Share

บทที่6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-05 19:02:36

รถตู้สำหรับครอบครัวแล่นเข้ามาจอดในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่บริเวณโดยรอบตกแต่งได้อย่างหน้าอยู่และลงตัวกลมกลืนกับตัวคฤหาสน์หลังสีขาวสะอาดตา

"ถึงแล้วลูก"นี่คือเสียงของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นก่อนที่ประตูรถจะเปิดออก

"ไม่ต้องกังวลอะไรนะลูก แม่จะคอยอยู่ข้าง ๆหนูเอง"ปิ่นมุกได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้พูดเป็นแม่ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถ ร่างบางของปิ่นมุกในวันนี้อยู่ในชุดเดรสสีขาวมุกซึ่งชุดนี้เป็นชุดแบรนด์ที่เธอออกแบบขึ้น ซึ่งชุดนี้สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายเรียกได้ว่าเพียงแค่สามวันเท่านั้นชุดที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ถูกขายจนหมดเรียบ นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอภาคภูมิใจไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนด้านนี้มา

"มากันแล้วเหรอวะ"ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมเข้มเดินออกมาต้อนรับ ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวรังสิมันต์นั้นเองที่เดินออกมาต้อนรับเพื่อนสนิท

"ถ้ากูไม่มามึงก็คงไม่เห็น"

"มึงนี่ยังกวนตีนกูไม่เคยเปลี่ยน"สองเพื่อนรักโผเข้ากอดกัน มิตรภาพของทั้งสองยาวนานมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย

"นี่น่ะเหรอ หนูปิ่นมุกตัวสวยได้คุณหญิงจริง ๆ เลยนะครับ"

"คุณรังสิมันต์ก็ชมเกินไปนะคะ"เพียงเพ็ญถึงกับดีใจที่ใคร ๆ ก็ชมว่าลูกสาวสวยเหมือนเธอ

"สวัสดีค่ะคุณลุง"

"คุณลงคุณลุงอะไรกัน เรียกพ่อเถอะอีกไม่นานหนูก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้แล้ว"เจ้าสัวรังสิมันต์มองว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองนั้นด้วยความชอบใจ ผู้หญิงอย่างลูกสาวเพื่อนคนนี้สิ ถึงเหมาะที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งสวย เพรียบพร้อมทั้งชาติตระกูลดี เรียนเก่งจบปริญญามาตั้งแต่เมืองนอก แถมยังขยันทำงานมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองแถมยังเป็นรองประธานบริษัทอีก แบบนี้ไม่อยากให้เขาได้มาเป็นลูกสะใภ้ได้ยังไงล่ะ

"แล้วนี่เจ้าลูกชายตัวร้ายของมึงรู้หรือยังว่ะ ว่าต้องจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวของกูวันนี้"

"หึ"เพียงแค่มองเข้าไปนัยน์สายตาของเพื่อนรัก เจ้าสัวธนินท์ก็รู้ได้โดยทันที

"เข้าไปในบ้านกันเถอะ ทนายของกูกับเจ้าหน้าที่จากเขตมาถึงได้สักพักแล้ว"สองเพื่อนรักกอดคอกันเดินเข้าไปโดยที่มีปิ่นมุกและผู้เป็นแม่เดินตามหลังเข้าไปติด ๆ

ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำเรียบง่ายสาวเท้าเดินฮำเพลงลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า อิสระภาพของชายโสดกำลังจะหมดไปภายในอีกไม่ช้า สองเท้าเดินก้าวเข้าไปในห้องรับแขก ดวงตาคู่คมเบิกโพลงเมื่อเห็นพ่อและแม่ของเขากำลังนั่งคุยอยู่กับครอบครัวของเจ้าสัวธนินท์เพื่อนรักเพื่อนตายของผู้เป็นพ่อ แถมการมาเยือนของเจ้าสัวธนินท์ในครั้งนี้ มีว่าที่เจ้าสาวของเขานั่งอยู่ด้านข้างด้วย

"นี่มันอะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่"

"แกอย่ามาเสียมารยาทต่อหน้าแขกของพ่อนะขุนเขา"นัยน์ตาเรียบนิ่งและดุดันทำเอาขุนเขานั้นถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อเขาได้เจอโหมดนิ่งของผู้เป็นพ่อ

"มานั่งข้าง ๆ แม่สิขุน"ฝ่ามือเรียวบางของผู้เป็นแม่ตบลงบนโซฟาด้านข้างอย่างแผ่วเบา แต่แววตาคมกริบของผู้เป็นแม่นั้นทำเอาขุนเขาต้องรีบเดินเข้าไปนั่ง

"สวัสดีคุณน้าทั้งสองสิขุน"ผู้เป็นแม่กัดฟันกระซิบบอกพร้อมกับเล็บแหลมที่จิกลงที่เอว ความเจ็บแปลบทำให้ขุนเขาถึงกับนั่งตัวตรง มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพนมอย่างอัตโนมัติ

"สวัสดีครับคุณน้า"ทั้งสองเพียแค่พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ เจ้าสัวธนินท์มองว่าที่ลูกเขยที่นั่งตัวเกร็งด้วยแววตาที่ส่งสัย ก่อนที่มุมปากจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเขาได้เห็นว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างขุนเขานั่งตัวเกร็งขนาดนี้

"สวัสดีพี่เขาสิลูก"แววตาเย็นชาหันไปมองใบหน้าของคนที่เธอจะต้องร่วมใช้ชีวิตด้วย ซึ่งแววตาของขุนเขาก็กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่เหมือนกัน

"สวัสดีค่ะ"น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยกล่าวสวัสดี กิริยาวาจาตามฉบับคนที่ถูกครอบครัวอบรมสั่งสอนมาดียิ่งทำให้ เจ้าสัวรังสิมันต์และคุณหญิงกิ่งกาญจน์ชอบใจในตัวของลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นไปอีก

"สวัสดี"

"เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว เชิญเจ้าหน้าที่เลยครับ"เจ้าหน้าที่จากเขตล้วงเอาเอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะที่วางอยู่ตรงกลาง ขุนเขาแทบจะตกลงจากโซฟาเมื่อได้เห็นเอกสารที่วางอยู่ สีน่าตกตะลึงหันไปหาพ่อและแม่ของตัวเองเพื่อต้องการคำอธิบาย

"นี่มันอะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่"

"ก็เอกสารสำหรับการจดทะเบียนสมรสยังไงล่ะ เซ็นซะสิ เดี๋ยวหนูปิ่นมุกจะได้เซ็นต่อ"

"นี่พ่อกับแม่กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันครับ ไม่มีทางผมไม่เซ็นเด็ดขาด"คนที่ไม่เต็มใจปฎิเสธหัวชนฝา เขาไม่มีทางแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสบ้า ๆ นี่กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักอย่างแน่นอน

"ถ้าแกไม่เซ็น แกก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สมบัติไปจากฉันแม้แต่แดงเดียวไอ้ขุน เพราะมรดกทั้งหมดฉันจะยกให้หนูปิ่นมุก"

"คุณพ่อ"ไม่ใช่แค่ขุนเขาที่ตกใจ ปิ่นมุกเองก็เช่นที่จู่ ๆ เจ้าสัวรังสิมันต์นั้นก็จะยกมรดกให้กับเธอ

"ฉันพูดจริงถ้าแกไม่เชื่อก็ถามคุณโชคดู ถ้าแกไม่ยอมจดทะเบียนสมรสฉันจะยกทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสร้างมากับมือให้หนูปิ่นมุก แต่ถ้าแกยอมเซ็นทั้งแกและหนูปิ่นมุกจะได้ครองตำแหน่งประธานบริษัทร่วมกัน"

"จริงเหรอคุณโชค"

