Mag-log inภูมิธรรมขบกราม “เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว เห็นลูกสาวฉันเป็นอะไร!”
“ไม่รู้สิครับ แล้วแต่จะคิดเลย”
“สารเลว!” คนเป็นพ่อสบถออกมา
เพียะ
ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ เยาวเรศสีหน้าตระหนก ลูบแก้มสากแล้วหันมองคนตบ อิงอรน้ำตานองหน้า ไม่คิดว่าหลานชายจะกลายเป็นคนแบบนี้ ไร้มนุษยธรรม เล่นกับความรู้สึกคนอื่น
“แกทำแบบนี้ ไม่เห็นแกหน้าย่า ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง ถ้าแกไม่อยากหมั้นแกก็ไม่ควรจัดงานขึ้นมา หนูดาทำผิดอะไรนักหนา ถึงได้ทำร้ายเธอขนาดนี้ แกมันไม่ใช่คนแล้ว!”
น้ำท่วมปากอยากบอกความจริง ทว่าย่าก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ดาริการักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าย่ารู้คงอาการทรุดเป็นแน่
“ครับคุณย่า ผมมันเลว ผมแค่อยากสั่งสอนดาให้รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง วันนี้เธอคงรู้สำนึกแล้วล่ะครับ”
ภริดากำมือข้างตัวแน่น พ่อรีบเข้ามาโอบไหล่บางเอาไว้
“ไม่เป็นไรดา เรากลับบ้านกันนะ”
เธอรู้ดีว่า พ่อกับเขามีการร่วมงานกันมากมาย ถ้าหากขาดบริษัทของอนาวินไป ทางพ่อคงแย่แน่ กระนั้นแล้ว ตนเองก็ไม่อยากอยู่กับชายคนนี้ แม้แต่วินาทีเดียว อยากหนีไปให้ไกล ไม่ต้องพบเจอกันอีก
“กลับไปสิดา ผมน่ะไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณกลับไปกับพ่อคุณ คนอย่างคุณจะมีค่าอะไร สุดท้ายก็ต้องเร่ขายตัวเองให้กับคนรวย เหมือนอย่างที่มาขายให้ผมนี่ไง!”
ร่างบางสั่นสะท้าน พยายามควบคุมแล้วแต่กลับทำไมได้ ยิ่งเห็นเยาวเรศส่งสายตาเย้ยหยัน ยิ่งทำเอาเจ็บปวด
“ไอ้สารเลวเอ้ย!” คนเป็นพ่อร้องลั่น ปรี่เข้าไปหมายต่อย แต่ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้ แล้วเหวี่ยงลงกับพื้น ภริดารีบเข้าประคอง “พ่อกลับไปก่อนเถอะค่ะ ดาไม่เป็นไร ดามีเรื่องต้องเคลียร์อีก พ่อไม่แข็งแรงเดี๋ยวจะแย่เอานะคะ”
“แต่ว่าดา..”
“ดายังมีคุณย่าคอยช่วย ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงดาจะเจ็บปวด แต่ดายังไหวค่ะพ่อ”
“ลุงสมชาติคะพาพ่อกลับบ้านไปก่อนค่ะ” สมชาติตรงเข้ามาประคองเจ้านาย หายออกจากห้องโถงไป
ภริดาทอดสายตามอง แววตาว่างเปล่า มันเจ็บเสียจนไม่รู้จะบอกยังไง จุกแน่นไปหมด ที่ยังยืนอยู่ไหว เพียงเพราะหัวใจมันสั่งให้เธอ จบทุกอย่างลงตรงนี้ ไม่ต้องเหลืออะไรไว้ให้เป็นเยื่อใยกันอีก เธอเดินไปหาคุณย่าอิงอร แล้วกุมมือเหี่ยวย่นเอาไว้
“ย่าขอโทษนะหนูดา”
เธอส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ไม่ค่ะ คุณย่าไม่ผิดอะไรเลย เรื่องที่มันเกิดขึ้น ดาเองไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ตอนนี้ดาไม่ได้ต้องการคำตอบ หรือคำอธิบายในเรื่องนี้อีกแล้ว ดาแค่หวังว่าคุณย่าจะสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขนะคะ”
“หนูดา..”
“ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ดาทำได้แค่ต้องยอมรับค่ะ ขอบคุณคุณย่ามากนะคะที่เอ็นดูดาตลอดมา”
“หนูดาจะทำอะไรล่ะลูก” เธอเหลือบมองเขา “งานหมั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแล้วล่ะค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างดากับวินก็คงต้องจบลงแค่เพียงเท่านี้”
“หนูดา”
“คุณย่าคงเข้าใจดานะคะ”
อิงอรมองหลานชาย แล้วพยักหน้าให้ภริดาเป็นเชิงเข้าใจ เธอปล่อยมือเหี่ยวย่นแล้วหันไปหาผู้ชาย ที่เธอรักเต็มหัวใจ สิ่งที่อนาวินทำ ไม่ว่าแค้นกันด้วยเหตุใด เธอไม่ต้องการคำอธิบาย คำพูดใด ๆ อีกแล้ว ความเจ็บปวดครั้งนี้ มันมากเกินพอ ก็ขอให้เขารักกับผู้หญิงอย่างเยาวเรศนาน ๆ แล้วกัน
“ฉันขอให้คุณรักกับผู้หญิงคนนี้นาน ๆ ก็แล้วกัน ระหว่างเรา ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก คนไร้ค่าอย่างฉันขอให้คุณโชคดี มีความสุขกับสิ่งที่คุณกระทำ จากนี้เราต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเดิน!” พูดจบ หันกายวิ่งหนีออกจากงานในทันที
อนาวินยืนนิ่ง มือข้างตัวกำแน่น ขบกรามเป็นสันนูน ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกมีความสุข แค่เพียงเห็นเธอกำลังลับหาย กลับรู้สึกเหมือนตนเอง กำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไป เขาไม่มีวันปล่อยภริดาไปแน่ เรื่องมันไม่จบง่าย ๆ หรอก
รถจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ ภริดาเปิดประตูลงมา แล้วสาวเท้าขึ้นชั้นสอง สาวใช้ในบ้านต่างมอง หญิงสาวที่คาดว่าจะกลายเป็นนายหญิงด้วยความเห็นใจ เพราะเธอเป็นคนดี มีน้ำใจกับบ่าวไพร่ในบ้าน จนคิดไปว่าหากได้มาเป็นเจ้านายคงดีไม่น้อย ภริดาเปิดประตูห้องนอน หยิบกระเป๋าออกมาจากตู้ แล้วดึงเสื้อผ้าจากไม้แขวนยัดใส่ไว้ เปิดลิ้นชักหยิบเครื่องประดับ เฉพาะของตนเอง สร้อยรูปหัวใจด้านในมีรูปแม่อยู่ในนั้น เธอมองมันน้ำตาไหลอาบแก้ม อย่างน้อยก็ยังมีแม่อยู่เคียงข้าง
เก็บทุกอย่างเรียบร้อย ลากกระเป๋าออกจากห้อง บ่าวไพร่พากันยืนรออยู่ตรงบันได สีหน้าเศร้า เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับว่าที่เจ้านายสาว ภริดาลงมาด้านล่าง อิ่มตรงเข้ามาหา ดึงมือบางมากุมไว้
“คุณดาจะไปไหนเหรอคะ”
“ฉันจะกลับไปอยู่ที่คอนโดน่ะอิ่ม ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“อิ่มไม่อยากให้คุณไปเลย”
เธอส่ายหน้า “มันเป็นไปไม่ได้อิ่ม ฉันต้องไป โชคดีนะทุกคน” บ่าวไพร่ปาดน้ำตา แล้วก้าวตามเพื่อมายืนส่งเจ้านายด้านหน้า
เอี๊ยด!
เสียงรถยนต์จอด ร่างสูงในชุดสูทก้าวลงมา ข้างกายมีหญิงสาวอีกคนตามติดไม่ห่าง ภริดาสบตาแววตาว่างเปล่า จังหวะนั้นเธอก้าวผ่านเขาไปอย่างไรไยดี แต่ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้
“จะไปไหน!”
เธอพยายามสะบัดข้อมือ “ปล่อยฉัน!”
“ฉันถามว่าเธอจะไปไหน”
“มันเรื่องของฉัน เราไม่มีความเกี่ยงข้องกันแล้ว ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน คุณก็ไม่ต้องมายุ่ง!”
“เธอเครียดน่ะครับ อาจจะมีเรื่องกระทบจิตใจ เลยทำให้อ่อนเพลีย”อนาวินพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณมากครับหมอ”“หมอขอตัวก่อนนะครับ”เดินเข้าห้อง เห็นคนบนเตียงใบหน้าเขียวช้ำ ถึงหมอบอกไม่เป็นอะไรมาก แต่สภาพที่เห็นทำเอาใจหาย ถ้าภริดาเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง หย่อนกายลงข้างเตียง หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้า“พ่อคะ” เธอละเมอออก “วัตร”ชายหนุ่มชะงักมือ กำผ้าแน่น กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่อยากได้ยินชื่อสองคนนี้เลย ต่อให้ภริดาไม่รู้เรื่อง กระนั้นแล้วเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวและน้องสาวของสารเลวสองคนอยู่ดี โยนผ้าไว้ในอ่างตามเดิม แล้วเดินออกมาด้านนอก“เฝ้าเธอไว้ให้ดีด้วยป้าศรีนวล”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อย อนาวินมายังรถ เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล รถจอดเทียบแพทย์เจ้าของไข้ออกมาต้อนรับทันที เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลที่บริษัทของเขาจัดตั้งและสนับสนุนตลอดระยะเวลาหลายปี ชายหนุ่มมาหยุดยืนหน้าห้องไอซียู ด้านในเห็นชายวัยกลางคน กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้สติ“อาการเป็นยังไงบ้าง” อนาวินถามเสียงเครียด“อาการทรงตัวครับ ถ้าจะให้ดีต้องผ่าตัด ถ้าเกิดญาติเซ็นต์ผมเตรียมผ่าให้ได้เลย”“ถ้าไม่ผ่าจะเป็นอะไรไหม”“ไม่ดี
หญิงสาวสะดุ้ง ยอมเอามีดให้กับอนาวิน เขาพับแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า ก่อนเดินไปหาร่างที่กำลังสลบกับพื้น ไม่นานนักเธอขยับกาย ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ในสภาพที่เปลือกตาแทบปิด อนาวินขบกรามแน่นพยายามข่มใจ ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ ชายหนุ่มย่อกายลง“เป็นยังไง ยังไม่ตายใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม แม้ใจเป็นห่วง แต่คำพูดกลับทำร้ายอีกฝ่าย“ยังเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอามีดที่คนรักของคุณ มาเสียบคอฉันเลยดีไหม จะได้ตาย ๆ สมใจคุณเสียที”อนาวินชะงัก เก็บอาการอ่อนไหวเอาไว้“ได้ยังไงกันเล่าภริดา ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่าย ๆ หรอก เธอต้องอยู่เป็นของเล่นของฉัน กับเยาวเรศไปอีกนาน”คนเจ็บกัดฟันกรอด ร่างกายมันปวดร้าวแทบทนไม่ไหว แต่จำต้องอดทนเอาไว้“ไอ้สารเลว!”“ด่าได้ดี เห็นไหมเธอยังด่าฉันได้ขนาดนี้ แสดงว่ายังมีแรง ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”“น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร”ปรือตามอง คนที่ตนเองเคยรักมากเหลือเกิน บัดนี้ไม่หลงเหลืออะไรเลย ทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น ถ้าหาก... มองให้ลึก มองให้ชัดกว่านี้ คงไม่ต้องโดนหลอก จนต้องอับอาย ทำให้พ่อต้องเป็นทุกข์“เสียดายที่ฉันตายยากไปหน่อย”ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วลุกยืนทันที ทว่าใ
เยาวเรศชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นเชนทร์กำลังโทรหา เปิดประตูลงจากรถ แล้วแย่งมือถือเขวี้ยงลงพื้น ก่อนเดินไปยังป้อมด้านหน้า กดเปิดประตู แล้วขับรถเข้าไป เชนทร์รีบโทรหาหัวหน้า ซึ่งตอนนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ข้างนอก ใช้เวลากลับมาก็คงเกือบชั่วโมง“หัวหน้าครับคุณเยาวเรศมาที่นี่ครับ!” เขารีบรายงานเสียงสั่น“อะไรนะ! รีบห้ามสิ อย่าให้ขึ้นไปบนห้องคุณภริดาได้!”“ผมห้ามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอม”“แกเป็นผู้ชายหรือเปล่าไอ้เชนทร์ ถ้าแกไม่ห้าม หัวเราได้หลุดกันหมดแน่ รีบไปจัดการ เดี๋ยวฉันกลับไป!”“ครับหัวหน้า”เยาวเรศลงจากรถ แล้วสาวเท้าเข้าด้านใน สาวใช้วัยแรกรุ่นรีบวิ่งเข้ามาหา“มันอยู่ไหน!”“อยู่ห้องติดกับห้องคุณผู้ชายค่ะ!” บ่าวรับใช้รายงานในทันทีเธอไม่รอช้าพอมาถึงหน้าห้อง จับลูกบิดเปิดเข้าไปด้านใน เห็นหญิงสาวกำลังนอนหลับบนเตียง ตรงเข้าหากระชากแขนลากลงมาตุบ!“โอ้ย!” ภริดาร้องคลำช่วงเอว แล้วจ้องมองคนทำ เห็นยืนกอดอกตาเขียว “เยาวเรศ!”“ใช่ ฉันเอง!”ภริดาพยุงกายลุกยืน มองไปยังหญิงสาว ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิท ที่เธอรักและหวังดี คิดว่าคนคนนี้คือคนที่เชื่อใจได้ แต่สุกท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เยาวเรศซ่อนเขี้ยวเล
ภูมิธรรหันกายกลับไปยังรถ มือจับหน้าอกไว้แน่น อาการปวดร้าวทำนิ่วหน้า เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด หลายวันมาแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะหาหนทางช่วยลูก วิ่งเต้นทุกวิถีทางแต่กลับไม่มีใครยินยอมช่วยเหลือ มันคือความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถ้าหากตอนนั้นไม่ให้ลูกคบกับอนาวินก็คงดีอาการปวดหน้าอกไม่บรรเทา มือจับพวงมาลัยไว้แน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด จนบอดี้การ์ดเห็นถึงความผิดปกติ เดินมาส่องผ่านกระจกรถสีดำ แล้วรีบล้วงมือถือ ติดต่อหน้าหัวหน้า“หัวหน้าครับ ภูมิธรรมอาการไม่ดีแล้วครับ”“อะไรนะ!”“ผมเห็นเขาสลบอยู่ในรถ”“เคาะเรียกสิ!”ก๊อก ก๊อกเชนทร์พยายามเคาะ แต่กลับไม่มีการตอบรับ“ไม่ฟื้นครับหัวหน้า ไม่ตอบสนองอะไรเลย”“งัดรถแล้วพาคนออกมา เดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ครับหัวหน้า”รถพยาบาลเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชีพจรกลับมาแล้ว วิรุตต์ล้วงมือถือ ติดต่อหาเจ้านายในทันที“ว่าไงรุตต์” เขากรอกเสียง“ท่านครับ ภูมิธรรมช็อกหมดสติหน้าบ้านเราครับ ตอนนี้ผมให้คนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”“อะไรนะ!” ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้สีหน้าตระหนก “แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง”“ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ อีกสักพักลู
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ






![DarkZ [II] TRILOGY](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
