เช้าวันจันทร์พิมพ์พริมาตื่นนอนตั้งแต่เช้าหญิงสาวนั่งรถเมล์มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็นั่งรออยู่บริเวณโซนรับแขกของบริษัทเพื่อรอเวลาจะเข้าไปหาหัวหน้าแผนกบุคคล
“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะว่าน”
“สวัสดีค่ะพี่สุ” หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้าฝ่ายบัญชี
“เข้าไปรอที่แผนกก่อนไหมล่ะ ฝ่ายบุคคลน่าจะยังไม่มาทำงานพี่จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนในแผนกก่อนจะไปทำเรื่องเอกสาร”
“ได้ค่ะพี่สุ”
หญิงสาวเดินตามสุกัญญาเข้ามาในแผนกซึ่งตอนนี้มีพนักงานคนหนึ่งมาทำงานก่อนหน้าเธอแล้วหนึ่งคน
“กิ่งแก้วทำอะไรอยู่”
“กิ่งกำลังหาไฟล์งานของปีที่แล้วอยู่น่ะ”
“วางงานตรงหน้าก่อนได้ไหมสุมีพนักงานใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก” เมื่อหัวหน้าแผนกบอกแบบนั้นกิ่งแก้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มส่งยิ้มทักทายพนักงานใหม่
“สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไว้
“ว่านคนนี้ชื่อกิ่งแก้วนะทำงานที่นี่มานานพอๆ กับพี่เลย”
“สวัสดีค่ะพี่กิ่งแก้ว” หญิงสาวทักทายอีกครั้ง
“สวัสดีจ้ะ เรียกพี่ว่ากิ่งก็ได้จ้ะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกบัญชีของเรานะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง ยังไงว่านขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ พี่กิ่งสอนงานว่านด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบฝากตัว
“สุเล่าให้ฟังว่าว่านเคยทำงานบริษัทใหญ่มาก่อน พี่คิดว่าคงไม่ต้องสอนมากหรอกมั้ง”
“ถึงว่านจะทำงานในบริษัทใหญ่มาก็จริง แต่ลักษณะงานมันก็ต่างกันค่ะ พี่มีอะไรก็บอกว่านได้ตรงๆ เลยนะคะ แล้วแผนกเรามีพนักงานกี่คนคะ”
“ถ้ารวมว่านด้วยก็มีสี่คนจ้ะ นั่นไงอีกคนหนึ่งมาพอดีเลย”
“รัตน์ทางนี้ก่อน” สุกัญญาเรียกลูกน้องอีกคนที่จะแนะนำให้รู้จักกับพนักงานใหม่
“ว่านคนนี้ชื่อนารีรัตน์นะหรือเรียกว่ารัตน์ก็ได้อายุน่าจะเท่าๆ กัน”
“สวัสดีค่ะคุณรัตน์”
“ไม่ต้องเรียกรัตน์แบบนั้นหรอกเรียกว่ารัตน์เฉยๆ ก็ได้”
“คนนี้ชื่อว่านเธอจะเข้ามาทำงานแทนหญิงที่ลาออกไป”
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ว่านอายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบหกแล้วรัตน์ล่ะ”
“เราอายุเท่ากันเลย แบบนี้ค่อยคุยกันถูกคอหน่อยไม่เหมือนคุยกับคนแก่แถวนี้” นารีรัตน์พูดแล้วหันไปมองหน้ารุ่นพี่สองคนที่กำลังทำตาเขียวใส่
“ให้มันน้อยๆ หน่อยรัตน์พี่ก็แค่อายุมากกว่าเธอไปห้าปีเองไม่ได้แก่สักหน่อย” กิ่งแก้วรีบท้วง
“ก็ไม่ได้แก่หรอกค่ะ แต่พี่สองคนไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่นเลย มีว่านเข้ามาทำงานด้วยแบบนี้รัตน์ว่าคงไม่เหงาเท่าไหร่”
“ว่านฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ ว่านเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ถ้าอะไรที่ทำไม่ถูกต้องก็เตือนได้เลยไม่ต้องเกรงใจ” หญิงสาวรีบออกตัว
“ที่นี่ทำงานกันแบบพี่น้องมีอะไรก็ปรึกษาและคอยช่วยเหลือกันถ้าว่านมีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่สุหรือพี่กิ่งก็ได้ ส่วนรัตน์น่ะเพิ่งเข้ามาทำงานก่อนว่านไม่นานคงยังไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ ยังไงทั้งสองคนก็เรียนรู้การทำงานไปพร้อมๆ กันนะ”
“ได้ค่ะพี่สุ”
“เอาล่ะตอนนี้แผนกบุคคลน่าจะมาทำงานแล้วรัตน์ไปส่งว่านที่แผนกบุคคลได้ไหมล่ะ”
“ได้ค่ะพี่สุ”
“ส่งแล้วก็กลับมานะอย่ามัวแต่คุยเพลินล่ะ” สุกัญญาบอกลูกน้องเพราะรู้ว่านารีรัตน์อัธยาศัยดีมักจะคุยกับคนอื่นไปทั่วจนลืมดูเวลา
พิมพ์พริมาเดินตามหลังนารีรัตน์มายังแผนกที่อยู่ถัดจากแผนการตลาดไป
"สวัสดีค่ะ” พิมพ์พริมายกมือไหว้หัวหน้าแผนกบุคคลที่เธอเคยเจอมาแล้วเมื่อเย็นวันศุกร์
“สวัสดีค่ะพี่จิตรา รัตน์พาพนักงานใหม่มารายงานตัวค่ะ”
“ขอบใจมากนะรัตน์”
“รัตน์ไปก่อนนะ ถ้าทำเรื่องเสร็จแล้วว่านกลับไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
“อือ ว่านกลับคนเดียวได้ รัตน์ไปทำงานเถอะ”
เมื่อนารีรัตน์เดินไปแล้วจิตราหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็ถือแฟ้มขึ้นมา
“เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ห้องประชุมเล็กดีกว่านะมีรายละเอียดหลายอย่างที่จะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร”
พิมพ์พริมาเดินตามหลังจิตราเข้าไปในห้องประชุมเล็ก จากนั้นจิตราก็อธิบายถึงลักษณะการทำงานกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงแนะนำให้รู้จักผังขององค์กรซึ่งจะมีรูปและตำแหน่งติดอยู่ในแฟ้มให้เธอได้ศึกษา
“แล้วทำไมไม่มีรูปซีอีโอล่ะคะพี่จิตรา” หญิงสาวถามเพราะทุกคนมีรูปแนบไว้กับตำแหน่งที่ชัดเจนขาดก็แต่ซีอีโอคนเดียวเท่านั้น
“ก็คุณภาวินท์ไม่ยอมให้พี่เอารูปใส่แฟ้มประวัติน่ะสิ แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพี่จะแนะนำให้ว่านรู้จักกับคุณภาวินท์เอง แต่ต้องรอให้เขาว่างก่อนนะช่วงนี้เขาว่าหนักมากๆ”
“ค่ะพี่จิตรา”
“เดี๋ยวพี่จะออกไปทำงานข้างนอก ว่านอ่านสัญญาให้ละเอียดนะ ไม่เข้าใจตรงไหนมาร์คไว้พี่เข้ามาจะได้ถามและทำความเข้าใจกันถูกต้องทั้งสองฝ่ายก่อนจะเซ็นสัญญา”
“ได้ค่ะ”
เมื่อหัวหน้าแผนกบุคคลเดินออกไปแล้วพิมพ์พริมาก็นั่งอ่านระเบียบการทำงานต่างๆ รวมถึงหนังสือสัญญาจ้างงานซึ่งเงินเดือนที่เธอได้น้อยกว่าที่เดิมอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าหากเธอผ่านช่วงทดลองงานไปแล้วเงินเดือนจะสูงกว่าที่เดิมอีกสองพันมันทำให้หญิงสาวพอใจเป็นอย่างมาก
เพราะการมาทำงานที่นี่มันใกล้กว่าบริษัทเดิมอยู่มากอีกทั้งเพื่อนร่วมงานที่เธอเจอทั้งสามคนก็ดูเหมือนจะเข้ากันกับเธอได้ดีกว่าที่บริษัทเดิมซึ่งที่นั่นมีพนักงานอยู่หลายคนและมักจะแบ่งพรรคแบ่งพวกกันซึ่งเป็นสิ่งที่พิมพ์พริมาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าอนาคตหลังจากทำงานไปนานๆ แล้วจะเป็นอย่างที่เธอเห็นวันนี้หรือเปล่า
พิมพ์พริมาคิดว่าบรรยากาศการทำงานที่บริษัทนี้ค่อนข้างแตกต่างบริษัทเดิมมากเพราะดูเหมือนทุกคนจะทำงานเป็นเหมือนครอบครัวมากกว่า
หญิงสาวนั่งอ่านหนังสือสัญญาอยู่หลายรอบก่อนที่คุณจิตราจะเดินเข้ามา
“อ่านครบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่”
“มีปัญหาตรงไหนจะถามพี่หรือเปล่า”
“คิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ”
“ถ้ายังงั้นว่านก็เซ็นชื่อลงในหนังสือสัญญาได้เลย ส่วนบัตรพนักงานพี่ทำไว้ให้แล้ว” เธอพูดพร้อมกับส่งบัตรให้กับพิมพ์พริมา
“ขอบคุณค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวรับบัตรพนักงานพร้อมสายห้อยคอของตัวเองมาคล้องไว้ตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่นี่แล้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวเดินกลับมายังแผนกของตัวเอง
เช้าวันนี้เธอยังไม่ได้เริ่มงานอะไรเพราะต้องเคลียร์โต๊ะทำงานกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี
พี่สุกัญญาพาทุกคนมายังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทและถือโอกาสนี้เลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่อย่างพิมพ์พริมาเพราะเธอมีลูกเล็กที่ต้องดูแลจึงไม่สะดวกที่จะจัดงานเลี้ยงในเวลาเย็น
เรื่องที่พิมพ์พริมากับภาวินท์คบหาเป็นแฟนกันมีคนรู้ไม่มากเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งสองจะมาทำงานตั้งแต่เช้าและกลับคอนโดมิเนียมพร้อมกันในตอนเย็น แต่เรื่องมันก็ยังคงเป็นความลับเนื่องจากพิมพ์พริมาไม่เคยแสดงตัวว่าตนเองเป็นแฟนของเจ้าของบริษัทและขณะอยู่ที่บริษัทภาวินท์ก็พยายามวางตัวไม่เดินมาหาคนรักในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดแต่หลังจากกำหนดการแต่งงานและการ์ดแต่งงานถูกแจกออกไปตามแผนกต่างๆ ทุกคนก็รู้ความจริงสายตาที่มองพิมพ์พริมาของบางคนเปลี่ยนไปแต่บางคนก็ยังคงมองเธออย่างเดิม หญิงสาวเองก็วางตัวดีเคยพูดคุยทักทายหรือไหว้ใครก็ทำแบบนั้นตลอดมัน เลยทำให้คนอื่นยอมรับมากขึ้นหลังจากหญิงสาวเข้าทำงานในบริษัทได้ครบหนึ่งปีทั้งสองก็แต่งงานกันงานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรภาวินท์และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงญาติสนิทไปร่วมงานกันที่นั่นก่อนจะกลับมาฉลองพิธีมงคลสมรสที่กรุงเทพซึ่งจัดค่อนข้างใหญ่เพราะภาวินท์อยากให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมและถือโอกาสเลี้ยงทุกคนไปในตัว“เหนื่อยไหมว่าน” เขาถามหลังจากที่อยู่กันตามลำพังในห้องสวีทของโรงแรม“เหนื่อยมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมากๆ ด้วย”“พี่ก็มีความสุขมากเห
เมื่อได้คุยกับหัวหน้าแล้วพิมพ์พริมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ยังมีอีกสองด่านที่เธอจะต้องผ่านให้ได้ก็คือการบอกกับนารีรัตน์และพี่กิ่งแก้ว สำหรับพี่กิ่งแก้วหญิงสาวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาส่วนนารีรัตน์นั้นต้องค่อยๆ พูด แต่เท่าที่ได้รู้จักกันมาประมาณสามเดือนก็พอจะรู้ว่านารีรัตน์เป็นคนที่พูดเยอะ แต่จิตใจค่อนข้างดี ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอเธอเชื่อเหลือเกินว่านารีรัตน์จะต้องไม่โกรธที่เธอปิดบังแบบนี้ในบ่ายวันหนึ่งพิมพ์พริมาได้มีโอกาสออกไปวางบิลกับพี่กิ่งแก้วเลยถือโอกาสนี้บอกพี่กิ่งแก้วว่าตนเองกำลังคบหาอยู่กับภาวินท์ เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวของตัวเองคือผู้หญิงผู้โชคดีที่ทุกคนพูดถึงมาตลอดหลายวันนี้“พี่กิ่งไม่โกรธว่านใช่ไหมคะ ที่ว่านปิดบังความจริงมานานหลายเดือน”“พี่ไม่โกรธหรอกจ้ะ พี่เข้าใจดีเพราะถ้าหากเป็นพี่ก็ไม่กล้าบอกทุกคนตอนที่ตัวเองยังไม่ผ่านการทดลองงานหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ลำบากใจน่าจะเป็นพี่สุมากกว่า”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธและยังเข้าใจว่าน ที่ว่านบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดว่าตัวเองเป็นแฟนเจ้าของบริษัทแต่ที่บอกเพราะไม่อยากจะปิดบังค่ะ ว่านอยากให้พี่มองว่าว่านเป็นน้องสาวและเพื่อนร่วม
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินมาหาสุกัญญาที่โต๊ะทำงาน“หาเก้าอี้มานั่งก่อนสิว่าน”พิมพ์พริมาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาข้างโต๊ะทำงานของสุกัญญาก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ยังไง“มีอะไรจะพูดกับพี่ ท่าทางเครียดเลยนะ”“พี่สุคะ ที่นี่มีกฎว่าถ้าจะคบใครก็ต้องเปิดเผยใช่ไหมคะห้ามแอบคบหากันใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ว่านถามแบบนี้หมายถึงว่านกำลังคบใครในบริษัทอยู่หรือเปล่า”“ใช่ค่ะ แต่ว่านไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะบอกคนอื่นดีไหม”“ทำไมล่ะหรือคนที่คบอยู่เขาไม่อยากให้ว่านบอกคนอื่น”“เขาให้บอกได้ค่ะแต่ว่านกลัวว่าบอกไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ว่านกลัวมันจะกระทบกับการทำงานและเพื่อนร่วมงานแต่ถ้าว่านไม่บอกแล้วมีคนมารู้ทีหลังก็กลัวจะเกิดปัญหา อีกอย่างว่านก็ไม่ค่อยอยากจะปิดบังเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่แต่ จ่ๆ จะให้พูดออกไปตรงมันก็ดูไม่ดี”“ว่านกำลังจะพูดอะไรเหรอ พี่ตามไม่ทันเลย”“ก่อนที่ว่าจะบอกว่ากำลังคบกับใครว่านขอถามพี่สุหน่อยได้ไหม”“ได้สิ”“เรื่องการประเมินงานของว่านที่สุพิจารณาจากอะไรคะ”“ก็พิจารณาจากการทำงานไงล่ะ แล้วก็การทำงานเป็นทีมรวมถึงการมาทำงานตรงเวลา ทำไมว่านถามพี่แ
“ดีใจด้วยนะว่านดีใจเรื่องอะไรคะพี่สุ” พิมพ์พริมาหันไปถามหัวหน้าที่เดินยิ้มเข้ามาแต่ไกล“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ว่านทำงานที่นี่สามเดือนแล้วนะ และผลการประเมินมันก็ออกมาแล้ว”“ว่านผ่านใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจเพราะเห็นสีหน้าของพี่สุกัญญาก็พอจะเดาออก“ใช่จ้ะผ่านแล้วเดี๋ยวเคลียร์งานข้างหน้าเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนบัตรพนักงานที่แผนกบุคคลนะอาจจะต้องเซ็นสัญญาบางอย่างเพิ่มเติมก่อนเซ็นก็ดูให้ดีๆ ล่ะ”“ค่ะพี่สุ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รีบทำงานตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย“พี่สุคะว่านขอไปแผนกบุคคลก่อนนะคะ”พิมพ์พริมาเดินไปที่แผนกบุคคลอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็ลุ้นมาหลายวันแล้วว่าตนเองจะผ่านการทดลองงานไหม“สวัสดีค่ะพี่จิตรา”“สวัสดีจ้ะว่านพี่ดีใจด้วยนะผ่านการทดลองงานแล้ว นี่ก็เป็นรายละเอียดและสัญญาของพนักงานประจำจ้ะว่านอ่านก่อนเซ็นนะ”“ค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวนั่งอ่านสัญญาการทำงานซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบริษัทเดิมมากนักเมื่ออ่านอย่างละเอียดและทำความเข้าใจและดูว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองจะถูกเอาเปรียบก็รีบเซ็นชื่อลงไปในนั้น“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่จิตรา ถ้ายังงั้นว่านขอไปทำงานที่แผนกนะคะ”“ได้จ้ะ
การเจรจากับมารดาของพิมพ์พริมาและญาติของเธอผ่านไปได้ด้วยดี มารดาของหญิงสาวยอมให้ภาวินท์หมั้นหมายกับพิมพ์พริมาไว้ก่อน ส่วนงานแต่งงานนั้นจะตามมาหลังจากครบหนึ่งปีหลังจากทั้งสองได้คบหากันอย่างจริงจังคุณพิมพ์พรมารดาของพิมพ์พริมารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง เธอยังจำคำพูดของคุณวสันต์บิดาของภาวินท์ในอดีตได้ดี ว่าถ้าหากพิมพ์พริมาโตขึ้นก็อยากให้หมั้นหมายกับลูกชายของตนเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นจริงได้แต่สิ่งที่พิมพ์พริมายังกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะของตนเองในบริษัทเพราะยังต้องคอยหลบซ่อนสายตาของคนอื่นๆ และปกปิดเรื่องที่ตนเองกับภาวินท์คบหากันไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงนี้ชายหนุ่มมักจะแวะมาแผนกบัญชีบ่อยๆ บางครั้งก็มักจะสั่งอาหารมาให้พนักงานทุกคนในบริษัทซึ่งพิมพ์พริมารู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากให้เธอได้ทานของอร่อยๆ“พี่วินคะว่านว่าพี่วินไม่ต้องเลี้ยงอาหารพนักงานทุกคนในบริษัทก็ได้นะคะว่านเกรงใจพี่วิน”“พี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันสักหน่อย”“แต่พี่วินเลี้ยงทุกอาทิตย์เลยนะคะ ว่านถามพี่สุแล้วแต่ก่อนพี่วินไม่ได้เลี้ยงบ่อยแบบนี้ แล้วอาหารแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถู
พิมพ์พริมาหอบเหนื่อยอย่างหนักช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดแท่งร้อนแรงและถี่ไปตามสัญชาตญาณที่ไม่อาจคุมได้ภาวินท์เองก็ปวดร้าวไปทั่วท่อนเอ็นแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเพราะอยากมอบความสุขให้กับคนรักอย่างเต็มที่“อ่าห์....ว่านจ๋าครั้งนี้เสร็จแรงมากรัดพี่จะขาดอยู่แล้ว”“พี่วินขา...”“ดีไหมว่าน ชอบไหม”“พี่วิน....เสียวอีกแล้วว่านเสียวอีกแล้ว...อ่ะ...อื้อ...”เสียงหวานเรียกอย่างคนละเมอความเสียวพุ่งสูงอีกครั้ง ภาวินท์จับขาข้างหนึ่งพาดไปบนบ่าและตอกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง“สุดยอดมากว่าน เอามันที่สุดเลยที่รัก ใกล้แล้วใช่ไหม ตอดพี่แรงแบบนี้ พี่ชอบจัง อ่าห์เสียวมากที่รัก....อ่าห์....พี่เสียวมาก”เสียงภาวินท์แหบพร่าแรงตอดรัดกำลังทำให้เขาเสียวมากขึ้นและอีกไม่นานก็คงจะถึงขอบสวรรค์“อื้อ....พี่วินขา....ว่านจะไม่ไหวแล้วนะคะ ว่านเสียว....”เสียงเธอหอบกระชั้นชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะแตะขอบสวรรค์ ความเป็นสาวของเธอบีบรัดจนเขาแทบจะขาดใจ ไม่คิดเลยว่าความสุขจะมากมายถึงเพียงนี้สะโพกสอบถาโถมแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนรักเกร็งสะท้านกรีดร้องอีกครั้งชายหนุ่มกระแทกกร