ต่อให้อยู่ด้วยกัน ในคฤหาสน์หลังนี้ อนาวินแทบไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อนเลย มีเพียงแค่กอดจูบ ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ แต่จากที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่เลย
“ฉันจะให้เธอเป็นนางบำเรอดีไหมภริดา”
“หยุดความคิดอุบาทว์ของคุณซะ เยาวเรศสุดที่รักคุณกำลังรออยู่ ไปขอให้นังนั่นขึ้นเตียงกับคุณสิ!”
เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันต้องยกย่องเยาวเรศเหนือกว่าเธอสิ เพราะเยาวเรศคือผู้หญิงที่คู่ควรกับฉัน ส่วนเธอเหมาะไว้ระบายความใคร่ เวลาอยาก.. เธอควรดีใจนะภริดา ที่ฉันกำลังเสนอหน้าที่นางบำเรอให้”
“ไอ้สารเลวชาติชั่ว!” หญิงสาวด่าทอเสียงกร้าว พยายามหาทางเอาตัวรอด
“ด่าสิ ด่าเลย มีคำด่าอีกไหม ฉันอยากฟัง ก่อนเอากับเธอภริดา!”
“ไอ้อนาวิน ฉันจะไม่มีวันอภัยให้แก ฉันเกลียดแก!”
มือข้างหนึ่งยกบีบปลายคางมน จนเจ้าของเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เบือนหน้าหนีแต่เขากลับออกแรงมากขึ้น อนาวินขบกราม หัวเราะในลำคอ แววตาเยือกเย็น
“ปากดีแบบนี้ สงสัยรสริมฝีปากน่าจะจัดจ้านไม่เบา!”
“ฉันปากดีเฉพาะกับแก!”
“ถ้างั้นเวลาตอนเรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็อย่างลืมร้องครางให้สุดเสียงด้วยล่ะ”
ริมฝีปากบางถูกฉกฉวย มือเธอยกผลักดัน ลมหายใจกำลังถูกกลืนหาย เมื่อลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก ภริดาขัดขืนสุดกำลัง ตลอดเวลาที่ผ่านมา อนาวินอ่อนโยนมาตลอด ไม่เคยทำเช่นนี้เลย
“อื้อ!” เธอครางประท้วง ยิ่งเขาตวัดควานหาความหวาน ยิ่งทำเอาหัวใจสั่นสะท้าน
มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างอรชร กอบกุมบีบเคล้นทรวงงาม ก่อนสอดมือไปยังแผ่นหลัง เพื่อปลดเปลื้องบราเซียสีหวานออก จากนั้นจึงปลดกระดุมเสื้อ เขาถอนริมฝีปากแล้วหันมาสนใจทรวงอกคู่งามเมื่อสาปเสื้อแยกจากกัน เนินเนื้ออวบอิ่มยอดมันกำลังชูชัน ราวกันต้องการให้ลิ้มลอง อนาวินหายใจหนักขึ้น
“ปล่อยฉันนะ! อย่านะ อย่าทำแบบนี้อนาวิน!” ภริดาร้องลั่น น้ำตาเริ่มไหลริน
ทว่าเขากลับไม่สนใจ รวบมือสองข้างไว้เหนือศีรษะ แล้วกระชากบราเซียสีชมพูกับเสื้อเชื้ตสีดำออกจากร่างงาม ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยต่อสายตา ทรวงอกกระเพื่อมไหว สีหน้าแววตาของคนถูกกระทำ บ่งบอกถึงความสิ้นหวัง เจ็บปวด และทรมาน
“ได้โปรด.. อนาวิน ให้ฉันเหลือศักดิ์ศรีไว้บ้าง คุณทำลายงานหมั้นของเรา ให้ฉันเสียหน้าไปแล้ว อย่าทำร้ายกันไปมากกว่านี้เลย”
อนาวินกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วโน้มใบหน้า จุมพิตตรงดวงตา เธอหลับตาลงด้วยความร้าวราน ทำไมต้องทำร้ายกันถึงเพียงนี้ เธอยอมถอยออกมาแล้ว ไม่เรียงร้อง ไม่ถาม คิดว่าต่างคนต่างอยู่ แต่แล้วทำไม อนาวินถึงไม่ปล่อยเธอไป
มือบีบคางมนไว้ “รู้อะไรไหมภริดา เวลาฉันเห็นน้ำตาเธอ มันทำให้ฉันมีความสุขมากเหลือเกิน ยิ่งเธอทุกข์ทรมาน จนน้ำตาท่วมใบหน้า ฉันยิ่งรู้สึกดี”
นี่น่ะเหรอคนที่เธอรัก จากดีแสนดีกลับร้ายเหลือเกิน ถ้าหากไม่ได้พบกันคงดีกว่านี้ คงไม่ต้องทรมาน ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เขาปล่อยคางมน แล้วโน้มเข้าหา ดูดกลืนยอดบัวจนเจ้าของมันสะดุ้ง
“อ๊ะ!”
ใบหน้าเรียวสวยเริ่มแดงกล่ำ ดิ้นรนอีกครั้ง เพื่อเอาตัวรอด แม้รู้ว่ามันไม่มีหวังแม้แต่น้อย
“ปะ... ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก” เธอพยายามอ้อนวอน
“ไม่มีวัน!”
ลิ้นลากไล้ตวัดยอมบัวงาม มืออีกข้างบีบเคล้น ลูบไปตามเรือนร่างอรชร คนใต้ร่างสะท้านไหว กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมา มือสองข้างถูกปล่อยเป็นอิสระ เธอรีบดันกายเขาออกห่าง จะมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็อยากหลงเหลือความภาคภูมิใจให้ตัวเองบ้าง
“ปล่อยฉันอนาวิน ปล่อยได้ยินไหม!”
“ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปภริดา จนกว่าเธอจะย่อยยับ!”
“ฉันทำอะไรผิดนักหนา ฉันไม่เข้าใจ ฉันทำอะไรที่ผิดต่อคุณกันแน่!” เธอกรีดร้อง สะอื้นไห้
แม้เขารู้สึกสั่นไหว แต่กลับไม่สั่นคลอน ถ้าหากปล่อยภริดาไป เธอต้องหนีไกลแสนไกล ไม่ให้เจอหน้าอีกแน่ ถึงต้องยื้อเธอไว้ด้วยวิธีการร้ายกาจ ใจหนึ่งอยากปล่อย ทว่าอีกใจอยากรั้งเธอไว้ เขาไม่ควรมีความรู้สึกกับเธอตั้งแต่แรก ควรหักห้ามใจตนเองมากกว่านี้
อนาวินเลือกไม่ตอบ หากบอกออกไป รังแต่จะทำให้เรื่องทุกอย่าง มันซับซ้อนมากขึ้น เขาอยากแก้แค้น และมันก็สำเร็จแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เลือกกระทำ คือการฉุดรั้งภริดาเอาไว้ ด้วยความเจ็บปวด พันธนาการเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน คนที่จะครอบครองได้ มีแค่ตนเองคนเดียวเท่านั้น
“หุบปาก แล้วร้องครางก็พอ!”
เขาไม่ฟังเสียง ต้องการครอบครองเธอเท่านั้น ไม่มีทางปล่อยภริดาไป กางเกงถูกรั้งออกจากเรียวขา ตามด้วยซับในตัวจิ๋ว ภริดาตระหนกหุบขาเข้าหากันด้วยความอับอาย มือยกผลักดัน ดิ้นรนสุดกำลัง แม้ทางรอดริบหรี่เพียงใด
“อย่านะอนาวิน ได้โปรด...”
ริมฝีปากยังคงลากไว้ จุมพิตสร้างรอยแดงทั่วเรือนร่าง เรียวขาถูกแยกจากกัน เผยให้เห็นดอกไม้งาม สีสันเย้ายวนตา มันกำลังเต้นตุบ ๆ ราวกับต้องการให้ลิ้มลอง มือแตะแผ่วบริเวณนั้น เจ้าของมันสะดุ้งส่งเสียง
“ไม่นะ! อย่า!”
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ
ต่อให้อยู่ด้วยกัน ในคฤหาสน์หลังนี้ อนาวินแทบไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อนเลย มีเพียงแค่กอดจูบ ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ แต่จากที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่เลย“ฉันจะให้เธอเป็นนางบำเรอดีไหมภริดา”“หยุดความคิดอุบาทว์ของคุณซะ เยาวเรศสุดที่รักคุณกำลังรออยู่ ไปขอให้นังนั่นขึ้นเตียงกับคุณสิ!”เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันต้องยกย่องเยาวเรศเหนือกว่าเธอสิ เพราะเยาวเรศคือผู้หญิงที่คู่ควรกับฉัน ส่วนเธอเหมาะไว้ระบายความใคร่ เวลาอยาก.. เธอควรดีใจนะภริดา ที่ฉันกำลังเสนอหน้าที่นางบำเรอให้”“ไอ้สารเลวชาติชั่ว!” หญิงสาวด่าทอเสียงกร้าว พยายามหาทางเอาตัวรอด“ด่าสิ ด่าเลย มีคำด่าอีกไหม ฉันอยากฟัง ก่อนเอากับเธอภริดา!”“ไอ้อนาวิน ฉันจะไม่มีวันอภัยให้แก ฉันเกลียดแก!”มือข้างหนึ่งยกบีบปลายคางมน จนเจ้าของเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เบือนหน้าหนีแต่เขากลับออกแรงมากขึ้น อนาวินขบกราม หัวเราะในลำคอ แววตาเยือกเย็น“ปากดีแบบนี้ สงสัยรสริมฝีปากน่าจะจัดจ้านไม่เบา!”“ฉันปากดีเฉพาะกับแก!”“ถ้างั้นเวลาตอนเรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็อย่างลืมร้องครางให้สุดเสียงด้วยล่ะ”ริมฝีปากบางถูกฉกฉวย มือเธอยกผลักดัน ลมหายใจกำลังถูกกลืนหาย เมื่อลิ้นร้อนแทรกเ
ร่างบางถูกกระชากเข้ามากอดรัด เยาวเรศกัดฟันแน่น มือกำข้างตัว พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้โวยวายจนเกิดเรื่อง“อนาวินปล่อยฉัน!”“เอากระเป๋าของภริดาไปไว้ในห้องตามเดิม แล้วต้นสร้อยคอออกมาให้ฉัน!” เขาสั่งบอดี้การ์ด“หยุดนะ! เป็นบ้าหรือไง คุณทำลายฉัน ทำให้ฉันเสียหน้า เสียเกียรติ คุณควรพอได้แล้ว ฉันยินดีไปจากคุณ ไม่ยุ่งกับคุณแล้ว ยังต้องการอะไรอีก!”“เธอไปไหนไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่!”“พูดจาเอาแต่ได้ ไม่คิดถึงความรู้สึกผู้หญิงของคุณบ้างหรือไง ที่นี่ควรเป็นเยาวเรศอยู่ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว!”“ฉันไม่เคยพูดว่าจะให้เยาวเรศอยู่ที่นี่”“แล้วคุณจะให้อยู่ทำไม อยู่ในฐานะอะไร!” เธอตะโกนลั่นทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้คำตอบ เพราะเขาไม่อาจยอมเสียภริดา ต่อให้อยากปล่อยไปแค่ไหน วันนี้สิ่งที่เขากระทำ มันร้ายแรง และทำให้ภริดาต้องเจ็บปวด กระนั้นก็ไม่อยากปล่อยเธอไปอยู่ดี“ในฐานะทาสรับใช้ของฉันไง!”คนในอ้อมแขนดิ้นรนไม่ยินยอม“ไม่มีทาง! ฉันไม่มีวันลดตัว ลดศักดิ์ศรีตัวเองเด็ดขาด ปล่อยฉันอนาวิน คุณอย่าหยามกันให้มากนัก คุณควรพอได้แล้ว ฉันขอให้เราต่างคนต่างเดิน ได้ยินไหม!”“ได้ยิน”“ได้ยินก็ปล่อยฉัน!”“ถ้าเธอไป ฉันจะทำลายสร้อยคอแม่เธอ
ภูมิธรรมขบกราม “เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว เห็นลูกสาวฉันเป็นอะไร!”“ไม่รู้สิครับ แล้วแต่จะคิดเลย”“สารเลว!” คนเป็นพ่อสบถออกมาเพียะใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ เยาวเรศสีหน้าตระหนก ลูบแก้มสากแล้วหันมองคนตบ อิงอรน้ำตานองหน้า ไม่คิดว่าหลานชายจะกลายเป็นคนแบบนี้ ไร้มนุษยธรรม เล่นกับความรู้สึกคนอื่น“แกทำแบบนี้ ไม่เห็นแกหน้าย่า ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง ถ้าแกไม่อยากหมั้นแกก็ไม่ควรจัดงานขึ้นมา หนูดาทำผิดอะไรนักหนา ถึงได้ทำร้ายเธอขนาดนี้ แกมันไม่ใช่คนแล้ว!”น้ำท่วมปากอยากบอกความจริง ทว่าย่าก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ดาริการักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าย่ารู้คงอาการทรุดเป็นแน่“ครับคุณย่า ผมมันเลว ผมแค่อยากสั่งสอนดาให้รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง วันนี้เธอคงรู้สำนึกแล้วล่ะครับ”ภริดากำมือข้างตัวแน่น พ่อรีบเข้ามาโอบไหล่บางเอาไว้“ไม่เป็นไรดา เรากลับบ้านกันนะ”เธอรู้ดีว่า พ่อกับเขามีการร่วมงานกันมากมาย ถ้าหากขาดบริษัทของอนาวินไป ทางพ่อคงแย่แน่ กระนั้นแล้ว ตนเองก็ไม่อยากอยู่กับชายคนนี้ แม้แต่วินาทีเดียว อยากหนีไปให้ไกล ไม่ต้องพบเจอกันอีก“กลับไปสิดา ผมน่ะไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณกลับไปกับพ่อคุณ คนอย่างคุณจะมีค่าอะไร สุดท
เสียงปรบมือ ท่ามกลางแขกเหรื่อกำลังชื่นชมหญิงสาว ซึ่งกำลังยื่นมือให้กับคนรัก เพื่อสวมแหวนหมั้น ทว่ายังไม่ทันได้สวมมัน หญิงสาวรูปร่างสมส่วนสาวเท้าเข้ามา ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งเป็นสัน นามอนาวิน ประธานบริษัทไฮดีไซน์ ลุกยืนจ้องมองผู้หญิงอีกคน ที่กำลังสาวเท้า ภริดาลุกยืนตามว่าที่คู่หมั้น สับสนไม่เข้าใจ ทำไมเยาวเรศถึงได้มาที่งานนี้“เธอมาที่นี่ทำไม!” ภูมิธรรมเอ่ยถาม น้ำเสียงแข็งอดีตผู้หญิงคนนี้ เคยเป็นคนรักของพี่ชายมาก่อน แต่กลับหักอกเขาจนพี่ชายเธอกลายเป็นคนสติไม่ดี ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล“ทำไมคะ ฉันมาไม่ได้เหรอ ในเมื่อแฟนของฉัน กำลังจะหมั้น”แฟนงั้นเหรอ ภริดามองคู่หมั้น สีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ที่เยาวเรศเอ่ยออกมา มันคืออะไรกัน“แฟนเธอใครกัน ที่นี่มีคนกำลังหมั้นแค่สองคนเท่านั้นคือลูกสาวฉัน กับอนาวิน!” ภูมิธรรมย้อนถามเยาวเรศยกยิ้ม เข้าไปควงแขนอนาวินไว้ ภูมิธรรมนิ่งงัน เสียงแขกในงานเริ่มดังขึ้น ภริดาสับสนไม่เข้าใจ เหตุใดอนาวินถึงไม่พูดอะไร นอกจากยืนนิ่ง แล้วมองดู“หมายความว่ายังไงคะวิน” เธอถามเขา“ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง”“คุณปฏิเ