FAZER LOGINร่างบางถูกกระชากเข้ามากอดรัด เยาวเรศกัดฟันแน่น มือกำข้างตัว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้โวยวายจนเกิดเรื่อง
“อนาวินปล่อยฉัน!”
“เอากระเป๋าของภริดาไปไว้ในห้องตามเดิม แล้วต้นสร้อยคอออกมาให้ฉัน!” เขาสั่งบอดี้การ์ด
“หยุดนะ! เป็นบ้าหรือไง คุณทำลายฉัน ทำให้ฉันเสียหน้า เสียเกียรติ คุณควรพอได้แล้ว ฉันยินดีไปจากคุณ ไม่ยุ่งกับคุณแล้ว ยังต้องการอะไรอีก!”
“เธอไปไหนไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่!”
“พูดจาเอาแต่ได้ ไม่คิดถึงความรู้สึกผู้หญิงของคุณบ้างหรือไง ที่นี่ควรเป็นเยาวเรศอยู่ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว!”
“ฉันไม่เคยพูดว่าจะให้เยาวเรศอยู่ที่นี่”
“แล้วคุณจะให้อยู่ทำไม อยู่ในฐานะอะไร!” เธอตะโกนลั่น
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้คำตอบ เพราะเขาไม่อาจยอมเสียภริดา ต่อให้อยากปล่อยไปแค่ไหน วันนี้สิ่งที่เขากระทำ มันร้ายแรง และทำให้ภริดาต้องเจ็บปวด กระนั้นก็ไม่อยากปล่อยเธอไปอยู่ดี
“ในฐานะทาสรับใช้ของฉันไง!”
คนในอ้อมแขนดิ้นรนไม่ยินยอม
“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีวันลดตัว ลดศักดิ์ศรีตัวเองเด็ดขาด ปล่อยฉันอนาวิน คุณอย่าหยามกันให้มากนัก คุณควรพอได้แล้ว ฉันขอให้เราต่างคนต่างเดิน ได้ยินไหม!”
“ได้ยิน”
“ได้ยินก็ปล่อยฉัน!”
“ถ้าเธอไป ฉันจะทำลายสร้อยคอแม่เธอซะ!”
ภริดาชะงัก เม้มริมฝีปาก หยุดการดิ้นรน น้ำตาเอ่อคลอ ถ้าหากต้องทนอยู่กับผู้ชายคนนี้ ขอยอมเสียของรักไปดีกว่า ตอนนี้เธอสูญเสียมากเหลือเกิน แม่คงเข้าใจ จะเก็บแม่เอาไว้ในใจ ถ้าหากยึดติดสิ่งของ รังแต่ทำร้ายตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอไม่มีทางทนเห็นคนที่ตัวเองรัก พลอดรักกับศัตรูได้หรอก
“ทำลายไปสิ ทำไปเลย!” คนสวยท้าทาย
เยาวเรศกัดฟันแน่น สาวเท้าไปหาบอดี้การ์ดที่ถือสร้อย ทำให้อนาวินหลงงั้นเหรอ คอยดูสิถ้าเธอทำลายสร้อยเส้นนี้ ยังจะอ่อยอนาวินได้อีกไหม คว้าสร้อยในมือ กำไว้แน่น
“อยากเห็นมันพังมากใช่ไหม ฉันช่วยสนองนะภริดา!”
จับสร้อยแล้วกระชาก จนมันขาดสองท่อน ก่อนเหวี่ยงลงพื้น ภริดาดวงตาเบิกกว้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตระหนกตกใจ จนปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน ภริดาตรงเข้ากอบสร้อยไว้ในมือ สะอื้นออกมาด้วยความปวดร้าว ต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ลุกยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกคน
เพียะ! เพียะ!
ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ เยาวเรศยกมือกุมแก้ม แววตาวาวโรจน์
“ภริดา!”
“สารเลว!”
“นังภริดา แกกล้าดียังไงมาตบฉัน อยากให้อนาวินจัดการแกหรือไง!”
“ก็เอาสิ เอาเลย คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็เชิญเลย!”
ภริดาตวัดสายตามอง เห็นสีหน้าแววตาเขา มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ จะเสแสร้งไปถึงเมื่อไหร่ ทำร้ายเธอขนาดนี้ จะบอกว่ารู้สึกผิดงั้นเหรอ
“อนาวิน! ให้คนมาตบสั่งสอนนังนี่หน่อยสิคะ!”
