ปีแสงหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่เรติกานั่งอยู่ ชายหนุ่มขยับมาซ้อนหลังคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ ถ้าเป็นเมื่อเจ็ดเดือนก่อน การที่มีใครมาวุ่นวายกับเธอแบบนี้ ถ้าไม่แขนหักก็คงจะตาเขียวไปแล้ว
“เดี๋ยวอีกสองสามวันป้าทิพย์จะมาอยู่ด้วย” เรติกาขมวดคิ้วอย่างสงสัยที่อยู่ ๆ เขาก็บอกกับเธออย่างนั้น แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ทำไมถึงพาฉันมาอยู่ที่นี่”
“อยากให้เธอได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์” คนตัวเล็กฉีกยิ้มไปตามระเบียบ เขาทำอย่างกับเธอเป็นเด็กอายุสามขวบที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากว่าแท้จริงแล้วเธอก็พอจะรู้จุดประสงค์ของเขาอยู่หรอก
“ที่นี่อากาศดีเนอะ” เมื่อได้มองไปรอบ ๆ ห้องกว้างของบ้านพักตากอากาศ ถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าบ้านของเขา แต่ก็น่าอยู่ไม่น้อยเลย
“เธอชอบที่นี่เหรอ”
“มันน่าอยู่ดีนะ” หญิงสาวทอดสายตามองบรรยากาศข้างนอกของตัวบ้านลอดผ่านประตูกระจกบานใหญ่ รู้สึกอยากจะออกไปสัมผัสบรรยากาศดี ๆ เหล่านั้นด้วยตัวเอง
“...” มือหนาลูบที่ท้องข
“นายกำลังจะทำกับฉันเหมือนที่นายเคยทำ” เรติกาถูกมัดไว้กับเตียงคนไข้หลังจากที่สงบสติอารมณ์มาเกือบครึ่งชั่วโมง ขอบตาของเธอบวมปูดเพราะเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก“ฉันแค่จะทำแผลให้เธอ” ปีแสงเปิดดูแผลผ่าตัดที่มีเลือดซึม เขาจัดการทำความสะอาดแผลให้เธอ“เอาอิสระของฉันคืนมา”“ฉันจะให้อิสระกับเธอก็ต่อเมื่อฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่ไปจากฉัน”“นายไม่มีสิทธิ์รั้งฉันไว้นะ ฉันแค่อยากได้ชีวิตของฉันคืน”“ที่เป็นอยู่เธอไม่มีความสุขเลยเหรอ”“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับนาย ฉันทำตัวดีกับนาย ทำตัวไม่ให้มีปัญหากับนาย ฉันทำก็เพราะฉันแค่ต้องการเอาชีวิตรอด”“...” ปีแสงเงยหน้าขึ้นไปมองเธอนิ่ง ๆ เขาใช้ความเงียบในการยุติปัญหา ถ้าเธอพูดแล้วสบายใจเขาจะฟังเธอทุกอย่าง“ฉันไม่รู้ว่านายจะหันกลับมาทำร้ายฉันอีกตอนไหน ฉันไม่รู้ว่าพักหลังที่นายทำดีกับฉัน นายอาจจะแค่ดูแลลูกของนาย ฉันก็เลยได้รับการดูแลไปด้วย”“เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอเรย์”“ฉันก็รักตัวกลัวตายนะ ชีวิตของฉัน...ฉันก็อยากจะใช้มันให้มีความสุข ฉั
“จะได้กลับบ้านแล้ว ดีใจไหม” เรติกาพยักหน้าให้เจ้าของประโยคเมื่อครู่
ปีแสงอุ้มทารกน้อยที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มมาให้เรติกาอุ้ม เธอรับลูกมาสู่อ้อมอกอย่างละเมียดละไม แต่ยังไม่อยากเชื่อสายตาว่านี้คือลูกของเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยหวานอย่างไม่มีเหตุผล“ให้ลูกกินนมก่อน” ปีแสงพูดพร้อมกับขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เรติกาที่กำลังให้ลูกน้อยเข้าเต้าอย่างทุลักทุเล จนเขาต้องยื่นมือเข้าไปช่วย...