"จริงครับคุณขุนเขา นี่ครับเอกสารที่เจ้าสัวให้ผมไปเขียนมา"เลขาคนสนิทวางเอกสารสำคัญลงบนโต๊ะ ความร้อนใจของขุนเขารีบคว้าเอกสารแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านโดยทันที ข้อความที่อยู่ด้านในระบุเอาไว้ตามที่พ่อของเขาพูดมาตั้งแต่ข้างต้นทุกอย่าง ถ้าเขาไม่แต่งงานกับปิ่นมุกทรัพย์สินทุกอย่างหรือแม้แต่ตำแหน่งประธานบริษัทพ่อของเขาก็จะยกทุกอย่างให้กับเธอ กระดาษแผ่นนั้นถูกขยำจนเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนที่จะถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดี สร้างความโกรธและความตกใจให้คนที่นั่งดูอยู่

"พ่อ ผมเป็นลูกพ่อนะ พ่อจะยกทุกสิ่งทุกอย่างให้คนอื่นได้ยังไง"

"ทำไมฉันจะยกให้หนูปิ่นไม่ได้ ในเมื่อแกมันไม่เอาไหนเลยตาขุน วัน ๆแกเอาแต่เที่ยวเคยสนใจงานในบริษัทบ้างไหม แต่แกดูหนูปิ่นมุกสิก้าวหน้ากว่าแกเป็นไหน ๆ ทั้งมีกิจการเป็นของตัวเองแถมยังต้องช่วยครอบครัวทำงานอีก แล้วดูแกสิวัน ๆ แกทำอะไรบ้างนอกจากเที่ยวและมัวแต่ไปอยู่กับแม่นางแบบนั้น"คำพูดของคนเป็นพ่อเหมือนกับคมมีดนับพันเล่มทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกาย และคำพูดเหล่านั้นมันบาดลึกลงไปในใจทำให้เขานึกโกรธแค้นหญิงสาวอยู่ในใจที่ผู้เป็นพ่อกล้าเอาเขาไปเปรียบเทียบกับเธอ

"คุณลุงคะ"เสียงหวานชวนฟังของปิ่นมุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้หันไปมองที่เธอเป็นตาเดียว

"หนูมีข้อเสนอ แต่หนูไม่รู้ว่าคุณลุงจะเห็นด้วยเหมือนกับหนูหรือเปล่า"

"ไหนหนูปิ่นลองว่าข้อเสนอของหนูมา"คำตอบของเจ้าสัวรังสิมันต์ทำให้มุมปากเล็กกระตุกยิ้ม สายตาไร้ความรู้สึกมองไปยังผู้ชายที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าของเธอ

"การแต่งงานในครั้งนี้ของหนูกับคุณขุนเขามันไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรก แต่เมื่อทุกอย่างมันล้มเลิกไม่ได้ หลังจากที่แต่งงานครบหนึ่งปีถ้าหนูกับคุณขุนเขาเราไม่ได้รักกัน หนูขอให้เราทั้งสองคนจดทะเบียนหย่ากันได้ไหมคะ"คำพูดที่ออกมาจากปากของปิ่นมุกทำให้ทุกคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ขุนเขาที่แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน

"ปิ่นลูก"พ่อของเธอถึงกับส่ายน่าไปมาเพื่อต้องการให้เธอหยุดพูดในสิ่งต่อจากนี้ ส่วนผู้เป็นแม่ได้แต่มองลูกสาวด้วยความสงสารความรู้สึกของลูกเธอย่อมรู้ดีเป็นที่สุด

"หนูพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"

"หนูรู้ตัวดีค่ะ แต่ถ้าแต่งงานกับไปแล้วอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข ไม่มีความรักให้แก่กันและกันแล้วจะอยู่ด้วยกันไปทำไม จริงไหมคะสู้เลิกกันไปเสียดีกว่าอย่างน้อยเราทั้งสองอาจจะยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้"

"และอีกอย่างหนูคิดว่า การที่คุณขุนเขาจะได้อยู่กับคนที่เขารักมันก็อาจจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าการที่จะต้องทนอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักตลอดไปมันคงไม่ได้หรอกค่ะ"ขุนเขาจ้องเข้าไปนัยน์ตาของปิ่นมุกเพื่อค้นหาความรู้สึกของเธอในตอนนี้แต่ทุกอย่างมันกลับว่างเปล่า

