LOGIN@วันประกวดดาวเดือน
ข้าวหอมมองตัวเองผ่านกระจกนิ่ง เสียงเอ่ยชมจากช่างแต่งหน้สที่รามิลหามาให้กับเพื่อนสาวคนสนิทดังขึ้นมาไม่ขาดปาก นิรินเดินมาหาแล้วหมุนตัวเธอสำรวจ วันนี้จะยอมให้วันหนึ่งก็แล้วกัน ปกติเพื่อนตัวเล็กไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อน วันนี้ก็เลยดูสวยเป็นพิเศษ
"พี่รามิลเลือกเก่งนะ ทั้งชุดทั้งรองเท้า แกใส่แล้วสวยมากเลย" ยี่หวาพูดพลางพิจารณาทั้งร่างกายของเพื่อนไปด้วย ดูแล้วรุ่นพี่ตัวสูงน่าจะเทสดีมาก หรือไม่ก็คงทำแบบนี้กับสาวๆบ่อย
"เดี๋ยวฟ้ากับยี่ออกไปรอข้างนอกนะ ข้าวกับนิไม่ต้องตื่นเต้นละ"
"ชั้นอ่ะไม่อยู่แล้ว แต่ไอข้าวนู่น ยังไม่ขึ้นเวทีก็สั่นหมดแล้วเนี่ย" หันไปมองข้าวหอมที่ยืนกำชายกระโปรงแน่นแล้วถอนหายใจ จะรอดไหมเนี่ย
แอบส่องมองอยู่ด้านหลังเวทีในตอนที่ยังไม่ถึงคิวของตัวเอง ทุกคนดูมั่นใจเสียจนเธอเองแอบกลัวไปเหมือนกัน ไม่น่าคิดมาทำเรื่องแบบนี้แต่แรกเลย เสียงเรียกคิวเธอทำให้สะดุ้งตกใจ หลับตาฮึบเพิ่มกำลังใจให้ตัวพรูลมหายใจออกแล้วก้าวเดิม สายตาทุกคู่มองมาทำให้ใจเต้นรัว แกจะไม่กลัวข้าวหอม แกเก่ง แกทำได้ ต้องทำได้
"ข้าวหอมดูกังวลน่าดู" ริวรอยสังเกตอาการรุ่นน้องตัวเล็กแล้วพูดขึ้นมา
"คนเยอะแยะก็ไม่แปลกหรอก" คิมหันต์มองไปรอบพื้นที่จัดประกวดที่มาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ยืนเต็มไปหมด อีกอย่างข้าวหอมก็ถูกตกเป็นคนถูกนินทาตลอดเพียงเพราะเป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัย พอขึ้นไปยืนจุดที่สายตาหลายคู่มองไปแบบนั้นก็คงกลัวมากอยู่
"แล้วไอมิลไปไหนเนี่ย ชวนเรามาดูน้องแต่มันหาย" ทิวเขาหมุนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเพื่อนตัวสูง ชวนมาแล้วก็หนีไปไหน มันบ้าไปแล้วมั้ง
ผู้ประกวดดาวเดือนยืนเรียงแถวกันให้กรรมการได้มองให้ชัดอีกครั้ง จนถึงรอบการมอบดอกไม้เพื่อนับเป็นคะแนนพิเศษ คนสวยคนน่ารักมีผู้คนรุมล้อมให้ดอกไม้กันเต็ม นิรินรับดอกไม้กลับมาแล้วมองไปที่เพื่อนอย่างกังวล ข้าวหอมก้มน่าลงหลบสายตาทุกคู่ ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนที่อยู่ด้านล่าง
"ข้าวมานี่เร็ว" ยี่หวากวักมือเรียกเพื่อนให้เดินมาหาก่อนจะยื่นดอกไม้ในมือให้ด้วยรอยยิ้ม ข้าวหอมจับมือเพื่อนอย่างนึกขอบคุณที่อย่างน้อยเธอก็มีกอดไม้อยู่ในมือบ้าง ถึงจะไม่มากนักก็ตาม
จู่ๆก็มีรุ่นพี่ปีสองต่อแถวเรียงกันเอาดอกไม้มาให้จนเธองุนงง รับดอกไม้มาแล้วกล่าวขอบคุณไม่ขาดปากทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงเป็นแบบนี้