“ปีแสง นี่นายจะทำอะไร” เธอตั้งท่าโวยวายเพราะตกใจในการกระทำของเขา“อยู่เฉย ๆ เลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เรติกาทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมอุ้มลูกอยู่นิ่ง ๆ ให้ปีแสงช่วยจัดการทุกอย่างให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวก้มลงไปจูบลูกชายอย่างเต็มรัก ในขณะที่ทารกน้อยดูดนมของเธอ ปีแสงโอบกอดคนตัวเล็กหลวม ๆ เขาก้มมองดูลูกรักด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะฝังปลายจมูกโด่งไปหนึ่งฟอดเพราะรู้สึกมันเขี้ยว“นายตั้งชื่อลูกหรือยัง”“ตั้งแล้ว” ปีแสงตอบเธอทั้งที่ยังมองลูกไม่ละสายตา ทารกน้อยสะกดใจผู้เป็นพ่อให้หลงใหล“ลูกชื่ออะไร?” ปีแสงเงยหน้าขึ้นมองเรติกานิ่ง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ก่อนจะก้มลงมาจ้องมองลูกอีกครั้ง“ปีแสง
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ปากมดลูกเปิดเพิ่มไหม” ปีแสงเอ่ยถามพยาบาลคนหนึ่งหลังจากที่เช็กอุปกรณ์สำหรับทำคลอด และคำตอบที่แพทย์หนุ่มได้รับคือคำตอบเดิมเช่นเคยนานหลายชั่วโมงแล้วที่ปากมดลูกของเรติกาไม่ขยายเพิ่มสักที เขาจึงต้องตัดสินใจที่จะผ่าคลอดให้เธอ“ไม่! ฉันไม่ผ่า ฉันจะรอคลอดเอง ฉันยังทนไหว” ปีแสงเดินเข้ามาในห้องรอคลอด เห็นเรติกายังโวยใส่เหล่าพยาบาลไม่หยุด“เดี๋ยวหมอจัดการ” ปีแสงบอกกับเหล่าพยาบาลขณะเดินมาหาเรติกาใกล้ ๆ พยาบาลทุกคนต่างถอยออกห่างอย่างรู้หน้าที่“...” เรติกามองปีแสงที่เดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ่าตัดสีเขียวเข้ม“เรย์”“ปีแสง ฉันอยากคลอดเอง ฉันยังทนไหว”ถึงจะยืนกรานว่าตัวเองทนไหว แต่ทั้งคำพูดและเรี่ยวแรงของเธอมันกลับสวนทาง ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนเพลียเพราะอดทนเจ็บท้องเป็นเวลานาน“เธอไม่ไหวแล้วเรย์”“ฉันไหวจริง ๆ นะ” เรติกาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอบีบมือปีแสงไว้แน
อึก!เพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ที่ปลายมีดผ่าตัดจะทิ่มแทงเข้าที่ก้อนเนื้อบริเวณอกด้านซ้ายของชายหนุ่ม ปีแสงลืมตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นระริก มือหนากอบกุมสองมือน้อยไว้แน่น หากเขาช้ากว่านี้ ปลายมีดคม ๆ คงไปฝังอยู่ตรงหัวใจของเขาเรียบร้อยเรติกามองปีแสงกลับไปนิ่ง ๆ เธอกำลังสับสนว่าคนอย่างเขาควรตายหรือเปล่า เพราะสองเดือนก่อนหน้านี้เธอเริ่มได้มองเห็นมุมอื่น ๆ ของเขามากขึ้น เขาไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง ในหัวของเธอได้แต่คิดว่าทำไม...ทำไม...ทำไม“ปล่อย ปีแสงปล่อย” เรติกาเรียกสติปีแสง พร้อมรั้งปลายมีดไม่ให้ทิ่มแทงเนื้อหนังของเขาด้วยพละกำลังทั้งหมด เพราะตอนนี้เป็นปีแสงเองที่ค่อย ๆ ดันมีดมาปักเข้ากับอกของตัวเอง “ปีแสง!!”“...” เสียงนั้นทำให้ปีแสงหยุดชะงักกะทันหัน เขาลืมตามองเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออกจากการเกาะกุม“นายเป็นบ้าอะไรของนาย อยู่ ๆ ก็เกิดไม่อยากหายใจหรือไง!”ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องตะโกนต่อว่าเขาที่ทำตัวเหมือนคนไม่มีความคิด “ถือว่าเธอสละโอกาส” ปีแสงพูดพร้อมดึงมีดจากมือของเ
ณ บ้านพักตากอากาศ“เรติกาอยู่ไหน” ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน