บรรยากาศในมหาวิทยาลัยช่วงพักกลางวันเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและความคึกคัก นักศึกษาหลายกลุ่มจับจองที่นั่งในโรงอาหาร ทานข้าวและพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน
ปานตะวันนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร ใบหน้าของเธอเรียบเฉย ขณะจ้องมองอาหารตรงหน้า แต่แทบไม่แตะมันแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังโต๊ะอีกมุมหนึ่ง ที่โลกันต์นั่งอยู่พร้อมกับเพื่อนๆ ของเขา
โลกันต์ดูสง่างามและโดดเด่น แม้ในยามนั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขานั่งเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ หัวเราะกับคำพูดของเพื่อนสนิท ใบม่อน เพื่อนสาวหน้าสวยที่ดูสนิทกับโลกันต์จนเกินพอดี นั่งอยู่ข้างเขา เธอหัวเราะและเอื้อมมือไปแตะแขนของโลกันต์อย่างสนิทสนม
ยูโรและกรุงโรม เพื่อนชายอีกสองคนของเขานั่งอยู่ด้วย ทั้งสองคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรส พลางหันไปมองรอบๆ โรงอาหาร
"เชี้ย!" กรุงโรมพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร "น้องคนนั้น...น่ารักโคตร ไปอยู่ไหนมาวะ ทำไมกูไม่เคยเห็น"
สายตาของกรุงโรมจ้องตรงไปที่ปานตะวัน หญิงสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่คนเดียว
ยูโรหันไปมองตาม ก่อนจะผิวปากเบาๆ "เออว่ะ โคตรน่ารัก แต่ดูเหมือนจะเงียบๆ ไม่ใช่แนวสาวเปรี้ยวของมึงนะโรม"
โลกันต์เหลือบตามองไปยังปานตะวันเพียงครู่เดียว ก่อนจะเบือนสายตากลับมาที่โต๊ะ
"มึงรู้จักน้องเขาเหรอ?" ใบม่อนถามขึ้น น้ำเสียงของเธอแฝงความอยากรู้
"ไม่รู้จัก" โลกันต์ตอบอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่สนใจอะไร "คงจะเป็นเด็กคณะอื่นมั้ง หน้าตาก็ธรรมดา ไม่เห็นจะโดดเด่นตรงไหน"
คำตอบของเขาทำให้ปานตะวันที่แอบได้ยินรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แม้จะรู้ดีว่าโลกันต์ไม่เคยเห็นค่าเธอ แต่การที่เขาทำเหมือนเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าในที่สาธารณะ ก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี
กรุงโรมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ "เด็กธรรมดาอะไรกัน น่ารักขนาดนี้! กูชักอยากจะรู้จักน้องเขาแล้วสิ"
"งั้นกูเชียร์มึงนะโรม" ยูโรพูดพร้อมหัวเราะ "ลองเข้าไปคุยดิ อาจจะได้แฟนเป็นนักศึกษาครุศาสตร์ก็ได้"
"ครุศาสตร์เหรอ?" กรุงโรมเลิกคิ้ว
"อืม คนนี้กูเคยเห็นอยู่แถวคณะครุศาสตร์ ตอนกูไปส่งน้องญาดา"
กรุงโรมยังคงจับจ้องไปที่ปานตะวันที่นั่งอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งของโรงอาหาร เขายิ้มพลางพูดขึ้นอย่างสนใจ
"เออดีว่ะ เรียนครู ดูท่าจะเป็นสาวเรียบร้อย สวย น่ารัก เรียบร้อยแบบนี้กูชอบ"
ยูโรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดเสริม "มึงแน่ใจนะว่าเรียบร้อยจริงๆ บางทีคนเรียบร้อยอาจซ่อนอะไรบางอย่างไว้ก็ได้"
โลกันต์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมมองไปยังปานตะวันที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกับพวกเขา
"หึ... ภายนอกดูเรียบร้อย แต่อาจจะไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่เห็นก็ได้ ดื้อเงียบมีเยอะแยะ"
คำพูดของเขาทำให้กรุงโรมหันมามองด้วยความสงสัย "มึงพูดเหมือนรู้จักน้องเขาดี ไอ้กันต์ มีอะไรรึเปล่า?"
"ไม่มีอะไร" โลกันต์ตอบทันควัน น้ำเสียงของเขาฟังดูเฉยชาเหมือนไม่ใส่ใจ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ปานตะวันอย่างเผลอตัว
ปานตะวันรู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเธอสบกับโลกันต์เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีเหมือนไม่รู้จักเธอ
โลกันต์จ้องไปที่ปานตะวันครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความกดดัน "ที่นั่งมีเป็นร้อย แต่เด็กนั่นดันมานั่งตรงข้ามกัน"
คำพูดของเขาทำให้ใบม่อนที่นั่งข้างๆ หันไปมองปานตะวันด้วยสายตาประเมิน เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
"บางทีอาจจะบังเอิญ หรืออาจจะตั้งใจก็ได้นะกันต์"
"ตั้งใจ?" โลกันต์พูดพร้อมหัวเราะในลำคอ
"ถ้าตั้งใจจริงๆ ก็น่าขำสิ สงสัยคงอยากได้ความสนใจจากใครสักคน"
คำพูดของโลกันต์เหมือนหนามที่ทิ่มแทงปานตะวัน เธอพยายามสงบใจและจบมื้ออาหารของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป
หลังจากปานตะวันลุกไปแล้ว กรุงโรมยังคงมองตามเธอด้วยความสนใจ
"มึงคิดไปเองหรือเปล่าวะไอ้กันต์? น้องเขาดูไม่มีอะไรเลย เงียบๆ เรียบร้อย ดูน่าสนใจออก"
"ถ้ามึงชอบ ก็ลองไปจีบดูสิ" โลกันต์ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
กรุงโรมยิ้มกว้าง "เออว่ะ กูว่าน้องเขาน่าสนใจจริงๆ เจอหน้าครั้งแรกหัวใจกูเต้นโคตรแรง ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย กูว่ากูโดนน้องเล่นงานเข้าแล้ว"
คำพูดของกรุงโรมกลับทำให้โลกันต์รู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนั้น แต่เลือกที่จะไม่แสดงออก
ในขณะที่เพื่อนๆ ของเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โลกันต์กลับเงียบลง และสายตาของเขาก็ยังคงมองไปในทิศทางที่ปานตะวันเดินจากไป...
โลกันต์กำแก้วน้ำในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ใบม่อนมองเขาด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
@สามปีต่อมาหลังจากหยุดพักการเรียนเพื่อจัดการกับชีวิตและหัวใจของตัวเอง โลกันต์กลับมาเรียนต่อและคว้าปริญญาวิศวกรรมไฟฟ้าสำเร็จด้วยความมุ่งมั่น ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเริ่มต้นธุรกิจด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ที่ครอบคลุมการออกแบบและติดตั้งระบบพลังงานให้กับอาคารขนาดใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรม“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างมึงจะมีวันนี้” กรุงโรมพูดขณะนั่งดื่มกาแฟด้วยกันที่บ้านพักริมทะเลของโลกันต์“เออ กูก็ไม่คิดเหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีปานตะวันและลูก กูคงไม่ได้มายืนตรงนี้” โลกันต์ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน เขามองไปที่ปานตะวันซึ่งกำลังเล่นกับลูกชายวัยสองขวบและลูกสาววัยขวบเศษในสวนหน้าบ้าน“กูต้องขอบคุณพวกมึงด้วยนะ ทั้งกรุงโรม ทั้งยูโร ถ้าไม่มีพวกมึง กูคงไม่กล้ากลับมาแก้ไขชีวิตตัวเอง” โลกันต์พูดพลางตบไหล่เพื่อนรักทั้งสอง"ว่าแต่มึงเถอะช่วงนี้เป็นไง ราบรื่นดีไหม เห็นว่าตามจีบผู้หญิงอยู่นานแต่ก็ยังไม่ติดสักที ทำไมวะ" โลกันต์ถามกรุงโรมที่เป็นเพื่อนสนิท คนที่พร้อมลุยและยืนข้างโลกันต์เสมอมา ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจด้านวิศวกรรมโยธาที่ประสบความสำเร็จ เขาดูแลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือความ
หลายเดือนหลังจากที่ชีวิตของโลกันต์และปานตะวันกลับเข้าสู่ความสงบ ปานตะวันได้เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ และโลกันต์ก็กลายเป็นสามีที่แสนอบอุ่น แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยในบางครั้ง แต่พวกเขาก็เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน ครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจพาลูกทั้งสองคนกลับไปกราบคุณย่าที่บ้านกฤษณะโยธิน เพื่อขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ โลกันต์นำรถมาจอดที่หน้าบ้าน และปานตะวันอุ้มลูกสาวและลูกชายออกจากรถ เด็กน้อยทั้งสองยังคงดูน่ารักและไร้เดียงสา“เข้าไปกราบคุณย่ากันเถอะ” โลกันต์พูดเสียงเบา เขาจับมือปานตะวันไว้แน่น พร้อมกับยิ้มให้ลูกทั้งสองปานตะวันยิ้มตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ รู้สึกเหมือนเวลากลับไปข้างหลัง กลิ่นหอมของต้นไม้และดอกไม้รอบบ้านทำให้เธอคิดถึงอดีตที่เคยหลบหนีไปในวันนั้นคุณย่าของโลกันต์ยืนรออยู่ที่ประตูบ้าน เธอสวมเสื้อผ้าไหมอย่างดี ดูสง่างาม แต่สายตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้เวลาจะผ่านไปนานนัยปี แต่ท่าทางที่ยืนอยู่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน“คุณย่า” โลกันต์เรียกเสียงเบา ก่อนจะก้มลงกราบที่เท้าของคุณย่าอย่างเคารพ“หลานกลับมาแล้ว” คุณ
บรรยากาศในบ้านอย่างเงียบสงบ แต่ภายในห้องนั่งเล่นกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย โลกันต์กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเก้าอี้ โซฟา และหมอนหลายใบตามคำสั่งของปานตะวัน ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีท้องที่เริ่มโตจนใกล้คลอด“คุณกันต์ หมอนตรงนั้นวางไม่ถูกค่ะ ขยับไปอีกนิด!”“ตรงไหนครับ?” โลกันต์หันไปถามพร้อมกับเหงื่อตก“ซ้ายค่ะ! ไม่สิ...ขวาอีกนิด!” ปานตะวันบอกอย่างละเอียด จนโลกันต์ต้องถอนหายใจ“คุณก็พูดให้ชัดหน่อยสิครับ ผมหมุนไปหมุนมาเหมือนหมากลิ้งหลายรอบแล้วนะ”“อ๋อ ถ้าหมา ยังไม่เหมือนค่ะ เพราะหมาน่าจะคล่องกว่านี้!”คำพูดนั้นทำเอาโลกันต์กลอกตา แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เขาจัดหมอนตามที่เธอบอกจนกระทั่งเธอพยักหน้าพอใจ“ดีค่ะ คราวนี้ช่วยหยิบผลไม้มาให้ปานด้วยนะคะ อยากได้แอปเปิลกับองุ่น”“ครับ คุณผู้หญิง นั่งรออสักครู่นะครับ” โลกันต์ตอบเสียงเหนื่อย แต่ในแววตากลับมีความอ่อนโยน เขายิ้มออกมาอย่างคนที่มีความสุข เอ็นดูเมียรักที่กำลังแกล้งเขาในขณะที่โลกันต์กำลังเดินเข้าครัว เสียงเห่าของเจ้าด่างกับเจ้าดำ สุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ก็ดังขึ้น ปานตะวันหันไปมองทันที เจ้าดื้อสองตัวกำลังวิ่งเล่นไล่กัดกันรอบโซฟา“ด่าง,ดำ หยุดวิ่งเดี
@ บรรยากาศวันหยุดโลกันต์เดินลงมาจากห้องนอนด้วยอาการงัวเงียหลังจากนอนดึกเมื่อคืน เขายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ห้องครัว กลิ่นหอมของอาหารเช้าลอยมาตามลม ทำให้เขารู้ทันทีว่าปานตะวันกำลังทำอะไรสักอย่าง“วันนี้อารมณ์ดีจัง” โลกันต์พึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเดินตรงไปหาเธอ ปานตะวันเมียสุดที่รักของเขาปานตะวันยืนหันหลังอยู่ เธอสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ที่เขาเพิ่งซื้อให้เมื่อเดือนก่อน“เช้านี้มีอะไรให้ผมกินบ้างครับคุณแม่บ้าน?” โลกันต์ถามเสียงหยอกปานตะวันหันมายิ้มให้เล็กน้อย แต่ไม่ตอบคำถาม