ ก็ถือว่าเรื่องมันจบแล้วไง...เฮียจะเอายังไงอีก คนเป็นพี่มองหน้าคนที่กำลังเถียงเขา เด็กอะไรดื้อชะมัด เถียงคำไม่ตกฟาก.. ในขณะที่คะนิ้งกำลังจะพูดต่อ เขาก็ดักทางเธอเอาไว้เสียก่อน "..หนูว่า.. "ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ปลดบล็อคไลน์ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอให้ออกไปจากห้องนี้แน่ อยู่ด้วยกันจนถึงเช้าในห้องนี้แหละ : สีหน้าที่ดูขึงขังของคนเป็นพี่ ทำเอาคะนิ้งถึงกับถอนหายใจยาวพรืดพร้อมกับกรอกสายตาขึ้นลงอย่างนึกหงุดหงิด มือเล็กอีกข้างล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายเป้ ก่อนจะกดปลดบล็อคไลน์ตามคำสั่งของคนเผด็จการ "ปล่อยหนูได้ยัง : คะนิ้งยื่นหน้าจอมือถือให้เขาดู เพื่อเป็นหลักฐานว่าเธอทำตามที่เขาบอกเรียบร้อยแล้ว..แต่ยังไม่ทันจะเก็บมือถือคนเป็นพี่ถือวิสาสะแย้งมือถือของคนเป็นน้องไป พร้อมกับกดอะไรบางอย่าง "เฮีย ! นั่นมันมือถือหนูนะ... "................ : โอโซลกดโทรออกเข้าเบอร์มือถือของตนเอง ก่อนจะทำการบันทึกเบอร์มือถือของตัวเองเอาไว้ในเครื่องของคะนิ้ง แถมยังตั้งเป็นรายการโปรดไว้อีกด้วย "เฮียโซล...?????? : คะนิ้งทวนชื่อที่เขาบันทึกเบอร์มือถือลงเครื่อง พร้อมกับสงสายตาสับสนงุนงงไปยังเขา "ห้ามลบเบอร์ฉันออกจากเครื่อง ห้ามบล็อค ห้ามตัดสาย...โทรไปรับสายทันที ห้ามให้รอเกินสิบวิ : คนหน้านิ่งเอามือกอดอกพร้อมกับออกคำสั่งกับคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า "อะไรของเฮียเนี้ย !! "ติ้ง !!! : ไม่ทันจะได้พูดต่อเสียงแจ้งเตือนแอฟพลิเคชั่นธนาคารดังขึ้น :💬 เงินเข้า + 200,000 บาท "เฮียโอนมาเหรอ ? "อืม.. "สองแสน ? "อือหึ.... "ค่าอะไรคะ หนูโอนให้เฮียแค่แสนเดียว โอนมาทำไมตั้งสองแสน ? "ดอกเบี้ยไง... "ดอกเบี้ย ??? "อืม.... "แต่ว่า.... "เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว โอนคืนก็คือจบ "...........???.. : คะนิ้งมองหน้าเขาอีกครั้ง ยิ่งมองยิ่งเกิดคำถามมากมายผุดขึ้นมาภายในหัว ".......นี่ก็ค่ำมืดแล้ว เธอกลับยังไง.. : คนเป็นพี่รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องมองหน้าเขาอย่างกับจ้องจะจับผิด "ฮ่ะ !!! : คะนิ้งทำสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิม อะไรอยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย...เมื่อกี้ยังพูดเรื่องคืนเงินไม่จบ อยู่ๆก็มาถามว่าจะกลับบ้านยังไง แปลก หรือเขาจะไม่สบาย..ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมาเป็นคำพูด คนไม่คิดจะชอบกันพูดอะไรไปก็คงจะผิดอยู่ดี "หูตึงหรือไง...ฉันถามว่ากลับบ้านยังไง.. "..กลับแท็กซี่ค่ะ.. "แล้วรถเธอไปไหน...ปกติขับรถมาเองไม่ใช่เหรอ "เอาเข้าศูนย์ไปเช็คระยะค่ะ หนูรีบมาแข่งกีฬา เลยไม่ได้รอรับรถ กะว่าจะนั่งแท็กซี่ไปรับ แต่เพราะเฮียมาขังหนูไว้ในห้องนี้ จะหกโมงแล้ว ศูนย์รถยนต์เขาคงปิดแล้วมั้ง "งั้นก็กลับพร้อมฉัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คนไปรับรถให้... "คะ..???? "ประสาทการได้ยินของเธอยังดีอยู่ไหม พูดอะไรไปทำไมต้อง ฮ่ะ คะ ตลอด "ได้ยินปกติค่ะ แต่หนูไม่เข้าใจในพฤติกรรมของเฮีย...แต่ก่อนเฮียไม่เป็นแบบนี้นิคะ.. "แล้วฉันเป็นแบบไหน.. "หน้านิ่ง พูดน้อย แถมยังปาก.....?...... : คะนิ้งหยุดชะงักคำพูดในทันที เมื่อเหลือบมาเห็นสีหน้าที่เอาแต่จ้องมองด้วยสายตานิ่งเรียบของคนเป็นพี่ "แล้วเธอชอบให้ฉันเป็นแบบไหน... "คะ...????? "คะอีกแล้ว...หูตึงขนาดนั้นเลยรึไง : โอโซลจับเบาๆไปที่ใบหูเล็กทั้งสองข้าง ทำเอาคนเป็นน้องถึงกับตัวแข็งทื่อ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายถึงเนื้อต้องตัวเธอและอยู่ใกล้เธอขนาดนี้..ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลงมาก หัวใจดวงน้อยที่ละเลิกความพยายามที่จะคว้าหัวใจของเขามาครอง กลับเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ และดูเหมือนครั้งนี้มันจะหนักขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ.... "เอ่อ...นะ..หนู..หนูว่าตอนนี้มันค่ำมืดแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะ... : คะนิ้งขยับตัวออกจากเขาด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน แต่อีกคนกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เหมือนกับว่าพึงพอใจที่ทำให้เธอเสียอาการได้อีกครั้ง.. "รถจอดอยู่ฝั่งซ้ายมือของแสตนเชียร์...ทะเบียน 7997 "ค่ะ คะนิ้งรีบหันหลังเดินออกไป โดยไม่กล้าหันกลับมามองคนที่เดินตามหลังมาติดๆ ด้วยกลัวว่าหัวใจดวงน้อยจะต้านไม่อยู่ หลงกลับมาพัวพันกับคนใจร้ายคนนี้อีก.... ด้านของโอโซลเดินตามคนเป็นน้องออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก ภายในใจได้แต่คิด ในเมื่อเธอเดินมาตกหลุมที่เขาขุดเอาไว้แล้ว คิดจะปีนป่ายขึ้นมาเดินบนดิน เขาก็จะพลักเธอกลับลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะโบกปูนปิดให้มิด....เงินสองแสนที่เขาจ่ายไปไม่ใช่ดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่เป็นค่าเดิมพันที่ตัวเขาต้องจ่าย...คำที่บอกกับเธอว่าเขาไม่เคยผิดคำพูดกับใคร คำๆนี้เขาหมายความแบบนั้นจริงๆ...@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







