“ว่าไงเรื่องที่ให้ติดต่อคุณลูกไก่” ท่านธำรงถามเลขา
“เธอปฏิเสธครับท่าน เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการให้รายการมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง” เลขานุการตอบอย่างนอบน้อม
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้ลูกไก่มาเกี่ยวข้องกับการเมือง แค่มาเกี่ยวข้องกับฉันก็พอ” ท่านธำรงพูดแต่เลขาทำหน้าลำบากใจ
“เกรงว่าจะยากนะครับ จากการสืบประวัติคุณลูกไก่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณสมิติ ถ้าท่านออกตัวแรงมากไปผมว่าเราอาจจะเสียความสนับสนุนที่เคยได้จากเอสเอ็มกรุ๊ป”
เอสเอ็มกรุ๊ปถือเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กิจกรรมทางการเมืองของท่านธำรงโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งได้มาจากการวิ่งเต้นของสมาภรณ์ลูกสะใภ้ของท่านธำรง
“แล้วยังไง ไอ้หมอนั่นมันก็ไม่เคยอยากมาสนับสนุนอะไรฉันอยู่แล้ว ขนาดฉันเป็นรัฐมนตรีมันยังผยองไม่เคยลงให้ถ้าได้ผู้หญิงของมันมาอยู่บนเตียงของฉันก็ดีสิ ไอ้สมิติมันจะได้รู้ตัวว่ามันไม่ได้เหนือกว่าไปทั้งหมด”
ถึงแม้ท่านธำรงจะเป็นนักการเมืองระดับต้นๆ ของประเทศเรียกว่าทุกรอบของการจัดตั้งรัฐบาล เขาจะได้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสมอจากฐานเสียงในพรรคที่มีอย่างเหนียวแน่น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะวางกล้ามต่อสมิติได้ เพราะชายหนุ่มถือว่าเขาเป็นคนจ่ายเงินสนับสนุน ในสังคมที่ใครเป็นคนถือเงินคนนั้นใหญ่กว่าเสมอ
กฤติกาถอนใจอย่างหงุดหงิดเมื่อกลายเป็นว่าญาณินแยกไปขึ้นรถชานนท์ ส่วนรถของเธอมีสองหนุ่มมาแทนคือตุลาเพื่อนชานนท์และสมิติ ฝ่ายหลังจู่ๆ มาเปิดประตูเบาะหลังก้าวขึ้นนั่งโดยที่ไม่มีใครเชิญ เธอจะไล่ลงก็ทำไม่ได้เพราะเกรงใจคนอื่นๆ
ตุลานั้นเธอรู้จักอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะให้เขาไปด้วยแต่สมิตินั้น... ช่างเถอะเธอบอกตัวเอง ไปตลาดแปบเดียวคงไม่อะไรมาก
“ลูกไก่จะกลับวันไหนคะ” ตุลาถาม
“วันอาทิตย์ค่ะพี่ตุล พี่ล่ะกลับวันไหน” กฤติกาตอบและถามกลับตามมารยาท
“วันเดียวกันเลยค่ะ พรุ่งนี้ลูกไก่มีถ่ายงานใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปช่วย”
สมิติฟังตุลาและกฤติกาคุยกันด้วยความขุ่นเคือง แต่เขาไม่พูดอะไรจนไปถึงตลาด กฤติกาหมดอารมณ์ที่จะซื้อของอะไร เธอแยกตัวไปเดินกับญาณินปล่อยหนุ่มๆ ให้เดินกันเอง
สมิติซื้ออาหารทะเลไปหลายอย่าง เขาสั่งให้ตุลาแบกเอาไปใส่รถชานนท์
‘พูดมากนักขนไปเลยคนเดียว’ โต้โผใหญ่ทำหน้าที่จ่ายเงิน เขามองหากฤติกาเห็นเธอเดินไปหยุดที่เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเร่ขายผลไม้ถุงเล็กๆ เขาเห็นเธอเปิดกระเป๋าเงินใบเล็กหยิบธนบัตรสีม่วงให้เด็กหญิงคนนั้นโดยที่ไม่รับสินค้า
“จ่ายเงินแล้วไม่เอาของเหรอลูกไก่” เขาเปรยเมื่อเดินไปถึงตัวหญิงสาว
“ทุกการจ่ายอาจจะไม่จำเป็นว่าต้องได้อะไรกลับมานี่คะ” กฤติกาตอบเธอเดินหนี
“ก็อาจจะจริง เพราะพี่เคยจ่ายให้ไก่ในจำนวนที่มากเพื่อให้ไก่เดินไปมีชีวิตของตัวเอง” สมิติพูดตามหลัง กฤติกาหยุดนิ่งเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดทำไมในสิ่งที่ไม่ควรจำและไม่ควรรื้อฟื้น เธอหันไปมองเขา
“พี่ต้องการอะไรกันแน่คะ เราพูดกันตรงๆ ดีกว่า”
สมิติมองหน้าเธอนิ่งนานจนกฤติกาคิดว่าเขาคงไม่พูดอะไร เธอหันหลังเดินเร็วๆ เตรียมตัวกลับไปขึ้นรถ แต่สมิติเดินมาคว้าข้อมือเธอไว้
“พี่อยากถามว่าที่เคยจ่ายไปสิบล้านเพื่อให้ไก่ออกไปจากชีวิตพี่ แล้วถ้าตอนนี้พี่ต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ไก่กลับมาอยู่กับพี่เหมือนเดิม”
กฤติกากระชากแขนกลับ เธอโกรธจนแทบจะร้องไห้ไม่รู้จะด่าอะไร แต่อีกใจบอกตัวเองว่าเธอไม่สมควรปล่อยตัวเองให้โกรธตามที่สมิติตั้งใจยั่วยุ
ญาณินกับชานนท์เดินมาใกล้ๆ เสียงพูดคุยของคู่รักทำให้สมิติปล่อยมือเธอ จากนั้นตุลามาอีกคนทุกคนจึงกลับที่พัก
เย็นนั้นเวธนีไม่กลับมานอนที่แพ เธอโทรมาบอกว่าเจอเพื่อนจึงขอนอนกับเพื่อน
“งั้นลูกไก่ไปกับเราสิ พี่เรก็ชวนสงสัยอยากเป็นพ่อสื่อให้ลูกไก่กับพี่ตุลแหง” ญาณินชวนเพื่อนสาวไปที่แพของสมิติแต่กฤติกาบอกเพื่อนว่าปวดศีรษะอยากนอนพักมากกว่า
“ไม่ดีกว่านินไปเถอะ เราปวดหัวว่าจะสั่งอะไรมาทานแล้วนอนเลย คืนนี้จะกลับมานอนนี่ไหม” กฤติกาถามเพื่อนตรงๆ ญาณินมีสีหน้าเก้อเขินก่อนจะบอกว่า
“กลับสิถามอะไรแบบนั้น”
ญาณินจัดการให้กฤติกาทานข้าว ทานยาแล้วจึงออกไปที่แพที่ชานนท์กำลังเตรียมทำอาหารปิ้งย่างรอ ส่วนกฤติกาหลับอย่างรวดเร็วจนเธอได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง
เธองัวเงียตื่น มองไปที่ระเบียงความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมไปรอบบริเวณ เสียงประตูที่เคาะซ้ำๆ เร่งให้เธอไปเปิด
“เดี๋ยว แปบนึง” เธอตะโกนเมื่อเสียงเคาะไม่เงียบลงสักที หญิงสาวปลดล็อกถอดโซ่โดยที่ไม่ได้มองด้านนอก เมื่อประตูเปิดออกเธอก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสี
“คุณสมิติ” กฤติกาจะผลักประตูปิดแต่ไม่ทันฝ่ามือใหญ่แทรกเข้ามาเปิดประตูออกกว้างและเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
“เมื่อบ่ายเรายังคุยกันไม่จบ” เขาพูดเมื่อเข้ามาในห้องและกดล็อกประตูลงกลอนแน่นหนา
“เราควรจะคุยกันตอนอื่นค่ะ ไม่ใช่เวลานี้” กฤติกาเสียงแข็ง เธอหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ตอนนี้แหล่ะดี หรือว่าไก่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเรา” สมิติถาม หญิงสาวกัดริมฝีปากแต่สายตาเขาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกตัว
“อย่ามองนะ” เธอแว้ดใส่รีบไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนมันไม่ได้บางเบามากแต่เธอก็โนบราอยู่
“พี่เคยยิ่งกว่าเห็นอีก” สมิติพูด เขานั่งลงที่ปลายเตียงตามองกฤติกายืนอีกมุมห้องด้วยความขบขัน เธอทำท่าเหมือนจะพร้อมวิ่งออกจากห้องตลอดเวลา
“จะพูดอะไรก็พูดมา แล้วออกไปได้แล้วค่ะ” กฤติกาแข็งใจคุยกับเขาดีๆ ตอนนี้เธอเสียเปรียบเขาทุกประตู
“พี่มาทวงคำตอบ ว่าไก่ต้องการเท่าไหร่” เขาพูดหน้าตาเฉย ในขณะที่เธอโมโหขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ไก่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินค่ะ คงไม่ต้องให้พี่ช่วยเหลืออะไรอีก”
สมิติเลิกคิ้ว
“แปลว่าไก่จะกลับไปอยู่กับพี่ฟรีๆ ก็ได้นะพี่ไม่ติดอะไร”
กรี๊ด...เธอกรีดร้องในใจนึกอยากข่วนหน้าที่ถึงแม้จะดูโทรมลงไป แต่ก็ยังแฝงความดิบเถื่อนอย่างเต็มเปี่ยมและแน่นอนเขาเป็นคนเถื่อนที่โคตรหน้าตาดี แต่สมิติเป็นบ้าอะไรไปแล้ว เธอแน่ใจว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงที่อยากนอนด้วย
“ไม่กลับค่ะ มันจะไม่มีวันนั้น”
“อย่าเพิ่งตัดรอนพี่ขนาดนั้น ถ้าไก่โตแล้วจริงไก่จะรู้ว่าพี่ไม่ได้มีแค่เงิน” เขาลุกเดินมาหาเธอที่แทบจะฝังตัวเองเข้าไปในผนัง สมิติเชยคางเธอขึ้นไม่สนใจดวงตาที่ลุกวาบมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“พี่รู้ว่าปัญหาของไก่ตอนนี้ไม่ได้ขาดเงิน แต่ไก่ขาดอำนาจที่จะปกป้องตัวเองและนั่นเป็นสิ่งที่พี่มีซัพพอร์ตให้ได้”
เธอผงะ สมิติพูดถูกทั้งหมด เธอใจหายวาบเมื่อเขาสอดแขนมารัดรอบเอวเธอดึงตัวเธอไปชิดร่างสูงใหญ่นั่น กฤติกาดิ้นพราดเมื่อเขาใช้แขนสอดเข้าใต้ข้อพับเข่าช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มก้าวยาวๆ ไปวางเธอลงบนเตียง
“ไม่นะ ปล่อย” เธอใช้มือที่ว่างข่วนเข้าที่ลำคอเขาจนเป็นแผลเลือดออกซิบๆ สมิติรวบมือเธอกดลงกับที่นอนสีหน้าเขานิ่งจนเธอกลัว เธอรู้ว่าสมิติร้ายพอตัว กับคนอื่นเขาไม่เคยรีรอที่จะจิกกัด เขาสามารถพูดอะไรแรงๆ โดยที่ไม่รู้สึกผิด และแม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยทำแบบนั้นกับเธอแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าเขาร้ายแค่ไหน
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