เมื่อนึกตามคำพูดของอรนลินแล้วพิมพ์พริมาก็เริ่มคิดหนักเพราะเธอลาออกจากงานมาได้เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มงานที่ไหนถ้าหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินเก็บที่สะสมมาก็คงจะหมดลง
ก่อนหน้านี้หญิงสาวทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับแฟนหนุ่มที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหญิงสาวจึงตัดสินใจลาออกจากงานเพราะไม่อาจจะทนมองหน้าเขาอีกต่อไปได้
เธอคบกับปิติภัทรตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทและคุยกันเอาไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนจากนั้นทั้งสองแต่งงานกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะแอบคบกับพนักงานในบริษัทอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งพอเธอรู้ก็บอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ปิติภัทรก็ทำตามตอนนั้นเธอยอมรับว่าดีใจมากที่เขาสำนึกผิดและกลับตัวได้แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็แอบกลับไปคบกันอีก
หญิงสาวทนคบกับเขาต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจบอกเลิกเพราะยิ่งคบก็ยิ่งเสียใจ เงินที่ทั้งสองฝากร่วมกันเพื่อจะจัดงานแต่งงานพิมพ์พริมาก็เอาคืนมาทุกบาททุกสตางค์ และเมื่อดูยอดเงินฝากแล้วส่วนใหญ่จะเป็นตัวเธอเองมากกว่าที่โอนเข้าบัญชีเกือบทุกเดือนส่วนเขานานๆ ครั้งถึงจะโอนเข้าซึ่งก่อนหน้านั้นพิมพ์พริมาไม่ได้สนใจจะดูยอดเงินในบัญชีเลย เนื่องจากไว้ใจและรักเขามากแต่เมื่อเขานอกใจเธออีกเป็นครั้งที่สองพิมพ์พริมาก็ตัดสินใจเลิกอย่างเด็ดขาดและเอาเงินในส่วนของตนเองกลับคืนมาทุกบาททุกสตางค์ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเธอ
หลังจากลาออกจากงานแล้วหญิงสาวก็ยังไม่ได้เริ่มสมัครงานที่ไหนเพราะยังเสียใจและรู้สึกเบื่อกับระบบการทำงาน แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็คิดว่าการใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ได้ทำอะไรมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก วันนี้เธอจึงเข้าไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่งถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าบริษัทเดิมแต่เธอก็คิดว่ายังดีกว่าอยู่ห้องเฉยๆ
เธอมองแล้วว่าถ้าได้ทำงานที่นี่มันก็จะสะดวกสบายกับตนเองมากเนื่องจากบริษัทอยู่ไม่ไกลห้องพักต่างจากบริษัทเดิมที่อยู่ค่อนข้างไกลและใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน
พิมพ์พริมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าตอนนี้มีแต่คนสนใจว่าเธอกำลังคบหากับใครอยู่ หญิงสาวยิ้มเพราะหนึ่งในคนที่ถามก็คือเพื่อนสนิทของปิติภัทรซึ่งเดาว่าน่าจะมาสืบข่าวไปบอกให้ฝ่ายนั้นรู้แต่พิมพ์พริมาไม่ได้ตอบข้อความของใครเลยสักคนเพราะอยากให้ทุกอย่างมันเป็นปริศนาเธอยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าผู้ชายที่นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวด้วย
เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อแต่งตัวดี หุ่นดีตรงกับสเปกผู้ชายที่เธอชอบ หญิงสาวไม่คิดว่าเขาเป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกที่หลอกรับประทานฟรีเพราะดูท่าทางแล้วเขาก็น่าจะเป็นคนไปทำงานเหมือนกับเธอ ซึ่งมันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คนทำงานหนักมากจนลืมพกกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านหรือทำงานจนลืมชาร์จแบตโทรศัพท์
เรื่องนี้มันก็เคยเกิดขึ้นกับเธอมาแล้วและตอนนั้นก็มีคนจ่ายค่าข้าวให้กับเธอที่เธอยอมช่วยเขาก็เพราะนึกถึงตนเองในอดีตที่เคยได้รับความช่วยเหลือ แต่ที่ขอถ่ายรูปก็เพราะนึกอยากจะทำอะไรที่มันสนุกๆ ดูบ้างและไม่คิดเลยว่ารูปถ่ายของเขาจะได้รับความสนใจจากเพื่อนในโซเชียลมากมายขนาดนี้
พิมพ์พริมานอนคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งเผลอหลับและตกใจตื่นเมื่อได้ยินข้างห้องโวยวายตั้งแต่เช้า
ห้องพักของเธอเป็นห้องพักราคาถูกมีห้องนอนหนึ่งห้องในห้องน้ำเล็กๆ กับระเบียงสำหรับตากเสื้อผ้า คนที่พักอาศัยก็เป็นวัยทำงานซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้ชีวิตข้างนอกและใช้หอพักเป็นแค่ที่พักผ่อนหลับนอน
เสียงโวยวายยังคงดังมาเรื่อยๆ ทำให้คนที่คิดว่าจะตื่นสายต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปหาอะไรทานในตอนเช้าก่อนจะกลับมาที่ห้องอีกครั้ง
วันนี้เธอคิดว่าจะลองหางานในอินเตอร์เน็ตดูว่ามีที่ไหนรับสมัครพนักงานบัญชีเพิ่มอีกหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้เปิดแท็บเล็ตเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวมองเบอร์ที่โทรเข้ามาซึ่งไม่ใช่เบอร์ที่เธอบันทึกไว้ พิมพ์พริมาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” เธอรับสายและไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าฝ่ายที่โทรศัพท์เข้ามานั้นจะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้
“ใช่เบอร์คุณพิมพ์พริมาไหมคะ”
“ใช่ค่ะดิฉันกำลังพูดอยู่ คุณโทรมาจากไหนคะ”
“ฉันโทรจากฝ่ายบุคคลบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่นค่ะ เมื่อวานคุณมายื่นใบสมัครไว้ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าเอกสารมีปัญหาหรือขาดเหลืออะไรหรือเปล่าคะ”
“เอกสารไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ทางเราอยากจะเชิญคุณมาสัมภาษณ์วันนี้สะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกค่ะ”
“เราจะให้เวลาคุณเตรียมตัวแล้วนัดมาเจอกันในตอนบ่ายวันนี้นะคะ”
“ได้ค่ะ” พิมพ์พริมารีบตอบตกลงทันทีเธอไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกโทรศัพท์ตามเข้าสัมภาษณ์งานเร็วขนาดนี้ แต่เมื่อโอกาสมาถึงก็ต้องรีบคว้าไว้
“ฉันต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” หญิงสาวรีบถามด้วยความตื่นเต้นเธอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
“เอกสารที่คุณยื่นมาเมื่อวานก็น่าจะครบแล้ว คงไม่ต้องเตรียมมาแล้วล่ะค่ะ บ่ายโมงคุณมาแต่ตัวเปล่าได้เลย” ฝ่ายบุคคลย้ำกับเธออีกครั้ง
“ได้ค่ะฉันจะเข้าตามเวลานัดค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อวางสายจากฝ่ายบุคคลแล้วพิมพ์พริมาก็รีบศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งก่อนหน้านี้เธออยู่ในบริษัทใหญ่มาก่อนการเข้าไปสัมภาษณ์งานในบริษัทที่มีขนาดเล็กกว่าจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ที่หญิงสาวตื่นเต้นก็เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้สัมภาษณ์งาน
เธอจำได้ดีว่าตอนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ เธอไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนเลยเพราะเธอเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จึงได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่ซึ่งจองตัวมากับทางมหาวิทยาลัยมันจึงทำเธอตื่นเต้นมากกับการไปสัมภาษณ์งานในครั้งนี้แต่พิมพ์พริมาก็คิดว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมามันคงช่วยเธอได้มาก
เรื่องที่พิมพ์พริมากับภาวินท์คบหาเป็นแฟนกันมีคนรู้ไม่มากเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งสองจะมาทำงานตั้งแต่เช้าและกลับคอนโดมิเนียมพร้อมกันในตอนเย็น แต่เรื่องมันก็ยังคงเป็นความลับเนื่องจากพิมพ์พริมาไม่เคยแสดงตัวว่าตนเองเป็นแฟนของเจ้าของบริษัทและขณะอยู่ที่บริษัทภาวินท์ก็พยายามวางตัวไม่เดินมาหาคนรักในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดแต่หลังจากกำหนดการแต่งงานและการ์ดแต่งงานถูกแจกออกไปตามแผนกต่างๆ ทุกคนก็รู้ความจริงสายตาที่มองพิมพ์พริมาของบางคนเปลี่ยนไปแต่บางคนก็ยังคงมองเธออย่างเดิม หญิงสาวเองก็วางตัวดีเคยพูดคุยทักทายหรือไหว้ใครก็ทำแบบนั้นตลอดมัน เลยทำให้คนอื่นยอมรับมากขึ้นหลังจากหญิงสาวเข้าทำงานในบริษัทได้ครบหนึ่งปีทั้งสองก็แต่งงานกันงานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรภาวินท์และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงญาติสนิทไปร่วมงานกันที่นั่นก่อนจะกลับมาฉลองพิธีมงคลสมรสที่กรุงเทพซึ่งจัดค่อนข้างใหญ่เพราะภาวินท์อยากให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมและถือโอกาสเลี้ยงทุกคนไปในตัว“เหนื่อยไหมว่าน” เขาถามหลังจากที่อยู่กันตามลำพังในห้องสวีทของโรงแรม“เหนื่อยมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมากๆ ด้วย”“พี่ก็มีความสุขมากเห
เมื่อได้คุยกับหัวหน้าแล้วพิมพ์พริมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ยังมีอีกสองด่านที่เธอจะต้องผ่านให้ได้ก็คือการบอกกับนารีรัตน์และพี่กิ่งแก้ว สำหรับพี่กิ่งแก้วหญิงสาวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาส่วนนารีรัตน์นั้นต้องค่อยๆ พูด แต่เท่าที่ได้รู้จักกันมาประมาณสามเดือนก็พอจะรู้ว่านารีรัตน์เป็นคนที่พูดเยอะ แต่จิตใจค่อนข้างดี ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอเธอเชื่อเหลือเกินว่านารีรัตน์จะต้องไม่โกรธที่เธอปิดบังแบบนี้ในบ่ายวันหนึ่งพิมพ์พริมาได้มีโอกาสออกไปวางบิลกับพี่กิ่งแก้วเลยถือโอกาสนี้บอกพี่กิ่งแก้วว่าตนเองกำลังคบหาอยู่กับภาวินท์ เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวของตัวเองคือผู้หญิงผู้โชคดีที่ทุกคนพูดถึงมาตลอดหลายวันนี้“พี่กิ่งไม่โกรธว่านใช่ไหมคะ ที่ว่านปิดบังความจริงมานานหลายเดือน”“พี่ไม่โกรธหรอกจ้ะ พี่เข้าใจดีเพราะถ้าหากเป็นพี่ก็ไม่กล้าบอกทุกคนตอนที่ตัวเองยังไม่ผ่านการทดลองงานหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ลำบากใจน่าจะเป็นพี่สุมากกว่า”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธและยังเข้าใจว่าน ที่ว่านบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดว่าตัวเองเป็นแฟนเจ้าของบริษัทแต่ที่บอกเพราะไม่อยากจะปิดบังค่ะ ว่านอยากให้พี่มองว่าว่านเป็นน้องสาวและเพื่อนร่วม
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินมาหาสุกัญญาที่โต๊ะทำงาน“หาเก้าอี้มานั่งก่อนสิว่าน”พิมพ์พริมาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาข้างโต๊ะทำงานของสุกัญญาก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ยังไง“มีอะไรจะพูดกับพี่ ท่าทางเครียดเลยนะ”“พี่สุคะ ที่นี่มีกฎว่าถ้าจะคบใครก็ต้องเปิดเผยใช่ไหมคะห้ามแอบคบหากันใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ว่านถามแบบนี้หมายถึงว่านกำลังคบใครในบริษัทอยู่หรือเปล่า”“ใช่ค่ะ แต่ว่านไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะบอกคนอื่นดีไหม”“ทำไมล่ะหรือคนที่คบอยู่เขาไม่อยากให้ว่านบอกคนอื่น”“เขาให้บอกได้ค่ะแต่ว่านกลัวว่าบอกไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ว่านกลัวมันจะกระทบกับการทำงานและเพื่อนร่วมงานแต่ถ้าว่านไม่บอกแล้วมีคนมารู้ทีหลังก็กลัวจะเกิดปัญหา อีกอย่างว่านก็ไม่ค่อยอยากจะปิดบังเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่แต่ จ่ๆ จะให้พูดออกไปตรงมันก็ดูไม่ดี”“ว่านกำลังจะพูดอะไรเหรอ พี่ตามไม่ทันเลย”“ก่อนที่ว่าจะบอกว่ากำลังคบกับใครว่านขอถามพี่สุหน่อยได้ไหม”“ได้สิ”“เรื่องการประเมินงานของว่านที่สุพิจารณาจากอะไรคะ”“ก็พิจารณาจากการทำงานไงล่ะ แล้วก็การทำงานเป็นทีมรวมถึงการมาทำงานตรงเวลา ทำไมว่านถามพี่แ
“ดีใจด้วยนะว่านดีใจเรื่องอะไรคะพี่สุ” พิมพ์พริมาหันไปถามหัวหน้าที่เดินยิ้มเข้ามาแต่ไกล“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ว่านทำงานที่นี่สามเดือนแล้วนะ และผลการประเมินมันก็ออกมาแล้ว”“ว่านผ่านใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจเพราะเห็นสีหน้าของพี่สุกัญญาก็พอจะเดาออก“ใช่จ้ะผ่านแล้วเดี๋ยวเคลียร์งานข้างหน้าเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนบัตรพนักงานที่แผนกบุคคลนะอาจจะต้องเซ็นสัญญาบางอย่างเพิ่มเติมก่อนเซ็นก็ดูให้ดีๆ ล่ะ”“ค่ะพี่สุ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รีบทำงานตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย“พี่สุคะว่านขอไปแผนกบุคคลก่อนนะคะ”พิมพ์พริมาเดินไปที่แผนกบุคคลอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็ลุ้นมาหลายวันแล้วว่าตนเองจะผ่านการทดลองงานไหม“สวัสดีค่ะพี่จิตรา”“สวัสดีจ้ะว่านพี่ดีใจด้วยนะผ่านการทดลองงานแล้ว นี่ก็เป็นรายละเอียดและสัญญาของพนักงานประจำจ้ะว่านอ่านก่อนเซ็นนะ”“ค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวนั่งอ่านสัญญาการทำงานซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบริษัทเดิมมากนักเมื่ออ่านอย่างละเอียดและทำความเข้าใจและดูว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองจะถูกเอาเปรียบก็รีบเซ็นชื่อลงไปในนั้น“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่จิตรา ถ้ายังงั้นว่านขอไปทำงานที่แผนกนะคะ”“ได้จ้ะ
การเจรจากับมารดาของพิมพ์พริมาและญาติของเธอผ่านไปได้ด้วยดี มารดาของหญิงสาวยอมให้ภาวินท์หมั้นหมายกับพิมพ์พริมาไว้ก่อน ส่วนงานแต่งงานนั้นจะตามมาหลังจากครบหนึ่งปีหลังจากทั้งสองได้คบหากันอย่างจริงจังคุณพิมพ์พรมารดาของพิมพ์พริมารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง เธอยังจำคำพูดของคุณวสันต์บิดาของภาวินท์ในอดีตได้ดี ว่าถ้าหากพิมพ์พริมาโตขึ้นก็อยากให้หมั้นหมายกับลูกชายของตนเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นจริงได้แต่สิ่งที่พิมพ์พริมายังกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะของตนเองในบริษัทเพราะยังต้องคอยหลบซ่อนสายตาของคนอื่นๆ และปกปิดเรื่องที่ตนเองกับภาวินท์คบหากันไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงนี้ชายหนุ่มมักจะแวะมาแผนกบัญชีบ่อยๆ บางครั้งก็มักจะสั่งอาหารมาให้พนักงานทุกคนในบริษัทซึ่งพิมพ์พริมารู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากให้เธอได้ทานของอร่อยๆ“พี่วินคะว่านว่าพี่วินไม่ต้องเลี้ยงอาหารพนักงานทุกคนในบริษัทก็ได้นะคะว่านเกรงใจพี่วิน”“พี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันสักหน่อย”“แต่พี่วินเลี้ยงทุกอาทิตย์เลยนะคะ ว่านถามพี่สุแล้วแต่ก่อนพี่วินไม่ได้เลี้ยงบ่อยแบบนี้ แล้วอาหารแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถู
พิมพ์พริมาหอบเหนื่อยอย่างหนักช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดแท่งร้อนแรงและถี่ไปตามสัญชาตญาณที่ไม่อาจคุมได้ภาวินท์เองก็ปวดร้าวไปทั่วท่อนเอ็นแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเพราะอยากมอบความสุขให้กับคนรักอย่างเต็มที่“อ่าห์....ว่านจ๋าครั้งนี้เสร็จแรงมากรัดพี่จะขาดอยู่แล้ว”“พี่วินขา...”“ดีไหมว่าน ชอบไหม”“พี่วิน....เสียวอีกแล้วว่านเสียวอีกแล้ว...อ่ะ...อื้อ...”เสียงหวานเรียกอย่างคนละเมอความเสียวพุ่งสูงอีกครั้ง ภาวินท์จับขาข้างหนึ่งพาดไปบนบ่าและตอกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง“สุดยอดมากว่าน เอามันที่สุดเลยที่รัก ใกล้แล้วใช่ไหม ตอดพี่แรงแบบนี้ พี่ชอบจัง อ่าห์เสียวมากที่รัก....อ่าห์....พี่เสียวมาก”เสียงภาวินท์แหบพร่าแรงตอดรัดกำลังทำให้เขาเสียวมากขึ้นและอีกไม่นานก็คงจะถึงขอบสวรรค์“อื้อ....พี่วินขา....ว่านจะไม่ไหวแล้วนะคะ ว่านเสียว....”เสียงเธอหอบกระชั้นชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะแตะขอบสวรรค์ ความเป็นสาวของเธอบีบรัดจนเขาแทบจะขาดใจ ไม่คิดเลยว่าความสุขจะมากมายถึงเพียงนี้สะโพกสอบถาโถมแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนรักเกร็งสะท้านกรีดร้องอีกครั้งชายหนุ่มกระแทกกร