ซานโตรินี คือหมู่เกาะเล็กๆ ที่ประกอบไปด้วยเกาะหลักจำนวนสี่เกาะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่เกาะไซคลาเดส ถือเป็นเพชรยอดมงกุฎแห่งทะเลอีเจียน
ชื่อเสียงของซานโตรินีมาจากเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นด้วยบ้านก่ออิฐฉาบปูนจนเกลี้ยงเกลา รูปทรงเรียบง่าย หลากหลายรูปแบบ แต่ที่มีความคล้ายคลึงกันก็คือเกือบทุกหลังล้วนแล้วแต่ทาด้วยสีขาวสะอาด ตัดกับหลังคาทรงโดมสีฟ้าสดใส ตั้งเรียงรายเป็นแนวอยู่บนหน้าผาสูงชัน ด้วยความสวยงามดังกล่าว จึงได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศกรีซ
เครื่องบินส่วนตัวนำชายหนุ่มหญิงสาวมาถึงท่าอากาศยานขนาดเล็กใกล้เมืองคามารี สนามบินเพียงแห่งเดียวของหมู่เกาะซานโตรินีในเวลาเกือบสองทุ่ม หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางจากเอเธนส์สี่สิบห้านาที
ในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบอย่างหรูหราจากอเล็กซ์ นาโคโบ อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ผู้มีชื่อเสียง อเล็กซานเดอร์ยังคงเอนตัวอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่เงียบๆ บนที่นั่งบุหนังสีเลือดหมู เท้าทั้งสองข้างพาดวางบนโต๊ะไม้บลัดวูดสีแดงสด ที่เคลือบด้วยแล็กเกอร์เป็นมันวาว โดยมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม กำลังกอดถุงพลาสติกสีดำใบโต หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ไม่ต่างกัน
ขณะที่ล้อของเครื่องบิน ฮอล์เกอร์ 900 XP ขนาดเก้าที่นั่ง ค่อยๆ แตะลงบนพื้นรันเวย์ รมิตายังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าพาหนะที่เธอโดยสารอยู่นั้น มาถึงยังจุดหมายปลายทางแล้ว
แม้ว่าแสงไฟบอกทางจะวิ่งผ่านสายตาเหม่อลอยไปดวงแล้วดวงเล่า แต่ความคิดของหญิงสาวกลับวนเวียนอยู่กับเรื่องราวมากมาย ซึ่งเกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงข้ามวัน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือฝันร้าย... เป็นฝันที่เธอไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ได้แต่ทนกล้ำกลืนเผชิญกับมันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด และผู้ที่หยิบยื่นฝันร้ายนั้นให้ก็คือชายหนุ่มคนที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องโดยสารเครื่องบิน
ไม่อยากคิดเลยว่าคนที่เคยเสี่ยงชีวิต หนีออกมาจากบ้านเพื่อไปตายเอาดาบหน้าอย่างเธอ จะยอมรับความพ่ายแพ้และตามเขามาในฐานะสาวใช้แบบนี้ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจริงๆ...
การกระทำของคนสติวิปลาสคนนี้แสดงให้เห็นชัดว่าเขาทำได้ทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง... หากเธอยังดื้อดึงขัดขืนเขาต่อไป เธอคงต้องเอาอนาคตไปทิ้งในเรือนจำเมืองเอเธนส์ ซึ่งต่อให้เธอทนความลำบากได้ แต่เมื่อพ้นโทษออกมา รมิตาก็คงจะกลายเป็นบุคคลที่มีประวัติอาชญากรรม ไม่สามารถหางานทำเลี้ยงชีพต่อไปได้อีก
การยอมฝืนใจเป็นคนรับใช้ของ อเล็กซานเดอร์ เดมิทริอุส แม้จะไม่ปลอดภัย แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่เธอจะทำได้ในขณะนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจหญิงสาวก็คือ...
เธออยากจะรู้ว่าเพราะเหตุใดผู้ชายที่มีทั้งชาติตระกูลและรูปสมบัติพร้อมอย่างเขา ถึงได้ลงทุนลงแรงวางแผนทำเรื่องเหลวไหล ร้ายกาจ เพียงเพื่อจะบีบบังคับเอาเธอมาเป็นคนรับใช้
เขามีเรื่องผิดใจอะไรกับโจนาธาน เทรเกอร์ ลูกค้าชาวอเมริกันของเธอกันแน่... แล้วอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดถึงขนาดหาว่าเธอกับลูกค้าคนนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง... หากเธอสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ได้ บางทีเขาก็อาจจะยอมปล่อยเธอกลับไปเอเธนส์แต่โดยดีก็ได้จริงไหม...