"ได้เยอะเหมือนกันแฮะ" ริวมองอย่างไม่เชื่อสายตา เกินคาดไปจากความคาดหมายมาก
"มึงไปไหนมาไอมิล?" ทิวเขาหันไปถามเพื่อนที่หายไปพักใหญ่แล้วเดินหลับมา ก่อนจะหันไปเห็นช่อดอกไม้ใหญ่ที่อยู่ในมือ
รามิลเดินเข้าไปคนสุดท้ายเรียกเสียงฮือฮาดังลั่น ดอกไม้ในมือเขาช่อใหญ่กว่าใคร หยุดยืนแล้วยื่นให้เธอด้วยรอยยิ้ม ข้าวหอมเงยมองผู้คนที่เริ่มพูดถึงกับเรื่องราวตรงหน้าก่อนจะเอื้อมรับมา
"วันนี้สวยมาก ไม่ต้องกังวลนะครับ" พยักหน้ารับคำรุ่นพี่ตัวสูงก่อนจะยืนขึ้น ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันที่เพียงแค่คำพูดของรามิลทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา
เพื่อนสาวคนสนิทของรามิลที่ทำหน้าที่พิธีกรยืนมองและกำมือแน่น แต่เขาไม่ได้หันไปสนใจ ยืนกลับไปรอมุมเดิมกับเพื่อนแล้วไม่จดจ้องไปที่ไหน มีเพียงแค่ข้าวหอมที่ดึงดูดให้เขามองอยู่อย่างนั้น เสียงประกาศผู้ขนะดังลั่นจนเขาปรบมือเสียงดังด้วยรอยยิ้ม ทุ่มเหมาดอกไม้ซะขนาดนั้น ถ้าไม่ชนะ...ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ข้าวหอมยืนถ่ายรูปรวมกับเดือนคณะและกรรมการ รามิลยืนมองแล้วยกนิ้วให้เธอ คนตัวเล็กเสมองไปทางอื่นพยายามไม่สนใจ หมุนเดินกลับหลังแบบไม่ได้ระวัง ก่อนจะรู้สึกถึงข้อศอกของใครบางคนที่กระแทกมาจนเธอเซถลาตกลงจากเวที
"กรี๊ดดดด"
"ข้าว!!" ได้ยินเสียงนิรินเรียกดังลั่น หลับตามเตรียมรับแรงกระแทกที่คงจะมาถึงในไม่ช้า แต่กลับรู้สึกเหมือนมีใครมารับเอาไว้และล้มทับเขาเต็มแรง
"เป็นอะไรไหม?" เสียงคุ้นหูเอ่ยถาม คนตัวเล็กดันตัวเองผละมาก่อนจะเห็นว่าเป็นรามิลที่มารับเธอเอาไว้
"มะ ไม่"
"ค่อยๆลุกนะ" ถูกประคองให้ลุกขึ้นยืนจับหมุนดูให้แน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ รามิลมองค้อนไปที่มิ้นท์แล้วจับมือข้าวหอมให้เดินตามออกไปอย่างไม่สนใจว่าใคนจะพูดอะไรบานประตูห้องแต่งตัวถูกผลักเข้าไปด้วยความหงุดหงิด ดันคนตัวเล็กให้นั่งลงก่อนจะปัดฝุ่นที่เลอะตรงหัวเข่าออกให้
"ไม่เป็นอะไรแน่ใช่ไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า"
"อื้ม ไม่เป็นไร"
"เงินสำหรับคืนก่อนหน่ะ พี่โอนให้ครบแล้วนะ" ข้าวหอมแค่พยักหน้าตอบไปเท่านั้น
"ต้องใช้อีกเท่าไหร่ ทำไมยังให้เจ๊ลีหาลูกค้าให้อยู่อีก"
"ไม่รู้สิ"
"พี่ถามได้ไหม หาเงินไปทำอะไรขนาดนั้น"
"ข้าว....เอาไปรักษาแม่" รามิลชะงักไปหลังจากได้ยิน เงยมองสบกับแววตาแสนเศร้า เขาเองพอดูออกว่าอีกคนไม่ได้อยากทำแบบนี้มากนัก แต่คงเพราะไม่มีทางเลือก
"แล้วก็จะทำแบบนี้ไปจนกว่าจะรักษาแม่หายอ่ะหรอ?"
"แล้วมันมีวิธีไหนที่หาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้เร็วๆบ้างละ" รามิลลุกขึ้นไปนั่งลงข้างเธอ มือสองข้างถูกรวบมากุมเอาไว้ ชีวิตของคนตรงหน้าเขามันดูไม่ง่ายสักนิด วันนั้นหลังจากตื่นมาเขาก็คะยั้นคะยอให้เธอเล่าว่าแผลที่มุมปากเป็นมายังไง เธอที่ภายนอกพยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็งมาก แต่ข้างในแสนเปราะบางขนาดนี้
"อยากลองฟังข้อเสนอพี่ดูไหม"
"ข้อเสนออะไร"
"เป็นของพี่แค่คนเดียว"
"หมายถึงอะไร"
"เป็นเด็กของพี่รามิลคนนี้ไงครับ พี่ยอมจ่ายให้ไม่อั้น เราต้องการเมื่อไหร่ก็แค่บอก แต่พี่มีข้อแม้ว่าถ้าพี่ต้องการเมื่อไหร่ เราก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเหมือนกัน"
"ที่พี่ทำอยู่แค่เพราะอยากเอาชนะข้าวหรอ"
"เพราะสนใจต่างหาก เข้าใจให้มันถูกด้วยครับ"
"พี่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครใช่ไหม"
"เป็นข้อตกลงระหว่างเราสองคน จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้" ข้าวหอมคิดทบทวบอยู่แล้วตอบรับคำไป อย่างน้อยก็แค่กับรามิลคนเดียว อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปนอนกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าศักดิ์ศรีของตัวเองที่กำลังเหยียบย่ำอยู่ ก็ทำไปแค่เพราะหวังให้แม่มีชีวิตรอดต่อไปก็เท่านั้า
"มัดจำด้วยจูบก่อน"
"แต่....."
"เดี๋ยวพี่โอนให้เลยหมื่นนึง" นั่งนิ่งยอมให้เขาจูบแต่โดยดีหลังได้ยินประโยคนั้น รามิลใช้มือประคองใบหน้าน่ารักให้เอียงให้ได้องศา ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นคนติดรสจูบแสนหอมหวานของคนตัวเล็กไปซะแล้ว
เสียงประตูเปิดเข้ามาเร้าให้ข้าวหอมผลักอีกคนออกห่าง เพื่อนเธอวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงพร้อมกับเพื่อนของรามิลที่เดินตามมาด้วย
"เช็ดปากหน่อยไอมิล ลิปสีเดียวกับน้องมันเลย" ริวรีบกระซิบบอกเพื่อนทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เรื่องรามิลกับข้าวหอมพวกเขารู้กันหมดเพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง
ปกติรามิลเป็นคนทุ่มให้กับคนที่ถูกใจมาแต่ไหนแต่ไร แต่ดูเหมือนว่ากับรุ่นน้องตัวเล็กจะสนใจเกินกว่าคนอื่น ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกมั่นใจว่าสักวันข้าวหอมจะไม่ถูกรามิลเขี่ยถึง เกิดรุ่นน้องคนนี้ตกหลุมรักรามิลขึ้นมา มีหวังเกิดเรื่องแน่
"ขอโทษทีนะคะน้องข้าวหอม พอดีพี่เดินไม่ระวัง" หญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่พูดขึ้นแล้วกอดอกมอง
"ช่วยกล้าให้เหมือนตอนที่พี่ทำได้ไหม พี่จงใจผลักให้ข้าวตกลงมา" ข้าวหอมลุกขึ้นไปประจันหน้าคนที่กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ขืนรามิลไม่มาช่วยเธอไว้ ป่านนี้ไม่รู้จะเจ็บขนาดไหน
"ทำไมพูดจาใส่ร้ายกันขนาดนี้ละ"
"นิก็เห็นว่าพี่ตั้งใจ เล่นแรงไปป่ะ เกิดข้าวมันเป็นอะไรขึ้นมา จะรับผิดชอบยังไง"
"มิลคะ มิ้นท์ไม่ได้ทำจริงๆนะ"
"เฮ่ออ ข้าวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พี่รอข้างนอกนะ"
"มิล....."
"ถ้ามิ้นท์ยังไม่ขอโทษข้าวหอมสำหรับเรื่องวันนี้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน"
"ได้ยินชัดไหมคะพี่มิ้นท์ พี่รามิลบอกว่าถ้าพี่ยังไม่จอโทษไอข้าว ก็ไม่ต้องไปคุยกับเขาค่ะ" ยี่หวาพูดเน้นเสียงแล้วหันไปหัวเราะสะใจกับนิรินเสียงดังลั่น
"มิลกับเด็กนี่มันยังไงกันแน่"
"ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอธิบายไม่ใช่หรอ"
"แต่มิลเป็นของมิ้นท์"
"เข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่า เราแค่เอากัน ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ"
"มิล!!"
รามิลเดินเอากระเป๋าเสือผ้าที่ขนไปเฝ้าคนตัวเล็กที่โรงพยาบาบเข้าไปไว้ในห้อง เขาเดินออกมาแล้วเห็นว่าเธอกำลังยืนมองออกไปนอกระเบียงด้วยรอยยิ้ม รามิลเดินไปโอบกอดอีกคนจากด้านหลัง เขาโน้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่จนเะอหัวเราะออกมา "คิดถึงห้องของเราไหมครับ?" "ห้องของพี่ต่างหาก" ข้าวหอมพูดเถียงขึ้น สุดท้ายก็เลยโดนรามิลจับให้หมุนไปหาแล้วดันตัวเธอชิดเอาไว้กับบานกระจก นิ้วยาวจิ้มที่ริมฝีปากเธออย่างไม่ชอบใจกับสิงที่เธอพูดเท่าไหร่นัก แต่เธอกลับเอาแต่ยิ้มทั้งที่รู้ว่าเขาไม่พอใจอยู่ "ไม่ต้องมายิ้มเลย" รามิลขมวดคิ้วใส่แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอาการของเขาแม้สักนิดแถมยังจะเอาแต่ยิ้มไม่ยอมหยุดอีก แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้แล้วเขย่งเท้าขึ้นไปกดจูบคนที่เอาแต่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ รามิลยังคงตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นจนเธอต้องลองทำอย่างเดิมอีกรอบ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลอีกตามเคย ข้าวหอมยืนคิดพักใหญ่ก็พอจะคิดอะไรออก มือเล็กจับไล้ตั้งแต่กลางอกเขาจนมาถึงหน้าท้อง ลูบลงไปจนถึงเป้ากางเกงก่อนจะถูกรามิลรวบมือเอาไว้ "พึ่งนะหายดีก็หาเรื่องใส่ตัวเลยหรอ?" "หรือว่าพี่ไม่ชอบละ" สายตาเย้ายวนแบบนั้นนั่นมันอะไร จะเล่นกับใจขอ
รามิลอุ้มร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเข้ามาด้านใน เขาพอจะมีสติขึ้นแล้วถึงได้อุ้มเธอไหว เตียงคนไข้เข็นเข้ามารับร่างไร้เรี่ยวแรงจากมือเขา รามิลวิ่งตามเตียงที่เข็นไปด้วยความเร็ว ก่อนจะต้องหยุดในตอนที่พยาบาลดันเขาออกมาแล้วประตูห้องฉุกเฉิดก็ปิดลงเขาทิ้งตัวลงเต็มแรงราวกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ใจของเขาหลุดลอยออกไปตั้งแต่ได้เห็นเลือดสีแดงสดเต็มตัวข้าวหอมแล้ว เขานั่งนิ่งสมองไม่อาจประมวลผลก่อนเพื่อนจะเดินเข้ามาหา พร้อมแม่เขาที่นั่งลงข้างกายแล้วลูบแผ่นหลัง"แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่คิดว่าหนูมิ้นท์จะทำถึงขนาดนี้""น้องจะตายไหมครับแม่ ข้างหอมจะตายไหมครับ""แม่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้แม่ตายหรอก""แม่...."รามิลมองหน้าแม่ของเขาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความดีของข้างหอมกับแสดงออกให้เธอได้รับรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้รักลูกชายเธอมากแค่ไหน และนั่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขัดขวางความรักของทั้งสองคนอีกบายประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา เป็นพยาบาลที่วิ่งมาหาด้วยสีหน้าตกใจจนรามิลใจล่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?""กระสุนถูกจุดสำคัญ แล้วคนไข้ก็เสียเลือดมาก เราจำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วนค่ะ""รักษาได้เลยค่ะ ช่
รามิลลืมตาขึ้นมาด้วยความมึนงง อาการปวดหนึบที่หัวทำให้เขาต้องสะบัดไปมาเพื่อคลายมันลง กว่าจะปรับการมองเห็นได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ภาพแรกทำให้ทำเขาเบิกตากว้าง คนตัวเล็กถูกมัดเอาไว้ติดกับเก้าอี้ตรงหน้าเขาทั้งมีผ้ามัดที่ปากเอาไว้ด้วย รามิลพยายามขยับสุดแรงแต่แขนที่ถูกมัดไขว้หลังไว้ทำให้เขาทำตามใจได้ลำบากเขาได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโหถึงขีดสุด มุมปากสวยมีรอยแผลอยู่ด้วย สถานการณ์ที่เขาสองคนกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องบอกจะะรามิลก็รู้ดีว่าใครเป็นคนทำ"ข้าวหอม ไหวไหมครับ?" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับเขาเพราะไม่สามารถพูดออกมาได้ ก่อนบานประตูจะเปิดขึ้นแล้วคนที่เขาคิดไว้ว่าเป็นคนทำจะเดินเข้ามา"มิ้นท์จับเรากับน้องมาทำไม?""เราแค่มีเรื่องคุยกับมิลหน่อย ส่วนนังเด็กนี่....""อย่าทำอะไรข้าวหอมนะ!" คนตรงหน้าเดินแสยะยิ้มมาหาเขาแล้วมองนิ่ง แววตาแสนอาฆาตแค้นนั้นเขาแทบไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาคิดผิดไปสินะที่เข้าไปพัวพันกับผู้หญิงคนนี้ ถึงมาคิดได้ในเวลานี้มันก็สายเกินไปแล้ว"ห่วงมันเหลือเกินนะ ความจริงมันควรจะตายไปตั้งแต่รอบที่แล้วด้วยซ้ำ""เราไม่เคยคิดเลยนะ ว่ามิ้นท์จะเป็นคนแบบนี้""ก็มิลนั่นแหละที่ทำให้เราเ
"สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนไม่ไหว""มึงก็ลองมีเมียมาอ้อนดูบ้างสิว่ะ" รามิลสวนกลับทิวเขาทันควัน ปกติข้าวหอมไม่ใช่คนขี้อ้อนอะไร แต่พออ้อนขึ้นมาทีใจเขาก็อ่อนยวบไปหมด สุดท้ายก็ต้องแพ้ทางทุกที"กูก็มีแล้วไงเมีย""ปากดีเข้าไปเถอะ คนไหนละเมียมึงอ่ะ" เขาพูดเย้าเพื่อนไปแต่เหมือนว่าอีกคนจะหัวเสีบ ก็กำลังพูดความจริงอยู่นี่ นิรินที่เป็นว่าที่คู่หมั้น หรือว่าปลายฟ้าที่มันได้ไปแล้วทั้งตัวทั้งใจละที่เป็นเมีย"อาหารมาแล้ว" คนตัวเล็กจาเป็นประกายทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ ดูแล้วคงจะหิวมากเพราะนั่งทำงานกับเพื่อนมาหลายชั่วโมง"เป็นครั้งแรกเลยนะที่มาร้านเหล้าแล้วสั่งอาหารเยอะขนาดนี้อ่ะ" ข้าวหอมหันไปมองริวแล้วเกาต้นคอแก้เขิน ก็คนมันหิวจะให้ทำยังไงละ ที่อยากมาที่นี่ก็แค่อยากจะดูหน่อยว่าบรรยากาศร้านเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น"ทานกันได้เลยนะสาวๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง""ก็นึกว่ามีเงินพอเลี้ยงข้าวคนเดียว เลี้ยงเพื่อนข้าวไหวด้วยหรือไง""สบายมาก""เลี้ยงเพื่อนข้าวได้ แต่ห้ามเลี้ยงสาวคนอื่นเชียว""ดูสภาพเพื่อนพี่ มันจะไปเลี้ยงสาวที่ไหนได้" คิมหันต์ขำแล้วส่ายหัว ข้างหอมน่าจะเป็นคนแรกที่เอาเพื่อนเขาอยู่ขนาดนี้ รามิลแทบไม่มอง
"มึงคิดว่าจะเป็นยังไงต่อ?" รามิลมองไปที่ทิวเขาแล้วหยุดนิ่ง คำถาของเพื่อนทำให้นึกคิดอยู๋แต่ก็พอจะเดาได้ไม่อยาก แม่ของคนที่เขาพึ่งแจ้งตำรวจจับคงไม่ยอมปล่อยไปแบบนี้แน่ แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำแล้วก็แค่ต้องรอรับมือกับมันให้ได้ "จะเป็นยังไงก็ให้เป็นไป กูแค่อยากจะปกป้องคนของกู""พี่รามิล" พูดไม่ทันจบเสียงหวานจากคนของเขาก็ดังขึ้นพอดี ข้าวหอมโบกมืออยู่ไม่ไกลแล้วเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนของเธอ วันนี้เขาไม่มีเรียนแต่ก็มานั่งรอรับน้องตั้งแต่เช้า ไม่อยากให้ละสายตาไปไหนอีกแล้ว"เลิกแล้วหรอครับ เรียนเป็นไงบ้าง?""เหนื่อยมาก มีงานต้องทำด้วย" รามิลลูบหัวคนที่ปากยู่ลงยามเราให้เขาฟัง ดูจากสีหน้าแล้วเธฮคงเหนื่อยกับการเรียนมากอย่างที่บอก"พี่รามิลนี่ดีจัง มารอรับข้าวหอมทุกวันเลย" ยี่หวาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว ไม่ว่าจะมีเรียนหรอไม่มี ยุ่งมากแค่ไหนทุกครั้งที่เรียนเสร็จแล้วเดินลงมาก็จะเห็นรามิลมารอเพื่อนเธอแบบนี้ตลอด น่าจะเริ่มตั้งแต่ที่ข้าวหอมโดนแทงจนเข้าโรงพยาบาลวันนั้นละมั้ง"เมียทั้งคนก็ต้องมารอสิครับ""พี่รามิลพูดอะไรเนี่ย!?" อดไม่ได้ที่จะะบีบแก้มเนียนด้วยความหมั่นเขี้ยว ยิ่งในยามที่มันกำลังแดงระเรื่อด
เสียงเรียกจากพนักงานส่งอาหารดังขึ้นจังหวะเดียวกันกับที่รามิลออกมาจากห้องน้ำพอดี พอรับของมาจ่ายเงินเสร็จแล้วก็เตรียมมันใส่จานเอาไว้ เหลือมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เดินกลับไปในห้องก็ยังเห็นคนตัวเล็กนอนคุดคู้อยู่บนเตียง รามิลนั่งลงแล้วหอมแก้มเธอแทนการเอ่ยปลุกแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เลยเปลี่ยนมานั่งลูบหัวเธอแทนอย่างเอ็นดูเวลาอาทิตย์กว่าที่เขายุ่งกับการจัดการเรื่องที่คนตัวเล็กเจอมา ขุนเขายอมเปิดปากทั้งหมดว่ามิ้นท์เป็นคนสั่ง จริงๆก็ไม่ใช่ว่ายแมหรอกแต่เป็นเขาที่ไปขู่ต่างหาก ตอนนี้น้องชายของคนตัวเล็กถูกคุมตัวเอาไว้ เหลือก็แค่เพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาที่เขาอยากจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง รามิลก็แค่อยากลองให้โอกาสอีกคนเป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าชดใช้ที่เป็นต้นเหตุของความแค้นในครั้งนี้เอนตัวลงนอนแล้งดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด หอมแก้มเธออยู่หลายครั้งเป็นการก่อกวนให้คนขี้เซาลืมตาตื่น ครั้งนี้ได้ผลข้าวหอมลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งมุ่ยหน้าใส่คงจะหงุดหงิดที่เขาไปกวนเวลาฝันหวาน"ทำไมงอแงครับ?""ข้าวเปล่างอแงก็แค่ยังนอนสบายอยู่เลย""ขี้เซาจัง จะเที่ยงแล้วครับ ลุกมาทานข้าวได้แล่ว" คนตัวเล็กผุดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งยังทำห







