Share

บทที่7

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-05 19:51:52

ทะเบียนสมรสที่มีชื่อของทั้งสองปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษถูกยื่นไปให้กับสามีภรรยาป้ายแดงที่นั่งอยู่บนโซฟา ขุนเขาเพียงแค่ปรายสายตามองแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหยิบใบทะเบียนสมรส

"ขอบคุณนะคะ"มือเรียวเล็กยื่นไปรับใบทะเบียนสมรส แววตาเรียบนิ่งมองชื่อของตัวเองก่อนที่จะเก็บใส่ซองใว้อย่างเป็นระเบียบ

"เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีหมดทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นเชิญทุกคนไปทานข้าวเช้ากันดีกว่า แม่บ้านคงจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว"

"เชิญทางนี้เลยค่ะ"ทุกคนเดินตามคุณหญิงของบ้านออกไป เหลือไว้แค่เพียงลูกชายกับผู้เป็นพ่อที่ยังคงยืนจ้องหน้าไม่ไปไหน

"พ่อทำแบบนี้ทำไม พ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น"

"แล้วแกอยากแต่งงานกับใคร แม่นางแบบนั่นน่ะเหรอ หึ อย่าฝันให้มันมากนัก"

"พ่อจงเกลียดจงชังอะไรรุ้งเธอนักหนา"

"แกยังไม่รู้จักสันดานของนางนั่นดีพอ ถ้าแกรู้จักนางนั่นดีแกจะไม่ถามคำถามแบบนี้กับพ่อ ขุนเขา"บางทีคนเป็นพ่อก็นึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่ความฉลาดของเขามันไม่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกชายได้ มันถึงได้หลงไหลแม่นางแบบคนนั้นจนหน้ามืดตามัวจนไม่เห็นความเลวของแม่นางแบบคนนั้นเลย

แววตาฉายถึงความสงสัยว่าผู้เป็นพ่อของตนพูดถึงอะไร แต่ก็เก็บเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น ท่ามกลางบรรยากาศของบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่สรรหาเรื่องต่าง ๆ มาคุยกัน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ท่าน ส่วนเด็กอย่างเธอก็ได้แต่นั่งกินอาหารอย่างเงียบ ๆ หูก็ฟังเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน สมองของเธอนั้นกำลังขบคิดเรื่องของการออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่

"อุ๊ย"สัมผัสที่เจ็บตรงบริเวณปลายนิ้วเท้าทำเอาคนที่ไม่ทันระวังถึงกับร้องออกมา เสียงร้องของปิ่นมุกทำให้เสียงพูดคุยเงียบลงอย่างถนัดตา ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว

"ลูกเป็นอะไรไปปิ่น ร้องซะเสียงดังเลยลูก"

"นั่นสิหนูปิ่น หนูเป็นอะไรลูกเจ็บหรือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า"

"หนูไม่เป็นอะไรค่ะ แค่สงสัยใดมันจะกัดเอา"ว่าแล้วก็หันไปมองคนที่นั่งลอยหน้าลอยตา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรในสิ่งที่ทำมันลงไป

"มดที่ไหนกันคุณหญิง ในบ้านเรามีมดด้วยหรือ"เจ้าสัวรังสิมันต์หันไปถามภรรยาที่กำลังมองไปที่ลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง

"ไม่มีนะคะ เมื่อเช้าแม่บ้านก็ทำความสะอาดหมดแล้วไม่หน้าจะมีมดหรือแมลงหลงเหลืออยู่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์ถึงกับลงทุนก้มลงมุดไปใต้โต๊ะเพื่อจะหามดที่ว่า แต่แล้วสายตาของเธอก็ประทะเข้ากับมดตัวใหญ่ที่นั่งกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายใจ เซนต์ของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้ว่าลูกสะใภ้ของเธอร้องเสียงหลงเพราะอะไร เดี๋ยวเถอะพ่อมดตัวใหญ่ เดี๋ยวได้รู้ฤทธิ์ของแม่มดตัวนี้ว่ามันจะร้ายกาจสักเพียงไหน

"ว่าไงคุณหญิงเจอไอ้มดตัวนั้นไหม"ทันทีที่คุณหญิงเจ้าของบ้านกลับมานั่งบนเก้าอี้ดังเดิม เจ้าสัวรังสิมันต์ก็เอ่ยปากถาม

"เจอค่ะ ตัวใหญ่ด้วยนะคะอีกเดี๋ยวดิฉันคิดว่าจะเอายาฆ่ามดมาฉีดปากมัน"ว่าแล้วส่งสายตาไปยังลูกมดที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คิ้วทั้งสองข้างของเจ้าสัวรังสิมันต์ถึงกับขมวดเข้าหากัน

"แค่มดตัวเดียวมึงอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยหน่า"

"นั่นสิคะคุณรังสิมันต์คุณหญิงกิ่งกาญจน์ แค่มดตัวเดียวเองไม่เห็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ"สองสามีภรรยาที่พอจะเดาเรื่องทุกอย่างออกรีบเอ่ยปราม ถึงแม้ว่าภายในใจของทั้งสองจะรู้สึกไม่พอใจที่มีใครมาทำให้ลูกสาวของตัวเองเจ็บ แต่ถึงอย่างไรเขาทั้งสองก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่

"ไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อครั้งนี้มันกล้ากัด ครั้งหน้ามันก็คงจะต้องกลับมากัดอีก ผมควญจะทำให้มดตัวนั้นหลาจำว่าไม่ควรกัดใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ใช่ไหมไอ้ขุน"คนที่นั่งอารมณ์ดีที่ได้แกล้งหญิงสาวถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองออกจากปากของผู้เป็นพ่อ เสียงเรียบนิ่งติดเย็นของท่านทำเอาขุนเขาถึงกับขนลุกซู่

"พ่อว่าอะไรนะครับ เมื่อกี้ผมไม่ได้ฟัง"

"พ่อแค่บอกว่า ตอนกลับจากที่ทำงานลูกแวะซื้อยาฆ่ามดมาด้วยนะ บ้านเรามดเยอะพ่อจะกำจัดพวกมัน"แววตาเจ้าเล่ห์แต่งด้วยรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อนั้นทำเอาขุนเขาแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้

"ผมขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่านะครับ นี่ก็ใกล้จะสายแล้ว"

"วันนี้พายุคงจะเข้าแน่เลยคุณหญิง ลูกชายของเราจะเข้าบริษัท"

"นั่นสิคะ ส่งสัยฉันคงต้องไปเตรียมร่มแล้วมั้งคะคุณ ขากลับให้คนขับรถระวังด้วยนะคะเผื่อพายุจะเข้า"ร้อยวันพันปีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างขุนเขาไม่เคยคิดที่จะเข้าบริษัท แต่พอมาวันนี้คิดอยากจะเข้าขึ้นมาสงสัยจะกลัวภรรยายึดทุกสิ่งทุกอย่างไป

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาคืนครื้นเครงอีกครั้งเมื่อขุนเขาสามารถทำให้บนโต๊ะอาหารมีเสียงพูดคุยถึงเรื่องของเขาได้ เขาผิดตรงไหนที่วันนี้เกิดอยากจะเข้าบริษัทขึ้นมา หูฟังในสิ่งที่ครอบครัวของเขาและของเธอพูดคุยกันอย่างสนุกแต่แววตาของเขาจับจ้องไปยังร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้า การกระทำของเขาในเมื่อครู่เธอไม่รู้สึกมันเลยหรืออย่างไรทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรขึ้นมาบ้าง

"นี่แกจะเข้าบริษัทจริง ๆ ใช่ไหมไอ้ขุน"

"ครับพ่อ ผมว่าจะเข้าไปดูบริษัทสักหน่อยเผื่อว่าพ่อจะใจดียกตำแหน่งประธานบริษัทให้ผมไว ๆ "

"เรื่องนั้นแกยังไม่ต้องคิดในตอนนี้หรอก รอให้แกทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนกว่านี้ก่อนฉันจึงจะยกบริษัทให้"คิดถึงแม้จะเป็นคำพูดเรียบง่ายแต่มันก็แฝงไปด้วยคมมีดที่บาดลึก ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นมันทำให้คนเขาถึงกับสะอึก สมองนึกย้อนกลับคิดมันก็จริงอย่างที่พ่อของเขาพูดถ้าเขาคืนยังทำตัวแบบนี้ต่อไปบริษัทของพ่อจะอยู่อย่างไร และความหวังทุกอย่างท่านก็คงจะไม่นำมาฝากไว้กับเขาลูกชายที่ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ

"ถ้าแกจะเข้าบริษัท ห้องเสื้อของหนูปิ่นเป็นทางผ่านไปบริษัท แกไปส่งน้องด้วยสิ"

"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณลุงเดี๋ยวหนูให้รถที่บ้านไปส่งก็ได้"ตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะอยู่กับเขาเพียงลำพังสองคน ไม่ใช่ว่าเธอกลัวแต่เธอขี้เกียจทะเลาะกับคนอย่างเขาดูก็รู้ว่าถ้าเธอมีโอกาสได้อยู่กับเขาสองคนก็คงไม่พ้นที่จะต้องทะเลาะกันแน่ ๆ

"พ่อลืมบอกหนูไปเดี๋ยวพ่อกับคุณลุงจะต้องไปทำธุระกันต่อ หนูไปกับพี่ขุนเขานั่นแหละดีแล้ว"

"แล้วคุณแม่ล่ะคะคุณพ่อ"

"เดี๋ยวแม่จะไปทำสปากับคุณกิ่งกาญจน์ แต่ก็คงจะเอารถที่นี่ไป ลูกไปกับพี่ขุนเขาดีกว่านะลูก และอีกอย่างแม่ก็ไม่ไว้ในให้หนูไปแท๊กซี่ด้วย"ในเมื่อทุกคนดักทางเธอไว้แล้วคนอย่างเธอจะทำอะไรได้ หวังว่าการเดินทางร่วมกันในครั้งนี้เขาคงจะไม่ถีบเธอลงจากรถหรอกนะ

"แกคงไม่ติดใจอะไรใช่ไหมไอ้ขุน ถ้าหากว่าพ่อจะให้หนูปิ่นติดรถไปกับแกด้วย"

"ผมไม่ติดใจอะไรหรอกครับพ่อ"จะให้เขาตอบว่าติดใจเหรอ ช้อนส้อมที่อยู่ในมือของพ่อคงจะได้มาปักลงกลางหัวของเขาน่ะสิ เอาเถอะถึงอย่างไรมันก็คงจะไม่เสียหายอะไรและอีกอย่างเขาก็มีเรื่องอยากจะพูดกับเธออยู่เหมือนกันพอดี

"รบกวนด้วยนะคะ"

"อืม"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่63

    "พี่จัดการตามที่เห็นสมควรได้เลยครับ" "แกไม่ติดใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแน่นะ"ปลายสายถามอย่างต้องการความแน่ใจ "หึ ไม่แล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนั้นผมคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้วล่ะครับ"นัยน์ตาอ่อนแสงมองแผ่นหลังขาวนวลของผู้เป็นภรรยา ริมฝีปากหยักหนาขยับพูดกับคนในที่อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "แกใจเด็ดมากเลยรู้ไหมขุนเขา ฉันล่ะยอมรับในตัวของแกจริง ๆ " "อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้นครับ"ดวงตาคมกริบยังคงทอดมองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกชายวัยเจ็ดเดือนของเขาอยู่ ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อได้ออกมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากนอนอุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะด้วยอาการแพ้ท้องมาหลายเดือน สองเท้าเรียวเล็กถูกสวมด้วยรองเท้าแตะสีเดียวเข้ากับชุดคลุมสีขาวเดินก้าวไปตามหาดทายสีขาว ด้านหน้าของเธอนั้นคือท้องทะเลสีครามกับบรรยากาศในช่วงเย็น และอีกไม่กี่นาทีดวงตะวันก็คงจะลาลับขอบฟ้าก่อนจะเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นแสงจันทราแทน "ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงยังมีความรู้สึกดี ๆ หลงเหลือให้กับแฟนเก่าอยู่บ้าง" "ความรู้สึกพวกนั้นมันตายจากผมไปหมดแล้วครับ ตั้งแต่เรื่องที่เ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่62

    ความเงียบยังคงปกคลุมภายในห้องรับแขกเมื่อทั้งสองครอบครัวต่างนั่งมองหน้าสบตากันด้วยความหนักใจ เห็นแต่จะมีเพียงขุนเขาคนเดียวที่นั่งกระสับกระส่ายอย่างคนร้อนรุ่มอยู่ในใจ "ทุกคนเงียบกันทำไมครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีความคิดที่จะหย่ากับปิ่นเลยสักนิด ทุกคนก็รู้ ปิ่นเองก็รู้ดีว่าผมรักปิ่น"แววตาของเขาฉายแววแน่วแน่ยามเมื่อลอบมองเธอ "ขุนเขา ใจเย็น ๆ แล้วฟังหนูปิ่นพูดก่อนนะลูก" "เมียกำลังจะขอหย่าจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงครับแม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์ถึงกับมีสีหน้าหนักใจ ไม่รู้วันนี้ลูกชายของตัวเองไปกินอะไรผิดสำแดงมา ถึงค้านหัวชนฝาไม่ฟังความอะไรเลย "ไอ้ขุน พ่อว่าแกใจเย็น ๆ ตามที่แม่แกบอกก่อนนะ แกเงียบปากให้หนูปิ่นได้พูดอะไรบ้าง แกเอาแต่แหกปากโวยวายแล้วหนูปิ่นจะมีโอกาสพูดได้อย่างไร" "พ่อไม่เป็นผมพ่อไม่เข้าใจหรอกว่าการที่จะต้องถูกเมียทิ้งมันเจ็บปวดขนาดไหน" "เห้อ อาการหนักแล้วลูกกู"เจ้าสัวรังสิมันต์ถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการคิดเองเออเองของเจ้าลูกชาย "ขุนเขาลูก นั่งลงก่อนนะคะเด็กดี"คำพูดเปรียบดั่งสายน้ำเย็นเฉียบของคุณหญิงเพียงเพ็ญทำเอาคนเจ้าอารมณ์เริ่มสงบนิ่งลง เธอรู้ดีว่าการ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่61

    คำบอกรักในคืนวันนั้นก่อเกิดเป็นความรักอันแสนเปี่ยมล้นในวันนี้ ช่วงเวลาชั่งพัดผ่านไปเร็วเสียจริง ๆ แต่ก็นั่นเถอะความรักของทั้งเขาและเธอก็ยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ความกังวลหายไปจากใจเมื่อความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายถูกเปิดเผยกันออกมาอย่างหมดเปลือก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่คิดตรงต่อกันนั้นมันทำให้ทั้งสองเปิดใจศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่มากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตมองแท่งสีขาวที่อยู่ในมือ ไออุ่นไร้รูปร่างที่ไม่อาจจะบรรยายได้เอ่อล้นขึ้นมาเติมหัวใจทีละเล็ก ขีดสีแดงสองขีดนั้นมันทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นแม่ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ ฝ่ามือเรียวเล็กอันสั่นเทาค่อย ๆ ยกขึ้นมาวางนาบบนหน้าท้องแบบราบซึ่งตอนนี้กำลังมีเจ้าก้อนความรักของเธออยู่ในนั้น หลังจากความเลวร้ายผ่านพ้นไป ชีวิตเธอก็เปรียบเหมือนเจ้าหญิงในนิยายที่มีเจ้าชายคอยดูแลเป็นอย่างดี ใครเล่าจะคิดว่าผู้ชายไม่เอาไหนอย่างขุนเขา จะเข้าไปบริหารงานในบริษัทจนทำให้ตอนนี้ตนเองเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการและผู้บริหารคนอื่น ๆ เมื่อเขาสามารถทำให้มูลค่าของกำไรไตรมาสของปีนี้เพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัว นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สร้างความภูมิใจให้กับเจ้าสัวรังสิมันต์แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่60

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ห้ะ แล้วนี่พี่มาเมืองไทยเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกผม"ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเท้าสะเอว น้ำเสียงติดเข้มเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ยืนเก๊กหล่อจิบเหล้าอย่างสบายใจ "ก็แค่มาพักผ่อน อีกสองสามวันเดี๋ยวก็กลับ" "อย่ามาโกหก คนที่มีงานกองเป็นภูเขาจนท่วมหัวอย่างพี่น่ะหรือจะมีเวลามาพักผ่อน"ดวงตาคมกริบมองพี่ชายด้วยสายตาจับผิด คนอย่างเซบาสเตียนเจ้าพ่อมาเฟียนะหรือมีเวลาว่างมาพักผ่อนถึงเมืองไทย ใครจะไปเชื่อลง "ตั้งแต่มีเมียรู้สึกว่าแกฉลาดมากขึ้นเลยนะขุนเขา" "นี่พี่คงไม่กำลังหลอกด่าผมอยู่ใช่หรือเปล่า" "ก็แล้วแต่แกจะคิด"เซบาสเตียนยกไหล่ทั้งสองข้าง ฝ่าเท้าใหญ่ก้าวมายังโซฟาสีขาวตรงกลางห้อง ร่างกำยำกระแทกตัวนั่งลงจิบเหล้าในแก้วอย่างสบายใจ ต่างจากน้องชายอีกคนที่ยืนมองเขาหน้าตูม "พี่ใช่ไหมที่เป็นคนส่งข้อความบ้า ๆ นั่นไปหาผม" "ใช่ ฉันเป็นคนส่งไปเอง"คำตอบของเซบาสเตียนทำเอาอารมณ์ของขุนเขาเดือดพล่าน ขายาว ๆ ทั้งสองข้างก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างถึงขีดสุด มือที่ถือปืนถึงกับเกิดอาการสั่นจนทำเขาต้องควบคุมมันเอาไว้ "แล้วตอนนี้เมียผมอยู่ที่ไหน พี่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า" "แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่59

    "พวกโง่ แค่เมียกูคนเดียวยังไม่มีปัญญาหาเจอ"ใบหน้าสง่างามของขุนเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย แววตาเกรี้ยวกราดกวาดมองลูกน้องของตัวเองที่เรียงแถวยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา ภายในห้องรับแขกชั่งร้อนระอุดังกับมีเปลวเพลิงสุมอยู่ เหล่าลูกน้องแทบจะก้มหน้าจนติดกับพื้น เมื่อเจ้านายตัวเองมองพวกเขาราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้น ๆ "พวกผมขอโทษครับนาย แต่แถวนั้นมืดมากเราไม่สามารถเห็นรถต้องสงสัยหรือว่าสิ่งที่น่าเป็นพิรุธได้เลยครับ" "ดึกแบบนั้นมันจะมีรถกี่คันวิ่งออกจากโรงแรมล่ะไอ้พวกโง่ ไปเลยนะพวกมึงไปตามหาตัวของเมียกูให้เจอ ถ้าพวกมึงไม่เจอก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"สีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเราลูกน้อง ทำเอาการ์ดนับสิบต้องรีบวิ่งออกไปจากห้องรับแขก "ไอ้พวกโง่"ร่างหนาใหญ่กระแทกตัวลงนั่งลงบนโซฟาอย่างกลัดกลุ้มใจ เพราะไม่รู้ว่าเมียของเขาหายตัวไปไหน เดินกลับมาที่รถก็เห็นข้าวของมากมายหล่นกระจายอยู่ข้างรถ ไร้วี่แววของคนเป็นภรรยา ในใจมันร้อนรุ่มกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรหรือจะได้รับอันตราย จนต้องเกณฑ์ลูกน้องออกตามหา แต่มันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะมุมจอดรถของเขากล้องวงจรปิดดันมาเสีย แถมลานจอดรถตอนนั้นยังไร้

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่58

    ย้อนกลับไป ยามรุ่งเช้าของวันเดียวกัน ณ โกดังท่าเรือส่งสินค้า ของ ตระกูล สุริยะศิวา ซ่า น้ำสีขุนถังใหญ่ถูกสาดลงไปบนร่างเย้ายวนของคนหลับใหลอยู่บนพื้น ความเย็นบวกกับกลิ่นเหม็นทำให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ กรี๊ด "อ๊าย นี่มันอะไรกับเนี่ย ไอ้พวกบ้าพวกแกเล่นอะไรกัน"เสียงกรีดร้องโวยวายตามเมื่อได้ลืมตาตื่น ร่างเปียกปอนลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะว่ามือทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังมัดติดกันเอาไว้ กรี๊ด "นี่มันอะไรกัน พวกแกมันฉันไว้ทำไม แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดใส่ชายชุดดำร่างใหญ่ ซึ่งเธอจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของเซบาสเตียน "เซบาสเตียน คุณอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"นี่เขาต้องการเล่นบ้าอะไรกันทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากได้ตัวของปิ่นมุกก็จะปล่อยเธอไป "จะเสียงดังไปทำไมกัน ไม่เจ็บคอหรือไง" "นี่คุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่ แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเซบาสเตียน"ดวงตาดุร้ายจ้องมองไปยังชายร่างกำยำที่เดินออกมาจากมุมมืด แววตาดุร้ายแฝงไปด้วยความอำมหิตโหดเหี้ยมมันทำให้คนแหกปากร้องในตอนแรกสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แววตานี้มันเหมือนกับแววตาที่เขาให้มอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status