หรืออย่างน้อยที่สุด....
เธอจะหาทางหลบหนีไปจากเขาเสียเอง...
…
“หิ้วถุงขยะของเธอลงไปสิ จะมัวนั่งเหม่อหาอะไรอยู่อีก” เสียงหยาบกระด้างปลุกให้รมิตาสะดุ้งตกใจ
“ที่นี่... ที่นี่ที่ไหนกันเหรอคะ...” หญิงสาวรวบรวมความกล้าเอ่ยถาม ดวงตายังสอดส่ายออกไปในความมืดนอกหน้าต่าง ขณะที่แขนทั้งสองข้างก็พยายามหอบหิ้วถุงบรรจุเสื้อผ้าที่หญิงชราเจ้าของห้องเช่ารวบรวมเอาไว้ให้ แล้วก้าวไปตามทางเดินระหว่างที่นั่งทั้งสองฝั่ง เพื่อจะตรงไปยังประตูทางออก
“ซานโตรินี” เสียงเดิมตอบอย่างหงุดหงิด “เอาถุงมานี่... ทำอะไรชักช้าน่ารำคาญ” พูดพลางกระชากถุงพลาสติกหนาใบใหญ่มาถือเสียเอง พร้อมกับไล่ให้คนที่ยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางอยู่รีบเดินต่อไป
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องมาขอบคุณ ฉันแค่เห็นว่ามันเกะกะขวางทาง” เขากระชากเสียง “แล้วนี่จะยืนโง่อยู่อีกนานไหม ไปเสียทีสิ”
รมิตาไม่กล้าโต้ตอบใดๆ เร่งฝีเท้าเดินไปยังประตูเครื่องบินที่เปิดอ้าอยู่ตามคำสั่ง ตอนนี้เธอเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือของเขา ทางที่ดีคือไม่สร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้ชายคนนี้
“สวัสดีครับ คุณอเล็กซ์”
ทันทีที่ย่างเท้าลงบนพื้นรันเวย์ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาก็เดินปรี่เข้ามาทักทาย ยื่นมือรับถุงใบใหญ่จากเขาไปโดยไม่ถามไถ่ ดวงตาสีเทาชำเลืองมองใบหน้าที่ยังแสดงความกังวลของหญิงสาวเพียงแวบเดียวเหมือนไม่ใส่ใจ และไม่อยากรับรู้ว่าเธอเป็นใครหรือมาทำอะไรที่นี่
“แดเมียน แกคงจำผู้หญิงคนนี้ได้ใช่ไหม” อเล็กซานเดอร์ถามอย่างเย็นชา
“ครับ” ชายหนุ่มคนสนิทตอบด้วยเสียงที่ราบเรียบไม่ต่างกัน
“หล่อนจะมาทำหน้าที่สาวใช้ที่ไอเอแทนอแลนนิส ช่วงที่แกยังอยู่ที่นี่ แกมีหน้าที่คอยควบคุมดูแลหล่อนให้ดี”
“ครับ” แดเมียนรับคำสั้นๆ
เขาเดินนำคนทั้งคู่ตรงไปยังลานจอดรถที่อยู่ห่างออกไป ท่าทางไม่ไยดีของชายทั้งสองสร้างความอึดอัดให้กับรมิตาไม่น้อย แต่เธอก็จำเป็นต้องเดินตามพวกเขาไปเงียบๆ
…
รถยนต์แอสตัน มาร์ติน สี่ประตูสีบรอนซ์เงินวิ่งไปตามเส้นทางถนนไธรา-ไอเอ ผ่านที่ราบซึ่งมีทุ่งหญ้าสลับอยู่ประปราย พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะมักมีลักษณะเป็นหน้าผาหินบะซอลต์ อันเป็นลักษณะเฉพาะของหมู่เกาะที่มีต้นกำเนิดจากภูเขาไฟเช่นซานโตรินี
ถึงแม้ในเวลานี้ความมืดจะปกคลุมภูมิประเทศบนเกาะแทบหมดสิ้น แต่ความโดดเด่นของบ้านเรือนสีขาวที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ตามผาหิน ก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า
ระหว่างการเดินทาง รมิตาต้องเผชิญกับบรรยากาศที่เงียบงัน ไร้ถ้อยคำสนทนา และด้วยความอ่อนเพลียจากการร้องไห้มาตลอดทั้งวัน ทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วบนที่นั่งข้างคนขับ
“คุณแน่ใจเหรอครับว่าควรทำอย่างนี้” แดเมียนเอ่ยขึ้น
“แน่นอน...”
“แต่บางทีผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะเป็นแค่นางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวของคุณเทรเกอร์ก็ได้ เขาอาจจะไม่เคยคิดจริงจังกับใครเลย... ผม...”
“แกสงสารหล่อนอย่างนั้นเหรอ... แล้วคาซานดราล่ะ” ผู้เป็นนายขึ้นเสียง
“ผมก็แค่อยากจะบอกว่า... หล่อนอาจจะเป็นแค่เหยื่ออีกคนที่ไม่เคยรู้เรื่องของระหว่างคุณคาซานดรากับคุณเทรเกอร์เลยก็...”
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อมีความเกี่ยวพันกับไอ้โจนาธาน... หล่อนก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างแทนมัน” เขาคำราม
ชายหนุ่มคนสนิทรู้ดีว่าความแค้นของเขามันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แต่ตอนนี้ใครจะห้ามอเล็กซานเดอร์ได้ล่ะ ในเมื่อตลอดมาคนที่คอยทำหน้าที่นั้นก็มีเพียงคาซานดราคนเดียว
ที่ด้านในสุดของโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ประจำตระกูล แดเมียน ดูนิซี ยืนรอเจ้าสาวในชุดสูทสีดำ ด้านหลังมีอเล็กซานเดอร์และชายหนุ่มในตระกูลเดมิทริอุสอีกสามสี่คน ยืนเข้าแถวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทันทีที่ประตูด้านหน้าโบสถ์เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าสาว เสียงพูดคุยภายในโถงที่นั่งก็เงียบสนิท บรรดาญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายที่นั่งแยกกันอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของห้องต่างพร้อมใจหันไปมองร่างของเจ้าสาวผู้งดงามเป็นสายตาเดียวเสียงดนตรีจากออร์แกนบรรเลงขึ้น คลลรีสจึงค่อยๆ จูงหลานสาวก้าวเดินตามเส้นทางที่ลาดด้วยพรมแดงจากประตูเข้าไปสู่สถานที่ประกอบพิธีด้านในสุด โดยมีรมิตาเดินถือช่อดอกไม้ นำเหล่าเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนในชุดกระโปรงสุ่มสีฟ้าตามหลังมาช้าๆ เป็นขบวนสวยงามน่าชมดวงตาสีเทาของแดเมียนเพ่งมองมาที่ร่างสูงสง่า ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะโปร่งบาง คาซานดราก็จับจ้องสายตาของเขานิ่ง สายตาคู่นั้นเป็นคู่เดียวกันกับที่คอยถ่ายทอดความรักและความห่วงหาอาทรณ์มาตลอดเวลานับสิบปีโดยที่เธอไม่เคยรับรู้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผกผันจนท้ายที่สุดกลับลงเอยด้วยดีแล้ว หญิงสาวก็ต้องนึกขอบคุณอีวานเจลีนผู้มีส่วนทำให้เธออยู่ในสภาพนั้น จนได้
ในห้องนอนของคาซานดรา มาเรีย เดมิทริอุส ชั้นบนสุดของคฤหาสน์เดมิทริอุสแห่งมาซิโดเนีย เช้าวันนี้เนืองแน่นไปด้วยหญิงสาวต่างวัยกัน จำนวนหลายสิบคน ที่ต่างก็มารวมอยู่เพื่อช่วยเหลือ และดูแลการแต่งตัวให้เธอในวันแห่งความสุขครั้งนี้คาซานดรายืนอยู่หน้ากระจกเงากรอบไม้แกะสลักลวดลายสีทองบานใหญ่ เฝ้ามองเงาร่างของตัวเองในชุดผ้าลูกไม้สีขาวอันหรูหรา ตัวกระโปรงตัดเย็บเป็นสุ่มหนาซ้อนกันนับสิบชั้น ภายนอกประดับด้วยลูกปัดมุก ที่ร้อยระโยงระยางไม่ต่างจากชุดของเจ้าหญิงในนิยายมันเป็นชุดแต่งงานชุดเดียวกันกับที่มารดาของเธอเคยสวมใส่ในวันที่ก้าวเข้ามาสู่ตระกูลเดมิทริอุส และเธอก็ภูมิใจที่ได้สวมใส่มันอีกครั้งในวันที่ก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปสู่ตระกูลของผู้ที่เป็นสามีผ้าคลุมผมถูกสวมลงบนเรือนผมสีมะกอกที่ถูกเกล้าเป็นทรงสูง ก่อนจะตลบส่วนที่คลุมใบหน้าขึ้น เปิดให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจด ข้างกายมีร่างอวบท้วมของหญิงวัยสูงวัยและร่างอุ้ยอ้ายของหญิงสาวชาวไทยยืนยิ้มแย้มอยู่เจ้าสาวผู้สวยสมบูรณ์แบบ ก้มลงจูบแก้มคลอรีสและรมิตาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน“เอาล่ะ ทีนี้หลานของป้าก็พร้อมที่จะเป็นเจ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนห้าม เสียงของเขาทำให้หญิงสาวทั้งคู่ชะงัก หันมองตามทิศที่มาของเสียง“อเล็กซ์... ไม่นะ!!” คนหนึ่งกรีดเสียงร้องโหยหวน ภาพที่เขาเห็นตำตาอย่างนี้ อีวานเจลีนไม่มีทางจะหาคำอธิบายหรือคำใดๆ มาแก้ตัวอย่างแน่นอน“คุณอเล็กซ์... ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยลูกของฉันด้วย!!” สองมือโอบอุ้มหน้าท้องเอาไว้ ในเวลานี้เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ความห่วงใยทั้งหมดมีเพื่อสิ่งล้ำค้าในร่างกายเธอเท่านั้น“ไม่ต้องกลัวนะ รมิตา!! ลูกของผม... ผมจะต้องช่วยคุณและลูกให้ได้” เขาตะโกนตอบอย่างร้อนรน พลางวิ่งตรงไปยังราวบันไดเหล็กของชั้นล่างที่ตั้งตรงเป็นทางขึ้นไปสู่ระเบียงชั้นสอง“คุณอย่าขึ้นมานะ”เพียงมืออเล็กซานเดอร์จับถูกราวเหล็กเท่านั้น เท้ายังไม่ทันยกขึ้นไปเหยียบขั้นบันไดเลยแท้ๆ เสียงตวาดห้ามของอีวานเจลีนก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้น“คิดจะช่วยมันเหรอ!! อย่าหวังเลยอเล็กซ์ ในเมื่อฉันไม่ได้ อีหน้าไหนก็ไม่มีทางได้คุณทั้งนั้น!!” อีวานเจลีนคล้ายสุนัขจนตรอก แผดเสียงใส่เขาทั้งน้ำตา“อย่านะ อีวานเจลีน!!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น ใบหน้าที่ดูดุดันในยามนี้กลับกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไม่แพ้ใบหน้าของหญิง
อเล็กซานเดอร์และแดเมียนรีบรุดเดินทางไปยังไนต์คลับที่วาเนสซาทำงานอยู่ ทว่าสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนทำให้กว่าที่ทั้งคู่จะไปถึง ก็สี่โมงเกือบครึ่งแล้ว สอบถามจนได้ความว่าก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง มีผู้หญิงลักษณะเดียวกันกับอีวานเจลีนมาถามหาที่อยู่ของวาเลอรีน หรือวาเนสซาเช่นกันฟังแล้วชายหนุ่มก็แทบจะล้มทั้งยืน เนื้อตัวเย็นเฉียบ ในขณะที่ฝ่ามือและใบหน้ากลับมีเหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์สักอย่างบันดาลให้หญิงคนรักของเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของคุณหนูแห่งตระกูลเฮเลนิคัสเขารีบซักไซ้ ถามหาที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ จนรู้ว่าอยู่ห่างออกไปเพียงสิบช่วงตึก หากจะฝ่าถนนหนทางที่คับคั่งไปด้วยรถราในเวลานี้ คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มจึงออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเส้นทางที่ได้รับการชี้นำ โดยไม่สนใจเลขาฯ หนุ่มที่อยู่ด้านหลังว่าจะตามเขามาด้วยหรือเปล่า ขอเพียงให้เขาไปถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนั้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอมหาเศรษฐีหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางก็สะดุดสายตาเข้ากับผู้หญิงเอเชียในชุดรัดรูปสีสันฉูดฉาดซึ่งเขากำลังวิ่งผ่านไป ผมสีแดงเพลิงของเธอดึงดูดสายตาให้หยุดชะงัก และหันไปจ้องมองอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างที่โถมเข้ามาหาทำให้ขั้วไฟฟ้าเฉียดใบหูอดีตสาวใช้ไปแค่เสี้ยวมิลลิเมตร เสียงลั่นเปรี๊ยะ ทำเอารมิตาขนลุกซู่ มือไม้อ่อนจนเกือบปล่อยแขนของฝ่ายตรงกันข้าม“แกอย่าหลบสิ อีคนชั้นต่ำ อี... แกนะแก... ทั้งที่ฉันวางแผนกำจัดไอ้โจนาธานไปได้แล้วแท้ๆ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์อยู่แล้ว แต่แกเป็นใครมาจากไหน กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของฉัน”“คุณ... ที่คุณโจนาธานไม่ได้แต่งงานกับคุณคาซานดรา... เป็นเพราะคุณจริงๆ”ใบหน้าของหญิงสาวในเวลานี้หวาดกลัวคนตรงหน้าเสียยิ่งกว่าคราวที่พบกับอเล็กซานเดอร์ ร่างบอบบางถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่า ผลักให้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ“หึ! ใช่... ฉันนี่แหละที่หลอกให้มันหนีงานแต่งงาน แล้วก็ฉันนี่แหละที่ผลักนังคาซานดราตกบันไดจนเป็นง่อย”“คุณ... คุณทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน...” หญิงสาวตกตะลึงมากขึ้นไปอีก ไม่คิดว่าแม้แต่อุบัติเหตุของคาซานดราก็เป็นฝีมือของเธอ ในใจเกิดความกรุ่นโกรธขึ้นมากะทันหัน“ก็เพื่อให้อเล็กซ์โกรธแค้นมันมากที่สุดยังไงล่ะ อีโง่!! มันจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารผจญฉัน... เหมือนอย่างที่แกกำลังเป็นอยู่ ปล่อยมือฉันนะ!!”อีวานเจลีนดิ้นรน แต่ก็ได้แค่ผลักร่างของรมิตาให้ก
บนชั้นสามของอาคารกลางเก่ากลางใหม่ถูกแบ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ย่อยๆ จำนวนสี่ห้อง หนึ่งในนั้นเป็นที่อยู่ของวาเนสซา หรือวาเลอรีน อดีตแม่บ้านชาวจีนผู้หันมายึดอาชีพโฮสเตสของไนต์คลับเล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ประตูอพาร์ตเมนต์ถูกเปิดออกพร้อมเรียวขาในรองเท้าส้นสูงสีสันบาดตา ที่ก้าวออกมายืนบิดสะโพกไปมาอย่างเย้ายวน มือเรียวงามยกขึ้นดึงรอยยับยู่บนชุดที่กระชับกับส่วนสัดให้เข้าที่ แล้วจึงขยับกระเป๋าถือรูปทรงทันสมัยให้คล้องอยู่ในตำแหน่งถนัด หันกลับไปหาผู้ที่มายืนส่งอยู่ใกล้ๆ“เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ออกไปเดินเล่นกับฉันก่อน...” หญิงสาวชาวจีนถาม “กว่าฉันจะไปทำงานก็อีกตั้งสองชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะน่า...” พูดพลางยกแขนข้างที่สวมนาฬิการาคาแพงที่ได้เป็นของกำนัลจากแขกประจำขึ้นตรวจเช็กเวลา บอกว่าตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะห้าโมงเย็น“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ... ในครัวเธอก็มีของกินเหลืออยู่นี่ ฉันอุ่นเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทิ้งไว้เสียดายเปล่าๆ” รมิตาตอบยิ้มๆ“ฉันรู้ว่าเธอกินง่ายอยู่ง่ายจ้ะ แต่รู้จักใช้ชีวิตบ้างก็ดีนะ ฉันอุตส่าห์จะพาไปรู้จักผู้คน เปิดหูเปิดตาบ้างก็ไม่ยอมไป” วาเนสซาบ่นกระปอดกระแปด คิดจะหาทางหว่านล้อม