อาหลินบุตรสาวเจ้าเมืองเมืองเมื่อถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว นางจึงคิดจะหนี แต่เสิ่นเหวยอันกลับใช้แส้ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเขาตวัดไปรัดรอบลำตัวของอาหลินเอาไว้ แรงของเขาไม่เบาเลย ทำให้อาหลินถูกดึงจนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุด
ด้านเซวียนซานหลางนั้นก็ประคองมู่หลานเฟินที่ตอนนี้อ่อนแรงเอาไว้ ริมฝีปากของนางมีโลหิตสีดำไหลออกมาไม่หยุด
"มู่หลานเฟินเจ้าห้ามหลับนะ นี่คือคำสั่ง หากเจ้ากล้าหลับข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!"
มู่หลานเฟินในตอนนี้แม้แต่แรงเถียงเขายังแทบไม่มี พิษนี้หนักหนาจริงๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้นางพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายจนไม่เหลือแล้วตอนนี้จึงรู้สึกทนไม่ไหว
"ซื่อจื่อ ข้าเจ็บ..."
ก่อนหน้านี้แม้นางจะระวังตัวมากเพียงใดแต่ก็ยังมีช่องโหว่ อาหลินสาดผงยาพิษใส่ใบหน้าของนางอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันตั้งตัว
"ซื่อจื่อ ในห้องยังมีฝุ่นผงของยาพิษอยู่ ท่านกับพี่เสิ่นรีบออกไปก่อน เร็ว!"
"จะตายแล้วยังมาห่วงพวกข้า มู่หลานเฟิน เจ้าจำเอาไว้ ข้าไม่ให้เจ้าตาย ข้ายังไม่ได้สะสางหนี้แค้นกับเจ้า มู่หลานเฟิน มู่หลานเฟิน!"
มู่หลานเฟินหมดสติไปแล้ว เซวียนซานหลางหลางตื่นตระหนกไม่น้อย เขาพยายามตั้งสติก่อนจะหันไปเอ่ยกับเสิ่นเหวยอัน
"เจ้าจัดการนาง ข้าจะพามู่หลานเฟินไปหาหมอ อีกไม่นานซูอวี้เฉิงน่าจะใกล้เดินทางมาถึงแล้ว พวกเราจะได้สะสางเรื่องนี้ในคราเดียว"
"ได้เจ้ารีบพานางไปรักษา ทางนี้ข้าจะจัดการเอง"
เอ่ยจบเซวียนซานหลางก็อุ้มมู่หลานเฟินที่หมดสติวิ่งตรงไปที่โรงหมอทันที เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่เห็นสภาพของมู่หลานเฟินก็ตื่นตระหนก เพราะพวกเขาไม่ได้กินสิ่งใดไปต่างไม่ได้หมดสติเช่นชาวบ้านคนอื่น
"พี่ใหญ่ หรานหร่าน!"
"อย่าเพิ่งถาม รีบพานางไปโรงหมอ ชักช้าไม่ไม่ได้แล้ว"
เซวียนซานหลางอุ้มมู่หลานเฟินวิ่งไปโรงหมอ ระหว่างทางเขาลอบสังเกตสีหน้าของนางเป็นระยะ ยามนี้ใบหน้าสวยหวานเริ่มซีดเผือดลงไปทุกขณะ
โรงหมอแต่ละแห่งล้วนปิดหมด ท่านหมอที่มาร่วมงานล้วนกินดื่มไปไม่น้อยจึงหมดสติลง เซวียนซานหลางเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาทุกขณะ
แต่เหมือนสวรรค์จะยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เมื่อมีท่านหมอผู้หนึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากไปรักษาคนต่างหมู่บ้าน จึงไม่ได้มาร่วมงานแต่งและกินดื่มจนหมดสติ เซวียนซานหลางรีบบอกให้ท่านหมอช่วยคน ท่านหมอเองก็ไม่รอช้ารีบลงมือรักษามู่หลานเฟินทันที
โชคดีที่ท่านหมอมาทันเวลาในที่สุดมู่หลานเฟินก็ปลอดภัย แต่เพราะนางบาดเจ็บภายในไม่น้อย จำต้องพักรักษาตัวที่โรงหมอให้สุขภาพดีขึ้นเสียก่อน
เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนเซวียนซานหลางก็เอาแต่จ้องมองมู่หลานเฟินที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาครุ่นคิด
