มาคัสได้แต่ถอนหายใจให้กับผู้เป็นแม่ สงสัยงานนี้เขาคงปฏิเสธไม่ได้แล้วสินะดิ้นหลุดยากแน่ๆ หลังจากที่ปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาคนที่แม่เลือกให้มาตลอด ตอนนี้ก็ถึงวัยที่เขาจะต้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วจริงๆนั่นแหละ คราวนี้เขาถึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ เพราะอยากทำตามใจของผู้เป็นแม่ เขาไม่คิดว่าชีวิตของเขาจะรักใครอยู่แล้ว
" ก็ได้ครับแม่ ผมจะไปดูตัวกับลูกสาวของเพื่อนแม่อย่างที่แม่ต้องการ " มาร์ตินแฝดผู้น้องถึงกับไม่เชื่อหูกับคำพูดของผู้เป็นพี่ชาย ร้อยวันพันปีมาคัสปฏิเสธมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องที่แม่จะจับแต่งงาน แต่มาคราวนี้ไหงไม่ปฏิเสธ " จริงหรอวะมาคัส " " อืม ยังไงซะกูก็ไม่คิดจะมีแฟนอยู่แล้ว ถ้าแม่คิดว่าดีผมก็ตามใจแม่เลยครับ " มาคัสไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับประมุกหัวโต๊ะที่เอ่ยขึ้นมา " พ่อดีใจนะที่แกจะเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักทีพ่อกับแม่อยากจะอุ้มหลานมานานมากแล้ว คงสมใจคุณแล้วสินะคุณหญิงฤทัย " มอร์แดนผู้เป็นพ่อและเป็นสามีของฤทัยที่เป็นชาวต่างชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตามมาอยู่กับภรรยาที่เมืองไทยแล้วสละตำแหน่งทุกอย่างให้กับลูกๆได้ดูแล มอร์แดนจากมาเฟียในวันนั้นก็กลายมาเป็นพ่อบ้านใจกล้าในวันนี้เรียบร้อยแล้ว " อย่าคาดหวังเลยครับพ่อ คนแต่งงานกันโดยปราศจากพื้นฐานของความรัก ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปกันรอดหรือเปล่า " มาคัสพูดไปตามความจริง " ถ้าแกได้เห็นน้องแกจะไม่พูดแบบนี้ น้องสวยและเป็นผู้ใหญ่มาก แม่เชื่อว่าแกจะตกหลุมรักน้องได้ไม่ยาก " " แม่ครับ จับไอ้มาคัสแต่งงานแล้ว แม่ไม่ต้องหาให้ผมแล้วนะ บอกตรงๆว่าผมกลัว " มาร์ตินเอ่ย " ย่ะ พ่อปลาไหล ถ้าพี่ชายของแกทำให้แม่สมหวัง แม่ก็จะไม่บังคับแก แต่ถ้าพี่ชายของแกทำให้แม่ไม่สมหวัง แกก็จะเป็นรายต่อไปเตรียมตัวไว้เลย " คุณหญิงฤทัยพูดแล้วยิ้มมีเลศนัยพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ลูกชายคนสุดท้อง " ขนลุก คุณนายฤทัยผู้น่ากลัว " " เห็นแม่เป็นยักษ์เป็นมารไปแล้วหรอเจ้าลูกคนนี้ " คุณหญิงฤทัยตีเข้าที่แขนของลูกชายเบาๆพร้อมกับสร้างเสียงหัวเราะให้บรรยากาศการทานอาหารมื้อกลางวันในวันนี้เป็นไปด้วยดี หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จแล้ว มาคัสกับมาร์ตินก็ได้แยกไปดื่มกันสองคน " มึงจะแต่งงานตามที่แม่บอกจริงๆหรอวะมาคัส ที่ผ่านมามึงก็ปฏิเสธตลอดแล้วทำไมวันนี้อยู่ๆถึง... " " ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลย ถ้าผู้หญิงที่แม่เลือกมาแม่บอกว่าดีฉันก็ว่าดี ฉันไม่ได้มีใครเป็นตัวเป็นตนเพราะฉะนั้นฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าแต่งกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ฉันก็แค่ไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม " พูดถึงเรื่องคอนโดก็พลันทำให้เขานึกไปถึงร่างบอบบางที่ตอนนี้คงรอเขาอยู่ที่คอนโดเรียบร้อยแล้ว " แล้วผู้หญิงที่คอนโดมึงล่ะ นั่นตัวจริงหรือเปล่าหรือแค่เล่นๆ " มาร์ตินถามอย่างรู้ทัน เมื่อเช้าออเดอร์เสื้อผ้าหลายร้านต้องนำไปส่งที่คอนโดหรูของมาคัส ซึ่งปกติพี่ชายของเขาอยู่คนเดียว " มึงรู้หรอ " มาคัสถามอย่างตกใจ ทำไมข่าวที่สาวน้อยร่างบอบบางคนนั้นมาอยู่กับเขาถึงได้ไวขนาดนี้แล้วถ้ามาร์ตินรู้ แล้วศัตรูของเขาคนอื่นจะไม่รู้หรือ เขาสู้อุตส่าห์ทำทุกอย่างให้เงียบเชียบเพื่อเก็บเธอไว้ในเงามืด แต่น้องชายของเขาก็ดันจับผิดจนได้ เขาก็ไม่เคยโกหกน้องชายได้สำเร็จเลยสักครั้งด้วยสิ " เพิ่งรู้เมื่อเช้า ก่อนที่จะเข้ามาบ้าน เพราะว่ามึงเล่นสั่งให้คนเอาเสื้อผ้าจากห้างไปส่งที่คอนโดและเสื้อผ้าก็มีแต่ของผู้หญิงทั้งนั้น กูก็คงเดาได้ไม่ยาก " มาคัสโล่งใจที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องของเธอนอกจากผู้เป็นน้องชาย เขาลืมไปเสียสนิทว่าถ้าสั่งเสื้อผ้าผู้หญิงมากมายขนาดนั้นจากห้างของแฝดผู้น้อง ยังไงซะมาร์ตินก็ต้องรู้ " กูขอให้เรื่องนี้รู้แค่กูกับมึงหรือแค่เพื่อนของเราเท่านั้น เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับซะมาร์ติน อีกไม่นานกูกับเธอก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี " " ทำไมวะ กูนึกว่ามึงจะจริงจังกับคนนี้ซะอีกเพราะกูไม่เห็นว่ามึงจะให้ผู้หญิงคนไหนขึ้นคอนโดมึงเลยสักครั้ง ยกเว้นเธอคนนี้ กูชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยสักแค่ไหนกันเชียว " หลังจากที่มาร์ตินพูดจบมาคัสก็นึกไปถึงใบหน้าของสาวน้อยร่างบอบบางของเขา เธอสวยน่ารักมากจริงๆ เขาก็ไม่แปลกถ้าใครต่อใครจะสนใจเธอ " ก็งั้นๆแหละ มึงอย่าใส่ใจเลย แล้วเรื่องนี้จะถึงหูคุณนายฤทัยไม่ได้เด็ดขาด เธอชื่อปลายฝันเป็นลูกหนี้ของกู พ่อของเธอติดหนี้พนันที่คาสิโน เลยเอาลูกสาวมาล้างหนี้ กูเห็นว่าสวยดีก็เลยรับไว้ " " ถ้าเธอเป็นแค่ลูกหนี้แล้วมึงเอาเธอมาไว้ใกล้ตัวขนาดนี้ ระวังมึงจะตกหลุมรักลูกหนี้ของตัวเองเข้าสักวัน ระวังเสือจะตกหลุมรักเหยื่อนะครับ แล้วเสือก็จะกลายเป็นเสือหมอบทันที " " กูเคยบอกมึงแล้วนะมาร์ติน ว่าคนอย่างกูไม่เคยรักใครและหน้าที่การงานของกูก็ไม่เหมาะที่จะมีครอบครัวมึงเองก็รู้ " มาคัสเลือกที่จะสานต่อธุรกิจสีเทาต่อจากผู้เป็นพ่อ แล้วให้น้องชายอย่างมาร์ตินดูแลธุรกิจสีขาวแทน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาครองตัวโสดอยู่จนถึงปัจจุบัน " มันไม่เกี่ยวหรอกนะว่ามึงจะทำอาชีพอะไรถ้ามึงจะมีความรักมึงก็มีได้ แล้วกูก็เชื่อว่ามึงจะปกป้องเธอให้พ้นจากอันตรายได้ ถ้ามึงตกหลุมรักสาวน้อยคนนั้นจริงๆกูก็พร้อมที่จะช่วยเหลือมึง แม้กระทั่งเรื่องที่คุณนายฤทัยจับมึงแต่งงานกูก็จะช่วยเอง " มาร์ตินบอกกับแฝดผู้พี่ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนพอโตขึ้นมาแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงานมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว แต่สายใยของความเป็นพี่น้องและความเป็นแฝดก็ยังอยู่ " มึงคงไม่ได้ช่วยกูหรอก เพราะกูจะไม่มีวันรักลูกหนี้เด็ดขาด และคนอย่างกูคงหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้ กูเป็นคนเบื่อง่ายมึงก็รู้ " " เออ จะคอยดูว่าใจมึงจะแข็งเหมือนปากหรือเปล่า อย่าหมานะมึงกูจะซ้ำให้ "มาคัสหลังจากที่ช่วยเมียสาวถอดชุดเจ้าสาวออกเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ก้มลงจูบที่แผ่นหลังบางของเธออย่างแผ่วเบาด้วยความเสน่หา กลิ่นกายที่ไม่ว่าจะสูดดมสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ พร้อมกับเลื้อยไปเรื่อยๆมาจนถึงไหล่บอบบางและมาซุกไซร้ซอกคอของเธออย่างบ้าคลั่ง กลิ่นกายเฉพาะตัวของเธอที่เขาสูดดมเมื่อไหร่ก็เป็นนั้นต้องเคลิบเคลิ้ม เขาชอบสูดดมกลิ่นกายของเมียตัวน้อยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอทำให้เขารู้สึกมีพลังและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ใช้น้ำหอมส่วนมากกลิ่นของเธอจะมาจากแป้งเด็กอ่อนๆเท่านั้น ทำให้มาคัสรู้สึกผ่อนคลายและอยากเข้าไกลตลอดเวลา " อื้อ...ไม่อาบน้ำก่อนหรอคะที่รัก เดินในงานทั้งวันฝันตัวเหม็นจะแย่ " เธอเอ่ยทักท้วงเขาเพราะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน วันนี้เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทั้งรับแขกแล้วทั้งยังรับมือกับลูกชายตัวน้อยทั้งสองคนที่วิ่งเล่นจนรอบงานอีก " ไม่ต้องอาบหรอกที่รัก คุณตัวหอมจะตาย ผมรอไม่ไหวแล้ว " เขาจับเธอให้หันหน้ามาหาเขาพร้อมกับดันตัวเธอให้ไปชิดกับผนังห้อง ซึ่งตอนนี้เธอมีร่างกายเปลือยเปล่าแล้ว หลังจากที่เขาถอดชุดแต่งงานของเธอออกเมื่อสักครู่เขาไม่รอช้ารีบถอ
และแล้วก็มาถึงวันที่มาคัสและปลายฝันเข้าสู่ประตูวิวาห์ ที่ทางครอบครัวของมาคัสจัดอย่างยิ่งใหญ่ให้สมเกียรติลูกชายคนโตแห่งไมโลเวอร์ " ยัยฝัน เรายินดีด้วยนะ ในที่สุดก็เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักทีเรื่องจบลงแบบ Happy Ending แบบนี้ฉันก็ดีใจกับแกด้วย " มะลิและเพื่อนสาวคนสนิทที่ตอนนี้อยู่ในห้องแต่งตัวเจ้าสาวพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน " ขอบใจแกมากนะ วันนั้นถ้าไม่มีแกชีวิตฉันก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ขอบคุณที่รักฉันและหลานๆนะ "" แกเป็นเพื่อนฉัน เป็นเพื่อนแท้ แกสุขฉันก็สุข แกเศร้าฉันก็เศร้า " ปลายฝันลุกขึ้นกอดเพื่อนสาวด้วยความดีใจพลันน้ำตาก็กำลังจะไหลลงมา จนเป็นมะลิเองที่ต้องห้ามเอาไว้ก่อน " หยุดร้องไห้ไปเลยนะแก เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก วันนี้เป็นวันสำคัญของแก แกต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลยรู้ไหม ห้ามร้องไห้เด็ดขาดไม่งั้นถ่ายรูปออกมาจะไม่สวยเอานะ " ปลายฝันนั่งยิ้มให้กับเพื่อนพร้อมกับปาดน้ำตาน้อยๆออก " แต่งตัวเสร็จกันหรือยังลูก ใกล้จะได้ฤกษ์แล้วนะ " รำพาที่ขึ้นมาตามลูกสาวเพราะตอนนี้ใกล้จะถึงฤกษ์ดีแล้ว " เสร็จแล้วจ่ะแม่จ๋า " ปลายฝันตอบผู้เป็นแม่ พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง จึงทำให้รำพาแทบตกตะลึง ลูกสาวของเธอสว
หลังจากที่ปลายฝันตัดสินใจยกคาเฟ่ให้กับนิดหน่อยไปแล้วเพราะเธอรักเหมือนกับครอบครัวจะริงๆ ก็ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯพร้อมกับมาคัสและลูกๆ ทีแรกนิดหน่อยไม่อยากรับเพราะเกรงใจ แต่พอมารู้เหตุผลว่าปลายฝันจะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างถาวรและไม่อยากยกคาเฟ่นี้ให้กับใครนอกจากเธอ เธอจึงต้องรับมันไว้พร้อมกับขอบคุณปลายฝันซ้ำๆที่เอ็นดูเธอขนาดนี้ ตอนนี้ทั้งสี่คนเดินทางมาถึงคฤหาสน์ไมโลเวอร์เรียบร้อยแล้ว และยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านกำลังจะเข้าไปแต่คุณหญิงฤทัยและคุณมอร์แดนเจ้าของบ้านเดินออกมาต้อนรับหลานๆเสียก่อน ด้วยทนไม่ไหวอยากเห็นหน้าหลานๆเต็มแก่แล้ว ได้ยินข่าวว่าพิมพ์เดียวกับพ่อมาเลย " ตามาคัสนี่คือหลานชายทั้งสองคนของพ่อกับแม่ใช่ไหม ทำไมน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ล่ะ " คุณหญิงฤทัยที่จะเดินตรงเข้าไปกอดหลานชาย แต่ผู้เป็นหลานชายก็เดินเข้าไปหลบหลังแม่ของตัวเองโดยอัตโนมัติ " เอ่อ...ลูกเรากลัวแม่หรอมาคัส หรือว่าแม่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า " " เปล่าหรอกครับคุณแม่ เด็กแฝดอาจจะยังเด็ก คงยังไม่ชินน่ะครับ ให้เวลาแกสักหน่อยนะครับคุณแม่ " " ได้ลูก แม่รอได้ แล้วนี่เมียเราใช่ไหมปลายฝันใช่ไหมลูก " คุณหญิงฤทัยเดินเข้าไปหา
มาร์คัสมองหน้าลูกชายพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ลูกชายของเขาเมื่อโตขึ้นก็ต้องเป็นทายาทสืบทอดที่นี่ต่อจากเขาและน้องชายอยู่แล้ว " ที่นี่ที่ทำงานของพ่อเองครับ แล้วต่อไปก็จะเป็นของลูกทั้งสองคนรู้ไหมครับ " มาคัสบอกกับลูกชายที่ดูจะตื่นตาตื่นใจกับสถานที่แปลกใหม่แห่งนี้ " " จริงหรอครับ ที่ทำงานคุณพ่อทำไมกว้างจัง ไคเลอร์อยากมาที่นี่ทุกวันเลย " " จริงสิลูก พอโตขึ้นลูกก็จะได้มาที่นี่จนเบื่อเลยล่ะ ถึงตอนนี้อย่าบ่นให้พ่อได้ยินก็แล้วกัน " มาคัสให้ลูกชายและภรรยานั่งรออยู่ที่โซฟาพร้อมกับบอกให้เลขาหาขนมมาให้ในระหว่างที่เขาจัดการกับเอกสารตรงหน้า เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็จัดการกับเอกสารตรงหน้าจนจะเสร็จแต่เมื่อหันไปมองลูกน้อยทั้งสองคนก็ไม่ยอมนอนทั้งที่เมื่อวานก็นอนกลางวันกันไป " ฝัน ลูกเราไม่นอนกลางวันหรอ "เขาเงยหน้าขึ้นมาถามภรรยาสาว " นั่นสิคะ ปกติตอนนี้แกต้องง่วงแล้ว " มาคัสลุกขึ้นแล้วเดินมาหาลูกชายทั้งสองคนที่ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว แต่ยังไม่ยอมหลับสักที " ไคเลอร์ คาร์ลอสทำไมไม่ยอมนอนล่ะลูก " " ผมพวกผมกลัวว่าถ้าหลับแล้วคุณพ่อจะหายไป " คำพูดที่แสนไร้เดียงสาของลูกชายทำเอาเขาแทบชะงัก พร้อมกับปลายฝันที่จุกในอ
เช้านี้ปลายฝันตื่นขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่เช้าเธอตื่นแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่มีลูกน้อยเธอต้องทำอาหารเช้าไว้ให้กับลูกของเธอ เพราะตื่นขึ้นมาลูกของเธอก็จะหิวเลย ถ้าเธอไม่ทำอาหารไว้ลูกของเธอก็จะบ่นหิวไม่หยุดแล้วงอแงทั้งวัน แต่ละวันกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวให้เด็กน้อยทั้งสองคนก็กินเวลาไปนานพอสมควร เธอเคยไม่ทำอาหารเช้าไว้รอลูกผลลัพธ์คือเจ้าสองแฝดงอแงหนักมากๆ ทั้งอยากให้เธอกอดไม่ไปไหน ทั้งหิว จนเธอไม่รู้ต้องแยกร่างยังไงเลย มาคัสที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นเธอก็รีบลงมาข้างล่าง กวาดสายตามองไปแล้วเจอกับเธอที่อยู่ในครัว กำลังทำอาหารอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปแล้วกอดเธอจากทางด้านหลัง " อุ๊ย! ทำอะไรของคุณ ฝันตกใจหมด ปล่อยกอดเดี๋ยวนี้นะ " เธอออกคำสั่งกับเขาแล้วร่างสูงก็ปล่อยกอดออกจากเธอแต่โดยดี " ทำอะไรกินครับทำไมหอมจัง " คำพูดนี้ทำให้เธอนึกไปถึงตอนที่เธอทำอาหารให้เขาทานในตอนแรกๆที่ยังอยู่คอนโดด้วยกัน แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วหันมาโฟกัสที่อาหารตรงหน้าแทน" ซุปมันฝรั่งค่ะ ไคเลอร์กับคาร์ลอสชอบเมนูนี้ แล้วก็ชอบให้ฝันทำให้กินเป็นประจำ " มาคัสฟังที่เธอพูดอย่างตั้งใจพร้อมกับจดจำข้อมูลเกี่ยวกับลูกๆของเข
ร่างสูงใช้ความหน้าด้านหน้าทนเข้าแลกและตอนนี้เขาก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเธอเรียบร้อยแล้ว โดยที่เขาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเธอว่าเขาเดินทางดึกๆดื่นคงอันตรายมากแน่ เพราะเขาไม่รู้จักเส้นทางแถวนี้ ทั้งที่จริงๆแล้วเขามาทำงานที่โรงแรมนี้ก็ออกบ่อย ทำไมเขาจะไม่รู้จักเส้นทางแถวนี้กัน นอกจากเขาจะรู้จักเส้นทางแล้วคนทั้งเมืองยังรู้จักเขาอีกด้วย เพราะครอบครัวเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักของคนในแถบนี้ในฐานะนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้ " บ้านหลังนี้มีแค่สองห้อง ซึ่งเป็นห้องของฝันแล้วอีกห้องเป็นของไคเลอร์กับคาร์ลอส คืนนี้คุณนอนที่โซฟาได้ไหมคะ แต่ถ้าคุณนอนไม่ได้จะกลับไปนอนที่โรงแรมของคุณก็ได้นะ " ที่เธอรู้ว่าเขามีโรงแรมเพราะก่อนหน้าที่เขาจะมาบ้านเธอ เขาได้เล่าให้เธอฟังว่าเพราะต้องมาทำงานที่นี่เขาถึงได้เจอกับเธอโดยบังเอิญ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสที่จะได้เจอเธอเพราะเธอมาไกลถึงที่นี่ แล้วเขาก็ไม่ได้มีเส้นสายมากพอที่จะตามหาเธอถึงหมู่บ้านแถวชานเมืองแบบนี้ " ผมนอนที่ไหนก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ใกล้คุณกับลูก หรือถ้าคุณจะใจดีให้ผมขึ้นไปนอนกับคุณ... " " ไม่ค่ะ " เธอตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด ถ้าให้เขาไปนอนกับเธอ