ชายหนุ่มยืนนิ่ง ราวกับไม่ได้ยินเสียงใด รู้สึกผิดที่ทำให้สร้อยของภริดาเสียหาย แต่กลับต้องหักห้ามไม่ให้ปลอบประโลม รั้งข้อมือเยาวเรศดึงมาหา
“เรศคุณกลับไปก่อน”
“อะไรนะคะ?” เยาวเรศย้อนถาม คิ้วขมวดสีหน้าสับสน
“ผมบอกให้กลับไป ไม่ได้ยินหรือไง!” เสียงเริ่มแข็งขึ้น แววตาเยือกเย็น
“เข้าใจแล้วค่ะ” เยาวเรศรีบรับคำ แล้วเลี่ยงออกไปทันที
มาถึงรถเปิดประตูนั่ง ดูเหมือนอนาวินไม่ได้รังเกียจในตัวภริดาเลย ท่าทางนั้น มันบอกว่าอาลัยอาวรณ์นักหนา หรือที่ตนเองทำมันน้อยไป ต้องทำยังไงให้เขาเกลียดผู้หญิงอย่างภริดา
หญิงสาวกระชากกระเป๋าจากบอดี้การ์ดทั้งน้ำตา สร้อยเสียแล้วก็ซ่อมใหม่ได้ แต่หัวใจที่มันแหลกสลาย นานเท่าไหร่ถึงจะซ่อมมันได้ ไม่มีวัน ระหว่างเราไม่มีทางบรรจบกันได้อีกแล้ว สิ่งที่เขาทำ มันสร้างความเจ็บปวดให้เธอจนแทบอยากหมดลมหายใจ ถ้าไม่คิดว่าตนเอง ยังมีน้องชาย ซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว คงหาทางจากโลกนี้เสียตั้งแต่ตอนนี้แล้ว
“ฉันไม่ให้เธอไปได้ยินไหม!”
“ปล่อยฉัน! ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว!”
“อยากไปงั้นเหรอภริดา งั้นก็รอให้เธอไร้ค่าจนไม่มีใครเอาก่อนก็แล้วกัน!”
ร่างบางถูกอุ้มพาดบ่า คนโดนอุ้มดิ้นรน แต่กลับไม่เป็นผล ประตูห้องนอนเปิดออก เธอถูกโยนลงบนเตียง คนสวยทะลึ่งพรวดเพื่อหนี แต่กลับถูกผลักดันจนอยู่ใต้ร่างอีกฝ่าย
“คุณคิดจะทำอะไรอนาวิน!” เธอร้องถามเสียงสั่น
“เธอเครียดน่ะครับ อาจจะมีเรื่องกระทบจิตใจ เลยทำให้อ่อนเพลีย”อนาวินพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณมากครับหมอ”“หมอขอตัวก่อนนะครับ”เดินเข้าห้อง เห็นคนบนเตียงใบหน้าเขียวช้ำ ถึงหมอบอกไม่เป็นอะไรมาก แต่สภาพที่เห็นทำเอาใจหาย ถ้าภริดาเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง หย่อนกายลงข้างเตียง หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้า“พ่อคะ” เธอละเมอออก “วัตร”ชายหนุ่มชะงักมือ กำผ้าแน่น กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่อยากได้ยินชื่อสองคนนี้เลย ต่อให้ภริดาไม่รู้เรื่อง กระนั้นแล้วเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวและน้องสาวของสารเลวสองคนอยู่ดี โยนผ้าไว้ในอ่างตามเดิม แล้วเดินออกมาด้านนอก“เฝ้าเธอไว้ให้ดีด้วยป้าศรีนวล”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อย อนาวินมายังรถ เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล รถจอดเทียบแพทย์เจ้าของไข้ออกมาต้อนรับทันที เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลที่บริษัทของเขาจัดตั้งและสนับสนุนตลอดระยะเวลาหลายปี ชายหนุ่มมาหยุดยืนหน้าห้องไอซียู ด้านในเห็นชายวัยกลางคน กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้สติ“อาการเป็นยังไงบ้าง” อนาวินถามเสียงเครียด“อาการทรงตัวครับ ถ้าจะให้ดีต้องผ่าตัด ถ้าเกิดญาติเซ็นต์ผมเตรียมผ่าให้ได้เลย”“ถ้าไม่ผ่าจะเป็นอะไรไหม”“ไม่ดี
หญิงสาวสะดุ้ง ยอมเอามีดให้กับอนาวิน เขาพับแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า ก่อนเดินไปหาร่างที่กำลังสลบกับพื้น ไม่นานนักเธอขยับกาย ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ในสภาพที่เปลือกตาแทบปิด อนาวินขบกรามแน่นพยายามข่มใจ ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ ชายหนุ่มย่อกายลง“เป็นยังไง ยังไม่ตายใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม แม้ใจเป็นห่วง แต่คำพูดกลับทำร้ายอีกฝ่าย“ยังเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอามีดที่คนรักของคุณ มาเสียบคอฉันเลยดีไหม จะได้ตาย ๆ สมใจคุณเสียที”อนาวินชะงัก เก็บอาการอ่อนไหวเอาไว้“ได้ยังไงกันเล่าภริดา ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่าย ๆ หรอก เธอต้องอยู่เป็นของเล่นของฉัน กับเยาวเรศไปอีกนาน”คนเจ็บกัดฟันกรอด ร่างกายมันปวดร้าวแทบทนไม่ไหว แต่จำต้องอดทนเอาไว้“ไอ้สารเลว!”“ด่าได้ดี เห็นไหมเธอยังด่าฉันได้ขนาดนี้ แสดงว่ายังมีแรง ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”“น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร”ปรือตามอง คนที่ตนเองเคยรักมากเหลือเกิน บัดนี้ไม่หลงเหลืออะไรเลย ทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น ถ้าหาก... มองให้ลึก มองให้ชัดกว่านี้ คงไม่ต้องโดนหลอก จนต้องอับอาย ทำให้พ่อต้องเป็นทุกข์“เสียดายที่ฉันตายยากไปหน่อย”ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วลุกยืนทันที ทว่าใ
เยาวเรศชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นเชนทร์กำลังโทรหา เปิดประตูลงจากรถ แล้วแย่งมือถือเขวี้ยงลงพื้น ก่อนเดินไปยังป้อมด้านหน้า กดเปิดประตู แล้วขับรถเข้าไป เชนทร์รีบโทรหาหัวหน้า ซึ่งตอนนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ข้างนอก ใช้เวลากลับมาก็คงเกือบชั่วโมง“หัวหน้าครับคุณเยาวเรศมาที่นี่ครับ!” เขารีบรายงานเสียงสั่น“อะไรนะ! รีบห้ามสิ อย่าให้ขึ้นไปบนห้องคุณภริดาได้!”“ผมห้ามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอม”“แกเป็นผู้ชายหรือเปล่าไอ้เชนทร์ ถ้าแกไม่ห้าม หัวเราได้หลุดกันหมดแน่ รีบไปจัดการ เดี๋ยวฉันกลับไป!”“ครับหัวหน้า”เยาวเรศลงจากรถ แล้วสาวเท้าเข้าด้านใน สาวใช้วัยแรกรุ่นรีบวิ่งเข้ามาหา“มันอยู่ไหน!”“อยู่ห้องติดกับห้องคุณผู้ชายค่ะ!” บ่าวรับใช้รายงานในทันทีเธอไม่รอช้าพอมาถึงหน้าห้อง จับลูกบิดเปิดเข้าไปด้านใน เห็นหญิงสาวกำลังนอนหลับบนเตียง ตรงเข้าหากระชากแขนลากลงมาตุบ!“โอ้ย!” ภริดาร้องคลำช่วงเอว แล้วจ้องมองคนทำ เห็นยืนกอดอกตาเขียว “เยาวเรศ!”“ใช่ ฉันเอง!”ภริดาพยุงกายลุกยืน มองไปยังหญิงสาว ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิท ที่เธอรักและหวังดี คิดว่าคนคนนี้คือคนที่เชื่อใจได้ แต่สุกท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เยาวเรศซ่อนเขี้ยวเล
ภูมิธรรหันกายกลับไปยังรถ มือจับหน้าอกไว้แน่น อาการปวดร้าวทำนิ่วหน้า เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด หลายวันมาแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะหาหนทางช่วยลูก วิ่งเต้นทุกวิถีทางแต่กลับไม่มีใครยินยอมช่วยเหลือ มันคือความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถ้าหากตอนนั้นไม่ให้ลูกคบกับอนาวินก็คงดีอาการปวดหน้าอกไม่บรรเทา มือจับพวงมาลัยไว้แน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด จนบอดี้การ์ดเห็นถึงความผิดปกติ เดินมาส่องผ่านกระจกรถสีดำ แล้วรีบล้วงมือถือ ติดต่อหน้าหัวหน้า“หัวหน้าครับ ภูมิธรรมอาการไม่ดีแล้วครับ”“อะไรนะ!”“ผมเห็นเขาสลบอยู่ในรถ”“เคาะเรียกสิ!”ก๊อก ก๊อกเชนทร์พยายามเคาะ แต่กลับไม่มีการตอบรับ“ไม่ฟื้นครับหัวหน้า ไม่ตอบสนองอะไรเลย”“งัดรถแล้วพาคนออกมา เดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ครับหัวหน้า”รถพยาบาลเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชีพจรกลับมาแล้ว วิรุตต์ล้วงมือถือ ติดต่อหาเจ้านายในทันที“ว่าไงรุตต์” เขากรอกเสียง“ท่านครับ ภูมิธรรมช็อกหมดสติหน้าบ้านเราครับ ตอนนี้ผมให้คนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”“อะไรนะ!” ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้สีหน้าตระหนก “แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง”“ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ อีกสักพักลู
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ







