ไอวี่เดินกลับมายังบาร์เครื่องดื่ม ชะโงกกายแจ้งออร์เดอร์กับพนักงานด้วยท่าทางปกติ
“โซดาสาม น้ำแข็งหนึ่ง น้ำเปล่สอง ห้องวีไอพีเจ็ด”
“โอเค”
ชายหนุ่มประจำบาร์หายเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมถาดเครื่องดื่มตามที่เธอสั่งไป มือบางเอื้อมประคองถาดมิกซ์เซอร์หมุนกายกลับ แม้ใบหน้าของหญิงสาวจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่หัวใจในอกซ้ายกลับทำงานอย่างหนัก คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ครุ่นคิดตรึกตรองคำพูดมากมายในหัวว่า ควรจะวางตัวอย่างไรจึงจะมีโอกาสนำออร์เดอร์ที่พวกเขาไม่ได้สั่งเข้าไปได้
แต่เธอไม่ได้ต้องการเสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่แล้ว ข้อมูล หลักฐานธุรกิจสีดำต่างหากที่นักข่าวสาวกระหายอยากจะล่วงรู้ความจริง
เรียวขาเพรียวก้าวย่างอย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยว เพียงแค่ใช้โอกาสเล็กน้อยตอนที่เปิดประตูก็พอทำให้มองเห็นภายในได้แล้ว และหากเป็นลีออนจริง การที่วันนี้เขาโผล่มาคลับหรูเป็นส่วนตัวขนาดนี้ย่อมหนีไม่พ้นการเจรจาเรื่องสำคัญ
มือน้อยยกขึ้นเคาะประตูห้องหมายเลขเจ็ด ตามที่ตั้งใจ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่รวบรวมความกล้าและสติให้กลับมามั่นคงที่สุด เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เผลอก้มมองตำแหน่งที่ตนเองแอบติดเครื่องบันทึกเสียงขนาดจิ๋วเอาไว้ใต้ยูนิฟอร์ม
ไม่กี่วินาทีประตูห้องก็เปิดออกโดยชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสัน ความกลัวว่าจะถูกปฏิเสธทำให้ไอวี่ถือวิสาสะก้าวเข้ามาในห้องเลย ใจดวงน้อยร่วงลงไปกองแทบพื้นกับบรรยากาศกดดันชวนกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้
แน่นอนว่าเธอพบลีออน หนุ่มเจ้าสำราญจริงดังที่คาด แต่ในห้องไม่ได้มีเพียงเขาและคู่เจรจาธุรกิจ แต่ยังมีกลุ่มบอดี้การ์ดอีกนับสิบคน พร้อมพนักงานสาวสวยเคียงข้างชายทั้งสองที่นั่งพูดคุยกันอยู่ และบัดนี้ทุกสายตาก็หันมามองทางไอวี่เป็นตาเดียว!
“เดี๋ยว! นี่อะไร”
“ออร์เดอร์ที่สั่งค่ะ น้ำแข็ง โซดา แล้วก็น้ำเปล่า” เธอตอบกลับชายที่มาเปิดประตูให้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่เปลี่ยนแปลง แม้หัวใจจะเต้นโครมครามแล้วก็ตาม รีบกวาดสายตารวดเร็วมองชายอีกคนที่นั่งไม่ห่างจากลีออน แล้วก็ต้องหลุบตามองต่ำ ขนในกายลุกวูบเมื่อเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาวาวโรจน์เหี้ยมโหดของหนุ่มกะล่อนสุดร่าเริงคนนั้น
ภูผาขมวดคิ้วเป็นปมก้มมองถาดเครื่องดื่มในมือพนักงานสาว ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้านาย
ลีออนเพียงไหวไหล่น้อยๆ ลูกน้องมือขวาคนสนิทก็เข้าใจทันที เดินมาขวางหน้าไอวี่เอาไว้ด้วยท่าทางคุกคาม
“ออกไปด้วย เราไม่ได้สั่ง!”
“แต่ว่าดิฉันได้รับออร์เดอร์มานะคะ” นักข่าวสาวแสดงท่าทางเลิ่กลั่ก แล้วก้มมองใบออร์เดอร์บนถาดรองอีกครั้ง “อ้าวตายจริง ขอโทษค่ะ ดิฉันเข้าผิดห้อง ต้องขอโทษลูกค้าด้วยนะคะ”
ในขณะที่ไอวี่เตรียมจะหมุนตัวกลับ ทุกคนก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง กำลังจะกลับไปพูดคุยประเด็นที่ค้างคากันต่อ พนักงานเสิร์ฟคนสวยก็ดันสะดุดล้มหน้าคะมำ จนข้าวของในถาดเครื่องดื่มหกระเนระนาดเต็มพื้น
เพล้ง!
“ว้าย! ตายแล้ว ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบเก็บให้เรียบร้อย” ไอวี่อุทาน ผงกหัวขอโทษขอโผยแขกในห้อง แสดงท่าทางเหมือนพนักงานสาวป้ำ ๆ เป๋อ ๆ คนหนึ่ง ทำให้ชายวัยกลางคนเลิกสนใจเธอ แม้แต่บอดี้การ์ดร่างกำยำคนอื่นในห้องก็ไม่ได้ใส่ใจ ยกเว้นเพียงลีออนที่ยังคงจับจ้องไปทางหญิงสาวคนสวยในชุดเด็กเสิร์ฟนิ่งๆ ด้วยสายตายากจะคาดเดาความคิด
“ผมได้ข่าวมาจากคุณวิคเตอร์ว่า คุณลีออนอยากจะนัดเจอผมเพื่อเลี้ยงรับรองก่อนสินค้ามาถึง” กำนันภูรดิศเอ่ยเข้าเรื่องทันทีโดยไม่สนใจเด็กเสิร์ฟซุ่มซ่าม พลางทิ้งกายพิงเบาะนุ่มโอบเอวสาวสวยข้างกายไปด้วยอย่างสบายอารมณ์
ไอวี่หูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘สินค้า’ เผลอแตะไปยังเครื่องดักฟังขนาดเล็กที่ซ่อนเอาไว้ตรงเอว ก่อนจะเอื้อมเก็บเศษแก้วบนพื้น และกองน้ำแข็งกระจัดกระจายให้ช้าที่สุดเท่าที่จะได้ทำ ถ่วงเวลาอยู่ตรงนี้ให้นานที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญไป
“ครับ เราเองก็เพิ่งร่วมงานกันครั้งแรก ผมจึงอยากทำความรู้จักคุณภูรดิศให้มากขึ้น คราวหลังตอนทำธุรกิจร่วมกันอีกจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย” มาเฟียหนุ่มหันกลับมาสนใจคู่สนทนา คลี่รอยยิ้มกว้างเป็นมิตร ก่อนจะเป็นฝ่ายรินเหล้าราคาแพงให้อีกฝ่าย
“ฮ่าๆๆๆ เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ ผมก็แค่กำนันธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น คนระดับคุณลีออนมารับรองด้วยตัวเองเลย ผมต้องขอบคุณมากที่ให้เกียรติผมขนาดนี้”
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็ยังเป็นมือใหม่ คาดว่าคงต้องขอคำแนะนำจากคุณภูรดิศอีกหลายเรื่องเลย”
“คุณลีออนนี่ถ่อมตัวจริงๆ มาครับ ชนแก้วกันหน่อย เพื่อธุรกิจของเรา”
“ชนครับ”
ลีออนระบายยิ้มจางๆ ปล่อยมือจากไหล่สาวฮอตข้างกายเพื่อคว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นชนกับคู่ค้าคนสำคัญ ก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นจิบ พลางเหลือบตามองดูพฤติกรรมของสาวเสิร์ฟหน้าประตูไปด้วย มือหนาสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ได้
ในที่สุดเหยื่อที่เขาอุตส่าห์วางแผนล่อก็ว่ายเข้ามาติดกับเสียที
ไอวี่คงใช้สติทั้งหมดจดจ่ออยู่กับบทสนทนาจึงพลาดจังหวะเห็นคู่เจ้านายลูกน้องส่งสัญญาณกัน
ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งเธอคิดว่าวันนี้ตัวเองได้ข้อมูลมากพอจะไปขุดคุ้ยเรื่องราวต่อ ก็จัดการข้าวของบนพื้นจนกลับมาสะอาดเอี่ยม แม้จะยังมีรอยเปียกชื้นจากน้ำแข็งและขวดโซดาที่แตกอยู่บ้างก็ตาม แต่ตอนนี้เธอควรออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ก่อนอีกฝ่ายจะเริ่มผิดสังเกต
ร่างเล็กหยัดกายขึ้นจากพื้นด้วยความเงียบเชียบ เตรียมจะย่องออกจากห้องในขณะที่แขกทั้งสองกำลังพูดคุยกันสนุกสนาน
แต่ในขณะที่มือบางจะเอื้อมถึงลูกบิดประตู ชายร่างสันทัดคนเดิมก็เข้ามาขวางเสียก่อน
“ผมว่าผมช่วยดีกว่า”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเก็บของเสร็จหมดแล้ว ขอตัวนะคะ”
“ผมบอกว่าจะช่วยไง ยอมดีๆ ดีกว่าครับ”
คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่แฝงความกดดัน ทำให้คนตัวเล็กแน่นหน้าอก รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก สัญชาตญาณการเอาตัวรอดกู่ร้องว่าเธอพลาดท่าเข้าให้แล้ว
ไอวี่ยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม หันกลับไปมองชายหนุ่มที่เธอตามดูพฤติกรรมอยู่หลายวันช้าๆ แล้วก็พบกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจปรากฏขึ้นบนมุมปากเขา ตอกย้ำชัดเจนว่าเธอตกหลุมพรางเข้าเต็มเปา!
ใบหน้าสวยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้หัวใจจะเต้นกระหน่ำระรัวแทบหลุดออกมานอกอก มือไม้เย็นเฉียบบีบกำถาดเครื่องดื่มเอาไว้แน่น หันกลับไปเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดร่างสันทัดคนเดิมด้วยแววตาราบเรียบ
“ถ้าคุณยืนกรานว่าจะช่วย ก็ขอรบกวนด้วยค่ะ”
“หึ ครับ...เชิญตามมาทางนี้”
ภูผาเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องอ้ากว้างให้ แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกแข้งขาหนักเกินกว่าจะก้าวได้ เหมือนมีหินขนาดใหญ่ถ่วงขาทั้งสองข้างเอาไว้ เธอระบายลมหายใจออกมายาวๆ และกลั้นใจเดินตามเขาออกไปเงียบๆ และทันทีที่ประตูด้านหลังปิดลง บอดี้การ์ดมาดสุภาพก็ตรงเข้าคว้าแขนเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะกระชากให้เดินตามเขาไปยังห้องรับรองที่อยู่ติดกันแทน
ใบหน้าสวยซีดเผือดด้วยความแตกตื่น แต่ก็ไม่กล้าดิ้นหรือโวยวาย ตั้งใจจะใช้สติและความเยือกเย็นของตัวเองผ่านอุปสรรคปัญหาไปเหมือนเช่นทุกครั้ง
ร่างของเธอถูกผลักเข้ามาในห้องวีไอพีมืดสนิท ก่อนที่บอดี้การ์ดคนเดิมจะก้าวเข้ามาแล้วเปิดไฟในห้องจนสว่างโร่
“ช่วยไปนั่งรอตรงนั้นด้วยครับ”
“ฉันต้องกลับไปทำงานนะคะ คุณพาฉันมาด้วยเรื่องอะไรกัน” นักข่าวสาวที่ควบตำแหน่งนักแสดงดีเด่นยังคงแสดงละครต่อด้วยใบหน้าดูงุนงงและตกใจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้า
“นั่งรออยู่นิ่งๆ เดี๋ยวนายผมจะมาคุยด้วย ส่วนถาดก็วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ ถ้าตุกติกหรือคิดหนีร้องให้คนช่วย รับรองจบไม่สวยแน่”
“…”
ฟังจากน้ำเสียงและท่าทางดุดันของอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาเอาจริงแน่ นั่นยิ่งทำให้ใจดวงเล็กบีบรัดถี่รัว ไอวี่ยังวางท่าเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราวก้าวไปนั่งรอยังโซฟาตัวใหญ่สงบเจี๋ยมเจี้ยม ตั้งใจว่าจะรอจนอีกฝ่ายตายใจแล้วจะถือโอกาสถอดเครื่องดักฟังตรงเอวทิ้งไปซะ
แต่ก็เหมือนเทพเจ้าแห่งโชคจะไม่อยู่ข้างเธออีกแล้ว เมื่อเขากอดอกแน่นจ้องมาทางเธอตาไม่กะพริบจนไอวี่ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว ย้อนคิดว่าเมื่อครู่ตนทำอะไรให้ผิดสังเกตถึงได้ถูกลากมาสอบสวนที่นี่ ซึ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
คำพูดและข้ออ้างมากมายผุดขึ้นมาเต็มหัว เตรียมใจรับมือเพลย์บอยตัวแสบที่เธอทำได้เพียงแค่มองอยู่ห่างๆ มาเกือบสัปดาห์ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีโอกาสจะได้เผชิญหน้ากันตรงๆ แม้จะเป็นโอกาสที่เธอไม่ต้องการก็ตาม
เวลาแต่ละวินาทีเหมือนจะผ่านไปช้ากว่าที่ควร จากที่คิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นก็ยังเริ่มกระสับกระส่าย หวั่นวิตกขึ้นมาว่าหากถูกจับได้ว่ามาสืบข่าว ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ
ทั้งที่เตรียมคำพูดมาแล้ว แต่พอประตูห้องถูกเปิดเข้ามาจริงๆ และมีโอกาสได้สบมองเข้าไปในดวงตาระยิบระยับร้ายกาจสีประหลาด ทั้งออกน้ำตาลแต่ก็ดูเทาๆ อย่างบอกไม่ถูก ก็ทำหัวของไอวี่ว่างเปล่าไปชั่วอึดใจเลยทีเดียว
“ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยประโยคลอยๆ ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ดึงสติที่หลุดลอยของไอวี่ให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง
“คะ?”
ครั้งนี้เธองงอย่างไม่ต้องเสแสร้ง ไม่เข้าใจคำพูดของชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“เธอสินะ คนที่คอยตามฉันมาตลอดหลายวัน”
คำตอบของลีออนทำกล้ามเนื้อทุกมัดในกายหญิงสาวหดเกร็ง เผลอบีบฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยความลืมตัว ตอนนี้ความเครียดมันแผ่กระจายไปทั่วร่างหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ใบหน้าสวยจัดก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน” เธอโกหกกลับไป
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอ ล้วงมือสอดเข้ากระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ก้าวตรงเข้ามาหาผู้ร้ายปากแข็งอย่างใจเย็น และทิ้งตัวลงข้างเธอ ทำให้ไอวี่ผวา รีบขยับกายถอยห่างอัตโนมัติ
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณให้ลูกน้องลากฉันมาทำไม หากเป็นเรื่องที่ทำข้าวของแตกเมื่อครู่ ฉันต้องขอโทษคุณลูกค้าอีกครั้งด้วยค่ะ!” ไอวี่ยืนกราน พลางโค้งตัวเป็นการขอโทษ ภาวนาในใจขอให้ลีออนช่วยเชื่อคำโกหกแล้วปล่อยเธอออกไปเสียที
“หึหึ เป็นสาวปากแข็งจริงๆ ด้วยสินะ”
“ฉันพูดทุกอย่างออกมาหมดแล้วจริงๆ ค่ะ ขอร้องช่วยเชื่อฉันด้วย”
หญิงสาวยืนกรานหนักแน่น พร้อมเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามดังขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งใบหน้าหล่อร้ายกระตุกยิ้มพร้อมโน้มตัวเข้ามาใกล้ ก็ทำให้หัวใจเธอแทบกระเด็นออกมานอกอก
“ต่อให้ฉันจะเปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ซ้ำหน้า...แต่กับคนบางคนเห็นแค่แวบเดียวกลับจำได้แม่นนะรู้ไหม”
“…”
ไอวี่ช็อกค้างกลางอากาศไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าลีออนจะจำเธอได้จากครั้งแรกที่เผลอสบตาเขาในผับเมื่อเกือบสัปดาห์ก่อน ทั้งที่แสงไฟในร้านก็มืดสลัว แถมทั้งคู่ก็อยู่ห่างกันคนละฟากร้านด้วยซ้ำ
“ฉะ...ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่คิดว่าคงมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
“เอาน่าคนสวย บอกมาเถอะว่าเธอทำงานให้ใคร และต้องการอะไร อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้แข็งเลย”
“ฉันบอกคุณทุกอย่างแล้ว ปล่อยฉันกลับไปทำงานเถอะค่ะ”
ไอวี่ตัดสินใจลุกขึ้น ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เดินออกจากห้องไปเลย แต่ก็มีบอดี้การ์ดหน้าเข้มกอดอกขวางทางเอาไว้ ครั้งนี้ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาจริงๆ โดยไม่ต้องแสดงละครต่อแล้ว นักข่าวสาวรู้สึกจนมุมแต่ก็ยังไม่คิดจะยอมรับความจริง
“ถ้าอยากจะออกไป ก็บอกความจริงมาซะ เธอทำงานให้ใคร!” หนุ่มอารมณ์ดีเปลี่ยนท่าทีเป็นแข็งกร้าว ตวาดลั่นเสียงดังทำไอวี่สะดุ้งโหยง แต่หากยอมรับสารภาพออกไป ชีวิตเธอได้จบไม่สวยแน่
“ฉันไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น เป็นแค่เด็กเสิร์ฟธรรมดา คุณจำคนผิดแล้ว”
“หึหึ งั้นฉันคงต้องขอตรวจสอบซะหน่อย ไอ้ภูผา! จับยัยนี่ถอดเสื้อผ้าให้หมด ค้นว่ามีอะไรติดตัวบ้าง”
“อย่ามาบ้า! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นนะ!” หญิงสาวหน้าถอดสีก้าวชิดติดมุมห้องราวกับลูกหมาจนตรอก หากพวกเขาจะเอาจริงเธอก็พร้อมสู้ตายเช่นกัน
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มน่ากลัวพร้อมหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวตรงมาหาร่างเล็กที่กอดกายตัวเองไว้แน่น ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งมองกลับอย่างเอาเรื่อง นั่นยิ่งทำให้ลีออนรู้สึกสนใจในตัวเธอขึ้นไปอีก พลางหันไปส่งสายตาให้มือขวาคนสนิทอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาจะเป็นฝ่ายจัดการสายลับสาวสวยคนนี้เอง
ไอวี่มองซ้ายมองขวาหาทางรอด เมื่อลีออนก้าวเข้ามาใกล้ตัวเธอยิ่งขึ้น ตัดสินใจพุ่งตัวลอดใต้วงแขนชายหนุ่มรวดเร็ว แต่เขาก็มือไวกว่ารวบร่างเธอเอาไว้แน่นจนตัวลอยเท้าไม่แตะพื้น หญิงสาวตกใจสุดขีดทั้งดิ้นทั้งถีบให้หลุดออกจากการจับกุม
“ปล่อยฉันนะ! คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้!”
“อยู่นิ่งๆ!” เขาขู่เสียงแข็ง พลางลูบไล้ไปตามเรือนร่างเย้ายวนอย่างจาบจ้วง
ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ และสิ่งที่ทำให้สาวน้ำแข็งฟิวส์ขาดก็ตอนที่มือใหญ่สัมผัสโดนหน้าอกของเธอ ทำให้ไอวี่ตัดสินใจฟาดฝ่ามือตั้งใจจะตบผู้ชายหยาบคายคนนี้เป็นการเอาคืนบ้าง
พรึ่บ!
เธอคงดูถูกลีออนเกินไปจริงๆ เพราะเขาสามารถคว้าจับข้อมือบางเอาไว้ได้ทัน ก่อนมันจะฟาดใส่ใบหน้าหล่อเหลา แล้วจัดการหมุนพลิกมือขวาของหญิงสาวไพล่หลังจนเธอเบ้หน้าเจ็บจี๊ดที่หัวไหล่ ออกแรงดันร่างเล็กชิดกำแพง พลางใช้มืออีกข้างที่ว่างลูบไปตามเสื้อผ้าเพื่อหาสิ่งของต้องสงสัย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” คนตัวเล็กยังคงดิ้นสู้ตาย แต่ก็ไม่อาจสู้แรงหนุ่มสำอางได้เลย ใจดวงน้อยร่วงไปกองแทบเท้า เมื่อมือหนาเคลื่อนไหวลงใกล้จุดที่เธอแอบติดเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้
“ถ้ายอมรับดีๆ ฉันก็ไม่ต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ อยู่นิ่งๆ!” เขาตะคอกขู่อีกครั้งด้วยท่าทางดุดัน
ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างสิ้นหวัง พร้อมรอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนด้านหลัง สัมผัสถูกอะไรบางอย่างตรงเอวบาง จึงตัดสินใจล้วงมือเอาไปใต้สาบเสื้อชุดยูนิฟอร์ม พร้อมกระชากของสิ่งนั้นออกมา สายตาที่เคยซุกซนแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม จ้องมองเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กจิ๋วในมือด้วยความเกรี้ยวกราด
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มกระซิบชิดใบหูหญิงสาวที่หลับตาปี๋ยืนตัวแข็งทื่อชิดกำแพงด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ความใกล้ชิดทำให้เธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวทำคนฟังขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"ดูเหมือนว่าเธอคงไม่ได้กลับไปทำงานเร็วๆ นี้แน่นอน!...ไอ้ภูผา ลากตัวยัยนี่ไปรอที่รถ!"