Masuk@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้ ".....???....." คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม "ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ "ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย "อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก "อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ "ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา ".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?" "อืม..." สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา "...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพี่อีกครั้ง ความสับสนฉายชัดบนใบหน้า—เมื่อกี้ก่อนมาถึงก็แวะร้านสะดวกซื้อกันแท้ๆ แล้วทำไมถึงไม่ซื้อน้ำติดมือมาด้วย "กลัวอะไร ฉันไม่ทำอะไรเด็กน้อยอย่างเธอหรอก" น้ำเสียงที่ราบเรียบนั้นกลับชวนให้หัวใจเต้นแปลกๆ "ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย" เธอตอบทันควัน แต่ก็หลบสายตาอย่างประหม่า "แต่หน้าตาท่าทางเธอมันกำลังฟ้อง" เขาพูดพลางมองสบตาเธอเหมือนอ่านทุกความคิดได้ทะลุหมด คะนิ้งถอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิดกับความมั่นหน้าของเขา ก่อนจะเบ้ปากใส่ "เห้อ! งั้นก็เชิญเฮียโซลขึ้นไปดื่มน้ำปัสสาวะที่ด้านบนได้เลยค่ะ..." เธอประชดเสียงสูง พลางเปิดประตูลงจากรถอย่างไม่สบอารมณ์ "หึ..." คนเป็นพี่ยิ้มบางๆ ออกมา เมื่อเห็นท่าทางนั้น ความมุ่ยปนขัดใจของเธอในแบบเด็กดื้อกลับดูน่ารักจนเขารู้สึกเอ็นดูอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิด... แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ @ห้องของคะนิ้ง "เชิญตามสบายเลยนะคะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านซ้ายมือ..." คะนิ้งเอ่ยเชิญอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินตรงไปยังโซนครัวเพื่อเตรียมน้ำดื่มให้คนเป็นพี่ โดยไม่ทันได้สังเกตสายตาคมกริบที่กำลังจับจ้องไปรอบห้อง "..........." โอโซลไม่พูดอะไร เขาก้าวเดินอย่างเงียบเชียบไปทางห้องน้ำ แต่สายตากลับกวาดมองทั่วห้องพักสีขาวสะอาดตา ห้องของเด็กดื้อๆซนๆแบบคะนิ้ง กลับเป็นระเบียบเรียบร้อยจนน่าแปลกใจ ทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างมีระบบ แม้กระทั่งแจกันดอกไม้แห้งเล็กๆริมหน้าต่างก็ยังดูเข้ากันกับบรรยากาศ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ก่อนจะออกมาสักพักแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาสีครีมนุ่มสบาย ร่างสูงเอนพิงเบาๆ สายตาคมจ้องมองไปยังแผ่นหลังบางของหญิงสาวที่กำลังยืนรินน้ำอย่างตั้งใจในมุมครัว เสี้ยวหน้าของเธอสะท้อนแสงไฟในห้องอย่างนุ่มนวล มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดกล้องหน้าแล้วเซลฟี่อย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาราวฟ้าประทานในมุมสบายๆของโซฟา...โดยมีแผ่นหลังเล็กๆของคะนิ้งติดอยู่ในเฟรมอย่างไม่รู้ตัว Story : F******k Oson : เช็คอิน 📌... เขากดยืนยันโพสต์ลงสตอรี่ของตัวเอง ซึ่งนานๆทีจะขยับความเคลื่อนไหวในโซเชียล ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงในทันทีที่เห็นเจ้าของแผ่นหลังคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ "น้ำค่ะ..." คะนิ้งวางแก้วน้ำเย็นลงตรงหน้าเขาเบาๆ ก่อนจะหยุดยืนมองเขานิ่ง สายตากลมโตจ้องอย่างพิจารณา "มองอะไรขนาดนั้น..." โอโซลเอ่ยขึ้นในที่สุด ดวงตาคมตวัดมองเธออย่างจับผิด "เฮียไม่สบายหรือเปล่าคะ..." คะนิ้งถามกลับเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย "เธอคิดแบบนั้นเหรอ..." "ก็เฮียดูแปลกๆ...ไม่เหมือนเมื่อก่อน..." "แปลกยังไง?" เขายังคงถามกลับ น้ำเสียงเรียบนิ่ง "แต่ก่อนเฮียชอบทำหน้านิ่ง ใกล้นิดใกล้หน่อยเฮียก็ทำเหมือนรำคาญ..." "ฉันเคยบอกเธอเหรอ...ว่ารำคาญ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นช้าๆ "ก็เฮียไม่ชอบให้อยู่ใกล้..." "เคยบอกเหรอว่าไม่ชอบให้อยู่ใกล้..." โอโซลโน้มตัวเข้าหาเธอช้าๆ อย่างจงใจจนใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบ สายตาคมจับจ้องเธอแน่นิ่ง ราวกับสัตว์นักล่าที่จ้องเหยื่อ คะนิ้งเบิกตาน้อยๆเมื่อสบตากับเขาโดยไม่ตั้งใจ หัวใจเต้นถี่รัวโดยไม่ต้องมีใครมานับจังหวะ สายตาของเขาในระยะประชิด มันกำลังสื่ออะไรบางอย่างที่ทำให้เธอหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี "เออ...ฮะ..เฮียดื่มน้ำก่อนสิคะ หิวไม่ใช่เหรอ..." เสียงของเธอเริ่มสั่นเล็กน้อย พยายามประคองตัวเองให้นิ่ง ขณะยื่นแก้วน้ำเข้าหาเขาอีกครั้งพร้อมกับถอยใบหน้าออกห่าง โอโซลรับแก้วน้ำไว้ แต่ไม่ได้รีบยกดื่ม เขาเพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย อย่างคนที่รู้ทันในอาการเขินของอีกฝ่าย ".........." เวลาผ่านไปกว่าห้านาที ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบแบบประหลาด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ และแรงเต้นของหัวใจที่ต่างคนต่างได้ยินแค่ของตัวเอง...จนกระทั่ง... "ตื๊ดดดดด~" เสียงโทรศัพท์มือถือของโอโซลดังขึ้น ทำลายความเงียบของห้วงเวลานั้นอย่างรวดเร็ว "📞Rrrrrrr Rrrrrrrr Rrrrrrr > รามสูร "📞อืม... "📞มึงอยู่ไหน พวกกูมาถึงนานแล้วนะ "📞คอนโดคะนิ้ง.. : คะนิ้งเหลือบตาไปมองคนที่พึ่งบอกกับเพื่อนว่าอยู่คอนโดของเธอทันที คำพูดของเขามันไม่ชัดเจน ขืนพูดแบบนี้มีหวังคนฟังคิดไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว "📞ฮ่ะ !!! อยู่ไหนนะ ? "📞คอนโดคะนิ้ง..มึงหูหนวกอีกคนแล้วรึไง "📞แล้วมึงไปทำอะไร อย่าบอกนะว่า... "📞เสือก.... !! แค่นี้แหละ เดี๋ยวกูไป "📞อ้าวไอ้นี่...ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ทำตัวมีพิรุษ "📞 มึงจะวางได้รึยัง...คะนิ้งทำหน้าง้อใส่กูแล้ว... "📞เห่อะ ! เออ..รีบมาแล้วกัน..ไอ้เพลิงมันจะน็อคแล้วเนี้ย "📞อืม.. ตูด ตูด ตูด ~~~ หลังจากที่วางสาย เสียงจากปลายสายเงียบลง คนหน้าตายกมือกดปิดหน้าจอก่อนจะหันกลับมามองเด็กดื้อที่กำลังขมวดคิ้วมองเขาอยู่ด้วยแววตาไม่พอใจนัก "อะไร...?" เสียงทุ้มถามกลับอย่างเรียบนิ่ง แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่คะนิ้งยังไม่เข้าใจ "เฮียพูดแบบนั้น เดี๋ยวเฮียเพลิงก็เข้าใจผิดหรอก..." คะนิ้งพูดพลางเบะปากน้อย ๆ แววตากลมโตยังจับจ้องที่เขาอย่างไม่ยอมแพ้ "เข้าใจผิดยังไง?" โอโซลขมวดคิ้วนิด ๆ เอนตัวพิงพนักโซฟา ท่าทีดูผ่อนคลาย แต่แววตากลับจริงจัง "ก็เฮียพูดเหมือนมาคอนโดหนูเป็นเรื่องปกติ..." เธอว่า พลางเบนสายตาไปทางอื่น "แล้วมันไม่ปกติยังไง?" เขาย้อนถามกลับทันควัน เสียงยังคงเรียบ แต่ลึก ๆ ในคำถามมีแววท้าทายปนอยู่ "เห้อ ! ...มันไม่ปกติ ไม่ปกติทุกอย่าง!" เด็กสาวตอบพลางยกมือขึ้นกอดอก แววตารำคาญปนสับสน "ฉันปกติดี" เขาย้ำด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ก่อนจะเอียงหน้าเล็กน้อยคล้ายสำรวจอารมณ์ของเธอ "ไม่ปกติเลยสักนิด..." เธอสวนกลับทันที พร้อมกับจ้องเขาตาไม่กะพริบ โอโซลยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงแต่จริงจังขึ้น "แล้วเมื่อกี้เธอเรียกใครว่าเฮีย?" "ก็เฮียไง..." คะนิ้งตอบพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย คล้ายสงสัยว่าทำไมเขาถึงถาม "นอกจากฉัน?" เขาย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง "นอกจากเฮียก็...เฮียเพลิง..." เธอตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่ไม่ทันที่คะนิ้งจะพูดจบ โอโซลก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น ดวงตาคมจ้องเธออย่างเอาเรื่อง "เรียกมันว่าพี่เหมือนเดิม... และห้ามเรียกใครว่าเฮียนอกจากฉัน" น้ำเสียงนั้นนิ่ง แต่แฝงไปด้วยอำนาจและความหวงอย่างชัดเจน คะนิ้งเบิกตานิด ๆ อย่างตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วกลับบ้าง "ทำไมต้องห้าม... เฮียกับเฮียเพลิงก็อายุเท่ากัน เป็นรุ่นพี่หนูเหมือนกัน... เรียกเฮียก็ถูกแล้วนิคะ จะได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน" "ฉันไม่อยากเป็นมาตรฐานเดียวกันกับใคร" เขาตอบกลับทันที ดวงตาคมเฉียบมองตรงไปยังใบหน้าของเธอ "แต่ว่า......" เธอเริ่มจะเถียงกลับ แต่เขาก็ขัดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "บอกอะไรก็ฟัง ไม่เถียงสักเรื่องจะได้ไหม" "เห่อะ ! สั่งเก่ง ดุเก่ง เหมือนพ่อ..." คะนิ้งเบ้ปากพร้อมกับมองบน "ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง" เขาพูดอย่างหน้าตาเฉย พลางลอบยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางดื้อของเด็กตรงหน้า คะนิ้งหันมาค้อนเขาแรง ๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นมากอดอกอีกครั้ง “คนอะไรออกคำสั่งเก่งชะมัด…” "ไม่ต้องมาทำหน้างอ มาล็อคประตู ฉันจะกลับแล้ว" เขาว่าพลางลุกขึ้นยืน หยิบของใช้ส่วนตัว "ค่า.......กลับบ้านดีดีนะคะ" เธอประชดเบา ๆ แต่ก็เดินไปตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่โอโซลจะก้าวออกจากห้อง เขาหันกลับมากำชับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความห่วงใย "ล็อคให้แน่น อย่าเปิดรับใครมั่วซั่ว... เข้าใจไหม?" "รู้แล้วน่า..." คะนิ้งตอบงอน ๆ พร้อมกับหันหลังให้ โอโซลหันหลังเดินจากไป แต่แววตาสุดท้ายที่เขามองแผ่นหลังบางของเธอ ยังเต็มไปด้วยความห่วงหาและ...ความเป็นเจ้าของ ส่วนคะนิ้ง...ยืนพิงประตูพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมเขาต้องออกคำสั่งกับเธอขนาดนั้น...เหมือนเป็นแฟนกันอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ในความจริง...ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ@> 30 นาทีต่อมา ผับ KAI 🍻"โผล่หัวมาได้สักทีนะมึง...นัดพวกกูทุ่มครึ่ง มึงโผล่หัวมาตอนสามทุ่ม ???" ไฟเพลิงเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นโอโซลเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้อง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนหงุดหงิดชัดเจนโอโซลปรายตามองคนที่กำลังบ่นอุบ ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหรูอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร"......บ่นอะไร มาตอนไหนสุดท้ายกูก็จ่ายไม่ใช่รึไง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ผิดกับเพื่อนร่วมวงเหล้าที่เหมือนจะพร้อมซัดเขาได้ทุกเมื่อ"เออ...ไอ้คนรวยโคตร ๆ...รู้หรอกว่าบ้านรวย...แต่มึงเป็นคนนัดพวกกูไหม...แต่ก่อนไม่เห็นเคยมาสาย...ไปไหนมาวะ" ไฟเพลิงยังไม่ยอมจบ พ่นคำถามชุดใหญ่ใส่โอโซลทันทีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง"คอนโดคะนิ้ง" คำตอบของโอโซลเรียบง่ายและตรงไปตรงมาแบบไม่คิดจะปิดบัง"คอนโดน้องคะนิ้ง ???????" ไฟเพลิงถึงกับวางแก้วเหล้าในมือลงทันที ร่างเอนตัวไปข้างหน้า ดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน"ไปทำไมวะ...หรือว่ามึงกับน้อง...ป๊าบ ๆ...กันแล้ว ?" ไฟเพลิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด พร้อมทำท่าตบมือประกอบคำพูด"ป๊าบเชี้ยอะไร กูแค่ไปส่งน้องเขา" โอโซลถอนหา
@20 นาทีต่อมา > คอนโดคะนิ้ง"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" คะนิ้งกล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงคอนโดที่ตัวเองพักอยู่ เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ขณะปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตู คนตัวเล็กตั้งใจจะลงจากรถ แต่จังหวะนั้นเองกลับต้องชะงัก เมื่อประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ยังคงล็อกไว้".....???....."คะนิ้งหันไปมองหน้าคนขับอย่างงุนงง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ขอเข้าห้องน้ำหน่อย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ โดยที่ไม่มองหน้าคนข้างๆ ด้วยซ้ำ"ห้องน้ำ?" คะนิ้งทวนคำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย"อืม.." อีกฝ่ายตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก"อ่อค่ะ... ชั้นล่างเฮียเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ" เธอชี้แจงเส้นทางพลางยิ้มจางๆ อย่างสุภาพ"ฉันหิวน้ำด้วย...ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อย" คำพูดนั้นทำเอาคะนิ้งถึงกับนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเต็มตา".....หมายถึงขึ้นห้องหนูเหรอคะ?""อืม..."สายตาเขาจริงจังจนเธอเริ่มลังเล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกบางอย่างบีบรัดกลางอกเบาๆ เธอรู้ดีว่าเฮียโซลไม่ใช่คนพูดเล่นโดยไร้เจตนา"...........?" คะนิ้งมองหน้าคนเป็นพ
"หมับ !!!คะนิ้งหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมามองคนที่กำลังจับข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา"มีอะไรคะ ?"เอ่อ..ฉะ....ฉันจะขอเลขบัญชีเธอ.."เอาไปทำไมคะ"จะโอนเงินคืน...เงินของเธอฉันไม่อยากได้"ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ หนูแพ้เดิมพันก็ต้องจ่ายให้เฮียตามที่ตกลงกันไว้"ใครเป็นคนตัดสินว่าแพ้หรือชนะ ในเมื่อมันยังไม่ครบกำหนดตามระยะเวลาที่วางเดิมพันเอาไว้"เห้อ ! : คะนิ้งถอนหายใจออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดใสนัก ออกแนวหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ..แข่งกีฬามาทั้งวัน เหนื่อยจะแย่ แถมช่วงนี้ยังนอนไม่ค่อยหลับ เพราะคำพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้"ทำไมต้องรอให้ครบสามเดือนด้วยล่ะคะ"แล้วทำไมถึงไม่รอให้ครบสามเดือน"ก็เฮียบอกเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่คิดจะชอบผู้หญิงแบบหนู...แล้วหนูจะรอไปทำไม เสียเวลา ... ปล่อยข้อมือหนูได้แล้ว.."ไม่ปล่อย...จนกว่าเธอจะเลิกบล็อคไลน์ฉัน.."เฮียรู้ด้วยเหรอว่าหนูบล็อคไลน์เฮีย...แอบมาส่องหนูรึไง 🙄"ส่องอะไร ก็แค่จะทักไปขอเลขบัญชี"ไม่ต้องโอนคืนหรอกค่ะ บ้านหนูรวย แค่เงินหนึ่งแสน หนูไม่อยากได้คืนหรอก"แต่ฉันอยากให้คืน..."ไม่เอา ไม่อยากมีอะไรติดค้างหรือคาใจ"
@1 สัปดาห์ต่อมา > การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคึกคักทั่วทั้งโรงยิม นักศึกษาแทบทุกคณะต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาแย่งที่นั่งกันจนแน่นขนัด บางคนถึงขั้นยืนเบียดอยู่ริมรั้วสนามเพื่อไม่ให้พลาดแม้เพียงวินาทีเดียว โดยเฉพาะฝั่งกองเชียร์คณะแพทย์ ที่ดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเสียงเชียร์แทบกลบลำโพงประกาศ“ทำไมแมตช์นี้คนเยอะจังเลยวะ... รอบก่อนๆไม่เห็นจะเยอะขนาดนี้...”ไฟเพลิงบ่นพึมพำ พลางเหลือบมองไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ บรรยากาศวันนี้มันต่างจากแมตช์อื่นอย่างเห็นได้ชัด“ก็คงจะมาดูสาวๆแข่งล่ะมั้ง” รามสูรตอบเรียบๆ ขณะยืนกอดอกพิงเสา เสียงรอบข้างยังดังไม่หยุดจนต้องตะโกนคุยกัน“สาวๆคณะเรา ไม่เห็นจะมีใครน่าเชียร์...” ไฟเพลิงเบ้ปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะทีมฝั่งวิศวะของเขาก็ใช่ว่าจะมีใครหน้าตาสะดุดตาเท่าไหร่“ก็คงจะมาเชียร์คณะแพทย์... เห็นว่ากัปตันทีมนี้ฮอตไม่เบา หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทอดสะพานจีบกันเป็นแถว...” รามสูรพูดโดยไม่มองหน้าเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ลืมจะโยนข้อมูลที่ได้ยินมาให้“ใครวะ.
@คอนโดคะนิ้ง.. > 1 วันต่อมา"แพตตี้ 💬 : ไม่สบายหนักเลยเหรอมึง..เป็นอะไรมากเปล่า...ไม่เห็นมาเรียน"กัสจัง 💬 : ให้กูไปหาป่ะ...มึงเงียบไปแบบนี้พวกกูใจคอไม่ดีเลยนะอีชะนี"แพตตี้ 💬 : นิ้ง..มึงโอเคป่ะ...อย่าเงียบดิว่ะ.."คะนิ้ง 💬 : อืม..กูโอเค ไม่สบายนิดหน่อย พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคาบบ่ายกูไปเรียน.."แพตตี้ 💬 : ดีขึ้นแล้วเหรอ..ถ้ายัง..กูลาอาจารย์ให้...มึงจะได้พักผ่อน"คะนิ้ง 💬 : ไม่เป็นไร กูดีขึ้นแล้ว..ไว้เจอกันเที่ยงนะ เดี๋ยวกูไปทานข้าวเที่ยงด้วย"แพตตี้ 💬 : โอเค..งั้นมึงพักผ่อนเถอะ เที่ยงเจอกัน.."คะนิ้ง 💬 : อืม แล้วเจอกันคะนิ้งวางมือถือลงในขณะที่ตัวเองกำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ทุกอย่างทุกคำเธอได้ยินมันชัดเจน ไม่ได้อยากร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่ทำไงได้ หัวใจเธอมันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะฝืนทำตัวให้เข้มแข็งอย่างเดิมมันก็ทำได้ยาก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ที่มีแค่เธอคิดไปฝ่ายเดียว ความรักมันทำให้เธอเจ็บ ความรักครั้งแรกมันทำให้เธอผิดหวัง คนไม่มีประสบการณ์ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เธอจึงขอหลบมาพักใจ ตั้งหลักกับตัวเองเสียก่อน ความเสียใจที่มีมันอาจจะยังไม่ได้มาก เพรา
@3 วันต่อมา....."มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดั







