เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่น
ในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์
คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
คำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย
“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก
“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้นะ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้ที่แผนกก็ค่อนข้างจะยุ่งมาก”
“ค่ะพี่สุ”
“ตกลงวันจันทร์ว่านมาถึงก็เข้าไปขอบัตรประจำตัวและรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลก่อน จากนั้นก็ไปหาพี่ที่แผนกบัญชีนะ”
“ค่ะพี่สุ ขอบคุณนะคะที่รับว่านเข้าทำงาน”
“พี่เห็นประวัติการทำงานของว่านแล้วนะ ว่านเคยทำงานในบริษัทใหญ่มาก่อนการมาทำงานที่นี่ก็คงช่วยงานพี่ได้มาก”
“ว่านต่างหากที่ต้องขอคำแนะนำจากพี่ค่ะ ประสบการณ์ของว่านมันน้อยมากเมื่อเทียบกับพี่”
“พี่ก็ไม่รู้จะแนะนำว่านได้มากแค่ไหน เอาเป็นว่าเรามาช่วยกันทำงานดีกว่านะ”
“ค่ะพี่สุ”
“แต่ก่อนที่เราจะร่วมงานกันพี่ขอถามได้ไหมว่าทำไมว่านถึงลาออกจากบริษัทใหญ่ขนาดนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สุกัญญาถามลูกน้องคนใหม่ แต่เรื่องนี้เธอไปสืบมาแล้วว่าที่พิมพ์พริมาลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องงานเลย แต่เป็นเพราะเธอมีปัญหากับแฟนหนุ่มและไม่อยากจะทำงานในบริษัทเดียวกันก็เท่านั้น แต่ที่ต้องถามพิมพ์พริมาอีกครั้งก็เพราะอยากจะฟังคำตอบจากปากของเธอว่าจะตอบตรงกับเรื่องไปสืบมาหรือเปล่า
“ที่ว่านลาออกจากบริษัทเดิมว่านไม่มีปัญหาเรื่องงานหรอกค่ะแต่ว่านมีปัญหากับคนมากกว่า” หญิงสาวตอบไปตามความจริงเพราะถ้าจะร่วมงานกันเธอก็ไม่อยากจะปกปิดอะไร
“หมายถึงทะเลาะกับคนในแผนกเหรอ” สุกัญญาแกล้งถามต่อ
“เปล่าหรอกค่ะ ว่านไม่ได้ทะเลาะกับใครในแผนกแต่ว่านมีปัญหากับแฟนเก่าค่ะ แฟนเก่าของว่านกับแฟนใหม่ของเขาทำงานอยู่ที่นั่นว่านไม่อยากเจอพวกเขาก็เลยตัดสินใจลาออกค่ะ”
“แค่นั้นใช่มั้ยไม่ได้มีปัญหาอื่นแน่นะ”
“แน่ค่ะพี่สุ ว่านไม่มีปัญหากับใครในบริษัทเลยพี่สุจะโทรไปถามฝ่ายบุคคลที่นั่นก็ได้นะคะ การลาออกของว่านจะเรียกว่าการลาออกเพราะอกหักค่ะ”
“แล้วตอนนี้ทำใจเรื่องนั้นได้แล้วใช่ไหม”
“ทำใจได้แล้วค่ะ ว่านถึงมาสมัครงานและคิดว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ”
“พี่ดีใจด้วยที่คิดได้และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ การทำงานมันแสดงถึงความมีคุณค่าในตัวเอง ถ้าเรามีความรู้มีความสามารถมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้บางครั้งผู้ชายก็ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตหรอกนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สุ ว่านก็คิดแบบพี่สุ แต่อาจจะคิดช้าไปหน่อยเลยปล่อยให้ตัวเองว่างงานเกือบสองเดือน”
“แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่รู้ใจตนเองและกลับมารักตัวเอง มาเริ่มทำงานอีกครั้ง”
“ค่ะพี่สุ ว่านคิดว่าคงไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้วไม่หลงเหลือความเศร้าสักนิด
สุกัญญารู้สึกถูกชะตากับลูกน้องคนใหม่เป็นอย่างมากเพราะเรื่องที่เธอตอบมันเป็นความจริงทั้งหมด อีกครั้งหญิงสาวยังตอบด้วยท่าทางที่มั่นใจไม่มีอะไรปิดบังมันเลยทำให้เธอคิดว่าจะทำงานกับพิมพ์พริมาได้เป็นอย่างดี
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นวันนี้ว่านกลับไปก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์”
“ได้ค่ะพี่สุ ว่านขอบคุณอีกครั้งนะคะที่พี่สุให้โอกาสว่านได้กลับมาทำงาน”
