Talk อลิช
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่หนักอึ้งไปทั้งหัว เพราะไม่เคยดื่มมาก่อนแต่ถูกแพรเพื่อนสนิทบังคับให้ดื่ม แถมยังบังคับให้ฉันแต่งตัวด้วยชุดที่วาบหวิว นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดของเธอฉันคงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ
เมื่อคืนฉันจำได้ว่าดื่มเหล้าจากแก้วของผู้ชายโต๊ะข้างๆ แล้วก็เมาชนิดที่ว่าจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับห้องมาได้ยังไง พอกันทีนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะดื่ม ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมันรู้สึกหนาวๆ โล่งๆ เหมือนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จึงค่อยๆ ก้มลงมองตัวเอง ก่อนที่สายตาของฉันจะเบิกกว้างเมื่อพบว่าท่อนบนของตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลยสักชิ้น “ยะ อย่าบอกนะว่า….” มือของฉันจับที่ผ้าห่มก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดูท้อนล่างของตัวเอง ซึ่งมันก็เปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับท่อนบน “ฉันเมาหนักถึงขนาดแก้ผ้านอนเลยหรอเนี่ย” อลิชเอ้ย ถ้าพ่อรู้ว่ากินเหล้าจนเมาไม่ได้สติแบบนี้ต้องโดนก้านมะยมตีก้นลายแน่ๆ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนหายใจ ซึ่งมันไม่ได้เสียงหายใจของฉันแน่ๆ จึงค่อยๆ หันมองข้างๆ กับตัวเอง และนั่น!! ทำให้ฉันกำลังจะกรี๊ดออกมาแต่ก็ต้องยกมือมาปิดปากตัวเองไว้ เมื่อหันมองข้างๆ ตัวเองแล้วเจอกับแผ่นหลังของผู้ชาย ขะ เขาคือใคร ทะ ทำไมถึงมาอยู่ร่วมเตียงกับฉันแบบนี้ ฉันตั้งสติ หายใจเข้าออกช้าๆ บางทีอาจจะยังเมาค้างอยู่ทำให้ตาลายมองเห็นภาพหลอน สองมือของฉันยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองรัวๆ ก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง ก็ยังเห็นแผ่นหลังของผู้ชายอยู่เหมือนเดิม กะ เกิดอะไรขึ้น!! หัวใจดวงน้อยๆ ของเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ฉันกวาดสายตามองไปมองๆ ห้องอีกครั้งถึงได้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! ที่นี่คือที่ไหน แล้วห้องของใครในขณะที่ฉันกำลังพยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ผู้ชายที่นอนอยู่เขาก็พลิกตัวนอนหงาย ทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเขา
“คะ คุณคานส์” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าเมื่อคืนฉันนอนกับใคร คุณคานส์คือเจ้าของบริษัทที่ฉันเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีอยู่ ฉันจำเขาได้แม่นเพราะเวลาที่เขาเดินผ่านฉันก็จะแอบมองอยู่ตลอด ด้วยบุคลิกหน้าตาฐานะของเขา แถมยังเป็นเจ้าของบริษัท ไม่แปลกที่พนักงานผู้หญิงในบริษัทจะหมายตา แต่ทว่าเขาก็ไม่เคยชายตามองใครเลย ละ แล้วทำไมฉันถึงมานอนกับคุณคานส์ได้ มันเกิดอะไรขึ้น ฉันนั่งตัวแข็งทื่อ พยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ฉันมาไปวันเกิดเพื่อนที่คลับแล้วทำไมถึงตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกับเจ้าของบริษัทที่ทำงานได้ยังไง ฉันนั่งสะตั้นอยู่บนเตียงนานหลายนาที ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ ต้องรีบหนีก่อนที่คุณคานส์จะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของฉัน พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบลุกขึ้น แต่ทว่าตรงนั้นของฉันมันรู้สึกเจ็บเอามากๆ จนทำให้เกือบจะล้มฟุบลงพื้น โชคดีที่ก้มลงจับเตียงไว้ทัน “โอ้ย~ ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้นะ” ฉันหนีบขาไว้จนเกร็ง พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่เตียง เพราะกลัวว่าคุณคานส์จะตื่นขึ้นมา แต่!! สายตาของฉันดันมองเห็นเลือดที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเป็นวงกว้าง นะ นั่นมันเลือดใคร ทำไมถึงเปื้อนอยู่ตรงที่ฉันนอน ฉันก้มลงมองที่หว่างขาของตัวเองแล้วเห็นว่ามีสะเก็ดเลือดติดอยู่ ก่อนจะมองเห็นเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้องไปหมด ในตอนนี้ฉันไม่กล้าคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันรีบเดินอย่างทุลักทุเลเพื่อมาเก็บเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเข้าห้องน้ำมาแต่งตัวหลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบออกจากห้องนั้นเพื่อจะกลับไปห้องของตัวเอง พอเดินลงบันไดมาถึงได้รู้ว่าที่นี่คือคลับที่ฉันมาเที่ยวเมื่อคืน ต่างกันแค่บรรยากาศตอนนี้ไม่มีคน
ไม่ได้คิดอะไรมากนักฉันต้องรีบออกมาจากที่นี่ เมื่อออกมาได้แล้วก็เรียกแท็กซี่กลับห้อง#ห้องของฉัน
พอมาถึงห้องฉันก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะกดโทรหาแพรเพื่อนสนิท และได้เห็นว่าเบอร์ของแพรโทรเข้ามาหลายสายมากๆ ( อลิช ทำไมแกไม่รับสายฉันรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันตามหาแกแทบทั้งคืน แกหายไปไหน แกอยู่ที่ไหนตอนนี้ ) พอแพรกดรับสายเธอก็ยิงคำถามรัวๆ ( ฉันอยู่ห้อง มะ เมื่อคืนเมามากเลยกลับมาก่อนขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ ) ( แกอยู่ที่ห้องแล้วทำไมเมื่อคืนฉันเคาะห้องแกตั้งนานถึงไม่มาเปิด ) ( ฉะ ฉันเมาไง มาถึงห้องก็หลับไปเลยไม่ได้ยินเสียงแกเคาะประตู ) ถ้าเกิดนั่งอยู่ด้วยกันแพรต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันโกหก เพราะว่าฉันเป็นคนที่โกหกไม่เก่งจริงๆ ( แกโทรมาฉันก็สบายใจ นี่ถ้าแกยังไม่ติดต่อมาเย็นนี้ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจแล้วนะเนี่ย ) ( อื้อแพร ฉันขอถามอะไรแกหน่อยสิิ ) ( ว่ามาสิ ) ( คือ…แกรู้ไหมว่าถ้าเราเสียบริสุทธิ์ครั้งแรกจะรู้สึกยังไง ) ฉันเม้มปากแน่นเพื่อรอคำตอบจากเพื่อน ในใจก็กลัวว่าแพรจะสงสัย แต่อีกใจฉันก็อยากรู้ ( มันก็จ็บๆ เจ็บมากเลยแหละ บางคนก็มีเลือดออกที่ตรงนั้น ) ( ระ หรอ ) เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวๆ ในตอนนี้ฉันนั่งเกร็งพร้อมกับกำมือแน่นจนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะสิ่งที่แพรบอกมันตรงกับอาการของฉันในตอนนี้ ( แกถามทำไม นี่อย่าบอกนะว่าแก…) ( หยุดคิดเลยนะฉันก็แค่ถามเพราะความอยากรู้ ) ฉันรีบขัดก่อนที่แพรจะคิดว่าฉันนั้นเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ( นี่! แกโตแล้วนะอลิช ควรจะเสียบริสุทธิ์สักที จะเก็บไว้ให้หยักไย่มาเกาะหรือไง ) ( แกพูดบ้าอะไรฉันไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี่ก่อนนะ ) ฉันกดวางสายแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ ตัว ในตอนนี้สมองมันคิดหนัก ฉะ ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้คุณคานส์ไปแล้ว แล้วฉันจะกล้าแบกหน้าไปทำงานได้ยังไง มันกลัวไปหมด กลัวว่าเขาจะจำฉันได้ กลัวว่าจะถูกมองว่าง่าย หรือฉันควรจะลาออกดี…แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง