“เฮียจะใจเย็นถึงไหน” อัศราถามในวันต่อมาที่สมิติมาหาเขาที่บริษัท
“หน้าตาฉันเหมือนคนใจเย็นเหรอ” สมิติย้อนถาม
“หน้าตาเฮียเหรอให้ผมพูดตรงๆ ไหม แม่มเหมือนมหาโจรว่ะตอนนี้” อัศราไม่เกรงใจ
“แล้วเฮียมาทำไมวันนี้” เขาถามต่อ
“ฉันอยากรู้เรื่องลูกไก่” สมิติยอมรับตรงๆ อัศราพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
“อืม ผมจะบอกเท่าที่บอกได้นะลูกไก่เขาเรียนจบปริญญาโท ตอนนี้เขาทำคอนเท้นต์ทางยูทูป อ้อเขาเคยเป็นสถาปนิกด้วยล่ะแต่ตอนนี้เขาเลิกทำแล้ว สงสัยคนในวงการนี้บางคนคงเฮงซวยเกินไป” อัศราพูดเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้ว่าสมิติอยากถามถึงอะไร
“กูไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนั้น” สมิติแทรกขึ้นมา อีกฝ่ายมองหน้ารู้ว่าถ้าขึ้นมึงกูเมื่อไหร่ อารมณ์คงไม่ปกติ
“เฮียหงุดหงิดอะไรว่ามาตรงๆ ดีกว่า” เรื่องของกฤติกาหากสมิติอยากรู้ไม่น่าเกินความสามารถของเขา ไม่เห็นจำเป็นจะต้องถ่อมาถึงที่นี่ อัศราคิดในใจ
สมิติถอนใจ บางทีอัศรามันก็อ่านใจคนอื่นเก่งจนน่าเตะ
“เบื่อที่บ้าน ยุ่งไม่เลิกเรื่องเมียกูเนี่ย”
อัศราหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินดังนั้น
“เฮียก็ควรยอมรับว่าแก่แล้ว ใครๆ ก็ห่วงปะ”
“กูอายุมากกว่ามึงปีเดียว” สมิติพูดเสียงลอดไรฟัน แค่มันได้หมั้นก่อน มีลูกก่อนนี่ถือไพ่เหนือกว่าเขาเลยรึไง
“แต่ลูกผมสี่ขวบแล้วนะเฮีย เมียผมก็สวยด้วย” อัศรายิ้มๆ ความรู้สึกของสมิติในยามนั้นคืออยากด่าให้หน้าหล่อๆ นั้นสลดเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาด่ามัน
“พี่ไก่ทำไมท่านรัฐมนตรีอะไรนี่ติดต่อมาทางข้อความอีกแล้วล่ะ” เกศราถามเมื่อเธอกลับเข้าบ้าน เกศราทำหน้าที่แอดมินเพจเฟสบุ๊คจึงรู้ทุกข้อความที่ติดต่อมา
“พี่ไม่รู้นี่ก็โทรเข้าไปที่ออฟฟิศด้วย อะไรนักหนา” กฤติกาเครียดจัด เธอโดนตื๊อมาหลายรูปแบบแต่รายนี้ดูเหมือนว่าท่านธำรงจะไม่แผ่วจริงๆ
“อะไรกันเหรอสองสาว หน้าเครียดเชียว” อัศราเลิกงานแล้วเขามาที่นี่ตามปกติเพื่อมาทานข้าวกับลูกสาวและแม่ของลูก
“ก็นี่น่ะค่ะ เลขาท่านธำรงติดต่อมาทางเพจว่าอยากขอเลี้ยงข้าวพี่ไก่มื้อนึงกับอยากเป็นสปอนเซอร์ให้เพจ” เกศราเล่าโดยที่พี่สาวห้ามไม่ทัน ทำให้กฤติกายกมือขึ้นกุมขมับเธอไม่อยากให้อัศรารู้เพราะเกรงว่าเรื่องจะไปถึงสมิติ
แต่เมื่อคิดอีกทีสมิติอาจจะไม่ได้สนใจอะไรเรื่องของเธอก็ได้ กฤติกาคิดในใจเธอจึงไม่พูดอะไร แต่อัศราที่ได้ยินดังนั้นเขามีสีหน้าไม่ค่อยดีนักเพราะรู้ว่าธำรงเป็นพ่อสามีของสมาภรณ์ น้องสาวสมิติ
“เลี้ยงข้าวเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“ค่ะ แต่หน่อยปฏิเสธไปแล้วพวกนี้น่ารังเกียจจัง เห็นผู้หญิงเป็นอะไรเอะอะก็จะซื้อๆ คิดว่าเงินใหญ่แค่ไหน” เกศราบ่นต่อทำให้อัศรารีบพูด
“พี่ไม่เกี่ยวนะหน่อย พี่เลิกแล้วจริงๆ” เกศราหันขวับ
“พี่ก็ด้วย หน่อยจะไปรู้ได้ยังไงว่าถ้าพี่ไปตจว.หรือไปไหน เกิดเห็นใครถูกใจก็ไม่ไปขอออฟเขาแบบที่เคยทำอีก” เรื่องนี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกศรายังไม่เชื่อใจอัศราเต็มร้อย เพราะพฤติกรรมในอดีตของเขาล้วนๆ
อัศรากลอกตามองบนเรื่องของธำรงมันทำให้เขาโดนด่าได้ยังไง
“พี่สาบานก็ได้ สาบานต่อหน้าไฟในอาบอบนวดเลยว่าจะไม่เจ้าชู้อีก” เขาพูดเสียงอ่อย
กฤติกาหัวเราะเมื่อได้ยินดังนั้น อัศราเป็นคนตลกเขามักจะทำให้ใครๆ หัวเราะแบบนี้เสมอ แต่ตอนนี้ดูว่าน้องสาวเธอจะไม่หัวเราะ
“พี่ฮาน!....”
ญาณินชวนกฤติกาไปล่องแพกับเธอและกลุ่มเพื่อนของชานนท์ที่กาญจนบุรี ซึ่งพวกเธอเองก็มีโปรเจ็คที่ต้องไปถ่ายทำคลิปที่กาญฯ อยู่แล้ว กฤติกาจึงให้เลขาเช็ควันกับทางรีสอร์ทที่จองไว้ว่าสามารถเลื่อนขึ้นได้ไหม
“ว่างค่ะพี่ ทางรีสอร์ทบอกว่าเลื่อนได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม” จุฑามาศรายงาน
กฤติกาจึงตัดสินใจเลื่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้นหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ไปช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มของเรวัตได้ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าเรวัตเป็นเพื่อนรุ่นน้องของสมิติ และสมิติเป็นคนริเริ่มให้มีทริปนี้ขึ้นมา
วันเดินทางกฤติกาไปกับทีมงานรวมทั้งหมดสามคนคือ ญาณิน เวธนีและตัวเธอเอง หญิงสาวไปถึงรีสอร์ทในตอนกลางวัน ผู้จัดการรีสอร์ทสาวสวยพาเธอและคณะเข้าพักในแพที่จองไว้
ในส่วนของการถ่ายทำคลิปเธอได้แจ้งเจ้าของสถานที่ไว้แล้วและได้รับการอนุญาตพร้อมกับลดค่าใช้จ่ายให้เธอและทีมงานห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“สวยมาก แพนี้กำลังดีเลย” ญาณินพูดเมื่อสำรวจไปรอบๆ มันเป็นแพขนาดกลางเหมาะกับนักท่องเที่ยว 3-5 คน ห้องนอนเป็นห้องใหญ่รวม มีห้องน้ำทั้งในห้องและโซน outdoor มีครัวเล็กๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน มีแถมเตาหมูกระทะให้ใช้ได้ด้วย
เก็บของแล้วเวธนีสะพายกล้องขอตัวไปเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของรีสอร์ท หลังจากที่ครีเอทีฟสาวมองดูฟ้าว่าวันนี้มีแดดไม่มากนัก
“ไปตลาดกันไหมนิน ฉันเห็นปากทางเข้ามามีตลาดเผื่อได้ของกิน”
กฤติกาพูดขึ้นมา เธอเปิดตู้เย็นสำรวจว่ามีน้ำดื่มอยู่จำนวนหนึ่ง ยังมีที่ว่างให้แช่ของอีกเยอะ
“เอาสิ” ญาณินที่เพิ่งวางสายจากชานนท์ไม่นาน คนรักของเธอมาถึงแล้วพร้อมกับเพื่อนๆ เขา ชายหนุ่มพักที่แพใหญ่ถัดจากแพเธอไปไม่ไกล เธอชวนกฤติกาไปทานมื้อเย็นที่แพโน้นแต่เพื่อนสาวปฏิเสธ ญาณินจึงตัดสินใจไม่ไปเช่นกัน
สองสาวเตรียมตัวออกจากห้องพัก เมื่อเปิดประตูห้องออกไปพวกเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบกับชานนท์ที่กำลังมาหาพอดี ลำพังชานนท์ไม่ได้ทำให้กฤติกาตกใจเท่าไหร่ เพราะคุ้นเคยกันในระดับหนึ่งแต่คนที่ยืนด้านหลังเขาต่างหากที่ทำให้เธอตกใจจนพูดไม่ออก
‘สมิติมาได้ยังไง’ กฤติกาถามตัวเองในใจ
“เฮียหมิงมาด้วยเหรอคะ” เธอได้ยินเสียงเพื่อนเธอถามสมิติ แต่ชานนท์ตอบแทน
“มาสิ เฮียเขาเป็นเจ้ามือใหญ่นะ แล้วนินกับลูกไก่จะไปไหนกันครับ”
“อ๋อ ลูกไก่ชวนนินไปตลาดค่ะ ตอนเข้ามาเห็นมีตลาดที่ปากทางลูกไก่เขาเลยอยากไปหาของสดมาเผื่อทำอะไรกินกัน” ญาณินตอบ
“เอาสิเฮียกำลังอยากไปตลาดพอดีเลย คืนนี้เฮียจะเลี้ยงหมูกระทะนินกับเพื่อนมาด้วยกันนะ” สมิติพูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นปกติ เขาไม่ได้ทำให้ใครตรงนั้นรู้สึกได้ว่าเขากับกฤติกาเคยรู้จักกันมาก่อน คำพูดนั้นทำให้ญาณินนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำสมิติกับกฤติกาให้รู้จักกันแบบเป็นทางการ
“ลืมแนะนำค่ะ ลูกไก่นี่เฮียหมิงเพื่อนนนท์น่ะ เขาเป็นเจ้าของบริษัทเอสเอ็มคอนสตรัคชั่นลูกไก่น่าจะรู้จักแล้ว เฮียหมิงคะนี่ลูกไก่เพื่อนนินค่ะ เรียนสถาปัตฯ มาด้วยกันแต่ตอนนี้ลูกไก่เป็นยูทูบเบอร์ที่ดังมากแล้วค่ะ”
ญาณินแนะนำเพื่อนกับสมิติให้รู้จักกัน
“จบสถาปัตฯ แต่ไม่สนใจงานสถาปัตฯ แล้วเหรอครับคุณลูกไก่ น่าเสียดายจังกว่าจะเรียนจบคงเสียอะไรไปตั้งมาก” สมิติทักทายด้วยคำพูดปกติเหมือนไม่มีอะไร แต่กฤติการู้ว่ามันมีเธอเม้มปากก่อนจะฉีกยิ้มทักทายเขา ยิ้มเหมือนนางงามที่โปรยไปทั่วแจกจ่ายให้ทุกคนโดยที่ไม่ต้องมีความรู้สึกพิเศษ
“สวัสดีค่ะเฮียหมิง ลูกไก่ว่าเราไม่ควรเสียดายอะไรที่ทิ้งไปแล้วหรอกค่ะ” เธอเรียกสมิติด้วยสรรพนามแบบเดียวกับที่คนอื่นเรียก หญิงสาวหันมาทางชานนท์และญาณิน
“ตกลงพี่นนท์จะไปด้วยเหรอคะ แล้วนินจะไปรถเราไหม”
“ไปรถพี่คันเดียวกันหมดก็ได้ครับลูกไก่ สี่คนนั่งสบายๆ” ชานนท์ตอบแทน เขาเดินนำทุกคนไปที่รถยนต์ของเขาแต่มีเสียงหนึ่งเรียกไว้
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