เมื่อบอกลาหัวหน้าแผนกบัญชีแล้วพิมพ์พริมาก็นั่งรถเมล์ กลับมายังห้องพักซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาทีเท่านั้นแต่เธอไม่รู้ว่าในวันทำงานปกติอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้ซักครึ่งชั่วโมงเพราะรถน่าจะติดและคนใช้บริการรถเมล์ก็น่าจะมากกว่าเวลาบ่ายแบบนี้
หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปหาอรนลินเพื่อนรักเพื่อบอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะเริ่มงานในวันจันทร์หน้า
“ดีใจด้วยนะว่าน ไปสมัครงานเมื่อวานแต่บริษัทรับเข้าทำงานวันนี้ว่านโชคดีมากๆ เลย”
“ว่านก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะรับเข้าทำงานเร็วขนาดนี้”
“เขาบอกเหตุผลหรือเปล่า”
“เขาบอกว่าพนักงานบัญชีคนเก่าลาออกกะทันหันก็เลยอยากได้คนที่พร้อมจะเริ่มงานเลย”
“อย่างนี้เราต้องฉลองกันดีไหม”
“ดีสิ แต่นุ่นจะว่างเหรอ”
“ว่างสิ ตอนนี้ว่านอยู่ไหนเหรอ”
“เพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อกี้ นุ่นล่ะ”
“นุ่นออกมาเจอลูกค้าแถวหอพักของว่านพอดี เดี๋ยวนุ่นแวะรับนะแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีไหม”
“ไม่ต้องกลับไปทำงานต่อเหรอ”
“ไม่หรอกบ่ายวันศุกร์แบบนี้ใครเขากลับเข้าไปทำงานกันล่ะว่าน ให้นุ่นไปรับนะ”อรนลินพูดแล้วหัวเราะเพราะบริษัทที่เธอทำอยู่เป็นบริษัทของครอบครัวการจะเลิกงานก่อนเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
“ได้สินุ่นอยากกินอะไรเดี๋ยวว่านเลี้ยงเอง”
“ได้ยังไงล่ะนุ่นต้องเป็นคนเลี้ยงฉลองให้กับว่านสิเพราะว่านเพิ่งได้งานอยากกินอะไรล่ะว่ามา ชาบูปิ้งย่างดีไหมหรือจะเลือกเป็นส้มตำแซ่บๆ”
“ขอเป็นส้มตำแซ่บๆ ดีกว่านะกินร้านหน้าปากซอยดีไหม”
“อือ”
“งั้นว่านลงไปสั่งไว้รอนะพอนุ่นมาถึงจะได้กินพอดี ว่าแต่อีกนานไหมกว่าจะมาถึง”
“ประมาณยี่สิบนาที”
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวว่านลงไปสั่งไว้รอนะ นุ่นจอดรถที่หน้าร้านได้เลยไม่ต้องเข้ามาที่หอ”
“สั่งเยอะๆ นะว่านตอนนี้นุ่นหิวมากเลย”
“ได้สิ รีบมานะ”
เมื่อวางสายจากอรนลินแล้วหญิงสาวก็รีบไปยังร้านส้มตำที่อยู่หน้าปากซอย เธอสั่งเมนูที่ชอบรับประทานกันเป็นประจำ รอไม่นานนักรถของอรนลินก็มาจอดที่หน้าร้าน
เรื่องที่พิมพ์พริมากับภาวินท์คบหาเป็นแฟนกันมีคนรู้ไม่มากเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งสองจะมาทำงานตั้งแต่เช้าและกลับคอนโดมิเนียมพร้อมกันในตอนเย็น แต่เรื่องมันก็ยังคงเป็นความลับเนื่องจากพิมพ์พริมาไม่เคยแสดงตัวว่าตนเองเป็นแฟนของเจ้าของบริษัทและขณะอยู่ที่บริษัทภาวินท์ก็พยายามวางตัวไม่เดินมาหาคนรักในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดแต่หลังจากกำหนดการแต่งงานและการ์ดแต่งงานถูกแจกออกไปตามแผนกต่างๆ ทุกคนก็รู้ความจริงสายตาที่มองพิมพ์พริมาของบางคนเปลี่ยนไปแต่บางคนก็ยังคงมองเธออย่างเดิม หญิงสาวเองก็วางตัวดีเคยพูดคุยทักทายหรือไหว้ใครก็ทำแบบนั้นตลอดมัน เลยทำให้คนอื่นยอมรับมากขึ้นหลังจากหญิงสาวเข้าทำงานในบริษัทได้ครบหนึ่งปีทั้งสองก็แต่งงานกันงานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรภาวินท์และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงญาติสนิทไปร่วมงานกันที่นั่นก่อนจะกลับมาฉลองพิธีมงคลสมรสที่กรุงเทพซึ่งจัดค่อนข้างใหญ่เพราะภาวินท์อยากให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมและถือโอกาสเลี้ยงทุกคนไปในตัว“เหนื่อยไหมว่าน” เขาถามหลังจากที่อยู่กันตามลำพังในห้องสวีทของโรงแรม“เหนื่อยมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมากๆ ด้วย”“พี่ก็มีความสุขมากเห
เมื่อได้คุยกับหัวหน้าแล้วพิมพ์พริมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ยังมีอีกสองด่านที่เธอจะต้องผ่านให้ได้ก็คือการบอกกับนารีรัตน์และพี่กิ่งแก้ว สำหรับพี่กิ่งแก้วหญิงสาวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาส่วนนารีรัตน์นั้นต้องค่อยๆ พูด แต่เท่าที่ได้รู้จักกันมาประมาณสามเดือนก็พอจะรู้ว่านารีรัตน์เป็นคนที่พูดเยอะ แต่จิตใจค่อนข้างดี ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอเธอเชื่อเหลือเกินว่านารีรัตน์จะต้องไม่โกรธที่เธอปิดบังแบบนี้ในบ่ายวันหนึ่งพิมพ์พริมาได้มีโอกาสออกไปวางบิลกับพี่กิ่งแก้วเลยถือโอกาสนี้บอกพี่กิ่งแก้วว่าตนเองกำลังคบหาอยู่กับภาวินท์ เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวของตัวเองคือผู้หญิงผู้โชคดีที่ทุกคนพูดถึงมาตลอดหลายวันนี้“พี่กิ่งไม่โกรธว่านใช่ไหมคะ ที่ว่านปิดบังความจริงมานานหลายเดือน”“พี่ไม่โกรธหรอกจ้ะ พี่เข้าใจดีเพราะถ้าหากเป็นพี่ก็ไม่กล้าบอกทุกคนตอนที่ตัวเองยังไม่ผ่านการทดลองงานหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ลำบากใจน่าจะเป็นพี่สุมากกว่า”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธและยังเข้าใจว่าน ที่ว่านบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดว่าตัวเองเป็นแฟนเจ้าของบริษัทแต่ที่บอกเพราะไม่อยากจะปิดบังค่ะ ว่านอยากให้พี่มองว่าว่านเป็นน้องสาวและเพื่อนร่วม
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินมาหาสุกัญญาที่โต๊ะทำงาน“หาเก้าอี้มานั่งก่อนสิว่าน”พิมพ์พริมาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาข้างโต๊ะทำงานของสุกัญญาก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ยังไง“มีอะไรจะพูดกับพี่ ท่าทางเครียดเลยนะ”“พี่สุคะ ที่นี่มีกฎว่าถ้าจะคบใครก็ต้องเปิดเผยใช่ไหมคะห้ามแอบคบหากันใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ว่านถามแบบนี้หมายถึงว่านกำลังคบใครในบริษัทอยู่หรือเปล่า”“ใช่ค่ะ แต่ว่านไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะบอกคนอื่นดีไหม”“ทำไมล่ะหรือคนที่คบอยู่เขาไม่อยากให้ว่านบอกคนอื่น”“เขาให้บอกได้ค่ะแต่ว่านกลัวว่าบอกไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ว่านกลัวมันจะกระทบกับการทำงานและเพื่อนร่วมงานแต่ถ้าว่านไม่บอกแล้วมีคนมารู้ทีหลังก็กลัวจะเกิดปัญหา อีกอย่างว่านก็ไม่ค่อยอยากจะปิดบังเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่แต่ จ่ๆ จะให้พูดออกไปตรงมันก็ดูไม่ดี”“ว่านกำลังจะพูดอะไรเหรอ พี่ตามไม่ทันเลย”“ก่อนที่ว่าจะบอกว่ากำลังคบกับใครว่านขอถามพี่สุหน่อยได้ไหม”“ได้สิ”“เรื่องการประเมินงานของว่านที่สุพิจารณาจากอะไรคะ”“ก็พิจารณาจากการทำงานไงล่ะ แล้วก็การทำงานเป็นทีมรวมถึงการมาทำงานตรงเวลา ทำไมว่านถามพี่แ
“ดีใจด้วยนะว่านดีใจเรื่องอะไรคะพี่สุ” พิมพ์พริมาหันไปถามหัวหน้าที่เดินยิ้มเข้ามาแต่ไกล“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ว่านทำงานที่นี่สามเดือนแล้วนะ และผลการประเมินมันก็ออกมาแล้ว”“ว่านผ่านใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจเพราะเห็นสีหน้าของพี่สุกัญญาก็พอจะเดาออก“ใช่จ้ะผ่านแล้วเดี๋ยวเคลียร์งานข้างหน้าเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนบัตรพนักงานที่แผนกบุคคลนะอาจจะต้องเซ็นสัญญาบางอย่างเพิ่มเติมก่อนเซ็นก็ดูให้ดีๆ ล่ะ”“ค่ะพี่สุ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รีบทำงานตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย“พี่สุคะว่านขอไปแผนกบุคคลก่อนนะคะ”พิมพ์พริมาเดินไปที่แผนกบุคคลอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็ลุ้นมาหลายวันแล้วว่าตนเองจะผ่านการทดลองงานไหม“สวัสดีค่ะพี่จิตรา”“สวัสดีจ้ะว่านพี่ดีใจด้วยนะผ่านการทดลองงานแล้ว นี่ก็เป็นรายละเอียดและสัญญาของพนักงานประจำจ้ะว่านอ่านก่อนเซ็นนะ”“ค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวนั่งอ่านสัญญาการทำงานซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบริษัทเดิมมากนักเมื่ออ่านอย่างละเอียดและทำความเข้าใจและดูว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองจะถูกเอาเปรียบก็รีบเซ็นชื่อลงไปในนั้น“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่จิตรา ถ้ายังงั้นว่านขอไปทำงานที่แผนกนะคะ”“ได้จ้ะ
การเจรจากับมารดาของพิมพ์พริมาและญาติของเธอผ่านไปได้ด้วยดี มารดาของหญิงสาวยอมให้ภาวินท์หมั้นหมายกับพิมพ์พริมาไว้ก่อน ส่วนงานแต่งงานนั้นจะตามมาหลังจากครบหนึ่งปีหลังจากทั้งสองได้คบหากันอย่างจริงจังคุณพิมพ์พรมารดาของพิมพ์พริมารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง เธอยังจำคำพูดของคุณวสันต์บิดาของภาวินท์ในอดีตได้ดี ว่าถ้าหากพิมพ์พริมาโตขึ้นก็อยากให้หมั้นหมายกับลูกชายของตนเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นจริงได้แต่สิ่งที่พิมพ์พริมายังกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะของตนเองในบริษัทเพราะยังต้องคอยหลบซ่อนสายตาของคนอื่นๆ และปกปิดเรื่องที่ตนเองกับภาวินท์คบหากันไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงนี้ชายหนุ่มมักจะแวะมาแผนกบัญชีบ่อยๆ บางครั้งก็มักจะสั่งอาหารมาให้พนักงานทุกคนในบริษัทซึ่งพิมพ์พริมารู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากให้เธอได้ทานของอร่อยๆ“พี่วินคะว่านว่าพี่วินไม่ต้องเลี้ยงอาหารพนักงานทุกคนในบริษัทก็ได้นะคะว่านเกรงใจพี่วิน”“พี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันสักหน่อย”“แต่พี่วินเลี้ยงทุกอาทิตย์เลยนะคะ ว่านถามพี่สุแล้วแต่ก่อนพี่วินไม่ได้เลี้ยงบ่อยแบบนี้ แล้วอาหารแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถู
พิมพ์พริมาหอบเหนื่อยอย่างหนักช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดแท่งร้อนแรงและถี่ไปตามสัญชาตญาณที่ไม่อาจคุมได้ภาวินท์เองก็ปวดร้าวไปทั่วท่อนเอ็นแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเพราะอยากมอบความสุขให้กับคนรักอย่างเต็มที่“อ่าห์....ว่านจ๋าครั้งนี้เสร็จแรงมากรัดพี่จะขาดอยู่แล้ว”“พี่วินขา...”“ดีไหมว่าน ชอบไหม”“พี่วิน....เสียวอีกแล้วว่านเสียวอีกแล้ว...อ่ะ...อื้อ...”เสียงหวานเรียกอย่างคนละเมอความเสียวพุ่งสูงอีกครั้ง ภาวินท์จับขาข้างหนึ่งพาดไปบนบ่าและตอกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง“สุดยอดมากว่าน เอามันที่สุดเลยที่รัก ใกล้แล้วใช่ไหม ตอดพี่แรงแบบนี้ พี่ชอบจัง อ่าห์เสียวมากที่รัก....อ่าห์....พี่เสียวมาก”เสียงภาวินท์แหบพร่าแรงตอดรัดกำลังทำให้เขาเสียวมากขึ้นและอีกไม่นานก็คงจะถึงขอบสวรรค์“อื้อ....พี่วินขา....ว่านจะไม่ไหวแล้วนะคะ ว่านเสียว....”เสียงเธอหอบกระชั้นชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะแตะขอบสวรรค์ ความเป็นสาวของเธอบีบรัดจนเขาแทบจะขาดใจ ไม่คิดเลยว่าความสุขจะมากมายถึงเพียงนี้สะโพกสอบถาโถมแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนรักเกร็งสะท้านกรีดร้องอีกครั้งชายหนุ่มกระแทกกร