เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น..
“พี่หนูนา แอบเข้าเมืองแบบนี้ไม่กลัวแม่ใบบัวดุหรือ”
“เอ๊ะ!” คนถูกถามเท้าสะเอว ตาเขียวปั๊ด “ถ้าเอ็งกลัวนักก็กลับไปไอ้ปื๊ด เสียเวลาข้า”
“โธ่พี่หนูนา ปื๊ดก็แค่เป็นห่วง” ปื๊ดหัวหด ไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะกลัวถูกเบิ๊ดกะโหลกยุบ ไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างทาง
หนูนาชี้หน้าน้องชายจอมขลาด ปื๊ดเกิดช้ากว่าเธอแค่ปีเดียว เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก และมีดวงหน้าหน้าอ่อนหวานเหมือนเด็กผู้หญิง หนูนาไปเจอปื๊ดถูกเด็กผู้ชายรุมรังแกเพราะรูปร่างอ้อนแอ้น เพราะความเป็นคนดีในส่วนลึกจึงช่วยมันไว้ ไม่คิดว่าเลยว่ามันจะซึ้งใจจนผันตัวมาเป็นลูกน้องเดินตามตูดต้อย ๆ แบบนี้
แม่ใบบัวกับพ่อราชันเห็นเข้าก็เอ็นดู ทั้งสองรับปื๊ดเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้นหนูนาก็มีน้องชายเพิ่มเข้ามา
“แม่ไม่รู้หรอกถ้าเอ็งไม่บอก ป่านนี้แม่นอนไปแล้ว กว่าจะตื่นก็คงตีสี่ตีห้า เวลานั้นเอ็งกับข้าคงกลับไปนอนตีพุงแล้ว”
“ปื๊ดไม่บอกหรอกจ้ะ”
เพราะถ้าขืนบอก ก็คงไม่แคล้วถูกทำโทษที่หนีเที่ยวแบบนี้ แม่ใบบัวบอกเสมอว่าถ้าหากทำผิดด้วยกันก็ต้องโดนทั้งคู่ ไม่สนว่าใครเริ่มใครตาม ใครลูกในไส้ใครลูกบุญธรรม หากทำผิดจะโดนลงโทษอย่างเท่าเทียม
ข้อหาหนีออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนแบบนี้โทษเบาที่สุดคือถูกดุ หนักหน่อยก็ถูกกักบริเวณเป็นอาทิตย์ หรือไม่ก็ต้องอดกินข้าวฝีมือแม่ใบบัวเป็นเดือน ซึ่งข้อหลังเป็นข้อที่ปื๊ดกลัวที่สุด
“ดี” หนูนากอดอก ยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ “อย่างนั้นก็เงียบปาก เรารีบเที่ยวแล้วรีบกลับคงไม่มีอะไร”
หนูนา คะนึงนิจ ลูกสาวคนสุดท้องของทนายราชันและหมอสมุนไพรใบบัว น้องสาวของช้างหรือคชสาร นักเลงใหญ่ที่วัน ๆ ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากมีเรื่องกับเขาไปทั่ว หนูนาเกิดหลังพี่ชายหกปีกว่า ๆ แต่กลับสนิทสนมเหมือนวัยเดียวกัน
หนูนาติดพี่ชายมาก เพราะช้างคอยสอนศิลปะการต่อสู้ให้น้องสาวตั้งแต่เด็ก ๆ แม้หนูนาจะตัวเล็กเหมือนแม่ ใบหน้าสะสวยอย่างที่หนุ่มใดมาเห็นเป็นต้องตกหลุมรักทุกราย ทว่านิสัยของคนสวยนั้นไม่ตรงปกเอาเสียเลย
ทั้งห่าม ปากจัด เตะต่อยไม่เป็นรองใคร ยิงหนังสติ๊กและปืนแม่น ใช้ดาบได้คล่อง เรื่องขี่ม้าก็นับว่าขั้นครูเพราะหัดมาตั้งแต่เด็ก ๆ
หนูนาเก่งกาจรอบด้านในวัยเพียงยี่สิบปี แต่กลับเก่งในเรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรเก่ง ส่วนเรื่องที่ผู้หญิงควรเก่งนั้นเข้าขั้นติดลบ
งานบ้านงานเรือนทำไม่เป็น กับข้าวกับปลาก็ฝีมือย่ำแย่ เย็บปักถักร้อยไม่ต้องพูดถึง แค่ใส่ด้ายยังทำไม่ได้
ใบบัวกับราชันปลงแล้วว่าหนูนาคงออกเรือนไม่ได้ ผู้หญิงที่มีนิสัยเหมือนม้าดีดกะโหลก ทำอะไรไม่เป็นแบบนี้บ้านไหนจะต้อนรับ
“อยากกินยาดอง!”
ดวงตาลูกกวางที่ถอดแบบแม่มาเป๊ะ ๆ ทว่าเจ้าเล่ห์กว่าหลายเท่าลุกวาวเมื่อเห็นซุ้มยาดอง ในนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์นั่งดวลยาดองกันหลายคน เห็นแล้วหนูนาก็เกิดเปรี้ยวปากขึ้นมา
อยากลองว่ายาดองในเมืองจะอร่อยเท่ายาดองที่หมู่บ้านหรือเปล่า
“พี่หนูนา ไม่เอานะ” ปื๊ดส่ายหน้ายิก ๆ ซุ้มยาดองมีแต่คนน่ากลัว ถึงพี่หนูนาจะเก่งกาจแต่ก็ตัวเล็กจิ๊ดเดียว ส่วนปื๊ดยิ่งแล้วใหญ่ มันก็ผอมแห้งแบบนี้จะดูแลหนูนาได้ยังไง
“ขี้ขลาดก็อยู่ตรงนี้แหละ”
หนูนาไม่ฟังคำห้ามของน้อง ร่างเล็กสะบัดแขนจากคนตาขาว เดินดุ่ม ๆ ไปที่ซุ้มยาดองก่อนจะวางเงินลงไป
“ลุง ขอแรงที่สุดมาสองเป๊ก”
เสียงของผู้หญิงทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์หันมามองด้วยความสนใจ ใบหน้าที่งดงามกว่าใครที่เคยพบเจอทำให้หนุ่มกลัดมันตาวาว
ช่างเป็นผู้หญิงสวยจนหาที่ติแทบไม่เจอ เรือนกายเล็กกระทัดรัดไม่สูงไม่เตี้ยเกินไป ไม่อ้วนและไม่ผอมกำลังพอดี เส้นผมดำยาวตรงถึงกลางหลัง ผิวขาวผุดผาดอมชมพูทั้งตัว ดวงหน้าหวานซึ้งสวยสะกด ดวงตาสุกสกาวแวววาวราวกับดวงตาของลูกกวาง คิ้วโก่งเรียว จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มสีสด และพวงแก้มขาวอมชมพูระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ
สวยกว่าใครที่เคยเจอ คนสวยแบบนี้ไปหลบอยู่ที่ไหนมาตั้งนานนม
“น้องสาวจ๊ะ” ผู้กล้าคนแรกเดินเข้ามาใกล้ เพราะมั่นใจว่ารูปร่างหน้าตาของตนเองคงทำให้คนสวยสนใจไม่น้อย “มาคนเดียวหรือจ๊ะ มานั่งกับพี่ไหม”
“ไม่ล่ะ เหม็นสาบ”
“ทำไมถึงได้ปากดีแบบนี้ พี่อยากรู้นักว่าปากดี ๆ แบบนี้จะหวานแค่ไหน” แม้จะรู้สึกขุ่นเคือง ทว่าความสวยของหนูนาก็ทำให้ชายฉกรรจ์กัดฟันทน คอยดูเถิด ปากดี ๆ แบบนี้จะจับทำเมียเสียให้เข็ด
หนูนาไม่ใคร่ใส่ใจคำพูดนั้น มือเล็กกระดกยาดองเข้าคอที่เดียวหมดแก้ว เพียงแค่ลิ้นได้สัมผัสรสชาติใบหน้างดงามตราตรึงก็บิดเบ้ทันที
แหวะ ไม่เห็นอร่อย นี่แรงที่สุดแล้วหรือ จืดชืดเหมือนน้ำเปล่า กินแล้วไม่เห็นรู้สึกอะไรสักอย่าง ยาดองที่หมู่บ้านเธออร่อยกว่าไม่รู้กี่เท่า
“เอาอีกหรือไม่หนู”
“ไม่ล่ะลุง” หนูนาโบกมือปฏิเสธ ขืนให้กระดกอีกคงได้ขย้อนออกมาตรงนี้ ถึงจะแก่นแก้วแต่เธอก็ไม่ได้ไร้มารยาท
“เดี๋ยวสิคนสวย”
ในตอนที่ร่างเล็กลุกขึ้นเพื่อไปเดินเล่นในงานต่อนั้น ฝ่ามือหยาบกร้านก็คว้าข้อมือเธออย่างไร้มารยาท ฉุดรั้งไม่ให้เธอจากไป
“จะรีบไปไหน ไม่อยากอยู่สนุกกับพวกพี่หรือ”
“ไม่ บอกแล้วว่าเหม็นสาบ” หนูนาไม่ได้โกหก แต่เธอได้กลิ่นสาบจริง ๆ ทั้งกลิ่นเหงื่อทั้งกลิ่นยาดอง
และเพราะเป็นคนพูดตรงถึงได้พูดออกไปแบบไม่ไว้หน้า อีกอย่าง ฝั่งนั้นก็รุ่มร่ามกับเธอก่อน
คนฟังนึกโกรธ มือหยาบกร้านบีบแขนเรียวเล็กจนเป็นรอยแดงเถือก
“สองรอบแล้วนะที่ว่าพี่แบบนี้ อยากโดนดีหรือ”
“หยุดไร้สาระได้แล้ว ปล่อย”
หนูนามีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความหวาดกลัว เธอสะบัดแขนหนี แรงของหญิงสาวตัวเล็กมีมากจนอีกฝ่ายตะลึงงัน พลางคิดหาวิธีเอาชนะผู้หญิงปากดี เพราะใช้กำลังคงไม่ได้ผล แถมของสวย ๆ งาม ๆ จะชอกช้ำจนหมดค่าหมดราคาเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอี๊ก!” หนูนาหน้าหันใบหน้าบึ้งตึงกลับไปมอง หงุดหงิดเต็มทนกับพวกที่พูดไม่รู้เรื่อง
“พี่เห็นน้องกินยาดอง แรงขนาดนั้นยังกระดกได้สบาย ๆ ท่าทางคงจะเก่งใช่เล่น อย่างนั้นดวลกับพี่สักยกได้หรือไม่ ใครเมาก่อนคนนั้นแพ้ หากน้องชนะพี่จะไม่วุ่นวายอีก”
หนูนากรอกตาอย่างเอือมระอา กับอีแค่แข่งกินยาดอง พวกมันคงไม่รู้จักหนูนาคอทองแดง ที่ลงแข่งกี่ครั้งก็ไม่เคยแพ้ ขนาดพี่ช้างเธอยังล้มมาแล้ว เรื่องฝีมือเธอไม่ได้กลัวสักนิด แต่สิ่งที่ทำให้ลังเล ก็คงไม่พ้นรสชาติที่เหมือนน้ำล้างมือนั่น
และที่สำคัญ เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรไร้สาระแบบนี้เลย เสียเวลาเที่ยวเล่นเปล่า ๆ
“ไม่ล่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร”
“กลัวหรือ” อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ “พี่คงเข้าใจผิดไปเองว่าน้องเก่ง ที่แท้ก็แค่ผู้หญิงทั่วไป”
“ผู้หญิงแล้วทำไม!” หนูนาตาวาว ตะคอกถามด้วยความไม่พอใจ
ผู้หญิงแล้วยังไง หนักหัวใครที่ไหน!
“ก็อ่อนแอ ขี้แพ้อย่างไรเล่า”
ดวงตากวางวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ เกลียด.. เกลียดที่สุด เธอชิงชังสังคมชายเป็นใหญ่มาแต่ไหนแต่ไร สังคมที่มองว่าผู้หญิงจะต้องเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าผู้ชายเสมอ หรือไม่ก็เป็นเพศที่มีค่าแค่ให้กำเนิดลูก
อ่อนแอ? เพศที่ต้องอุ้มท้องเด็กคนหนึ่งเป็นเวลาเก้าเดือน ทนเจ็บปางตายตอนคลอด แบบนี้เรียกว่าอ่อนแอได้หรือ?
“ตกลง!” หนูนารับคำท้า แค่ยาดองจืด ๆ กินสิบไหก็ไม่เมาหรอก
จะได้รู้กันว่าผู้หญิงไม่ใช่เพศที่ใครจะมาข่มเหงได้
“ดี” ชายตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ยพวกมึง! ไปเตรียมยาดองให้กูกับน้องสาวคนสวยสิวะ”
“จ้ะพี่!”
.
.ปื๊ดยืนมองพี่สาวที่นั่งประจันหน้ากับชายฉกรรจ์ด้วยสายตาเป็นกังวล ทั้งคู่จ้องตากันไม่กระพริบ กระดกยาดองแก้วแล้วแก้วเล่าลงคอไม่มีทีท่าว่าจะเมามาย ไหที่หนึ่ง.. ไหที่สอง.. จนกระทั่งเข้าไหที่สามก็เริ่มมีชาวบ้านเข้ามาวางเงินพนัน และส่วนมากก็ไม่พ้นพนันเข้าข้างผู้ชาย เพราะมั่นใจว่าผู้หญิงคงไม่มีทางชนะได้
นั่นยิ่งทำให้หนูนาเดือดดาล
“เอามาอีก!”
ไหที่ห้าถูกวางลงตรงหน้า ทว่าครานี้แทนที่ผู้ชายตรงหน้าจะกินด้วยกัน มันกลับสั่งให้ลูกน้องเอายาดองอีกไหมาวางแทน
“รอบนี้คนละไหเลยดีกว่า”
หนูนาหรี่ตาลง เธอมองไหตัวเองสลับกับไหของอีกฝ่าย ก่อนจะทำการสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครห้ามทัน
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยเล่า ยาดองนี่ยังไงก็เหมือน ๆ กัน สลับไหกันคงไม่เป็นไร ใช่ไหม?”
หนูนารอบคอบเสมอ เธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมีกลโกงอะไรบ้าง กันไว้ย่อมดีกว่าแก้
อีกฝ่ายเถียงไม่ออก การประลองดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น หนูนากระดกยาดองเข้าปากเรื่อย ๆ เธอยังคงไร้ความรู้สึกเมามายแม้กระเพาะจะเต็มไปด้วยน้ำเมา
“ดูเหมือนอีหนูนั่นจะไม่เมาง่าย ๆ เลยว่ะ แต่ไอ้สักมันเริ่มตาแดงแล้ว เราลงพนันผิดข้างหรือเปล่าวะ”
“เฮ้ย เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้หญิงจะชนะ มึงคอยดู เดี๋ยวอีหนูมันก็ยอมแพ้”
เสียงพูดคุยของชาวบ้านยิ่งทำให้หนูนาไม่พอใจ หญิงสาวทุบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะยกไหยาดองขึ้น กรอกน้ำเมาลงคอจนหมดโดยไม่ใช้แก้วให้เสียเวลา
ชาวบ้านอ้าปากค้าง รวมถึงฝ่ายที่เข้ามาท้าประลองด้วย หนูนามองใบหน้าดิบเถื่อนของอีกฝ่าย พลางยักคิ้วขึ้นอย่างผู้ชนะ
“จะยอมแพ้ได้หรือยะ.. อึก!”
พูดไม่ทันจบ ใบหน้าสวยสดของหนูนาก็บิดเบี้ยว เธองอตัวลงเล็กน้อย ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนโดนสุมไฟ เหงื่อกาฬไหลอาบใบหน้าทั้ง ๆ ที่อากาศยามดึกค่อนข้างเย็น
มันไม่ใช่อาการเมา ไม่ใช่..
กึก
“จะไปไหนหรือน้องสาว”
“เยี่ยว” เธอตอบเรียบ ๆ ไม่ยอมแสดงอาการแปลก ๆ ออกมาแม้ร่างกายจะร้อนรุ่มแค่ไหน “พักสักครู่ ขอไปปลดทุกข์ก่อน เดี๋ยวมา”
“อย่านานนะ พี่รออยู่”
หนูนาไม่ได้ตอบอะไร เธอเดินดุ่ม ๆ ผ่านปื๊ดไปที่ห้องน้ำ แต่แทนที่หนูนาจะเข้าห้องน้ำใกล้งานตามปกติ เธอกลับเดินเลยไปยังห้องน้ำที่ไกลกว่ามากและไม่ค่อยมีใครใช้จนโดนทิ้งร้าง โดยที่มีปื๊ดรีบวิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความเป็นห่วง
"แฮ่ก! อึก!!"
“พี่หนูนา!”
เมื่อพ้นสายตาผู้คนหนูนาก็หมดแรงควบคุมตัวเองทันที ร่างน้อยแทบทรุดลงไปกองกับพื้น โชคดีที่ปื๊ดไหวตัวทันรีบเข้ามาช่วยพยุง เธอจึงไม่ต้องนอนกับพื้นสกปรกแบบนี้
“พี่หนูนา เป็นอะไร ทำไมตัวร้อนแบบนี้”
“ปื๊ด อึก”
“จ๊ะ? พี่หนูนาเจ็บป่วยตรงไหน”
“ข้า อึก! ขะ ข้าโดนยาปลุก” เธอตอบเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามห้ามใจอย่างหนักไม่ให้ดึงปื๊ดเข้ามากอดจูบคลายความกำหนัด
มันร้อน ร้อนจนแทบทนไม่ไหว หนูนาต้องการใครสักคนมาช่วยคลายความร้อนนี้
“อะไรนะ!”
“จะ เจ็บใจนัก อึก ทั้ง ๆ ที่ระวังตัว อื้อ ดีแล้วแท้ ๆ”
สติที่พร่าเลือนลงทุกทียังมีความคับแค้นใจเด่นชัด หนูนาไม่คิดเลยว่าจะพลาดให้กับลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้
“ละ แล้วเราควรทำยังไงดีจ๊ะ”
“ข้าต้องซ่อนตัวอยู่ในนี้ พวกมันคงไม่คิดว่า.. อึก ข้าจะเข้าห้องน้ำร้างแบบนี้ อื้อ ทำไมร้อนแบบนี้นะ!”
หนูนานึกอยากดึงทึ้งเสื้อผ้าออกให้หมด ร่างกายเล็ก ๆ สั่นระริกอย่างน่าสงสารเพราะฤทธิ์ยา สติที่มีก็เริ่มน้อยลงทุกที
“พี่หนูนา ไหวไหมจ๊ะ”
“เอ็งออกไปก่อน อื้อ ข้าขออยู่คนเดียวสักพัก ไปตามคนที่ไว้ใจได้มาช่วย อึก ที”
“แต่ว่า..”
“ไป!” หนูนาตะคอก ทว่าเสียงที่เปล่งออกมามันช่างแหบพร่าและแผ่วเบา “รีบไป ก่อนที่เอ็งจะได้ข้าเป็นเมีย”
ปื๊ดได้ยินแบบนั้นก็รีบปล่อยมือจากร่างร้อนผ่าวโดยไม่ต้องบอกซ้ำสอง
“จ้ะ! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ พี่หนูนาอดทนนะ ฉันจะรีบกลับมา”
“อืม ปะ ไป รีบไป”
ปื๊ดรีบแจ้นออกจากห้องน้ำไปทันที มันชะงักกึกเมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนดักรอหน้าห้องน้ำใกล้กับงาน จริงอย่างที่พี่หนูนาว่า พวกมันไม่คิดว่าหนูนาเข้าห้องน้ำร้างถึงได้ไปรอกันที่นั่น
เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางตัวไม่ให้คนพวกนั้นมองเห็น เมื่อพ้นจุดอันตรายมันก็รีบวิ่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อตามหมอและพยาบาลมาช่วยหนูนาที่อาการกำลังย่ำแย่
.
.
ทางด้านของหนูนา ร่างเล็กวักน้ำขึ้นล้างหน้าจนเปียกปอนไปครึ่งตัว ทว่าอาการร้อนระอุข้างในมันกลับไม่หายไป หญิงสาวสบถคำหยาบคายออกมา ยาที่พวกนั้นใส่แรงกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าผิดพลาดที่ตรงไหนเธอถึงได้พลาดท่าแบบนี้
แกรก..
จู่ ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก หนูนาหัวใจหล่นวูบเพราะคิดว่าเป็นคนพวกนั้นที่ตามมาถึงที่นี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ไม่ใช่..
ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนที่หนูนาไม่คิดว่าจะได้เจอกันในสถานการณ์แบบนี้ ใบหน้าหล่อคมเข้มที่นึกหมั่นไส้ตั้งแต่แรกเจอเธอคุ้นเคยดี อีกฝ่ายอยู่ในชุดลำลองธรรมดา ทว่าข้างกายยังคงเหน็บปืนพกติดตัวไว้ตามประสาตำรวจอวดเบ่ง
“ที่นี่ห้องน้ำร้าง” น้ำเสียงของอีกฝ่ายราบเรียบ ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจเมื่อเจอผู้หญิงคนนี้ในห้องน้ำรกร้างที่ไม่มีใครอยากเข้า “ไม่คิดว่าคุณจะสร้างปัญหาแม้กระทั่งในห้องน้ำ”
“ไอ้! อื้อ”
คนเก่งที่ตั้งท่าจะชี้นิ้วด่าทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดท่า ความเสียดเสียวแล่นผ่านท้องน้อยลงไปที่จุดอ่อนไหวทำให้ขาเรียวอ่อนแรง เหงื่อมากมายไหลทะลักท่วมผิวกายขาวผ่อง เธอขบกัดกลีบปากอิ่มเพื่อสะกดกลั้นเสียงครางน่าอับอาย
“คุณ! เป็นอะไรไป”
ถึงไม่ถูกกัน แต่ศิลาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยเหลือหนูนาทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าดวงตากวางคู่นั้นฉ่ำเยิ้มเพียงใดเมื่อถูกมืออุ่น ๆ สัมผัสร่างกาย
ลืมไปหมดแล้วว่าตัวเองไม่ชอบคน ๆ นี้มากแค่ไหน ตอนนี้หนูนาต้องการเพียงร่างกายแข็งแกร่งของสารวัตรศิลา เพื่อใช้ตอบสนองความต้องการอันมากมายของตัวเอง
“อึก..”
เธอต้องการเขา ต้องการคน ๆ นี้
ตอนนี้
เดี๋ยวนี้
อย่างอื่นช่างมัน
“สารวัตร..”
น้ำเสียงแหบพร่าหวานจับใจ แปลกประหลาดจนนายตำรวจหนุ่มเลิกคิ้วสูง แต่ศิลาคิดในแง่ดีว่าบางทีตัวแสบตรงหน้าอาจจะเลิกทำตัวมีปัญหาแล้วก็ได้
“ครับ”
“ช่วยหน่อย”
“คุณจะให้ผมช่วยอะไร”
“พาฉัน อึก ออกไปจากที่นี่ที อา นะคะ”
“ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ สารวัตร”ปฐพีถามด้วยความเสียดายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าคำตอบของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป“ไม่ครับ”แต่ไม่เลย...ผู้กำกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเปลี่ยนใจศิลาไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงว่ากำลังจะสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไปอีกคนความรักฉันท์ชู้สาวไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ปฐพียอมรับโดยไม่อายว่ามีศิลาอยู่เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดเวลากว่าแปดปีที่ผ่านมาศิลาสร้างผลงานเอาไว้มากมาย ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ คงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ไม่ยากแต่ศิลาปฏิเสธเสียงแข็งเสมอมา ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากทำงานตรงนี้ให้เต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดกำลัง ก่อนที่จะอำลาวงการตำรวจในสักวันหนึ่งแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ปฐพีมองซองสีขาวตรงหน้า เขาไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย เพราะรู้ดีว่าด้านในคืออะไร“ผู้กำกับอนุมัติเถอะครับ”“สารวัตรศิลา”“ผมไม่ได้ไปไหนนี่ครับ เมื่อไหร่ที่ผู้กำกับต้องการตัว ขอแค่บอก...ผมพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”ปฐพีเริ่มยิ้มออกมาได้ จริงอย่างที่ศิลาพูด ชายหนุ่มไม่ได้หายไปไหน เพราะอย่างไรสิ่งที่ศิลารักก็คือการได้ช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่หลังจากนี้จะไม่ได้ทำมันใน
“ลูกหลับแล้วเหรอศาลาวัด”“อืม” ศิลารับคำสั้น ๆ ระหว่างที่แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับภรรยา “คุณก็รีบนอนได้แล้ว วันนี้เลี้ยงลูกทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”“ไม่เลย ไม่เหนื่อยสักนิด”ไม่พูดเปล่า หนูนายังยืนยันว่าตัวเองไม่เหนื่อยด้วยการไต่มือเข้าไปในกางเกงนอนอีกฝ่าย ดวงตากวางแพรวพราวอย่างคนแสนเจ้าเล่ห์“หนูนา”“หืม”“คุณ อืม”ศิลาหลุดครางออกมาแผ่วเบา ร่างกายเขาตื่นตัวทันทีที่ถูกมือนุ่มนวดคลึงอย่างชำนาญ หนูนารู้ดีว่าแตะต้องส่วนไหนแล้วจะทำให้เขาทนไม่ไหว มือน้อย ๆ ขยับอย่างเอาใจจนกระทั่งความเป็นชายเหยียดขยายใหญ่เต็มมือ“ศาลาวัด เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้วนะ”“คุณเลี้ยงลูก ผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”“ฉันพูดตอนไหนว่าเหนื่อย” หนูนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่มือนุ่มคอยปลุกปั้นสิ่งที่อยู่ในมือไม่หยุด“อา ปละ เปล่า ไม่ได้พูด อืม”“ไม่ได้พูดก็แปลว่าไม่เหนื่อย ลูก ๆ ไม่ได้เลี้ยงยากเลย แถมปื๊ดกับแม่ก็คอยช่วยตลอด ฉันสบายจะตายไป”“แต่ยังไงมันก็ยังหนักเกินไปอยู่ดี” ศิลาแย้ง “เรามีลูกตั้งสี่คน ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย คุณแค่ไม่ยอมรับความจริง”ศิลาอยากกอดหนูนาจะแย่ เขาเพิ่งอายุแค่สามสิบห้าปี ร่างกายยังแข็งแรงและมีควา
ศิลาเหมือนกลายเป็นคนละคน จากที่เคยสุขุมกลายเป็นหนูติดจั่นที่เอาแต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนรน หนูนาถูกส่งเข้าห้องคลอดทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเธอพร้อมคลอดแล้วปากมดลูกเปิดพร้อมสำหรับให้กำเนิด ทว่าเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้วประตูบานนั้นก็ยังปิดสนิท ศิลาไม่รู้ว่าการทำคลอดต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่เพราะไม่รู้เขาถึงได้จิตตกแบบนี้“หนูนา คุณจะต้องปลอดภัย”ตอนที่นั่งรถมาท่าทางของเธอดูเจ็บปวดมาก เสียงกรีดร้องทรมานน่าสงสารจับใจ หนูนาที่ปกติร้องไห้ยากร่ำไห้ออกมาเพราะเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ศิลาแทบขาดใจ หากเลือกได้เขาอยากเป็นคนที่เจ็บเอง“ศิลา ศิลาลูก”คุณหญิงแจ่มจันทร์ที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย หัวใจหล่นวูบไปกองที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าศิลากำลังร้องไห้“ศิลา! เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม หนูนาเป็นอะไร!”“หนูนาเป็นอะไรหรือพ่อศิลา”ใบบัวที่ตามมาติด ๆ ร้องถามย้ำ ท่าทางไม่สู้ดีของลูกเขยทำให้หัวใจคนเป็นแม่แทบขาดรอน ๆ แม้ว่าสมัยนี้การคลอดจะปลอดภัยว่าสมัยเธอมาก แต่คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อนย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด“ผม ฮึก ผม” ศิลาสะอื้น เขารีบรวบรวมสติ ก่อนที่เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ “หนูนาไม่ได้เป็
ศิลานั่งฟังคำตัดสินของศาลอย่างเงียบสงบ วันนี้เป็นวันนัดตัดสินคดีค้ายาเสพติดของนายเจตน์ หลังจากผ่านมาเกือบปี คดีที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอก็ถึงเวลาถูกพิพากษานายเจตน์ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น และจับพ่อค้ารายใหญ่ได้ในที่สุด เพราะเหตุผลนี้ทำให้โทษของนายเจตน์ลดน้อยลง จากประหารชีวิตเป็นติดคุกตลอดชีวิต ก่อนจะถูกลดให้เหลือจำคุกสี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นระยะเวลาสี่สิบปีในคุก ก็แทบไม่ต่างจากทั้งชีวิตที่เหลืออยู่“นายเจตน์”หลังคำตัดสินสิ้นสุดลง นายเจตน์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์และยินดีรับโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสิน อดีตมือขวาของพ่อค้ายาจึงถูกกุมตัวอย่างแน่นหนา เพื่อเตรียมรับโทษทัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นายเจตน์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาเหม่อลอยอย่างคนที่ปลงตกกับทุกอย่าง“นายเจตน์”เจตน์ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกใกล้ ๆ ศิลามองหน้าหนูนา คนเป็นสามีเห็นความกังวลในดวงตากวางคู่นั้น“นายเจตน์” หนูนาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้นายเจตน์ยอมหันมาสบสายตา ทว่าดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไร้แววจนน่าใจหายหนูนากลัวเหลือเกินว่านายเจตน์จะหาทางจบชีวิตตัวเองสักวัน เพร
“ศาลาวัด!”“หนูนา ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง” คิ้วเข้มขมวดฉับ เมื่อเห็นร่างที่เริ่มอวบอิ่มของภรรยาวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “ไหนคุณบอกว่าจะไม่ดื้อกับผมเรื่องนี้”“ก็ฉันลืมตัว มันไม่ชินนี่นา”“คุณท้องห้าเดือนแล้วนะ ถึงไม่ชินก็ต้องชิน ถ้าล้มขึ้นมาทั้งคุณและลูกจะเป็นอันตราย” ศิลาดุเสียงเข้ม เรื่องอื่นเขายอมได้เสมอ ยกเว้นเรื่องนี้หนูนาเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่ง เธอชอบทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย ศิลาไม่เคยบังคับหรือทำเหมือนหนูนาเป็นคนพิการ เขาขอแค่ต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่าหนูนาจะรับปากไปอย่างนั้น เพราะเกือบทุกวันเขาต้องมานั่งปวดหัวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนท้องของภรรยายิ่งท้องใหญ่กว่าปกติแบบนี้เขายิ่งเป็นกังวล“นายทำอะไรอยู่” หนูนาแสร้งเปลี่ยนเรื่องเนียน ๆ ชะโงกหน้ามองบ้านหลังใหม่ที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน“คุมคนงานให้เอาของเข้าบ้าน”“อีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วสินะ”ทั้งคู่มองบ้านใหม่หลังใหญ่ด้วยความพึงพอใจ นับว่าผู้รับเหมาทำงานได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวผสมสผานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว เพราะศิลาเคยไปเรียนที่แถบนั้น เขาชื่นชอบบ้านแนวยุโรปมาก ส่วนหนูนาแม้จะไม่เคยไป แต่เธอก็ชอบดูรูปภาพของต
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”พูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอน แล้วหันหลังให้คนที่ไม่ยอมออกไปเหมือนคนอื่นทันทีอยากอยู่ก็อยู่ไป เธอไม่สนใจเสียอย่าง“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”“.....”“ฉันรู้ว่าเธอได้ยิน ดังนั้นฉันจะพูดต่อไป” คุณหญิงแจ่มจันทร์กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน “สามีฉัน พ่อของศิลาเขามีภรรยาน้อย”หนูนาที่ตอนแรกไม่คิดสนใจหูผึ่งทันที แต่ยังคงรักษาท่าทางเมินเฉยเอาไว้ คุณหญิงที่ผ่านโลกมามากพอจะมองออกว่าเด็กคนนี้กำลังตั้งใจฟัง จึงค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนอย่างหมดเปลือก“แต่ก่อนฉันเป็นแค่ลูกของแม่ค้าธรรมดา คุณศักดิ์ พ่อของศิลาเขาเป็นลูกค้าประจำ เขาเกี้ยวฉัน ตามเทียวไล้เทียวขื่อจนฉันใจอ่อนและตกหลุมรักเขา พวกเรารักกันมาก ไม่เคยทะเลาะบอกแว้ง เป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็พากันอิจฉา และในที่สุดพวกเราก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ฉันคาดหวังว่าการแต่งงานจะเป็นเหมือนในนิยาย ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”คุณหญิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะเริ่มพูดต่อ“แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย คุณศักดิ์เติบโตมาในตระกูลตำรวจ พ่อของเขา พี่น้องของเขาล้วนเป็นตำ