ก่อนออกมาจากบ้าน นางบอกให้เขาและเสิ่นเหวยอันระวังตัวเพราะอาจยังมีฝุ่นละอองของพิษหลงเหลืออยู่ เขาจึงกินยาถอนพิษที่ท่านหมอมอบให้เช่นเดียวกัน และยังให้อาต่งนำไปมอบให้เสิ่นเหวยอันด้วยเช่นเดียวกัน
ท่าทีทีเป็นห่วงเป็นใยอย่างจริงใจของนางนั้นมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอย่างแปลกประหลาด
มู่หลานเฟิน ยิ่งนานวัน ข้ายิ่งรู้สึกว่าข้าคาดเดาความนึกคิดของเจ้าไม่ออกเลยจริงๆ
เช้าวันต่อมาเรื่องที่อาหลินคือฆาตรกรก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองถงหวาง เหล่าชาวบ้านต่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่าอาหลินบุตรสาวท่านเจ้าเมืองที่มีนิสัยอ่อนโยนและเอาใจใส่ชาวบ้านจะเป็นฆาตรกรที่สังหารบุตรสาวของพวกเขา จากที่เคยเอ็นดูรักใคร่กลับกลายเป็นความเกลียดชังถึงขั้นด่าทอสาปแช่งอย่างยากจะให้อภัย
ท่านเจ้าเมืองถงหวางเมื่อทราบเรื่องก็รีบมาหาบุตรสาวของตนที่ศาลาว่าการเมืองถงหวาง เพื่อเจรจาของตัวคนกับไปไต่สวนด้วยตนเอง
เสิ่นเหวยอันนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน พลางปรายตามองเจ้าเมืองถงหวางด้วยแววตาที่เย็นชา
ตอนนี้จับตัวคนทำความผิดได้แล้ว แน่นอนว่าเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดสถานะของตนเองอีกต่อไป แม้จะยังไม่ได้บอกอันใดกับเจ้าเมืองถงหวางมากนัก แต่มีหรือที่เจ้าเมืองถงหวางจะมองไม่ออกว่าชายหนุ่มที่นั่งมองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชาตอนนี้มีอำนาจในมือมากเพียงใดแววตานี้สามารถกดดันคนให้ตายได้อย่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
"ท่านเข้าเมือง บุตรสาวของท่านทนการทรมาณของข้าไม่ไหว จึงยอมรับสารภาพเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หวังว่าท่านจะเห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่หญิงสาวที่ตายไปอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ข้าลงโทษบุตรสาวของท่านอย่างไม่คัดค้าน อย่าได้ขวางงานข้า"
เจ้าเมืองถงหวางหันไปมองอาหลินบุตรสาวของตนที่ตอนนี้นั่งหัวเราะราวกับคนบ้าก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก นางถูกทรมาณจนขนาดสติรู้แจ้งไปเสียแล้ว เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก ชายหลางคนกำมือแน่น ก่อนจะเอ่ย
"อาหลินเป็นบุตรสาวของข้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าย่อมต้องจัดการด้วยตนเอง ท่านเป็นเพียงขุนนางที่ได้รับมอบหมายให้มาจับคนร้าย เป็นเพียงขุนนางที่ผ่านทางมา ซ้ำตอนเข้าเมืองถงหวางก็ยังไม่เข้ามารายงานต่อข้าผู้เป็นเจ้าเมือง กลับลอบกระทำการตามใจชอบกันเอง เรื่องนี้ช่างทำการอุกอาจเกินไป"
เสิ่นเหวยอันเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ดูท่าเจ้าเมืองถงหวางผู้นี้คงจะตามใจบุตรสาวจนเคยตัว เห็นผิดเป็นชอบกลับดำเป็นขาวได้อย่างไม่น่าให้อภัย
"เจ้าเมืองถงหวาง ท่านคิดจะขัดขวางการทำงานของข้าหรือ ข้าไม่ใช่ขุนนางผู้ผ่านทางมาเพียงเท่านั้น แต่ข้าคือหัวหน้าศาลต้าหลี่ มีสิทธิ์ตัดสินโทษของบุตรสาวเจ้าโดยชอบธรรม"
เจ้าเมืองถงหวางกำมือแน่น ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว
"ข้าต้องการตัวคนกลับไป!"
"วันนี้จะไม่มีใครพาตัวนักโทษกลับไปได้ทั้งนั้น!"
อยู่ๆก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเย็นชาและทรงอำนาจเป็นอย่างมาก เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูการตัดสินคดีต่างหันไปมอง ก่อนจะต้องตกใจไม่น้อย
ตอนนี้เซวียนซานหลางไม่ได้แต่งกายเหมือนชาวบ้านทั่วไปอีกแล้ว เขาสวมชุดสีดำ ลวดลายการปักละเอียดประณีต ยามที่เขาย่างกายผ่านฝูงชนเข้ามา ช่างดูสูงส่งสง่างามน่าเกรงขามหาใดเปรียบ เจ้าเมืองถงหวางถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ ส่วนอาหลินที่เห็นเซวียนซานหลางเดินเข้ามาก็ตกตะลึงไม่น้อย
เดิมทีนางไม่อยากจะสารภาพความผิดแต่เพราะทนการทรมานไม่ไหวจึงยอมรับความจริงและแสร้งทำเป็นคนบ้า
ไม่คิดเลยว่าอาซานจะเป็นขุนนางหนุ่มที่รูปงามมากถึงขนาดนี้ น่าเสียดายนักที่แผนการของนางล้มเหลว
หรือว่าที่ผ่านมาเป็นแผนการของเขาที่คิดจะจับคนคนร้ายอย่างนางอยู่ก่อนแล้ว
อาหลินส่งเสียงออกมาเหมือนคนบ้า เซวียนซานหลางปรายตามองนางอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเจ้าเมืองถงหวาง
"บุตรสาวของท่านทำความผิด เข่นฆ่าคนบริสุทธ์เพียงเพราะความแค้นส่วนตน ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ต้องตัดสินประหารชีวิตเท่านั้น"
“เจ้าเป็นใครกัน จึงกล้ามาตัดสินประหารชีวิตคนตามใจชอบ!”
“ข้าน่ะหรือ ข้าคือเซวียนซื่อจื่อ บุตรชายคนโตของจวนชินอ๋อง และยังเป็นหลานชายของฝ่าบาท รู้เช่นนี้แล้ว เจ้าคงไม่ต้องถามอีกหนกระมังว่าข้าเป็นใคร เหตุใดจึงสั่งประหารบุตรสาวของเจ้าได้”
เจ้าเมืองถงหวางเมื่อได้ยินก็หน้าซีดเผือดลนลาน เซวียนซานหลางคร้านจะสนใจเขา ชายหนุ่มเดินไปหาเสิ่นเหวยอันที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธาน เสิ่นเหวยอันไม่ได้ลุกขึ้นแต่อย่างใด เซวียนซานหลางก็คร้านจะทะเลาะกับเสิ่นเหวยอันเพียงเพราะที่นั่งตำแหน่งเดียว จึงไม่ได้ต่อว่าอันใด
เสิ่นเหวยอันได้ส่งคนมาแจ้งเขาก่อนหน้านี้แล้ว ถึงสาเหตุที่อาหลินลงมือ
เมื่อสองปีก่อนนางรักใคร่ชอบพออยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง แต่แล้วเขากลับหักหลังนาง แท้จริงเขามีภรรยาแล้ว อาหลินหลงรักคนผิดจนขาดสติ นางลงมือลวงภรรยาของชายคนนั้นมาฆ่าทิ้ง นางลงมืออย่างอำมหิต ด้วยการควักดวงตา ถอดเล็บ และรัดคอ ก่อนจะส่งคนไปฆ่าบุรุษผู้นั้นด้วยอีกคน
เดิมทีเมื่อได้สะสางความแค้นแล้วเรื่องราวก็ควรจบลงเพียงเท่านี้ แต่ดูเหมือนจิตใจของอาหลินจะบิดเบี้ยวไปเสียแล้ว นางหลงใหลการฆ่า เห็นสตรีคนใดแต่งงานมีความสุขไม่ได้ เพราะนางคิดว่าในเมื่อตนเองไม่มีความสุข แล้วเหตุใดสตรีน่าโง่เหล่านั้นจะต้องมีความสุขมาก นางเกลียดชุดแต่งงาน และเกลียดคนที่ได้สวมใส่มันด้วย! นางจึงวางแผนให้คนไปจับตัวหญิงสาวเพื่อนั้นมาสังหารทิ้งเสียด้วยวิธีการเดียวกับที่ฆ่าภรรยาของอดีตคนรัก
ก่อนตายหญิงสาวเหล่านั้นได้รับความทุกข์ทรมานมาก อาหลินเล่าว่านางลงมือสังหารอย่างไรโดยไม่รู้สึกผิด นางใช้ผงสลายลมปราณและเส้นเอ้นกับสตรีเหล่านั้นซึ่งก็คือยาพิษตัวเดียวที่ใช้กับมู่หลานเฟิน เมื่อคนถูกพาตัวมาแล้วนางก็จัดการถอดเล็บ ควักดวงตาหญิงสาวทั้งเป็น มองดูพวกนางทรมานท่ี่ขยับตัวไม่ได้ หนีไม่ได้ กรีดร้องไม่ได้ นางรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก จากนั้นค่อยจัดการแขวนคอพวกนางเสีย
และเสียงที่มู่หลานเฟินได้ยินก็คือเสียงของอาหลินเอง ทุกคืนนางจะร้องเพลงเสียงโหยหวนชวนหัวลุกเพื่อระบายความเหงา
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดชาวบ้านจึงหลับสนิทคล้ายถูกวางยานั้นนางกลับปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว
สตรีจิตใจอำมหิตเช่นนี้มีเพียงต้องตกตายไปสถานเดียวเท่านั้นจึงจะสาสมกับสิ่งที่นางทำลงไป
ต่อให้โกรธแค้นความรักมากเพียงใดก็ไม่มีสิทธิ์หมายมาดทำลายชีวิตของผู้อื่น
เรื่องนี้ค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมายสำหรับเซวียนซานหลางอยู่บ้าง สตรีนางนี้เก็บงำมือที่เปื้อนเลือดของตนเองเอาไว้ได้อย่างมิดชิด เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นนาง
อีกทั้งนางยังมีบิดาคอยให้ท้าย
อยู่ๆเซวียนซานหลางก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
หรือว่าการที่อาหลินลงมือได้อย่างราบรื่นเช่นนี้เป็นเพราะบิดาของนางคอยถือหางให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง?
เขาปรายตามองพิจารณาเจ้าเมืิองถงหวางแต่กลับไม่พบพิรุธอันใด เห็นเพียงบิดาผู้หนึ่งที่ต้องการปกป้องบุตรสาว แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ก็ย่อมเป็นธรรมชอบของคนเป็นพ่อ ไม่ว่าลูกจะทำความผิดมากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วย่อมคนเป็นพ่อก็ออกมาต้องกางปีกปกป้องอย่างไม่มีข้อแม้
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวคงจะไม่เป็นไปตามที่ตนคิด เจ้าเมืองถงหวางจึงคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
อาหลินเป็นบุตราสาวเพียงคนเดียวของเขา แน่นอนว่าย่อมไม่อาจนิ่งดูดายทนมองนางตายได้ เขาถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับเซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอัน
"เช่นนั้นข้าอยากขอเวลาพวกท่านสักสองวัน อาหลินเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้า แต่ไหนแต่ไรมานางถูกทะนุถนอมราวกับไข่มุกในฝ่ามือ นางผิดข้ายอมรับ แต่คนเป็นบิดาจะทนมองบุตรสาวตนเองตกตายไปต่อหน้าต่อตาได้หรือ ข้าอยากจะขอให้พวกท่านเลื่อนเวลาตัดสินลงโทษไปอีกสักสองวัน เพื่อให้ข้าได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับบุตรสาวได้หรือไม่"
เสิ่นเหวยอันเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองหน้าเซวียนซานหลาง เซวียนซานหลางพยักหน้าเป็นเชิงตกลง เจ้าเมืองถงหลางเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เซวียนซานหลางลอบส่งสายตาให้อาต่งองค์รักษ์ของตนไปจับตาดูคนของจวนเจ้าเมืองเอาไว้และกลับมารายงานเขา อาต่งเองก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดี
ทันทีที่กลับมาถึงจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองถงหวางก็หันไปสั่งการกับคนของตนทันที
"จัดการไปเป็นการเสี่ยงเกินไปหรือไม่ขอรับท่านเจ้าเมือง"
องค์รักษ์ข้างกายเอ่ยปรามอย่างไม่เห็นด้วย แต่เจ้าเมืองถงหวางตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ชีวิตของอาหลินขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาแล้ว อย่างไรเขาต้องช่วยนางอย่างสุดความสามารถ
เมื่อเห็นว่าไม่อาจคัดค้านเจ้านายได้ องค์รักษ์ข้างกายจำต้องยอมทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ
เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน
วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง
เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ
เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที
ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