LOGIN“งั้นเหรอ? ฉันก็คิดอะไรสักหน่อย”“เออ ฉันแค่บอกไว้เฉยๆ เพราะไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นเขาก็หลงใหลไปหมดเลยบอกไว้ก่อน ไม่คิดก็ดีแล้ว” นิชาพูดและชวนเพื่อนสาวไปทานขนมหวานที่ห้องครัว……………………………………………………………..ที่ประเทศไทยข้าวฟ่างและครอบครัวนั่งทานอาหารรวมถึงธีรเดชด้วยพ่อของเธอก็เอ่ยปากถามถึงวุฒิชัย“ตาวุฒิไปถึงแล้วใช่ไหม ข้าวเป็นไงบ้างเหงาหรือเปล่าเจ้าวุฒิไม่อยู่” ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมานัยน์ตาที่แสนเศร้าเพราะคิดถึงผู้เป็นสามี เธอพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ก็เหงาและคิดถึงแหละค่ะคนเคยอยู่ด้วยกันอยู่ๆ มาห่างกัน”ธีรเดชมองดูหน้าของเธอด้วยความเป็นห่วงและปนกับเสียใจเล็กน้อยที่เธอเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแล้วซึ่งต่างจากเขาที่ทั้งใจยังคงมีแค่เธอ เขาเอ่ยปากพูดกับเธอขึ้น“เดี๋ยวว่างๆ เดชพาไปทานอาหารที่ข้าวเคยชอบไหม” คำพูดของเขาทำให้พ่อของข้าวฟ่างหันมามองด้วยความสงสัยทำไมธีรเดชพูดเหมือนสนิทกับลูกสาวเขาจัง“คุณเดชรู้จกยายข้าวด้วยเหรอ ทำไมพูดเหมือนสนิทกัน” ธีรเดชหันไปยิ้มให้พ่อของเธอและตอบ“ครับ ผมเคยคบกับข้าวฟ่าง คุณอาไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกนะครับผมยังเด็กอยู่เลยแถมเรียกแบบนี้มันดูห่างเหินกันยังไงก็ไม่รู้” พ่อขอ
ที่อเมริกา…วุฒิชัยมาถึงที่อเมริกาแล้วก็ลงจากเครื่องและเดินออกมาก็เห็นอาของเขานั้นยืนรออยู่กับลูกสาวของเขา อานพโบกมือทักทาย“ทางนี้เจ้าวุฒิ” เขาหันตามเสียงไปและเดินไปหาทั้งสองพร้อมสัมภาระ“สวัสดีครับคุณอา น้องนิชา” เขากล่าวทักทายอานพและน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา นิชา นิชาภัทร หญิงสาววัย23ปีเป็นลูกสาวของอานพ เธอเคยมาที่เมืองไทยค่อนข้างสนิทกับวุฒิชัยที่อเมริกา…วุฒิชัยมาถึงที่อเมริกาแล้วก็ลงจากเครื่องและเดินออกมาเห็นอาของเขานั้นยืนรออยู่กับลูกสาวของเขา อานพโบกมือทักทาย“ทางนี้เจ้าวุฒิ” เขาหันตามเสียงไปและเดินไปหาทั้งสองพร้อมสัมภาระ“สวัสดีครับคุณอา น้องนิชา” เขากล่าวทักทายอานพและน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา นิชา นิชาภัทร หญิงสาววัย23ปีเป็นลูกสาวของอานพ เธอเคยมาที่เมืองไทยค่อนข้างสนิทกับวุฒิชัย“สวัสดีค่ะพี่วุฒิ เป็นไงบ้างคะได้ข่าวว่ามีภรรยาและลูกแล้วเหรอคะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเสือผู้หญิงไม่มีหัวใจแบบพี่จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนกับเขา” เธอพูดและยิ้มให้ผู้ที่เป็นพี่ชาย วุฒิชัยเอามือดันหัวเขาด้วยความเอ็นดู“แหมก็พูดเกินไป ก็พี่สะไภ้ของนิชาน่ารักหนิเลยทำให้พี่หลงเขาหัวปลักหัวปลำเลย” เ
เขาเดินไปที่ชายทะเลเห็นข้าวฟ่างยืนนิ่งมองดูคลื่นที่กำลังซัดขึ้นฝั่ง เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อง้อเธอ“คุณเดินหนีผมทำไม” เขาจับไปที่มือของเธอ เธอหันกลับมามองหน้าผู้เป็นสามีและเอ่ยปากพูดกับเขา“ฉันรู้สึกเหนื่อยที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ก่อนฉันเคยคิดว่าจะรับเรื่องแบบนี้ได้แต่มาวันนี้ฉันกลับรู้สึกเหนื่อย ยิ่งใกล้จะห่างกันอีกความรู้สึกของฉันมันเลยเฟลไปหมด” เธอพูดพร้อมถอนหายใจเบาๆ“แต่ผมไม่ได้เป็นแบบเมื่อก่อนแล้วนะ ผมพร้อมจะหยุดที่คุณและลูกแล้วคุณก็เห็นอย่าเก็บเรื่องเดิมๆ มาคิดให้มันบั่นทอนจิตใจอีกเลยนะ”เธอหันหน้าไปมองผู้เป็นสามีด้วยหน้าตาที่เหนื่อยล้าอาจเพราะด้วยความคิดถึงที่จะต้องห่างกันแล้วเลยทำให้เธอเก็บเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาคิดน้อยใจ เธอพยายามที่จะจัดการกับความรู้สึกนี้ให้มันดีขึ้นเพราะต้องการให้เขาสบายใจจะได้ไม่คิดมากเวลาเดินทางไปที่เมืองนอก“โอเค ฉันเห็นแล้วว่าคุณแคร์ฉันแค่ไหนฉันจะพยายามไม่คิดแล้วนะ แต่ฉันคิดถึงคุณยิ่งคิดว่าเราจะต้องห่างกันฉันยิ่งใจหาย” เธอเข้าไปสวมกอดเขาและน้ำตาก็รินไหลเพราะความใจหายเพราะเคยอยู่ด้วยกันแต่ต้องมาห่างกันไม่รู้นานแค่ไหนเมื่อเขาเห็นน้ำตาของเธอที่กำลังริน
“ไม่ต้องหรอกฉันยังไม่ได้ว่าสักคำ”“คนอื่นไงยิ่งจ้องจะว่าผมอยู่” เธอได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาสระผมให้ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จก็แต่งตัว วุฒิชัยเอ่ยปากพูดขอให้ข้าวฟ่างไปต่างประเทศด้วย“คุณไปต่างประเทศกับผมเถอะนะ อยู่ที่นี่ผมก็ไม่ได้ดูแลคุณยิ่งที่นี่มีนายธีรเดชอยู่ด้วยผมไม่ชอบ” เธอหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอก เพราะถ้าฉันคลอดลูกจะไม่มีใครช่วยดูแลคุณคงไม่มีเวลาหรอก คุณตั้งใจศึกษาแล้วรีบกลับมาดีกว่านะ ฉันจะรอ”“แล้วผมจะสบายใจได้ยังไงว่านายนั่นจะไม่มายุ่งกับคุณ” เธอจับมือเขาขึ้นมากุมและมองที่ตาของเขาอย่างจริงใจ“คุณเชื่อใจฉันนะ ถ้าคุณซื่อสัตย์ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” เขาเชื่อใจเธอแต่ก็ยังคงกังวลอยู่เพราะยังไงก็ห่างกันกลัวว่ามันจะแพ้ความใกล้ชิดกันของเธอและธีรเดช และก็เลือกไม่ได้ก็ต้องจำยอมที่จะไปคนเดียวแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาทานอาหารและก็ไปขึ้นรถเพื่อเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลเมื่อรถแล่นมาถึงบ้านพักติดทะเลทั้งคู่ก็เข้าไปเช็คอินและเอากระเป๋าไปเก็บและเดินออกไปที่ริมทะเล ทะเลที่ทั้งคู่ไปนั้นเป็นทะเลที่ข้าวฟ่างเคยมาเที่ยวกับภูริทัตและจารุวีย์ ทำให้เธอยืนนิ่งคิดถึงตอนที่มาตอนน
“จะมานอนกอดอะไรนี้มันยังกลางวันอยู่เลย” เธอพูดและดันตัวเองเพื่อที่จะลุกแต่เขากลับกอดให้แน่นขึ้น“ก็คิดถึงเมียไงจะห่างกันอยู่แล้วให้ผมได้นอนกอดคุณหน่อยสิ” สิ้นสุดเสียงนั้นเธอก็เลิกดิ้นและเอาแขนเล็กๆ ขาวๆ ไปโอบกอดเขา เขาก้มลงมาหอมที่แห้มนวลๆ ของเธอเขาจูบปากของเธอและสอดแทรกลิ้นของเขาเข้าไปข้างในลิ้นของเธอทั้งคู่แลกลิ้นกันจนทำให้ดุ้นสวาทของเขาชูขึ้นด้วยความแข็งแกร่งพร้อมใช้งาน“อะไรนี่ทำไมถึงชูตั้งเร็วขนาดนี้” เธอเอ่ยถามผู้เป็นสามีทำให้เขาเขินหนักมาก เขารีบจูบไปที่ปากของเธออีกครั้งให้เธอหยุดพูด เขาเลื่อนลงมาดูดที่หน้าอกที่ดูใหญ่โตของเธออีกจนรู้สึกถึงความไม่ไหวเขารีบถอดเสื้อผ้าตัวเองและของข้าวฟ่างสอดดุ้นสวาทของเขาเข้าร่องรักของเธอโยกเอวเข้าออกอย่างช้าๆ “โอ่ย! อ้าส์!”“ฟิตดีจัง ไม่ได้จัดนานแล้วขอสองรอบนะที่รัก” เขาพูดพร้อมกับโยกเอวเข้าออกมือก็บีบที่เต้าทั้งสองของเธอมือของเธอนั้นก็กอดที่คอของเขาหน้าตาของเธอนั้นดูฟิน เธอร้องครางออกมา “อ่อย! อึ้ม! ซื้ด! อ่าส์! เสียวจัง” เธอครางออกมาโดยที่ไม่เขินอายแล้วเพราะมันฟินและเสียวมาก ท้องที่โตก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการร่วมรักของทั้งสองถึงจะแต่งงานกันมาหลา
“ถ้าไม่แคร์ฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้เหรอ” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีหันไปมองหน้าผู้เป็นเมียสายตาเขาจ้องมองไปที่เธอและเอ่ยปากถามเธอ“คุณรักผมไหม ตอบผมได้ไหม” คำถามออกจากปากผู้เป็นสามีทำให้เธอสตั้นไปพักหนึ่งใบหน้าของเธอแดงก่ำหัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเพราะเป็นคำถามที่เธอไม่รู้จะตอบยังไงเพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกรักเขาเลย แต่เธอเองก็รู้สึกรักเขาแต่ด้วยความปากแข็งคำว่ารักเลยไม่ออกจากปากเธอเพราะถ้าเธอไม่มั่นใจคำว่ารักนั้นจะไม่มีทางออกจากปากเธอเลยต่อให้รู้สึกดีแค่ไหนถ้าไม่มั่นใจก็ไม่มีทางได้ยินคำว่ารักจากเธอแน่นอน เธอยืนนิ่งสักพักและมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา“ว่าไง คุณรักผมหรือเปล่า” เขายังคงถามย้ำเพราะต้องการคำตอบจากเธอในตอนนี้ความรักที่เขามีให้เธอนั้นชัดเจนมากพอแล้ว เหลือแต่ความรักจากเธอที่มันยังไม่ชัดเจน“คือ..ระ..รักสิ” เธอพูดติดๆ ขัดๆ เพราะความเขินอายเขาได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากเธอทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากสุดท้ายเขาก็เอาชนะใจที่แข็งของเธอได้ แต่สิ่งที่มันทำให้เขากังวลก็คือกลัวว่าจะดูแลเธอและลูกได้ไม่ดีพอเพราะธุรกิจก็มามีปัญหา“ผมก็รักคุณนะ คำนี้ไม่เคยออกจากปากผมเพราะผมไม่เคยรักใครแต่ว







