ชุติมามีความคิดว่า หากกัญญาภรณ์เป็นเมียนายหัวสิงห์จริง คงได้ฆ่ากันตายแน่นอน เพราะคนหนึ่งก็ร้าย อีกคนหนึ่งก็ไม่ยอม เธอไม่อยากคิดภาพเลย
“ไม่มีทางยอมหรอก ใครจะไปยอมเป็นเมียคนที่ไม่รู้จัก แล้วที่หาเมียไม่ได้จนต้องให้พ่อหาให้ หน้าตาอีตานายหัวสิงห์คงดูไม่ได้ สิวเขรอะเต็มหน้า อ้วนลงพุง ตัวดำแน่ๆ เถ้าแก่เลยใช้วิธีนี้หาเมียให้ลูกตัวเอง”
ชุติมาหันมามองหน้ากัญญาภรณ์ เธออยากพูดออกไปเหลือเกินว่า นายหัวสิงห์คนนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวมา ทุกอย่างตรงกันข้าม แต่ก็เลือกจะไม่พูดขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน
“ถ้าพี่ยืนกรานว่าไม่ยอมก็ต้องหาเงินหกแสนมาให้เถ้าแก่สันต์วันมะรืนนะพี่” ชุติมาย้ำพูด
“เออรู้แล้ว แกจะย้ำทำไมเนี่ย คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่”
คราวนี้กัญญาภรณ์เหวี่ยงใส่ชุติมา
“ฉันไม่ได้ตอกย้ำให้พี่คิดมากหรือกลุ้มใจนะ ฉันเป็นห่วงพี่ เป็นห่วงลุงพจน์ ป้าหยุดแล้วก็แม่ด้วย เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกับหนี้ก้อนนี้ทั้งนั้น” ชุติมาให้เหตุผล “ถ้าฉันมีใครให้หยิบยืมเงินหรือว่ากู้ได้ล่ะก็ ฉันทำทันทีเลยพี่ แต่ถ้าเงินสูงขนาดนี้ฉันก็จนปัญญา”
ชุติมาก็เหมือนกัญญาภรณ์ ให้ยืมเงินหลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ ยังพอหาได้ แต่จะให้หาหลักครึ่งล้านภายในสองวันคงหาไม่ทันแน่นอน
“พี่ขอโทษ พี่อารมณ์ไม่ดี” กัญญาภรณ์รู้ตัว “แต่มันก็ยากจริงๆ แหละ ยังคิดไม่ออกเลยเนี่ยว่าจะยืมใครดี”
กัญญาภรณ์ถอนหายใจออกมาพรืดยาว ยังคิดหาทางออกไม่ได้
ระหว่างทางกัญญาภรณ์ใช้ความคิดอย่างหนักว่า จะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าดอกเบี้ย ยิ่งคิดยิ่งตัน หาทางออกไม่เจอ ขณะรถกำลังแล่นกลับบ้าน เสียงมือถือกัญญาภรณ์ดังขึ้น
“ว่าไงพ่อ” คนโทรมาหาคือพจน์ ถามจบคำตอบก็มา พอได้รับคำตอบใบหน้ากัญญาภรณ์อาบไปด้วยความตกใจ “แม่ฆ่าตัวตายหรอพ่อ พ่ออย่าพูดเล่นนะ”
“ได้ๆ หนูจะรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” กัญญาภรณ์พูดเสียงรน
“มีอะไรพี่แพร”
“แกไปโรงบาลมิราเคิลกรุงเทพตอนนี้เลย แม่ฉันฆ่าตัวตายตอนนี้อยู่ที่นั่น”
ชุติมาตกใจ รีบขับรถไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวทันที ทั้งสองไม่คิดว่า สายหยุดจะคิดสั้นทำเช่นนี้
ณ โรงพยาบาลมิราเคิลกรุงเทพ-ตรัง
หน้าห้องฉุกเฉินพจน์นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านหน้า สายตาเขามองไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่เปิดปิดตลอดเวลา แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเดินมาบอกเรื่องอาการของสายหยุดสักคน ซึ่งเขาก็คอยถามเจ้าหน้าที่ที่เดินออกมาทุกครั้ง คำตอบที่ได้รับคือรอ เป็นการรอที่เขาทรมานใจมาก
“พ่อจ๋า แม่เป็นไงบ้าง แล้วทำไมแม่ถึงฆ่าตัวตาย” คนเป็นรีบถามบิดา
“แม่ล้างท้องอยู่” พจน์ตอบเสียงเศร้า “ที่แม่ฆ่าตัวตายเพราะเครียด เถ้าแก่สันต์โทรมาหาพ่อว่า เขาได้ตกลงกับแก่ว่า ถ้าแกหาเงินค่าดอกเบี้ยมาให้ได้ก็จะให้ผ่อนผันหนี้สิบล้าน แต่ถ้าหากไม่ได้แล้วแกไม่ยอมทำตามข้อตกลง เถ้าแก่สันต์ก็จะยึดที่ดินทั้งหมด พอแม่แกรู้ว่าต้องหาเงินหกแสนให้ได้ภายในวันมะรืนซึ่งเชื่อว่าหาไม่ได้ แม่แกเลยทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียที่ดินทั้งหมดไป แม่แกเลยฆ่าตัวตายไง”
กัญญาภรณ์หนักใจมากขึ้นไปอีก เหมือนกับทุกคนกำลังบีบเธอให้ยอมทำตามเงื่อนไขของเถ้าแกสันต์ ตอนแรกเธอคิดว่าการเจรจาคงออกมาในทางที่ดีและเป็นทางที่มีความเป็นไปได้ แต่เปล่าเลย เงินหกแสนไม่ใช่น้อยๆ หาให้ทันภายในสองวันโดยไม่มีทรัพย์สินไปค้ำประกัน มันเป็นเรื่องยากมาก
“เรื่องทั้งหมดพ่อผิดเอง พ่อคนเดียว คนที่สมควรตายน่าจะเป็นพ่อมากกว่า”
“พ่ออย่าคิดแบบนี้นะ อย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนแม่ เพราะการตายมันไม่ได้ช่วยให้หนี้ลดลง” คนเป็นลูกเตือนบิดา“ถึงพ่อตาย หนี้ก็ยังอยู่ สุดท้ายหนูก็ต้องใช้หนี้ให้พ่ออยู่ดี”
“พ่อเองก็ยอมรับไม่ได้นะที่ต้องเสียที่ดินไป ที่ดินทำมาหากินทั้งนั้น อีกอย่างเป็นมรดกตกทอดด้วย พ่อเลวเอง คิดอะไรสั้นๆ คิดทำอย่างนั้น คิดอยากรวยแต่ผลที่ออกมาคือความฉิบหาย พ่อละอายใจมากๆ พ่อไม่อยากอยู่บนโลกนี้” พจน์น้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา และนี่เป็นครั้งแรกที่กัญญา-ภรณ์เห็นบิดาร้องไห้ ถ้าไม่สุดจริงๆ พจน์คงไม่หลั่งน้ำตา “พ่อรู้ว่าเงินหกแสนเอ็งคงหาไม่ได้ แล้วพ่อก็ไม่อยากให้แกหาด้วย มันจะเป็นหนี้ซ้ำซ้อน พ่อก็ไม่อยากบังคับหรือบีบให้เอ็งไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ด้วย พ่อคิดว่าปล่อยให้เถ้าแก่ยึดที่ดินเราไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะไปหาบ้านเช่าในเมือง หาล่วงหน้าไว้ก่อน เวลาย้ายออกจะได้ไม่ฉุกละหุก”
พจน์พูดอย่างคนปลงได้ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา
“แต่ห่วงเรื่องที่ดินของสายใจน่ะสิ ใจไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ช่วยพ่อด้วยซ้ำไป แต่ต้องมาหมดตัวเพราะพ่อ พ่อเลวเหลือเกิน” พจน์ทำเสียงเศร้า หน้าตาหม่นหมอง
กัญญาภรณ์มองหน้าบิดานิ่ง เธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เงินหกแสนเธอไม่อาจหาทันได้ในเวลาสองวัน ถึงให้เวลาเป็นเดือนก็ยังยาก แต่จะปล่อยให้ที่ดินทำมาหากินและเป็นที่อยู่อาศัยถูกยึดไป จิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงรู้สึกราวกับว่าจมอยู่กับความเจ็บปวด ไร้ที่ทำกิน ต้องระเห็จจากบ้านที่อยู่มานานหลายสิบปีไปอยู่บ้านเช่าหรือห้องเช่าแทน อีกทั้งสายใจก็พลอยถูกผลกระทบนี้ไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง
Chapter8 ชุติมามีความคิดว่า หากกัญญาภรณ์เป็นเมียนายหัวสิงห์จริง คงได้ฆ่ากันตายแน่นอน เพราะคนหนึ่งก็ร้าย อีกคนหนึ่งก็ไม่ยอม เธอไม่อยากคิดภาพเลย “ไม่มีทางยอมหรอก ใครจะไปยอมเป็นเมียคนที่ไม่รู้จัก แล้วที่หาเมียไม่ได้จนต้องให้พ่อหาให้ หน้าตาอีตานายหัวสิงห์คงดูไม่ได้ สิวเขรอะเต็มหน้า อ้วนลงพุง ตัวดำแน่ๆ เถ้าแก่เลยใช้วิธีนี้หาเมียให้ลูกตัวเอง”ชุติมาหันมามองหน้ากัญญาภรณ์ เธออยากพูดออกไปเหลือเกินว่า นายหัวสิงห์คนนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวมา ทุกอย่างตรงกันข้าม แต่ก็เลือกจะไม่พูดขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน“ถ้าพี่ยืนกรานว่าไม่ยอมก็ต้องหาเงินหกแสนมาให้เถ้าแก่สันต์วันมะรืนนะพี่” ชุติมาย้ำพูด“เออรู้แล้ว แกจะย้ำทำไมเนี่ย คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่”คราวนี้กัญญาภรณ์เหวี่ยงใส่ชุติมา“ฉันไม่ได้ตอกย้ำให้พี่คิดมากหรือกลุ้มใจนะ ฉันเป็นห่วงพี่ เป็นห่วงลุงพจน์ ป้าหยุดแล้วก็แม่ด้วย เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกับหนี้ก้อนนี้ทั้งนั้น” ชุติมาให้เหตุผล “ถ้าฉันมีใครให้หยิบยืมเงินหรือว่ากู้ได้ล่ะก็ ฉันทำทันทีเลยพี่ แต่ถ้าเงินสูงขนาดนี้ฉันก็จนปัญญา”ชุติมาก็เหมือนกัญญาภรณ์ ให้ยืมเงินหลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ
Chapter7กัญญาภรณ์กับชุติมาก้าวลงมาจากรถกระบะ ทั้งคู่มาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านหลังงามที่ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมีบ้านหรูๆ แพงๆ อย่างนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของบ้านหลังนี้จะร่ำรวย เพราะรากฐานของต้นตระกูลมั่นคงส่งผลต่อลูกหลานที่พลอยสบายตามไปด้วย ไม่มีใครไม่รู้จักเถ้าแก่สันต์ ผู้กว้างขวางในจังหวัดตรัง กระบี่และภูเก็ต เขาเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง มีคนนับหน้าถือตามาก ขนาดนักการเมืองท้องถิ่นยังต้องนอบน้อม กัญญาภรณ์ไม่รู้จักเถ้าแก่สันต์เป็นการส่วนตัว เคยเจอเพียงแค่สองครั้ง แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ของเขามาตั้งแต่เด็ก และไม่คิดว่าวันนี้ตนจะเข้ามาหาคนใหญ่คนโตของจังหวัดด้วยเรื่องหนี้สินของบิดา หนี้ก้อนโตเสียด้วย “สวัสดีค่ะเถ้าแก่สันต์ เถ้าแก่เนี้ย” กัญญาภรณ์พนมมือไหว้เจ้าของบ้าน “นั่งสิ” เถ้าแก่สันต์รับไหว้ ก่อนเชิญให้นั่ง “หนูชื่อแพรค่ะ เป็นลูกพ่อพจน์ ลูกหนี้ของเถ้าแก่ค่ะ”กัญญาภรณ์แนะนำตัว “ฉันรู้แล้วว่าหนูคือใคร ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งเงื่อนไขให้มาเป็นเมียลูกชายฉันหรอก” สันต์ตอบกลับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายปองให้สิงหนาท “ว่าแต่หนูมาหาฉันทำ
Chapter6 “ก็กว่าจะรอแกมีเมียเองอีกกี่ปีกว่าจะมีหลานให้ฉันอุ้มอีก ฉันก็แก่ขึ้นไปทุกปี ฉันรอแกอย่างไม่มีกำหนดไม่ได้หรอก แกต้องมีเมียตามที่ฉันบอก แกจะได้มีหลานให้ฉันกับแม่แกเลี้ยง”เถ้าแก่สันต์ไม่เคยบังคับลูกชาย เขาปล่อยให้ทำตามใจอิสระมาตลอด แต่คราวนี้เขารอต่อไปไม่ได้จึงต้องบังคับให้ทำตามความต้องการของตนบ้าง“ไม่ ผมไม่ทำตามที่พ่อบอกแน่นอน ยังไงผมก็ไม่มีเมีย ถ้าเมียคนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกเอง”น้ำเสียงสิงหนาทแข็งขึงไม่ต่างกับบิดา ตามองตาอย่างไม่มีใครยอมใคร“สิงห์ลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เหรอลูก แม่ไม่เคยขอร้องอะไรสิงห์เลยนะ ตามใจมาตลอด แต่ครั้งนี้แม่ขอนะลูก แม่อยากมีหลาน แม่อยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง พูดไปน้ำตาไหลไป สิงหนาทใจอ่อนยวบเมื่อเห็นมารดาร้องไห้ และยิ่งได้ยินคำขอร้องของมารดาด้วยแล้ว เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย “แล้วหลานที่แม่อยากได้ก็ต้องเกิดกับผู้หญิงที่พ่อหาให้ด้วย แกก็รู้นี่ว่า ถ้าพ่อไม่เลือกเองผลจะเป็นยังไง”ประโยคนี้เองที่ทำให้สิงหนาทสะอึกไปคำโต“ดูสิดู แม่แกเคยร้องไห้ไหม แต่ต้องมาร้องไห้ขอร้องแกเนี่ยนะ” เถ้าแก่สันต์เห็นเมียร้องไห้ก็โวยใส่
Chapter5“พ่อทำแบบนั้นไม่ได้นะ เดือนหน้าไหมจะแต่งงานแล้ว ทำอย่างนี้ทำร้ายจิตใจไหมมากเลยนะ” กัญญาภรณ์รีบค้านความคิดบิดา“แล้วจะให้ทำยังไง เอ็งก็ไม่ยอมทำตามที่เถ้าแก่บอกก็ต้องให้ไหมไปเป็นเมียนายหัวสิงห์แทน ไม่งั้นเราไม่เหลืออะไรแน่”พจน์กลัดกลุ้มไม่น้อย นึกโทษตัวเองที่ไม่น่าหวังรวยทางลัดและเชื่อคำพูดของป๋าจิตมากเกินไป หลงลมจนตั้งบ่อนขึ้นมา“เรื่องหนี้เจรจาไม่ได้เหรอพ่อ ขอผ่อนผันเขาไปก่อน”ผู้พูดพยายามทำใจเย็นและทำให้ตัวเองมีสติมากที่สุดมีความคิดที่ว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้“ถ้าเจรจาได้จะเรียกเอ็งกลับมาบ้านทำไม ไม่จนปัญญาก็คงไม่กวนเอ็งหรอก” พจน์ทำหน้าเครียดจัด “เถ้าแก่เป็นคนดีมาก ผัดผ่อนให้หลายครั้งแล้ว ให้จ่ายแต่ดอก แต่ที่ต้องยึดเพราะสัญญาระบุไว้ว่า ภายในหนึ่งปีครึ่งถ้าหาเงินต้นมาให้ไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่ดินทั้งหมดจะถูกยึด แล้วก็ถึงกำหนดแล้วด้วย”น้ำเสียงพจน์เศร้าหนักขึ้นไปอีก“พ่อเอ็งก็กลุ้มนะ ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน ไปหยิบยืมใครจะมีเงินตั้งสิบล้าน พอดีเถ้าแก่เสนอวิธีนี้ แม่ก็เลยเรียกเอ็งกลับบ้านไง” สายหยุดรู้นิสัยลูกสาวคนโตดีว่าดื้อรั้นมากแค่ไหน ไม่ยอมคนถ้าไม่จนตรอกจริงๆ ยิ่งเรื่องที่ให
Chapter4 “หนูไม่เหนื่อย พ่อพูดมาเถอะ” ความอยากรู้มันแน่นอก นอนพักก็คงไม่หลับ “แต่แม่ว่า เอ็งพักก่อนก็ได้นะ” สายหยุดทำเหมือนกับว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้ และนั่นยิ่งทำให้กัญญาภรณ์อยากรู้มากขึ้น “พูดมาเถอะแม่ ไม่ว่าจะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็พูดเหมือนกัน” “ลุงกับป้าก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า อยากรู้จะแย่อยู่แล้วเนี่ย”ชุติมาพูดขึ้นหลังจากทนไม่ไหว “มันเกี่ยวอะไรกับเอ็งฮะไอ้ยู นี่มันเรื่องในครอบครัวฉันนะ เอ็งกลับบ้านไปได้แล้ว หมดหน้าที่เอ็งแล้ว” พจน์ไล่ตะเพิดชุติมา “ไม่กลับหรอก อยากรู้จนอกจะแตกอยู่แล้ว กลับบ้านไปก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ กลับให้โง่ทำไม” ชุติมาเถียงกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน “เอ็งนี่มันสอดรู้เหมือนแม่เอ็งไม่มีผิด” สายหยุดเป็นพี่สาวสายใจ มารดาของชุติมา “แหม เชื้อมันก็มาเป็นทอดๆ นั่นแหละ อย่างกับป้าไม่ชอบสอดรู้เรื่องคนอื่นงั้นแหละ” เจอย้อนเข้าไปสายหยุดจึงคว้าห่อกระดาษทิชชู่เขวี้ยงใส่ชุติมาที่รับมันไว้อย่างแม่นยำ “ปากเอ็งนี่นะ เอาไม้ตีหัวดีไหมเนี่ย” “เอาน่าแม่ ปล่อยๆ ยูไปเถอะ มาพูดเรื่อง
Chapter3 ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีหกเดือนก่อน ร่างสมส่วนท่าทางทะมัดทะแมงสวมเสื้อยืดสีชมพูอ่อนทับในกางเกงยีนทรงเดฟสวมรองเท้าผ้าใบ เส้นผมยาวดัดเป็นลอนใหญ่ช่วงปลายผมถูกรวบมัดเป็นหางม้าสูงกว่าท้ายทอยเล็กน้อยก้าวลงมาจากรถบขส. เมื่อนำเธอมาถึงท่ารถอย่างปลอดภัย เธอกระชับเป้ที่สะพายอยู่บนหลัง ก่อนเดินไปยังหน้าสถานีขนส่งระหว่างเดินเสียงมือถือได้ดังขึ้น กัญญาภรณ์ไม่ได้หยุดเดิน เธอก้าวเดินไปด้วยก้มหน้าหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายข้าง จึงไม่ทันระวังคนที่วิ่งหน้าตั้งราวกับหนีใครมา ชนตัวเธอมือถือเกือบหลุดมือ ส่วนคนชนล้มลงไปนั่งกับพื้น ก่อนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเผ่น “เฮ้ย! อะไรวะ” กัญญาภรณ์หัวเสียเล็กน้อยที่ไม่ได้รับคำขอโทษจากคนชน วินาทีต่อมาเธอเข้าใจแล้วว่า เหตุใดคนชนจึงไม่มีคำขอโทษให้ “จับมันให้ที มันกระชากสร้อยทองฉัน”เจ้าของเสียเป็นสตรีวัยห้าสิบกว่าปีร้องตะโกนไปด้วยวิ่งไปด้วย ทว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ คนที่ได้ยินเพียงแค่มองดูชายหนุ่มที่บอกว่าเป็นคนร้ายกระชากทองวิ่งผ่านไปเท่านั้น จะมีเพียงคนเดียวที่พร้อมช่วยเหลือ เมื่อได้ยินเสียงพูด กัญญาภรณ์รีบวิ่งตามคนกระชากทองทันท