Masuk@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย
การแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ “ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด “ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน “สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่ “ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้ “ใครวะ...ฮอตขนาดนั้นเชียว?” ไฟเพลิงเลิกคิ้วขึ้นสูง สีหน้าเริ่มอยากรู้มากกว่าเดิม “ไม่รู้ดิ...กูก็เพิ่งได้ยินเขาลือกันตอนมาถึง... เห็นว่าแมตช์นี้ลงแข่งด้วย เดี๋ยวออกมาก็รู้เองแหละ มึงจับตาดูให้ดี” รามสูรยังคงวางท่าทางนิ่งเฉย ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในชีวิต แต่ก็ไม่ลืมจะกระตุกต่อมอยากรู้ของเพื่อนให้ตื่นตัวต่อ “พวกมึงเลิกคุยกันได้แล้ว นักกีฬากำลังจะลงสนาม...” โอโซลเอ่ยเสียงห้วน ขณะเดินมาหยุดยืนข้างๆ ทั้งสองคน สีหน้าของเขาไม่บอกอารมณ์ใด แต่ในแววตานั้นกลับแฝงความรำคาญใจอย่างปิดไม่มิด การที่เขาต้องมานั่งดูการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะใจอยาก แต่มันคือ ‘หน้าที่’ ในฐานะประธานคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ โดยเฉพาะเมื่ออาจารย์ถึงขั้นเรียกไปย้ำแบบไม่รับคำปฏิเสธ โอโซลจึงจำต้องยอมแบกร่างตัวเองมานั่งติดขอบสนามอย่างจำใจ และทันทีที่เสียงประกาศรายชื่อนักกีฬาเริ่มต้นขึ้น เสียงโห่ร้องก็ดังสนั่นลั่นทั่วทั้งยิมผู้เล่นแต่ละคนทยอยเดินออกมาจากข้างสนามภายใต้เสียงปรบมือ บางคนได้รับเสียงเชียร์จางๆ แต่เมื่อถึงรายชื่อสุดท้าย เสียงทั้งยิมก็แทบระเบิด ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งทำหน้าที่กัปตันทีมคณะแพทย์ศาสตร์ในชุดนักกีฬาเสื้อแขนกุดตัวโคร่งพอดีตัว กับกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาขาว ผูกผมมวยสูงเปิดหน้าผาก ยิ่งขับให้ใบหน้าเล็กเรียวของเธอดูน่ารักสดใสเข้าไปใหญ่ เธอดูน่ารัก น่าเอ็นดูจนใครต่อใครต่างอยากได้มาเป็นแฟน ยิ่งรอยยิ้มหวานๆที่ส่งออกมาพร้อมมือไม้ที่โบกทักทายกองเชียร์นั้น ทำเอาหนุ่มๆหัวใจพองโต ยิ้มตามจนแก้มจะฉีกถุงหู คนอะไรนดาเมจรุนแรงต่อหัวใจเสียจริง “นั่นมัน...น้องคะนิ้งนี่...น่ารักฉิบหาย" ไฟเพลิงอุทานขึ้นด้วยเสียงอึ้งปนทึ่ง ราวกับโดนลูกบาสอัดใส่กลางอกเต็มแรง ดาเมจรุนแรงของหญิงสาวคนนี้มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทว่า...ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่รู้สึก แต่คนที่นั่งนิ่งอยู่ก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน..สีหน้าที่เรียบนิ่ง กลับดูหงุดหงิดขึ้นนมาดื้อๆ โอโซลไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่เบือนหน้าไปอีกทาง เลี่ยงไม่ให้ใครอ่านสีหน้าได้ แต่ใครบางคนกลับสังเกตทัน รามสูรแค่ปรายตามอง...และรู้ได้ทันที "ไม่ยักจะรู้ว่าน้องเล่นกีฬาเป็นด้วย เห็นตัวเล็กๆ เก่งไม่เบาเลยนะเนี้ย ได้เป็นถึงกัปตันทีม : รามสูรยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู และที่สำคัญเขาตั้งใจพูดให้เพื่อนอีกคนของเขาได้ยิน "น่ารักเป็นบ้า ปกติกูก็ว่าน้องน่ารักแล้วนะ ยิ่งใส่ชุดกีฬาแบบนี้ แม่ง..โคตรน่ารัก : ไฟเพลิง "น่าเสียดาย : ไฟเพลิง "เสียดายอะไรวะ : รามสูร "เสียดายแทนไอ้โซลไง... ถ้ามันไม่พูดแบบนั้น ป่านนี้คงไม่ต้องถูกเขาเมิน... : ไฟเพลิง "ใครเมินใคร มึงพูดดีๆไอ้เพลิง : โอโซลเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน ปากเอ่ยพูดกับไฟเพลิง แต่สายตากละบจับจ้องไปที่คนในสนามไม่ยอมลดละ "หรือไม่จริง...ตั้งแต่วันที่เจอกันในโรงอาหารกูก็ไม่เห็นน้องจะสนใจอะไรมึงเลย ขนาดมึงนั่งจ้องเขา เขายังเมิน ไม่สนใจมึงเลยสักนิด สมน้ำหน้า : ไฟเพลิง "ไอ้เพลิงมึงชักจะพูดมากเกินไปแล้ว "พูดความจริงทำเป็นโมโห.... : ไฟเพลิง "มึงก็อย่าไปปั่นมันนักเลยไอ้เพลิงมึงก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไง...ดูโน่นเขาจะแข่งแล้วโน่น "สู้ๆนะค๊าบ...น้องคะนิ้ง.. : ไฟเพลิงตั้งใจตะโกนออกไป โดยไม่สนใจสายตาจ้องมองของเพื่อนรักแม้แต่น้อย โอโซลได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงตลอดการแข่งขัน โดยเฉพาะช่วงพักครึ่ง ที่มีหนุ่มๆต่างรุมขายขนมจีบ ส่งน้ำส่งผ้าเย็นให้คะนิ้งไม่ขาด ก็รู้ว่าเธอน่าตาน่ารักแต่ไม่คิดว่าจะฮอตในหมู่หนุ่มๆขนาดนี้ คนหน้านิ่งได้แต่ถอนหายใจ และนึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เห็นอยู่บ่อยๆ เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง โดยผลการแข่งขันคณะแพทย์ศาสตร์ชนะคณะวิศวะกรรมศาสตร์ไปอย่างขาดรอย โดยการทำแต้มของกัปตันทีมอย่างคะนิ้ง คนเป็นน้องยิ้มทักทายกับทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพักนักกีฬา โอโซลที่ดูเหมือนอารมณ์จะไม่ค่อยดีนัก ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้าห้องพักที่คะนิ้งพักอยู่ ยืนรออยู่นาน ก็ไม่เห็นคนเป็นน้องเดินออกมาสักที เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง นักกีฬาคนอื่นๆเดินออกมากันหมดแล้ว เหลือเพียงคะนิ้งที่ยังไร้แม้แต่เงา เขาจึงตัดสิ้นใจเดินเข้าไปในห้องพักนักกีฬาหญิง เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร มีเพียงคะนิ้งที่กำลังนั่งพักสายตาอยู่ เขาจึงถือวิสาสะล็อคห้องจากด้านใน ไม่ให้ใครเข้าออก ทางด้านของคนเป็นน้องเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีใครเข้ามาในห้อง จึงลืมตาขึ้นพร้อมกับหันมามองตามเสียงนั้น "เฮียโซล ! "................ โอโซลที่เห็นว่าคะนิ้งจ้องมองมาทางตน คนเป็นพี่ถึงได้รู้ตัวว่ากำลังทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิดจะทำมาก่อน คือการเดินเข้าหาผู้หญิง ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ไม่รู้อะไรดลใจเขาให้ก้าวขาเดินมาถึงที่นี่ เขาพยายามเก็บอาการ ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร จึงได้แต่ทำเป็นนิ่ง กอดอกยืนมองคนเป็นน้องอยู่แบบนั้น "เข้ามาได้ยังไงคะ...นี่มันห้องพักนักกีฬา... "ฉัน..มาหาเพื่อน นึกว่าเพื่อนอยู่ที่นี่ เลยเดินเข้ามาดู... "เพื่อนเหรอคะ ?? "อืม... "หนูว่าเฮียน่าจะเข้าใจผิดแล้วนะคะ ในห้องนี่มีแค่หนูคนเดียว คนอื่นๆเขากลับกันหมดแล้ว..เพื่อนที่เฮียตามหาก็คงจะกลับแล้วมั้งคะ.. "งั้นเหรอ...แล้วทำไมเธอถึงยังไม่กลับ "กำลังจะกลับแล้วค่ะ... คะนิ้งหยิบกระเป๋าเป้ของตนเอง กำลังจะเดินผ่านหน้าโอโซลไป โอโซลรีบคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ เมื่อเห็นอาการที่แปลกไปของคนเป็นน้อง เธอยังคนพูดคุยกับเขาได้ตามปกติ แต่ที่เปลี่ยนก็คงจะเป็นการกระทำและสายตาของคนเป็นน้อง น้ำเสียงที่ไม่หวานหูอย่างแต่ก่อน ตั้งแต่เขาคุยกับเธอ คะนิ้งไม่เคยหันมามองเขาเลยสักนิด สายตาที่เคยสดใสในวันนี้ วันนี้ดูเหมือนมันจะนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆออกมา...ทั้งที่บอกตัวเองว่าไม่สนใจการกระทำเหล่านั้นของเธอ แต่ทำไมอีกด้านของความรู้สึกมันกลับสวนทางกันอย่างห้ามไม่อยู่ ก็รู้ตัวเองดี ว่าตกหลุมที่คะนิ้งขุดเขาไว้แล้ว แต่เขาแค่ไม่ยอมรับความจริงก็เท่านั้น@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั
![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