"ก็ได้ ถ้าหนูต้องการแบบนั้นลุงก็ตกลง"

"ขอบคุณค่ะ"

"แล้วแกล่ะ ไอ้ขุนแกจะเอายังไงว่ามา"แววตาคมกริมจ้องหน้าของปิ่นมุกอีกครั้ง แววตาของเขาในตอนนี้นั้นแทบจะเผาไหม้ร่างกายของเธอให้แหลกเป็นจุน

"ก็ได้ครับ ผมจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าภายในหนึ่งปีผมกับเธอเราทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ผมต้องการที่จะเซ็นใบหย่ากับเธอ"เขาคิดว่าความรักที่เขามีให้กับม่านรุ้งเข็มแข็งพอที่จะไม่ให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเข้ามาแทรก แต่ขุนเขาคงลืมนึกไปว่าหัวใจของคนเราไม่ได้แกร่งเหมือนกับหินผา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่63

    "พี่จัดการตามที่เห็นสมควรได้เลยครับ" "แกไม่ติดใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแน่นะ"ปลายสายถามอย่างต้องการความแน่ใจ "หึ ไม่แล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนั้นผมคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้วล่ะครับ"นัยน์ตาอ่อนแสงมองแผ่นหลังขาวนวลของผู้เป็นภรรยา ริมฝีปากหยักหนาขยับพูดกับคนในที่อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "แกใจเด็ดมากเลยรู้ไหมขุนเขา ฉันล่ะยอมรับในตัวของแกจริง ๆ " "อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้นครับ"ดวงตาคมกริบยังคงทอดมองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกชายวัยเจ็ดเดือนของเขาอยู่ ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อได้ออกมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากนอนอุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะด้วยอาการแพ้ท้องมาหลายเดือน สองเท้าเรียวเล็กถูกสวมด้วยรองเท้าแตะสีเดียวเข้ากับชุดคลุมสีขาวเดินก้าวไปตามหาดทายสีขาว ด้านหน้าของเธอนั้นคือท้องทะเลสีครามกับบรรยากาศในช่วงเย็น และอีกไม่กี่นาทีดวงตะวันก็คงจะลาลับขอบฟ้าก่อนจะเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นแสงจันทราแทน "ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงยังมีความรู้สึกดี ๆ หลงเหลือให้กับแฟนเก่าอยู่บ้าง" "ความรู้สึกพวกนั้นมันตายจากผมไปหมดแล้วครับ ตั้งแต่เรื่องที่เ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่62

    ความเงียบยังคงปกคลุมภายในห้องรับแขกเมื่อทั้งสองครอบครัวต่างนั่งมองหน้าสบตากันด้วยความหนักใจ เห็นแต่จะมีเพียงขุนเขาคนเดียวที่นั่งกระสับกระส่ายอย่างคนร้อนรุ่มอยู่ในใจ "ทุกคนเงียบกันทำไมครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีความคิดที่จะหย่ากับปิ่นเลยสักนิด ทุกคนก็รู้ ปิ่นเองก็รู้ดีว่าผมรักปิ่น"แววตาของเขาฉายแววแน่วแน่ยามเมื่อลอบมองเธอ "ขุนเขา ใจเย็น ๆ แล้วฟังหนูปิ่นพูดก่อนนะลูก" "เมียกำลังจะขอหย่าจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงครับแม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์ถึงกับมีสีหน้าหนักใจ ไม่รู้วันนี้ลูกชายของตัวเองไปกินอะไรผิดสำแดงมา ถึงค้านหัวชนฝาไม่ฟังความอะไรเลย "ไอ้ขุน พ่อว่าแกใจเย็น ๆ ตามที่แม่แกบอกก่อนนะ แกเงียบปากให้หนูปิ่นได้พูดอะไรบ้าง แกเอาแต่แหกปากโวยวายแล้วหนูปิ่นจะมีโอกาสพูดได้อย่างไร" "พ่อไม่เป็นผมพ่อไม่เข้าใจหรอกว่าการที่จะต้องถูกเมียทิ้งมันเจ็บปวดขนาดไหน" "เห้อ อาการหนักแล้วลูกกู"เจ้าสัวรังสิมันต์ถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการคิดเองเออเองของเจ้าลูกชาย "ขุนเขาลูก นั่งลงก่อนนะคะเด็กดี"คำพูดเปรียบดั่งสายน้ำเย็นเฉียบของคุณหญิงเพียงเพ็ญทำเอาคนเจ้าอารมณ์เริ่มสงบนิ่งลง เธอรู้ดีว่าการ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่61

    คำบอกรักในคืนวันนั้นก่อเกิดเป็นความรักอันแสนเปี่ยมล้นในวันนี้ ช่วงเวลาชั่งพัดผ่านไปเร็วเสียจริง ๆ แต่ก็นั่นเถอะความรักของทั้งเขาและเธอก็ยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ความกังวลหายไปจากใจเมื่อความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายถูกเปิดเผยกันออกมาอย่างหมดเปลือก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่คิดตรงต่อกันนั้นมันทำให้ทั้งสองเปิดใจศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่มากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตมองแท่งสีขาวที่อยู่ในมือ ไออุ่นไร้รูปร่างที่ไม่อาจจะบรรยายได้เอ่อล้นขึ้นมาเติมหัวใจทีละเล็ก ขีดสีแดงสองขีดนั้นมันทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นแม่ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ ฝ่ามือเรียวเล็กอันสั่นเทาค่อย ๆ ยกขึ้นมาวางนาบบนหน้าท้องแบบราบซึ่งตอนนี้กำลังมีเจ้าก้อนความรักของเธออยู่ในนั้น หลังจากความเลวร้ายผ่านพ้นไป ชีวิตเธอก็เปรียบเหมือนเจ้าหญิงในนิยายที่มีเจ้าชายคอยดูแลเป็นอย่างดี ใครเล่าจะคิดว่าผู้ชายไม่เอาไหนอย่างขุนเขา จะเข้าไปบริหารงานในบริษัทจนทำให้ตอนนี้ตนเองเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการและผู้บริหารคนอื่น ๆ เมื่อเขาสามารถทำให้มูลค่าของกำไรไตรมาสของปีนี้เพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัว นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สร้างความภูมิใจให้กับเจ้าสัวรังสิมันต์แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่60

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ห้ะ แล้วนี่พี่มาเมืองไทยเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกผม"ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเท้าสะเอว น้ำเสียงติดเข้มเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ยืนเก๊กหล่อจิบเหล้าอย่างสบายใจ "ก็แค่มาพักผ่อน อีกสองสามวันเดี๋ยวก็กลับ" "อย่ามาโกหก คนที่มีงานกองเป็นภูเขาจนท่วมหัวอย่างพี่น่ะหรือจะมีเวลามาพักผ่อน"ดวงตาคมกริบมองพี่ชายด้วยสายตาจับผิด คนอย่างเซบาสเตียนเจ้าพ่อมาเฟียนะหรือมีเวลาว่างมาพักผ่อนถึงเมืองไทย ใครจะไปเชื่อลง "ตั้งแต่มีเมียรู้สึกว่าแกฉลาดมากขึ้นเลยนะขุนเขา" "นี่พี่คงไม่กำลังหลอกด่าผมอยู่ใช่หรือเปล่า" "ก็แล้วแต่แกจะคิด"เซบาสเตียนยกไหล่ทั้งสองข้าง ฝ่าเท้าใหญ่ก้าวมายังโซฟาสีขาวตรงกลางห้อง ร่างกำยำกระแทกตัวนั่งลงจิบเหล้าในแก้วอย่างสบายใจ ต่างจากน้องชายอีกคนที่ยืนมองเขาหน้าตูม "พี่ใช่ไหมที่เป็นคนส่งข้อความบ้า ๆ นั่นไปหาผม" "ใช่ ฉันเป็นคนส่งไปเอง"คำตอบของเซบาสเตียนทำเอาอารมณ์ของขุนเขาเดือดพล่าน ขายาว ๆ ทั้งสองข้างก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างถึงขีดสุด มือที่ถือปืนถึงกับเกิดอาการสั่นจนทำเขาต้องควบคุมมันเอาไว้ "แล้วตอนนี้เมียผมอยู่ที่ไหน พี่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า" "แ

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่59

    "พวกโง่ แค่เมียกูคนเดียวยังไม่มีปัญญาหาเจอ"ใบหน้าสง่างามของขุนเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย แววตาเกรี้ยวกราดกวาดมองลูกน้องของตัวเองที่เรียงแถวยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา ภายในห้องรับแขกชั่งร้อนระอุดังกับมีเปลวเพลิงสุมอยู่ เหล่าลูกน้องแทบจะก้มหน้าจนติดกับพื้น เมื่อเจ้านายตัวเองมองพวกเขาราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้น ๆ "พวกผมขอโทษครับนาย แต่แถวนั้นมืดมากเราไม่สามารถเห็นรถต้องสงสัยหรือว่าสิ่งที่น่าเป็นพิรุธได้เลยครับ" "ดึกแบบนั้นมันจะมีรถกี่คันวิ่งออกจากโรงแรมล่ะไอ้พวกโง่ ไปเลยนะพวกมึงไปตามหาตัวของเมียกูให้เจอ ถ้าพวกมึงไม่เจอก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"สีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเราลูกน้อง ทำเอาการ์ดนับสิบต้องรีบวิ่งออกไปจากห้องรับแขก "ไอ้พวกโง่"ร่างหนาใหญ่กระแทกตัวลงนั่งลงบนโซฟาอย่างกลัดกลุ้มใจ เพราะไม่รู้ว่าเมียของเขาหายตัวไปไหน เดินกลับมาที่รถก็เห็นข้าวของมากมายหล่นกระจายอยู่ข้างรถ ไร้วี่แววของคนเป็นภรรยา ในใจมันร้อนรุ่มกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรหรือจะได้รับอันตราย จนต้องเกณฑ์ลูกน้องออกตามหา แต่มันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะมุมจอดรถของเขากล้องวงจรปิดดันมาเสีย แถมลานจอดรถตอนนั้นยังไร้

  • เมียที่ไม่ต้องการ   บทที่58

    ย้อนกลับไป ยามรุ่งเช้าของวันเดียวกัน ณ โกดังท่าเรือส่งสินค้า ของ ตระกูล สุริยะศิวา ซ่า น้ำสีขุนถังใหญ่ถูกสาดลงไปบนร่างเย้ายวนของคนหลับใหลอยู่บนพื้น ความเย็นบวกกับกลิ่นเหม็นทำให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ กรี๊ด "อ๊าย นี่มันอะไรกับเนี่ย ไอ้พวกบ้าพวกแกเล่นอะไรกัน"เสียงกรีดร้องโวยวายตามเมื่อได้ลืมตาตื่น ร่างเปียกปอนลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะว่ามือทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังมัดติดกันเอาไว้ กรี๊ด "นี่มันอะไรกัน พวกแกมันฉันไว้ทำไม แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดใส่ชายชุดดำร่างใหญ่ ซึ่งเธอจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของเซบาสเตียน "เซบาสเตียน คุณอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"นี่เขาต้องการเล่นบ้าอะไรกันทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากได้ตัวของปิ่นมุกก็จะปล่อยเธอไป "จะเสียงดังไปทำไมกัน ไม่เจ็บคอหรือไง" "นี่คุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่ แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเซบาสเตียน"ดวงตาดุร้ายจ้องมองไปยังชายร่างกำยำที่เดินออกมาจากมุมมืด แววตาดุร้ายแฝงไปด้วยความอำมหิตโหดเหี้ยมมันทำให้คนแหกปากร้องในตอนแรกสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แววตานี้มันเหมือนกับแววตาที่เขาให้มอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status