เจ้าสมุทร...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นหลายต่อหลายครั้งทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองประตู แต่ถามว่าผมลุกไปเปิดไหม...ก็ไม่
แอร๊ดดดดด สักพักเสียงประตูเปิดออกอย่างช้าๆคล้ายกับว่าคนเปิดพยายามที่จะไม่ทำเสียงดังแต่ผมก็ได้ยินตั้งแต่เคาะแล้วล่ะแค่ขี้เกียจลุกไปเปิดก็เท่านั้น ประตูเปิดพร้อมกับคนรับใช้กิตติมศักดิ์ของพ่อที่ท่านบอกกับผมว่ายัยนี่ไม่ใช่คนรับใช้ท่านเลี้ยงเหมือนลูกเหมือนหลานมากกว่า หึ ผมเชื่อตายล่ะ
"ไง..ฉันนึกว่าเธอจะโง่ยืนเคาะประตูอยู่ตรงนั้นทั้งวันทั้งคืนซะอีก" ผมมองคนตรงหน้าแบบพิจารณาอยากจะบอกว่าผมมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเคยสายตาแบบนี้มาก่อน ผมจำแววตาแบบนี้ได้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนเพราะผมไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เจ็ดขวบเพิ่งกลับมาไทยครั้งแรก แต่ก็ช่างมันเถอะคิดไปก็ไร้สาระเพราะมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรและอีกอย่างยัยนี่เป็นแค่คนรับใช้ที่บ้านที่แม้ว่าพ่อจะบอกว่าไม่ใช่แต่ดูจากสภาพ....ยังไงก็คนรับใช้สภาพซอมซ่อซะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่ใส่ใช้มันมากี่วันกี่ปีแล้วเพราะมันทั้งซีดทั้งเก่ามีรอยปะรอยเย็บจนผมคิดว่าผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำยังสะอาดกว่านี้เลย
"ยังดีที่รู้จักหน้าที่นึกว่าฉันต้องเดินกลับไปตึกใหญ่แล้วยกกระเป๋ามาเอง" ผมพูดโดยที่คนตรงหน้าเอาแต่ยืนก้มหน้า
"เอากระเป๋าฉันขึ้นไปเก็บที่ห้องแล้วก็จัดการแขวนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยของใช้ก็จัดวางไว้ให้เป็นระเบียบเข้าใจไหม" พอผมพูดจบประโยคยัยนี่ก็แค่พยักหน้ารับก่อนจะลากกระเป๋าของผมผ่านหน้าไปโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ผมมองตามหลังก่อนจะหันกลับมาสนใจเครื่องดื่มตรงหน้าต่อ
ตึ๊ดดดดด ตึ๊ดดดดด ตึ๊ดดดดด
เสียงมือถือผมดังพอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเจษผู้จัดการโรงแรม
"มีอะไร"
"คุณเจ้าสมุทรครับเรื่องที่ให้ผมจัดการตอนนี้ผมติดต่อคุณคิตตี้ให้แล้วนะครับพอเธอรู้ว่าเป็นคุณเจ้าสมุทรเธอก็ถามผมว่าจะให้เธอไปพบเมื่อไหร่" ผมแสยะยิ้มมุมปากทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
"หึ นึกว่าจะเล่นตัวซะอีก นายบอกไปว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไปตอนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์ยังไม่อยากใช้บริการ"
"อ่ออ ครับๆ ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ"
หลังจากวางสายผมก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเปิดดูรูปของนางแบบดาวรุ่งที่ตอนนี้เธอกำลังโด่งดังแบบสุดๆในเวลานี้เธอชื่อว่าคิตตี้เธอดูสวยและดูหยิ่งเวลาเดินอยู่บนเวที ผมเจอเธอที่งานเดินแบบที่มีการประมูลเครื่องเพชรซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมของผมเองเมื่อหลายวันก่อนเธอถูกเชิญให้มาเดินแบบงานนี้ที่ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจที่จะไปดูเพราะผมไม่ชอบเครื่องเพชรแต่พอดีว่างานนี้เจ้าของงานคือเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่อเมริกาของผมเองมันชื่อไอ้นุซึ่งพอมันเรียนจบมันก็กลับไทยมาช่วยพ่อแม่มันดูแลกิจการร้านเพชรมันก็เลยชวนผมไปเป็นแขกในงานโดยมันเอาเรื่องผู้หญิงมาล่อมันบอกว่างานนี้ดารานางแบบดังๆ มาเดินแบบกันเยอะ ไอ้ผมก็ชอบอยู่แล้วก็เลยไปร่วมงานตามคำเชิญของมัน และผู้หญิงในงานที่ผมสนใจก็คือคิตตี้นางแบบที่กำลังดังที่สุดในตอนนี้และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือเธอเป็นหลานสาวของผู้หญิงที่ชื่อพิไลลักษณ์ผู้หญิงที่พ่อของผมกำลังคบอยู่นั่นเองและในงานนี้ผมก็ได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นผู้หญิงที่พ่อจะเอามาแทนที่แม่ของผม แค่คิดผมก็รู้สึกโกรธแค้นอยากหาที่ระบาย ผมเลื่อนเบอร์ในมือถือเพื่อที่จะโทรเรียกติน่ามาแต่พอคิดถึงวันนั้นผมก็โยนมือถือลงข้างๆอย่างอารมณ์เสียแทนเอามาก็คงไม่ได้ช่วยอะไรหลวมซะขนาดนั้น ผมนั่งดื่มอีกสักพักจนเหล้าหมดขวดก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องเพราะเริ่มไม่ไหวสงสัย
ม่านไหม...
แอร๊ดดดด ฉันที่กำลังจัดการกับกระเป๋าเดินทางของคุณเจ้าสมุทรต้องรีบหันไปมองที่ประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอน พอเขาเห็นว่าฉันอยู่ในห้องเขาก็ทำหน้าไม่พอใจใส่ทันที
"จัดของยังไม่เสร็จ??" เขาถามฉันเสียงเข้มซึ่งตอนนี้ดูแล้วเขาน่าจะเมา ฉันคงจะต้องรีบออกไปเพราะไม่อยากรบกวน
"ถามทำไมไม่ตอบวะ" ฉันไม่รู้จะว่ายังไงเพราะเขาคงไม่รู้ว่าฉันพูดไม่ได้ ฉันก็เลยหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋ากระโปรง
ฉันพูดไม่ได้ค่ะ ฉันยื่นกระดาษที่เขียนให้เขาอ่านเขาไม่ได้หยิบไปแต่ก้มมองดูแทนก่อนจะเงยหน้ามองฉันอีกรอบ
"เป็นใบ้??" ฉันพยักหน้าตอบ
"เหอะ พ่อฉันคิดยังไงเอาคนใบ้มาทำงานวะ"
"เธออยู่นี่กี่ปีแล้ว"
สิบสองปีแล้วค่ะ
"นานนี่หว่า ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่"
สิบแปดจะสิบเก้า ค่ะ
"หึ ถามหน่อยดิเธอเป็นอะไรกับพ่อของฉันกันแน่ เป็นหลานอย่างที่ท่านบอกกับฉันหรือว่าเป็น...เมีย"
ฉันเป็นคนรับใช้ค่ะ ฉันรีบเขียนคำตอบทันทีแล้วยื่นให้เขาอ่าน
"ดูจากสภาพของเธอฉันก็คิดแบบนั้นแล่ะแต่พ่อฉันบอกว่าไม่ใช่ แต่ก็ช่างเหอะถ้าเธอจะเป็นอะไรก็เรื่องของเธอ เอาล่ะออกไปได้ละฉันจะนอน" ฉันรีบพยักหน้าก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องทันที
วันต่อมา...
"ลุงว่าจะขอให้ม่านไปอยู่ที่ตึกเล็กไปช่วยดูแลตึกเล็กคอยดูแลคุณเจ้าสมุทรจะได้ไหมลูก" คุณท่านเอ่ยถามฉันหลังจากที่ฉันจัดยาให้ท่านทานเรียบร้อยแล้ว
ได้ค่ะ แต่ถ้าม่านไปอยู่ตึกเล็กใครจะดูแลเรื่องยาให้คุณท่านคะ เพราะถ้าฉันต้องไปอยู่ตึกเล็กแล้วใครจะจัดยาให้คุณท่านเพราะท่านต้องทานยาหลังอาหารสามมื้อไหนจะยาก่อนนอนอีกเรื่องนี้คือสิ่งที่ฉันเป็นห่วงเพราะที่ผ่านมามีเพียงฉันคนเดียวที่ดูแลเรื่องยาและอาหารของคุณท่าน
"ลุงลืมบอกม่านไปใช่ไหมว่าอาทิตย์หน้าพิไลจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของลุง เธอเคยเป็นพยาบาลเก่ามาก่อนเธอจะมาดูแลลุงเอง" ฉันพยักหน้ารับเพราะถ้ามีคนที่ไว้ใจได้มาดูแลคุณท่านฉันก็เบาใจ
"แต่ลุงก็มีเรื่องที่ต้องกังวลอีกเรื่อง คือเรื่องตาเจ้า" แววตาของท่านดูมีความวิดกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ฉันรู้สึกสงสารและเห็นใจคุณท่านเป็นอย่างมากเพราะคุณเจ้าสมุทรพูดว่าจะไม่ยอมรับผู้หญิงคนไหนจะไม่ยอมให้ใครมาแทนที่แม่ซึ่งคุณท่านเคยพูดให้ฉันฟังว่าตอนแรกท่านคิดว่าจะปิดกั้นตัวเองจะไม่มีภรรยาใหม่เพราะยังรักคุณแม่ของคุณเจ้าสมุทรอยู่เต็มหัวใจทั้งที่ท่านไม่เคยรักคุณท่านเลย จนกระทั่งมาเจอคุณพิไลลักษณ์ทำให้ท่านอยากจะเริ่มต้นชีวิตคู่อีกครั้ง คุณพิไลลักษณ์เป็นผู้หญิงสวยแม้อายุจะมากแล้วก็ตามเธอมักจะมาหาคุณท่านที่บ้านบ่อยๆแต่เวลาเธอมาฉันจะถูกเธอไล่เสมอ แม้ต่อหน้าคุณท่านเธอจะดูเป็นผู้หญิงอ่อนหวานใจดีแต่ลับหลังมันไม่ใช่เลยสักนิด ตอนแรกที่เธอมาที่นี่คุณท่านแนะนำว่าฉันเป็นหลานสาวของคุณท่านคุณพิไลลักษณ์จะพูดดีจะทำดีกับฉันมากๆคอยซื้อของมาฝากเสมอแต่พอเธอมารู้ภายหลังว่าฉันเป็นเพียงคนอาศัยไม่ใช่หลานจริงๆของคุณท่านการแสดงออกของคุณพิไลลักษณ์ก็เปลี่ยนไปทันทีจากหน้ามือเป็นหลังมือแต่พออยู่ต่อหน้าคุณท่านเธอก็จะทำตัวดีกับฉันเหมือนเดิม
"ตอนแรกฉันก็หลงเอ็นดูแกเพราะคิดว่าแกเป็นหลานสาวของท่านแต่จริงๆแล้วแกมันก็แค่กาฝากที่คุณท่านเอ็นดูรับมาเลี้ยงเพราะพ่อตายเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างแกเป็นได้แค่คนอาศัยเป็นได้คนรับใช้เท่านั้นแล่ะเพราะฉะนั้นก็จำใส่สมองของแกไว้ให้ดีว่าอย่าทำตัวเกินฐานะ กาฝากยังไงก็คือกาฝาก" ที่คุณพิไลลักษณ์พูดแบบนี้ก็เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งคุณพิไลลักษณ์ชวนคุณท่านไปพักผ่อนที่เชียงใหม่กันตามลำพังสองต่อสองแต่คุณท่านเห็นว่าฉันไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ท่านก็เลยให้ฉันตามไปเที่ยวด้วยซึ่งตอนแรกฉันก็ไม่อยากไปเพราะเกรงใจแต่คุณท่านให้เหตุผลว่าถ้าฉันไม่ไปด้วยท่านเกรงว่าจะลืมทานยาทำให้ฉันต้องตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ นั่นทำให้คุณพิไลลักษ์เกิดอาการไม่ค่อยพอใจเพราะต้องการไปกันแค่สองคน
ม่านไหม...สองทุ่ม...หลังจากฉลองวันเกิดฉันเสร็จเด็กๆก็ขอตัวไปเล่นข้างนอกโดยมีพี่แม่บ้านสามคนไปช่วยดูแลอย่างใก้ลชิด ส่วนแม่ของฉันฉันไปส่งท่านที่ห้องเพราะท่านบ่นเหนื่อยฉันก็เลยส่งท่านเข้านอน ส่วนพี่เจ้าสมุทรเขาขอไปดูงานที่รีสอร์ตซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้านพักของเราเห็นเขาบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องเข้าไปจัดการเดี๋ยวจะรีบกลับฉันก็เลยเข้าห้องมาเพื่ออาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นสักหน่อยครึ่งชั่วโมงต่อมา...."ทำไมเงียบจัง เด็กๆยังไม่กลับมาอีกเหรอ" ฉันเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากเผลอหลับไปงีบนึงแต่พอเดินออกมาก็ไม่เจอใครยังไม่มีใครกลับมากันเลยทั้งลูกทั้งพ่อ"คุณม่านครับคุณม่าน" พนักงานคนนึงวิ่งเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ"มีอะไรคะ""แย่แล้วครับแย่แล้ว คุณเจ้าสมุทร""พี่เจ้า ทำไมคะเกิดอะไรขึ้นคะ" ตอนนี้ใจฉันตกไปอยู่ตาตุ่มกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร คือฉันฝังใจกับเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันที่มีคนมาบอกเรื่องพี่เจ้าขับรถตกเขา ฉันไม่ชอบเลยที่มีคนมาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้"เกิดอะไรขึ้นรีบพูดมาสิคะ!!!" ฉันไม่เคยโมโหอะไรเท่านี้มาก่อนเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ยอมพูดอะไรกลับอ้ำๆอึ้งๆอยู่แบบนั้น ฉันไม่อยากรออะไรอีกแล
ม่านไหม...หลังจากที่ได้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่พูดฉันก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้พอแม่เห็นฉันแม่ก็มีสีท่าตกใจและกำลังจะเดินหนีฉันรีบวิ่งไปหาแม่แล้วกอดท่านไว้ ท่านดูผอมลงกว่าวันนั้นใบหน้าของท่านดูไม่ดีเท่าไหร่จนกระทั่งผ้าที่ท่านใช้คลุมผมมันร่วงลงมาที่ไหล่ทำให้ฉันเห็นว่าผมของท่านบางลงจนแทบไม่มีเส้นผมหลงเหลืออยู่ ฉันมองท่านอย่างตื่นตะลึงที่แม่เปลี่ยนไปในเวลาไม่ถึงเดือน"แม่..ป่วยใช่ไหมคะ""แม่..เอ่อ แม่" แม่มีสีหน้าอึกอักไม่อยากตอบ"เมื่อกี้ม่านได้ยินแม่พูดว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง""คือแม่..แม่ไม่ได้เป็นอะไรลูกแม่สบายดี""ถึงขนาดนี้แล้วแม่ยังจะมีอะไรปิดบังม่านอีกคะ แม่จะให้ม่านรู้สึกผิดไปจนตายเลยใช่ไหมถ้าวันนึงแม่ทิ้งม่านไปอีกคน" "ม่าน แม่ไม่ได้คิดแบบนั้นนะลูก หนูอย่าเข้าใจผิด แม่...แม่ยอมรับก็ได้ แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว""แม่ไม่สบายทำไมแม่ไม่บอกม่านคะแม่จะปิดบังเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไหร่""แม่แค่ไม่อยากให้ม่านไม่สบายใจ ตอนนี้ม่านกำลังมีชีวิตที่มีความสุขอย่าให้แม่คนนี้ต้องมาทำให้ม่านทุกข์ใจเลย ม่านลืมไปซะนะว่าเคยเจอแม่ให้ทำเหมือนเราไม่ได้เจอกันให้คิดซะว่าม่านไม่เคยมีแม่""แม่คะ ฮึก ฮึก ม่าน
หลายอาทิตย์ผ่านไป..."ม่านตื่นมาทำอะไรในครัวแต่เช้าครับ""ทำอาหารค่ะม่านจะนำไปทำบุญที่วัด""วันนี้วันพระเหรอ""เปล่าค่ะ วันนี้วันเกิดของม่านค่ะม่านก็เลยจะทำอาหารไปทำบุญถวายพระที่วัด""จริงอ่ะวันนี้วันเกิดม่านเหรอ พี่ลืมไปซะสนิทเลยขอโทษนะครับ" พี่เจ้าสมุทรมีสีหน้าไม่สบายใจจนฉันรู้สึกได้"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่วงนี้พี่เจ้างานยุ่งกับงานม่านเข้าใจ""แต่พี่ก็รู้สึกแย่อยู่ดี เอางี้เย็นนี้พี่จะรีบกลับแล้วพาม่านไปฉลองดีมั้ย""ไม่ต้องหรอกค่ะ วันเกิดม่านก็เหมือนวันปกติธรรมดาทั่วไปไม่ต้องฉลองก็ได้แค่ม่านได้ไปทำบุญม่านก็พอใจแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่เจ้าสมุทรเพราะฉันรู้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจลืมวันเกิดของฉันเพราะทุกๆปีเขาไม่เคยลืมเลยสักครั้งจะมีปีนี้ที่ฉันเห็นเขายุ่งมากออกจากบ้านแต่เช้ากลับมาอีกทีก็ค่ำบางวันก็ดึกเลยแต่เขาก็ไม่เคยนอนค้างที่ไหนนะคะถึงจะเลิกงานดึกสักแค่ไหนเขาก็จะกลับมานอนที่บ้านทุกคืนแม้งานที่เขาจะไปทำมันไกลมากแค่ไหนก็ตาม คือตอนนี้พี่เจ้าสมุทรทำธุรกิจโรงแรมหลายแห่งเลยค่ะเกือบสิบแห่งทั่วประเทศมีทั้งโรงแรมขนาดหลายร้อยห้องรวมถึงมีพูลวิลล่าเป็นหลังๆให้เช่าอีกหลายที่ ฉันเคยถามเขาว่าทำไมถึงทำเยอะขนาดนี
ม่านไหม..."ฉันรู้ว่าลูกคงจะเกลียดฉันมากเพราะฉันไม่เคยเลี้ยงดูแกเลยฉันทิ้งแกไปตั้งแต่แบเบาะ ฉันรู้สึกผิดมาตลอดที่ทำแบบนั้น แต่คุณไม่รู้หรอกว่าความจนมันน่ากลัวขนาดไหนการที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวสารกรอกหม้ออยู่อย่างอดๆ อยากๆ มันเจ็บปวดมากแค่ไหน""คุณอย่าเอาความจนเป็นข้ออ้าง""ฉันผิดเหรอคะที่อยากมีชีวิตที่ดี ที่ฉันตัดสินใจทิ้งลูกทิ้งสามีเพื่อไปหาหนทางหาอนาคตที่ดีกว่าฉันผิดเหรอ""หึไม่ผิดเลยมั้ง" น้ำเสียงของคุณเจ้าสมุทรบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจกับคำพูดประโยคนี้ซึ่งฉันเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน การที่คนเราอยากมีชีวิตที่ดีมันจำเป็นต้องทิ้งครอบครัวทิ้งลูกทิ้งสามีไปอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นฉันฉันคงทำไม่ลงแต่ผู้หญิงคนนี้ทำได้ลงคอนั่นก็แสดงว่าเธอไม่ได้รักฉันไม่ได้รักพ่อมากพอนั่นเองแล้วทำไมฉันจะต้องให้อภัยในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ แล้วตอนนี้จะกลับมาตามหาฉันทำไมมันก็สายเกินไปฉันไม่ต้องการแม่อีกแล้วไม่ต้องการมานานมากแล้ว"แต่คุณรู้มั้ยพอเวลาผ่านไปพอฉันมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการมีเงินมีบ้านมีรถแต่ฉันกลับไม่เคยมีความสุขเลยฉันคิดถึงพวกเขาคิดถึงลูกคิดถึงสามีแต่ก็ตามหาพวกเขาไม่เจอ ฉันจ้างนักสืบสืบหาพวกเขาอยู่นานหลา
เจ้าสมุทร...หลังจากที่ผมด่าไปเบาๆจนยัยนักศึกษาฝึกงานคนนั้นหน้าเหลือสองนิ้วผมก็เดินเข้ามาในห้องเห็นเด็กๆกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรไม่รู้อยู่บนโต๊ะทำงาน พอเดินไปดูใกล้ๆผมลมแทบจับเพราะพวกแกเอาเอกสารสัญญาที่ผมจะใช้เซ็นต์ในวันนี้ไปวาดรูประบายสี"พ่อขาน้องวาดรูปสวยมั้ยค้า""พ่อขาน้องระบายสีสวยมั้ยค้า""พ่อขามีกระดาษอีกมั้ยค้าน้องอยากเอาวาดรูปอีกค่า""มีค่ะเดี๋ยวพ่อหาให้นะครับ" ผมทำได้แค่พูดเสียงเบาพร้อมกับยิ้มสดใสให้ลูกเพราะไม่รู้จะดุพวกแกยังไงคือตั้งแต่พวกแกเกิดมาผมไม่เคยดุไม่เคยว่าอะไรลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว จากนั้นผมก็โทรให้พี่เจษหาสมุดวาดรูปมาให้เด็กๆวาดรูประบายสีและให้ทำเอกสารชุดใหม่มาให้ด้วยเพราะตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วคุณธัญญ่าเจ้าของที่ดินน่าจะกำลังเดินทางมาถึงก๊อก ก๊อก ก๊อก"ขออนุญาตครับบอส นี่ครับขอบที่บอสสั่ง อ่อคุณธัญญ่าเดินทางมาถึงแล้วครับผมให้นั่งรออยู่ที่ห้องรับรองแขก" พี่เจษเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารชุดใหม่กับสมุดวาดรูปหลายสิบเล่มและบอกว่าเจ้าของที่ดินเดินทางมาถึงแล้ว"พี่เจษไปบอกให้เค้าเข้ามาคุยที่ห้องทำงานผมได้เลย ผมไม่อยากทิ้งเด็กๆเอาไว้ในห้องตามลำพัง" ไม่ใช่อะไรหรอกครับถ้าผมไ
เวลาต่อมา......."บอสครับได้เวลาเข้าประชุมแล้วครับ" พี่เจษที่ตอนนี้มาทำหน้าที่เลขาส่วนตัวของผมได้เข้ามาเรียกที่ห้องเพราะคงจะได้เวลาประชุมแล้ว คือผมจะเรียกประชุมเดือนละครั้งเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในองค์กรเพราะเราทำงานด้านบริการซึ่งตอนนี้ผมมีโรงแรมในเครือรวมแล้วก็หลายแห่งซึ่งผู้จัดการของแต่ละแห่งก็จะต้องเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง"อีกสิบนาทีเดี๋ยวตามไป""ครับ อ่อบ่ายนี้คุณธัญญ่าเจ้าของที่ดินที่เชียงรายที่บอสต้องการซื้อเพื่อทำรีสอร์ตเธอจะเข้ามาคุยรายละเอียดกับบอสนะครับ" ผมเกือบลืมไปเลยว่าวันนี้เจ้าของที่ที่ผมต้องการจะซื้อเธอจะมาคุยและตกลงรายละเอียดกับผมทั้งที่จริงแล้วเรื่องนี้ผมมอบหมายให้พี่เจษจัดการแทนไปแล้วเพราะผมไม่ว่างที่จะไปคุยกับเจ้าของที่ที่เชียงรายด้วยตัวเองเนื่องจากว่าวันหยุดผมจะให้เวลากับครอบครัวผมจะไม่คุยเรื่องงานเลยแต่เธออยากจะมาคุยกับผมโดยตรงซึ่งผมก็ตอบตกลงให้เข้ามาคุยวันนี้ ที่ผมต้องการที่ดินตรงนั้นเพราะว่าทำเลมันดีและเหมาะมากๆที่จะทำรีสอร์ตทำเป็นวิลล่าส่วนตัวและที่สำคัญมันก็อยู่ใกล้บ้านของตากับยายซึ่งอากาศที่นั่นเย็นสบายตลอดทั้งปีล้อมรอบด้วยธรรมชาติขุนเขาแม