แชร์

Chapter 6

ผู้เขียน: อัญญาณี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-12 17:02:07

Chapter 6

แม้ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าสองแม่ลูกก็ไม่ได้ทำตัวเป็นวัวลืมตีน ทั้งคู่อยู่อย่างเจียมตัว เอมอรดูแลปริญญาในเรื่องอาหารการกิน และดูแลนารถลดาที่มีอายุมากกว่าตนสิบสองปีที่ตอนนั้นป่วย ส่วนพวงชมพูไม่ได้ทำตัวเป็นภาระให้คนรับใช้ เธอทำความสะอาดห้องเอง ซักชุดชั้นในเอง ช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทำอาหารให้คนในบ้านกินบ้างเป็นบางมื้อ สองแม่ลูกจึงเป็นที่รักใคร่มากกว่าถูกเกลียดชัง

          ห้องของปราณปวิชที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ แม้ว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ ทว่าห้องก็ถูกทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เดิมทีเป็นหน้าที่คนรับใช้ในบ้าน ทว่าตั้งแต่พวงชมพูเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอจะรับหน้าที่นี้แทน และนั่นทำให้เธอหลงรักเจ้าของห้องผ่านทางรูปถ่ายที่ติดไว้บนผนังห้อง เป็นความรักปลาบปลื้มที่เกิดขึ้นในหัวใจอันบริสุทธิ์ รักเงียบๆ โดยไม่หวังว่าจะได้ความรักนั้นตอบ และเฝ้ารอการกลับมาของเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ปราณปวิชจะนำความเจ็บปวดมาสู่ตน

          ปราณปวิชกลับมาเมืองไทยโดยไม่บอกให้บิดามารดารู้ เขาพักอาศัยอยู่ในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ซื้อไว้ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ระหว่างที่เขาเรียนอยู่ประเทศอังกฤษ เขาได้จ้างวานนักสืบดูความเคลื่อนไหวของสองแม่ลูก อีกทั้งได้โทรศัพท์มาถามแก้วสาวใช้ในบ้าน ทำทีเป็นถามนั่นถามนี่หลายคำถาม ก่อนวกมาถามเรื่องเอมอรกับพวงชมพู

          และนั่นทำให้ปราณปวิชรู้ว่า เอมอรกับพวงชมพูได้รับความเมตตาจากบิดาตนมาก ถึงขนาดซื้อรถให้ใช้ แล้วยังอีกเรื่องว่า ตั้งแต่สองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน มารดาเขาป่วยมาตลอดคงตรอมใจกับเรื่องสามีพาภรรยาน้อยเข้ามาในบ้าน เรื่องนี้ปราณปวิชไม่รู้เลยหากแก้วไม่บอก เพราะทุกครั้งที่โทรศัพท์มาหานารถลดา นางจะบอกว่าสบายดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ราวกับว่าไม่อยากให้คนเป็นลูกเป็นห่วง ส่งผลให้ความไม่พอใจและความเกลียดชังที่มีต่อเอมอรกับพวงชมพูมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสองแม่ลูกเป็นสุข ในขณะที่แม่เขาเป็นทุกข์ หน้าชื่นอกตรม แน่นอนว่า เขาไม่ยอมให้มารดาทุกข์ฝ่ายเดียวแน่ ใครทำแม่เขาเจ็บจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า

          ปราณปวิชกลับบ้านที่ห่างหายไปนานหนึ่งปีครึ่งโดยไม่ได้บอกใคร คนแรกที่เขาเจอคือนารถลดาที่ดีใจมากเมื่อได้เห็นหน้าลูก นางสวมกอดลูกชายด้วยความคิดถึง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ที่ปราณปวิชเห็นแล้วรู้สึกได้ว่า มารดาหน้าชื่นอกตรม

          “แม่ดีใจจังที่ปราบกลับบ้าน แต่กลับทำไมไม่บอกแม่ล่ะ แม่จะได้ไปรับ”

          “ผมเซอร์ไพร์สคุณแม่ไงครับ” ปราณปวิชยิ้มให้มารดา ก่อนก้มกราบบนตัก “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้กลับมาจัดการเมียน้อยของคุณพ่อ ไม่ได้อยู่กับคุณแม่ด้วยในช่วงเวลานั้นปล่อยให้คุณแม่ต้องเสียใจตามลำพัง” 

          นารถลดาได้ยินคำพูดลูกชายแล้วน้ำตาไหล ก่อนปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ปราณปวิชเห็นแม่ร้องไห้ก็รีบสวมกอด เขาเจ็บปวดอย่างหนักราวกับมีของคมกรีดหัวใจเมื่อน้ำตาของมารดาซึมเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่สัมผัสกับผิวเนื้อของตน เปรียบเสมือนพลังความแค้นเพิ่มพูน กรามทั้งสองข้างขบกันจนเป็นเส้นนูน นัยน์ตาระอุไปเพลิงไฟ

          “แม่ไหวลูก แม่ไหว” นารถลดาสะอื้นไห้ ฝืนยิ้ม

          “ผมจะจัดการสองแม่ลูกคู่นั้นเอง ผมไม่มีวันยอม” คนเป็นลูกยิ่งนึกถึงเอมอรกับลูกที่อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ทุกข์ร้อนกับการกระทำของตนเองก็ยิ่งแค้น มีความสุขบนความเจ็บปวดของคนอื่น เขาไม่มีวันให้ทั้งสองเสวยสุขอยู่ในบ้านหลังนี้นานแน่

          “อย่าลูก อย่าทำอะไรอรกับชมนะลูก มันเป็นความสุขของพ่อ ถ้าปราบรักแม่ ปราบต้องเชื่อฟังแม่นะลูก นะลูกนะ แม่ขอ” นางพูดเสียงสั่น “แม่ไม่เคยขออะไรปราบ แต่เรื่องนี้แม่ขอนะ อย่าทำลายความสุขพ่อ แม่ขอนะลูก”

          ปราณปวิชสงสารมารดายิ่งนัก ความรักที่มีต่อปริญญามีมากเหลือเกิน มากจนยอมเจ็บปวดทนทุกข์ใจให้บิดาพาหญิงอื่นเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะภรรยาน้อย เขารู้เรื่องการหาเศษหาเลยของบิดามาตลอด ทุกครั้งที่ผ่านมาปริญญาจะซื้อกิน พอทุกอย่างจบลงบนเตียงก็แยกย้าย ไม่ได้เลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวหรือมอบฐานะเมียน้อยให้ใคร แต่พอมีก็พาเข้ามาในบ้าน โดยไม่นึกถึงความรู้สึกของภรรยาหลวง

          “คุณแม่รักคุณพ่อมากเกินไป คุณพ่อเลยทำอะไรไม่นึกถึงใจคุณแม่” น้ำเสียงเขาค่อนข้างแข็งกระด้าง แววตามีประกายไฟเคลือบแฝง

          “จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้หรอก พ่อมาขอแม่เอง ถ้าแม่ไม่ยอมอรก็เข้ามาอยู่ในบ้านไม่ได้ แม่ยอมเอง แม่ยอมเจ็บเพื่อความสุขของพ่อ ปราบเป็นลูก ปราบก็ต้องทำให้พ่อมีความสุข อย่าทำอะไรที่ทำลายความสุขของพ่อเลยนะ แม่ขอนะลูก” นางพยายามร้องขอลูกชาย

          “คุณพ่อเห็นแก่ตัว เห็นแต่ความสุขของตัวเอง” ปราณปวิชต่อว่าบิดาต่อหน้านารถลดา

          “อย่าว่าพ่อไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง เอาเป็นว่าเรื่องนี้แม่ยอมพ่อเอง ปราบอย่าพูดแบบนี้หรือทำอะไรให้พ่อรู้สึกว่า ปราบไม่พอใจ ปราบต้องเชื่อฟังแม่ ถ้าอยากให้แม่สบายใจ แต่ถ้าปราบอยากให้แม่ทุกข์มากกว่านี้ ร้องไห้หนักกว่านี้ ปราบก็ทำตามใจปราบเลย แม่จะไม่ขออะไรปราบอีกแล้ว” เจอประโยคนี้เข้าไปคนแข็งก็อ่อนยวบ ปราณปวิชยอมเพราะไม่ต้องการให้มารดาเสียใจไปมากกว่านี้

          ปากรับปากแต่ใจไม่คิดทำตาม...