เธอเพียงแค่ชี้ไปที่โต๊ะอาหารซึ่งมีจานอาหารเช้าจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม“วันนี้ของคุณพิเศษหน่อยนะคะ ปานตั้งใจทำให้คุณเองกับมือเลย” ปานตะวันพูดน้ำเสียงร่าเริงผิดปกติ โลกันต์เลิกคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก“ขอบคุณครับที่รัก”เขานั่งลงแล้วหยิบส้อมขึ้นมาเตรียมกิน ทันทีที่เขาตักไข่คนเข้าปาก โลกันต์ต้องหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ความเผ็ดร้อนพุ่งขึ้นมาจากลิ้นจนทำให้เขาตาเบิกกว้าง“แค่กๆ!” โลกันต์สำลักน้ำตาแทบไหล “นี่มันอะไรกัน! มันเผ็ดมากเลยนะปาน”ปานตะวันหัวเราะคิกคักก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้เขา “ปานแค่ใ
@ยามเย็นที่หมู่บ้านชายฝั่งทะเลแสงอาทิตย์สีส้มอ่อนกำลังลาลับขอบฟ้า ลำแสงบางเบาสาดกระทบผืนทะเลที่กว้างไกลจนกลายเป็นสีทองระยิบระยับ เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งดังเป็นจังหวะอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของหมู่บ้านชายฝั่งเล็กๆ โลกันต์ กรุงโรม และยูโร เดินทางกลับมายังหมู่บ้านชายฝั่งทะเลพร้อมกับกรุงโรมและยูโร สองเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดทาง ตลอดการเดินทางเสียงล้อเล่นของสองคนนั้นช่วยทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาๆระหว่างที่รถจอดตรงถนนลูกรังใกล้กับบ้านไม้เก่าของปานตะวัน โลกันต์นั่งนิ่งอยู่ที่เบาะคนขับ ดวงตาจ้องมองไปที่บ้านตรงหน้า สภาพบ้านที่ล้อมรอบด้วยต้นมะพร้าวและสวนเล็กๆ ดูเรียบง่ายและอบอุ่นในสายตาของเขา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากร่าง“ในที่สุดมึงก็ได้กลับมาเจอเมียแล้วนะโลกันต์” กรุงโรมพูดพลางหัวเราะเบาๆ“จำได้ไหมว่าเมื่อก่อนมึงปากเก่งขนาดไหน? เก่งจนเขาหนีไป เก่งจนทำให้มึงนั่งหอนเป็นหมาไม่ทีบ้าน”ยูโรเสริมทันที “เออ ตอนนั้นนะ หัวสูงเป็นหมาไม่ติดดิน แถมยังทำตัวเป็นเจ้านายเขาตลอด หาเรื่องเขาสารพัด...แล้วดูตอนนี้ดิ หมาวัดยังดูดีกว่ามึงอีก”โลกันต
@หลายสัปดาห์ต่อมาโลกันต์ไม่เคยคิดว่าการให้ “เวลา” กับปานตะวันจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตของเขา เขาเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อปรับปรุงตัวเอง แม้จะไม่ได้พบปานตะวันบ่อยนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่เคยหยุดพยายามที่จะส่งผ่านความตั้งใจดีไปให้เธอปานตะวันใช้เวลานั้นทบทวนสิ่งต่างๆ อย่างหนัก เธอพยายามแยกแยะความรู้สึกของตัวเองว่าเป็นความรัก ความโกรธ หรือแค่ความกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งคืนหนึ่ง ปานตะวันนั่งอยู่ริมชายหาดลำพัง เธอทอดสายตามองดวงดาวที่สะท้อนบนผืนน้ำ ในใจมีคำถามมากมายที่ยังไม่ได้คำตอบ เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบา เธอไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร“เธออยากอยู่คนเดียวหรือเปล่า?” โลกันต์ถามอย่างสุภาพ เขายืนนิ่งไม่กล้าเข้าไปใกล้“นั่งสิ” เธอตอบเรียบๆ โดยไม่หันมามองโลกันต์นั่งลงข้างๆ เธอ แต่เว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เธออึดอัด“วันนี้ทะเลดูสงบดีนะ” โลกันต์พูดเพื่อทำลายความเงียบ“ใช่...” ปานตะวันตอบสั้นๆทั้งคู่เงียบไปอีกพักใหญ่ โลกันต์หันไปมองใบหน้าของปานตะวันที่ดูนิ่งสงบ เขาอยากถามหลายอย่าง แต่ก็เลือกที่จะรอให้เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน“ฉันไม่รู้ว่าฉันควรทำยังไง”