          “ครับคุณแม่ ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ครับ” คนเป็นแม่ยิ้มเมื่อลูกชายตกปากรับคำ

          “ต้องฉลองการกลับมาของปราบซะหน่อย วันนี้แม่จะทำกับข้าวของโปรดปราบให้กินนะลูก ไม่รู้ว่าปราบอยากกินฝีมือแม่รึเปล่า” ปราณปวิชยิ้ม กอดร่างมารดาอย่างเอาใจ

          “ผมอยากกินฝีมือคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ”

อ้อมกอดของเขากระชับแน่นด้วยความรัก ความเคารพทั้งหมดที่มีต่อนารถลดา ผู้หญิงที่แข็งแกร่งทั้งกายและใจ

          ‘ผมสัญญาว่า ใครที่ทำให้คุณแม่เจ็บ ผมจะทำให้เจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า’

          แผนการชำระแค้นจึงเริ่มต้นขึ้น...ความแค้นของเขาพุ่งเป้าไปที่พวงชมพู ลูกสาวเมียน้อยบิดา เขาจะทำร้ายเธอให้ย่อยยับ ให้เจ็บไปทั้งทรวง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 6

    Chapter 6แม้ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าสองแม่ลูกก็ไม่ได้ทำตัวเป็นวัวลืมตีน ทั้งคู่อยู่อย่างเจียมตัว เอมอรดูแลปริญญาในเรื่องอาหารการกิน และดูแลนารถลดาที่มีอายุมากกว่าตนสิบสองปีที่ตอนนั้นป่วย ส่วนพวงชมพูไม่ได้ทำตัวเป็นภาระให้คนรับใช้ เธอทำความสะอาดห้องเอง ซักชุดชั้นในเอง ช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทำอาหารให้คนในบ้านกินบ้างเป็นบางมื้อ สองแม่ลูกจึงเป็นที่รักใคร่มากกว่าถูกเกลียดชัง ห้องของปราณปวิชที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ แม้ว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ ทว่าห้องก็ถูกทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เดิมทีเป็นหน้าที่คนรับใช้ในบ้าน ทว่าตั้งแต่พวงชมพูเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอจะรับหน้าที่นี้แทน และนั่นทำให้เธอหลงรักเจ้าของห้องผ่านทางรูปถ่ายที่ติดไว้บนผนังห้อง เป็นความรักปลาบปลื้มที่เกิดขึ้นในหัวใจอันบริสุทธิ์ รักเงียบๆ โดยไม่หวังว่าจะได้ความรักนั้นตอบ และเฝ้ารอการกลับมาของเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ปราณปวิชจะนำความเจ็บปวดมาสู่ตน ปราณปวิชกลับมาเมืองไทยโดยไม่บอกให้บิดามารดารู้ เขาพักอาศัยอยู่ในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ซื้อไว้ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ระหว่างที่เขาเร

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 5

    Chapter 5 แต่สุดท้ายมันก็เบ่งบานราวกับดอกไม้อวดแสงตะวัน ความร้อนของดวงอาทิตย์ทำให้ปราณปวิชร้อนรุ่ม ใจเหมือนถูกไฟเผาปวดแสบไปทั้งใจ เจียนตายเสียให้ได้ กว่าเขาจะก้าวผ่านความเจ็บปวดอันเงียบเชียบโดยไม่มีใครรู้ก็ใช้เวลาหลายเดือน ทว่ามันไม่เคยหมดไปจากจิตใจ ตราบใดที่ปราณปวิชรักลูกสาวเมียน้อยของบิดา ตราบนั้นความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่...จนถึงทุกวันนี้ เมื่อใจนึกถึง...ปราณปวิชเปลี่ยนรูปที่ดูเป็นรูปพวงชมพูที่ถ่ายเก็บไว้หลายภาพ เขาจ้องมองแต่ละภาพด้วยใจสิเน่หา ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ทว่าเส้นบางๆ ที่กั้นความรู้สึก ทำให้ปราณปวิชปฏิบัติกับพวงชมพูในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ เขาเปิดเผยความรู้สึกให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับมารดาที่ต้องเสียใจกับการกะทำของบิดาที่พาภรรยาน้อยเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน “เธออยู่ไหนนะชม...ฉันคิดถึงเธอจัง” ช่างเป็นความคิดถึงอันแสนปวดร้าว เขาทรมานใจกับความรู้สึกนี้ คล้ายกับว่าตนเป็นนกในกรงไม่อาจออกไปจากทีกักขัง โบกโบยบินไปหาความคิดถึงอาบแน่นใจหัวใจ เพราะหากเขาทำ คนที่ต้องเสียใจมากที่สุดคือ นารถลดา มารดาบังเกิดเกล้า เขาจึงไม่ออก

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 4

    Chapter 4พวงชมพูทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเอง เธอจะนึกถึงเอมอรกับเพชรกล้าก่อนตัวเองเสมอ สิ่งของที่ซื้อจึงเป็นของทั้งสองเสียส่วนใหญ่ ส่วนตัวเธอเดือนหนึ่งจะซื้อเสื้อกับกางเกงสักชุด ที่ใส่อยู่บางตังรัชนีกรก็ซื้อให้ หรือนำเสื้อผ้าที่ตัวเองไม่ใส่มาให้เพื่อนรักใส่แทน พวงชมพูเป็นแม่และลูกที่ดี แม้นลำบากแต่ก็ไม่เคยคิดหวนกลับไปหาพ่อของลูกที่รวยล้นฟ้าช่วยเหลือ เธอก้าวออกมาจากชีวิตเขาแล้วก็จะไม่หวนกลับไปอีก แม้ว่าจะลำบากยากเข็ญเพียงไรก็ตามชั่วขณะที่เอมอรมองบุตรสาว พวงชมพูหันกลับเพื่อไปหยิบของมาวางบนโต๊ะ เธอได้เห็นนัยน์ตาคนเป็นแม่ที่มีน้ำใสๆ เกลือกกลิ้ง เธอรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุของน้ำตานั้นคืออะไร“แม่คิดมากอีกแล้วนะ” พวงชมพูเดินมาใกล้มารดา“ก็มันอดคิดไม่ได้ เพราะแม่แกถึงต้องลำบากแบบนี้” เอมอรน้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา “เพราะแม่คนเดียว ถ้าแม่ยับยั้งชั่งใจไม่เป็นเมียน้อยเขา ไม่เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น แกคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกตามลำพัง ไหนจะต้องดูแลแม่อีก เพราะแม่คนเดียว”นับตั้งแต่รู้ความจริง เอมอรโทษตัวเองเรื่อยมา แม้ว่าพวงชมพูจะบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่า เธอก็มีส่

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 3

    Chapter 3 หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ พวงชมพูเดินมาตามทางกำลังจะเลี้ยวไปทางด้านขวา แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อพนักงานโรงแรมสองคนช่วยกันยกฉากกั้นเดินผ่านมา เธอจึงหยุดให้ทั้งสองเดินผ่านไปก่อน จังหวะนั้นปราณปวิชได้เดินขนานกับฉากกั้น ทำให้เขามองไม่เห็นคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งและเมื่อพนักงานสองคนเดินผ่านไป พวงชมพูเดินเลี้ยวขวาเพื่อกลับไปหาลูกชายและเพื่อนสนิท ส่วนปราณปวิชเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านขวามือของเขา ปราณปวิชกับพวงชมพูจึงคลาดกันราวกับว่า พรหมลิขิตไม่ปรารถนาให้ทั้งสองได้พบกันเวลานี้ กลิ่นขนมหม้อแกงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณใกล้เคียง ใครได้สูดกลิ่นเป็นต้องน้ำลายไหลอยากกินขนมชนิดนี้ขึ้นมาทันทีทันใด แต่ไม่ใช่ว่าคนละแวกบ้านหลังนี้จะได้กลิ่นขนมหม้อแกงทุกวัน คนทำจะทำเดือนละสองครั้ง และทำตามออเดอร์ที่สั่งเท่านั้นด้วย หากใครไม่ได้สั่งก็ต้องอดกิน ต้องรอรอบต่อไปถึงจะได้กินขนมหม้อแกงสูตรโบราณของเอมอร ระหว่างที่รอขนมหม้อแกงอบได้ที่ เอมอรเจ้าของสูตรขนมกำลังตักขนมตาลใส่กระทงใบตองก่อนนำไปวางไว้บนซึ้งนึ่ง และเมื่อวางเรียงกันจนเต็มก็นำขึ้นไปนึ่งบนเตาไฟ หลังจากตักขนมตาลจนหมด เอมอร

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 2

    Chapter 2 “เพชรกล้าไม่ใช่ลูกของฉันค่ะ ฉันเป็นเพื่อนแม่ของเพชรกล้า” รัชนีกรบอกให้เขาเข้าใจ “เพชรครับ แม่มาแล้วนะลูก เรารีบกลับไปที่ห้องแต่งตัวดีกว่านะ จะได้ไปเตรียมตัวขึ้นแสดง” “ฮะ ไปหาแม่กันฮะ” สีหน้าเพชรกล้าดีใจที่มารดามาทันตามสัญญา “ผมไปก่อนนะฮะคุณลุง” “เพชรแสดงในงานการกุศลของสมาคมคุณหญิงลัดดาใช่ไหมครับ” ปราณปวิชถาม “ใช่ค่ะ เพชรได้รับทุนน่ะค่ะ และเป็นตัวแทนโรงเรียนมาแสดงในงานวันนี้ค่ะ” คนที่ตอบคือรัชนีกร “ฉันกับเพชรขอตัวก่อนนะคะ ใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว” ปราณปวิชไม่ได้พูดโต้ตอบ เขาส่งยิ้มให้น้าหลานที่เดินจูงมือกันไปยังห้องจัดเลี้ยง ขณะที่เพชรกล้าเดินตามรัชนีกร เด็กชายได้หันมามองหน้าปราณปวิชที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองไปยังสองน้าหลาน ทั้งสองจึงมองสบตากันแล้วยิ้มให้กัน บนเวทีมีการแสดงของตัวแทนเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา ผลัดเปลี่ยนมาสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะกับปราณปวิชที่เฝ้ารอคอยดูการแสดงของเด็กชายที่เขาเดินชนตรงทางเข้าห้องน้ำแบบใจจดใจจ่อ ซึ่งปกติแล้วเขาจะเฉยๆ กับการแสดงเหล่านี้ที่นั่งดูตามมารยาท ไม

  • เมียลับบำเรอแค้น   Chapter 1

    Chapter 1งานการกุศลถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมหรูกลางเมืองโดยสมาคมคุณหญิงลัดดา ในความดูแลของคุณหญิงนารถลดาผู้เป็นลูก งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในโครงการของสมาคมที่มีอยู่ด้วยกันสิบสองโรงเรียน รูปแบบของการจัดงานเป็นงานประมูลของโบราณของคุณหญิงลัดดากับสามีที่สะสมมานานกว่าห้าสิบปีที่มีมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชิ้น คุณหญิงนารถลดาคิดว่า หากเก็บไว้เฉยๆ ก็ไร้ประโยชน์ จึงนำออกมาประมูลสามสิบชิ้น เพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายนำไปช่วยเหลือเด็กผู้ยากไร้และขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน นอกจากงานประมูลของโบราณ ยังมีการแสดงของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาจากห้าโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง ห้องสำหรับให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการแสดงที่อยู่ไม่ห่างกับห้องจัดงานก็กำลังวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากมีสองโรงเรียนนำเด็กอนุบาลสองและสามมาทำการแสดง เด็กจอมซนพากันวิ่งเล่น ชนนั่นชนนี่จนข้าวของตกหล่นสู่พื้น ครูกับผู้ปกครองเด็กต้องพากันเก็บและปรามเด็กไม่ให้ดื้อไม่ให้ซน ซึ่งมันก็ยากสำหรับเด็กวัยนี้ ส่วนอีกสามโรงเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status