Chapter 1
‘พระเอกมาไวไปหรือเปล่า?’
.
.
‘ยินดีต้อนรับสู่โลกเสมือนจริงอินฟินี่ ระบบที่จะทำให้คุณสามารถท่องไปในโลกแห่งจินตนาการด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสรรค์สร้างโลกจากความคิดของคุณออกมาได้อย่างไร้ที่ติ’
“พร้อมไหมคะคุณหลัน”
“พร้อมค่ะ”
หลันผิงลั่ว หญิงสาววัย 22 ปีตอบผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ภายในแคปซูลแก้ว เธอเป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจเข้าร่วมทดลองระบบโลกเสมือนจริงอินฟินี่ เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ที่เบื่อหน่ายโลกใบนี้ได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงแทน
เธอไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเพราะเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่จำความได้ ซ้ำโชคชะตาดันอาภัพสุดขีดเพราะเป็นโรคหัวใจจะตายตอนไหนก็ยังไม่รู้ รู้แค่ว่าคงอยู่ได้ไม่นาน อาการก็หนักขึ้นทุกวัน เลยตัดสินใจเข้าโครงการนี้เพื่อหวังจะไปใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงดีกว่าอย่างน้อยก็ทำให้เธอมีความสุขในระยะเวลาหนึ่งก่อนจะต้องตายในโลกจริง
“ทำจิตใจให้ผ่อนคลายค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัว” เสียงจากจอมอนิเตอร์ที่ติดบนฝาแคปซูลแก้วกล่าวขึ้นอีกครั้งหลันผิงลั่วก็พยักหน้ารับ
'สวัสดีค่ะ ดิฉันอีฟระบบปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วยของคุณ หลังจากนี้คุณจะได้ยินแค่เสียงของฉันเท่านั้น’
เสียงใสหวานของระบบปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วยดังขึ้น เป็นเสียงที่ต่างไปจากคนแรกที่พูดก่อนหน้านี้แบบรู้เลยว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์
‘คุณหลันกรุณาหลับตา’
หลันผิงลั่วได้ฟังก็ทำตามทุกอย่างยอมหลับตาลงแล้วพยายามทำจิตใจให้ผ่อนคลายที่สุด จมูกเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่างคล้ายยาลอยอบอวลแต่พยายามจะลืมตามองก็ลืมไม่ไหวอยู่ดี ๆ ตามันก็หนักอึ้งขึ้นมา สติเริ่มพร่ามัวความคิดที่ยุ่งเหยิงเริ่มว่างเปล่าขาวโพลนก่อนที่ความมืดจะเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็วจากฤทธิ์ของยานอนหลับและกล่อมประสาท
‘นับถอยหลังเข้าสู่ระบบโลกเสมือนจริงอินฟินี่’
‘จีนยุคโบราณ เทพเซียน วรยุทธ์’
‘เริ่มนับถอยหลังใน
5
4
3
2
1
‘เชื่อมต่อสำเร็จ'
..........
.
“โอ๊ย!”
เสียงใสหวานร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นแปล๊บไปทั่วนิ้วเท้าที่เตะเข้ากับขอบประตูเต็มแรงจนล้มหน้าทิ่มพื้นอีกรอบหนึ่ง แต่พอจะพยายามลุกขึ้นนั่งกลับรู้สึกมึนหัวเหมือนโลกกำลังหมุนได้ไม่มีผิด
หลันผิงลั่วที่เข้าสู่ระบบโลกเสมือนจริงอินฟินี่เต็มตัวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความมึนงง มือข้างหนึ่งจับหัวส่วนอีกข้างก็พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น ทำไมรู้สึกว่าสิ่งของรอบตัวมันหมุนได้ สรุปว่าเธอเข้ามาในโลกจีนโบราณจริง ๆ หรือเปล่าความรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในเครื่องเล่นอะไรสักอย่างที่มันหมุนไปหมุนมาจนจะอาเจียนอยู่แล้ว พะอืดพะอมจนลมตีขึ้นหน้ามือพยายามควานหาขาเก้าอี้แล้วพยุงตัวเองขึ้นมานั่งจนได้แม้นจะยากลำบากถึงขั้นสุดก็ตามเพราะแขนขามันแทบไม่มีเรี่ยวแรง
ดวงตาคู่สวยก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าอยู่ในชุดฮั่นฝูเหมือนซีรี่ส์จีนพีเรียดที่เคยดู แต่คุณภาพของชุดดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย มันควรจะเป็นผ้าไหมชั้นดีประดับประดาด้วยไข่มุกและดิ้นทองคำไม่ใช่หรือไง นี่เป็นผ้าโปร่งโล่งสีขาวสะอาด เรียกว่าขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยดีกว่ามีส่วนที่ไม่ขาวก็คงจะเป็นผมสีดำขลับอย่างกับเอาถ่านมาย้อมเนี่ยแหละ ลายปักบนเสื้อผ้าก็ไม่มีสักลาย อะไรมันจะโล่งและเชยขนาดนี้ ไม่แฟชั่นเอาซะเลย
“เข้ามาในโลกเสมือนจริงแล้วสินะ”
“ปวดหัวชะมัดเลย” เธอบ่นโอดครวญออกมาเพราะตอนนี้เหมือนหัวมันกำลังจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
“ระบบ”
“อีฟ”
เสียงหวานร้องเรียกหาระบบที่ควรจะมีตั้งแต่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกนี้ แต่ทำไมมันกลับเงียบเชียบขนาดนี้ เรียกเท่าไหร่ระบบปัญญาประดิษฐ์สุดแสนไฮเทคก็ไม่โผล่หัวออกมาสักที หลันผิงลั่วพยายามตั้งสติของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนหวังจะเดินไปที่ประตูเพื่อออกไปสำรวจด้านนอกเหมือนเวลาเราเล่นเกม ตื่นมาในห้องห้องหนึ่งก็ต้องออกไปข้างนอกพูดคุยกับ NPC เพื่อรับเควสต์และทำให้สำเร็จ
แต่ก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวร่างเล็กก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบภายในร่างกาย รู้สึกมวนท้องน้อยจนเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดออกมาจากใบหน้าหวานริมฝีปากแห้งผากจนต้องแลบลิ้นเลียบ่อยครั้ง ความรู้สึกนี้มันเหมือนตอนเวลาดูหนังโป๊แล้วมีอารมณ์เลยร่างกายมันกำลังพลุ่งพล่านอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่ทำไมถึงมามีอารมณ์ตอนนี้ล่ะ!
อยู่ดี ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมใครคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาด้านใน หลันผิงลั่วช้อนสายตามองจากพื้นขึ้นไปจนถึงใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ชี้ชัดว่าเป็นบุรุษถึงจะผมยาวสลวยสวยเก๋เหมือนนายแบบโฆษณายาสระผมก็เถอะ ให้ตายสิหล่อเกินไปแล้ว! หน้าหวานผุดผ่องอย่างกับมีใครเอาน้ำผึ้งทั้งโลกมาทาลงบนหน้าของเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องความหล่อไหมล่ะหลันผิงลั่ว ตอนนี้กำลังมีผู้ชายแปลกหน้าอยู่ในห้องกับตัวเองสองต่อสองในสถานการณ์แบบนี้มันไม่ปลอดภัยแน่
“นะ...นาย อื้อ!” ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อะไรบุรุษผู้นั้นก็พุ่งตัวเข้ามาหาเธอด้วยความรวดเร็วจนแทบมองไม่ทันแล้วใช้ฝ่ามือหนาปิดปากเอาไว้จนเสียงกลืนหายกลับลงไปในลำคอเหลือเพียงเสียงอื้ออึงเท่านั้น
“เงียบ!” เสียงเข้มกล่าวคล้ายจะข่มกัน
ไอ้บ้าเอ๊ย! มาปิดปากคนอื่นแบบนี้ยังจะมีหน้ามาสั่งอีก เผด็จการเกินไปแล้ว!
“อือ!” เธอร้องประท้วงออกไปพร้อมทั้งพยายามใช้เล็บจิกข่วนลงบนฝ่ามือใหญ่
ผู้ชายอะไรเนี่ยไว้เล็บยาวแหลมเชียว
“บอกให้เงียบ!” เสียงเข้มกล่าวขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับล็อกคอของเธอเอาไว้ด้วยจนแทบจะหายใจไม่ออก
เป็นพวกซาดิสม์สินะ
“หาให้ทั่วอย่าให้มันหนีรอดไปได้!”
“ค้นให้ทั่วทุกห้อง!”
เสียงตะโกนดังขึ้นด้านนอกมันทำให้บุรุษหนุ่มตกใจรีบกระชากตัวของหลันผิงลั่วไปยังเตียงนอนแล้วผลักเธอจนล้มลงไปนอนอยู่ใต้ร่างของเขาที่คร่อมทับเธอเอาไว้ ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมโปงปกปิดพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ภายใน บดเบียดกันอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ
“ใครอยู่ด้านใน เปิดประตู!” เสียงทุบประตูดังขึ้นท่าทางคนข้างนอกจะดูหงุดหงิดมากทีเดียว
หลันผิงลั่วมองประตูที่กำลังสั่นไหวจากแรงเคาะก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของบุรุษซาดิสม์ก็เห็นว่าเขาดูตื่นตระหนก แม้นจะไม่แสดงออกทางสีหน้ามากแต่แววตามันก็โกหกยากจึงปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าเขาคงหนีพวกคนด้านนอกอยู่ถึงพยายามแอบซ่อน แต่แอบแบบนี้มันจะต่างอะไรกับการไม่แอบเพราะถ้าพวกคนข้างนอกเข้ามาก็ต้องเจอเขาอยู่ดี หน้าต่างก็มีทำไมไม่กระโดดออกไปแบบซีรี่ส์จีนเวลาที่หนีผู้ร้ายตัวเอกก็มักจะกระโดดออกทางหน้าต่างแล้วตีลังกาแลนดิ้งลงพื้นด้วยท่าสุดเท่ไม่ใช่หรือไง
หนีขึ้นเตียงแบบนี้กะจะซ้อมนอนในโลงก่อนตายหรือ!
ตอนนี้ระบบเฮงซวยก็ยังไม่โผล่ออกมาก็คงต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าเองก่อน ถ้าใช้สมองอันชาญฉลาดของเธอประมวลผลดูแล้วคนตรงหน้าต้องเป็นพระเอกแน่นอน เพราะตามที่เคยอ่านนิยายหรือดูซีรี่ส์จีนพีเรียดมาเยอะมาก พระเอกมักจะต้องหลบหนีจากพวกตัวร้ายจนมาเจอนางเอกทุกที แล้วตอนนี้เธอก็เป็นนางเอกในโลกใบนี้ไง เพราะฉะนั้นการที่เจอคนคนนี้มันก็หมายความได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นพระเอกแน่นอน
และเธอก็มีหน้าที่ต้องช่วยเขาเพื่อสร้างความประทับใจแรกและกลายเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องตามชดใช้กันไปตลอดชีวิตด้วยแรงกายอันล่ำบึกกล้ามแน่น ๆ ของเขา ขนาดใส่เสื้ออยู่ยังรู้เลยว่าใต้เสื้อมันต้องซ่อนของดีอลังการไว้แน่นอน ไม่คิดเลยว่าจะเจอพระเอกเร็วขนาดนี้แต่ก็ดีแล้วจะได้มีอะไรสนุก ๆ ทำ ระหว่างรอระบบ AI เฮงซวยที่ไม่โผล่มาอธิบายสักที
“ฉันจะช่วยนายเอง”
คำพูดของหญิงสาวทำให้เขามองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ หลันผิงลั่วจึงยกมือขึ้นตีปากตัวเองเบา ๆ เพราะตอนนี้อยู่ในยุคจีนโบราณสรรพนามที่ใช้เรียกแบบปัจจุบันคงทำให้สมองของพ่อพระเอกไม่ประมวลผล
“ข้า ตัวข้า” นางชี้นิ้วเข้าหาตนเองด้วยสีหน้าจริงจัง “ตัวข้าจะช่วยเจ้าเอง เจ้าอยู่เฉย ๆ แล้วไว้ใจข้า”
ฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย หน้าดูซื่อบื้อเหมือนหมาเมาผงซักฟอก
“พังเข้าไปเลย!” เสียงตะโกนด้านนอกดังขึ้น
“ไม่ทันการแล้ว อยู่นิ่ง ๆ นะ”
หลันผิงลั่วคว้าหมับเข้าที่ตัวของเขาก่อนจะจับอีกฝ่ายพลิกลงไปนอนแทนส่วนตัวเธอหมุนตัวลุกขึ้นนั่งห้อยขาที่ข้างเตียงด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เสื้อตัวนอกถูกถอดออกแล้วโยนไปด้านในเตียงอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงเสื้อตัวในที่มันบางเฉียบจนเห็นถึงซับในที่เป็นปราการด่านสุดท้ายปกป้องทรวดทรงอรชรของเธอเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องถูกพังพอดิบพอดี
“กรี๊ดดดดด!”
เสียงกรี๊ดของสตรีดังสนั่นโรงเตี๊ยมจนชั้นล่างยังได้ยินชัดเจน ส่วนในห้องไม่ต้องพูดถึงพวกตัวร้ายถึงกลับต้องยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ หลันผิงลั่วแสร้งตกใจสุดขีดก่อนจะร้องโวยวายออกมาเพื่อกลบเกลื่อน
“ไอ้พวกลามก!”
“พวกเจ้าล่วงเกินข้าเกินไปแล้ว ข้าจะไปฟ้องศาล ข้าจะฟ้อง จะฟ้องพวกเจ้าให้หมด!”
“ช่วยด้วยคนพวกนี้จะล่วงเกินข้า!”
“แม่นางสงบใจลงก่อน พวกข้าไม่ใช่คนเลวร้ายเพียงแค่มาตามหาคนเท่านั้น” หนึ่งในคนพวกนั้นกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ
“ข้าไม่สน ที่นี่ไม่มีใครทั้งนั้นนอกจากข้าที่กำลังแก้ผ้าแล้วพวกเจ้าก็เข้ามา พวกเจ้ามันคิดไม่ซื่อต่อข้า พวกเจ้ามันคิดจะฉวยโอกาสรังแกข้า!”
“แม่นางสงบใจลงก่อน พะ... พวกข้า”
“ออกไป ถ้าพวกเจ้าไม่ออกข้าจะถือว่าพวกเจ้าคิดไม่ซื่อกับข้า!”
เธอชี้หน้าโวยวายใส่คนพวกนั้นด้วยท่าทางเอาเรื่องและไม่ยอมโดยง่าย จนสุดท้ายพวกคนร้ายก็ต้องยอมล่าถอยออกไปชนิดที่ว่าวงแตกกระเจิง อันว่ารบกับบุรุษนับร้อยนับพันยังไม่เท่ารบกับอารมณ์สตรีเพียงหนึ่งเดียว เพราะเวลาผู้หญิงโมโหโวยวายไม่มีผู้ชายคนไหนจะทนฟังไหวหรอก เลยเอาข้อนี้มาใช้ประโยชน์ไหน ๆ ก็เป็นคนมีเสียงที่ดีเยี่ยมอยู่แล้วก็แหกปากโวยวายให้ดังลั่นไปเลย จะบุรุษร้อยคนพันคนก็ไม่มีใครสู้หรอกเจอเสียงสามล้านเดซิเบลกระแทกหูไปขนาดนี้
“เจ้าปลอด อ๊ะ!”
หลันผิงลั่วหันไปพูดกับพระเอกของเรื่องแต่เขากลับกระชากแขนเธอเข้าไปหาจนร่างอรชรล้มทิ่มลงไปบนเตียงยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อะไรก็ถูกจับพลิกจนกลับลงมานอนข้างล่างเหมือนเดิมกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกฝ่ามือใหญ่กดแขนทั้งสองข้างเอาไว้ข้างหัวจนหัวใจเต้นแรงแทบจับจังหวะไม่ถูกมันเหมือนจะทะลุออกมาจากอกให้ได้
“กะ... กลิ่น” เขากัดฟันพูดอย่างยากลำบาก
“กลิ่นอะไร กลิ่นกำยานหรือ?” นางมองไปทางกำยานที่ถูกจุดเอาไว้ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขาตาใส “ก็หอมดีนะ แต่ข้าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ กลิ่นไม้จันทน์เชยสะบัดเลย”
“ไม่ใช่”
“อ๊ะ!”
“จะทำอะไร!” ร่างเล็กดิ้นพล่านเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ดอมดมแถว ๆ ซอกคอของเธอ
“กลิ่นตัวเจ้า”
“ทำไม กลิ่นตัวข้ามันทำไม?”
“มันมีพิษ”
“ฮะ?” นางพยายามใช้จมูกดมกลิ่นฟุดฟิดแต่ก็ไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย
“กลิ่นของเจ้ามันปลุกเร้าข้า”
ปลุกเร้า?
ดวงตาคู่สวยมองต่ำลงไปยังเป้าของเขาก็ไม่ได้อยากมองหรอกนะ แต่จิตใจตอนนี้มันต่ำทรามมากมองสูงไปกว่านี้ไม่ได้เลย ลมหายใจลึกถูกสูดเข้าจนสุดปอดแล้วพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ เพื่อพยายามตั้งสติของตนเอง ตอนนี้เข้าใจคำว่าปลุกเร้าชัดเจนแล้วมันนูนรั้งเนื้อผ้าขึ้นมาเสียขนาดนั้นมันคงอยากจะออกมารับลมข้างนอกเสียเต็มประดาแล้ว
เพิ่งมาถึงก็จะได้สามีเลยเรอะ!
ตอนพิเศษ‘ความหลังของหลี่ซ่งจวิน’..“เจ้าว่าผ้าผืนนี้ดีไหม?” หลี่ซ่งจวินยื่นผ้าไหมซูจิ่นให้หลันผิงลั่วดูนางมองผ้าไหมผืนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย ระดับมันสมองที่ไม่เข้าใจความหรูหราฟู่ฟ่าแบบนางจะไปมองออกอะไร มองไปมันก็เหมือนกันทุกผืนไม่เห็นจะมีอันไหนแตกต่างกันเลยมันก็แค่ผ้าไหมเท่านั้น“ความคิดเรื่องแฟชั่นของข้าติดลบ”“แฟชั่นคืออะไร?” หลี่ซ่งจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย“ก็แบบลวดลายอาภรณ์ การตัดเย็บชุดประมาณนั้น”“อ๋อ” เขาพยักหน้ารับก่อนจะยื่นผ้าไหมให้นางดูอีกครั้ง “เจ้าว่าผืนนี้งดงามหรือไม่?”แล้วทำไมมันวนกลับมาเรื่องนี้ได้เนี่ย!“อืม งาม” นางตอบแบบขอไปที“งั้นเอาผืนนี้ด้วย” เขายื่นมันให้เฒ่าแก่“นี่เจ้าก็ซื้อไปเยอะแล้วนะ เจ้าจะตัดสักกี่ชุด?”“ข้าชมชอบการตัดอาภรณ์งาม ๆ”“เจ้าสำอางกว่าที่ข้าคิดอีกนะ”“เมื่อก่อนข้ามาเลือกซื้อผ้าไหมกับเสี่ยวหลิวบ่อย ๆ” แต่พอพูดมาถึงตรงนี้เขาก็เงียบลงจนหลันผิงลั่วต้องเงยหน้ามองถึงได้เห็นแววตาเศร้าลงเล็กน้อยของเขา“เจ้ายังคิดถึงจางชิงหลิวอยู่สินะ”“ข้าอยู่กับนางมาเกือบร้อยปี ผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากมาย” เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างนางก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“เมื่อก
ตอนพิเศษ‘ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา’..ดินแดนทะเลทรายอาสัญ“พี่สามีข้ามาหาท่านแล้ว!” หลันผิงลั่วตะโกนจนเสียงดังลั่นหน้าเรือนนอนของเหอมู่เสียงพร้อมโชว์ตะกร้าใส่ขนมให้ “ข้าเอาขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวาสูตรใหม่มาฝากท่านด้วย!”แต่แทนที่พี่สามีจะออกมาต้อนรับกลับมีพลังพุ่งออกมาจากด้านในเรือนแทนจนหลันผิงลั่วต้องหมุนตัวหลบ ทุกอย่างคล่องแคล่วมากเพราะนางอัปสกิลการต่อสู้มาแล้วเรียบร้อย“ไม่ได้กินข้าหรอกพี่สามี”“ข้ารำคาญเจ้าเสียจริง” เหอมู่เสียงเดินออกมาจากเรือนด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกจ้องมองน้องสะใภ้ที่ยังยิ้มร่าหน้าบานเป็นกระด้ง“การแต่งงานกับน้องชายของข้าทำให้เจ้าเบื่อหน่ายจนต้องฆ่าตัวตายเลยหรือ?”“น้องชายของท่านเป็นบุรุษที่ดี ถ้าจะมีเรื่องเบื่อหน่ายก็คงจะมีเรื่องเดียวคือเขามักมากในกามไปหน่อย ข้าต้องปรนนิบัติเขาแทบทุกคืน เหนื่อยจะขาดใจแล้ว”เหอมู่เสียงที่ได้ยินก็กลอกตามองบนอย่างเหนื่อยใจก่อนทำท่าจะหันตัวเดินกลับเข้าไปในเรือน“เดี๋ยวสิพี่สามี!” หลันผิงลั่วรีบวิ่งกระโดดเหยียบราวระเบียงก่อนจะหมุนตัวมายืนตรงหน้าของเหอมู่เสียงแล้วยื่นตะกร้าให้เขา“พี่สามีข้าทำขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวามาฝากท่าน”“โ
ตอนพิเศษ‘ชุดนอนไม่ได้นอน'..ช่วงนี้หลันผิงลั่วเอาแต่เย็บปักชุดชุดหนึ่ง นางตั้งใจทำมันมากเสียจนไม่มีเวลาให้เหอมู่เซียงนักจนพ่อหมาป่าหนุ่มน้อยอกน้อยใจหนีออกมาเดินเล่นที่ตลาดตั้งแต่เช้า ยันตอนนี้จะค่ำแล้วนางก็ยังไม่ออกมาตามหาหรือออกมาง้อเขาเลยสุดท้ายก็กลายเป็นเหอมู่เซียงที่ต้องแบกหน้าหนา ๆ ของตนเองกลับบ้าน แต่ภายในบ้านกลับเงียบเชียบราวกับไร้คนอยู่จึงก้าวเท้าเดินเข้ามาในเรือนก็เห็นว่าภรรยาคนงามยังคงนั่งเย็บปักถักร้อยเหมือนเดิมดูจริงจังกับชุดนั้นมาก“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”“เจ้ามาพอดีเลย”หลันผิงลั่วสะบัดชุดให้เหอมู่เซียงได้ดู เขาเองก็ยิ่งแปลกใจกับสิ่งที่เห็นมันมีรูปทรงเป็นเสื้อผ้าแต่ว่ามันบางยิ่งกว่าเสื้อซับในเสียอีก ไม่เข้าใจว่าเราจะสามารถใส่ชุดนี้ออกไปเดินข้างนอกได้อย่างไรในเมื่อมันปิดอะไรไม่มิดเลย หรือว่ามันจะไม่ใช่ชุดที่สวมใส่ ผ้าบางเบาลายปักฉลุเช่นนี้คงมีไม่กี่อย่าง“เจ้ากำลังทำผ้าม่านหรือ?”“ฮะ?” หลันผิงลั่วหน้าเหลอหลาเขาเลยชี้นิ้วไปยังผ้าม่านบางตรงหน้าต่างที่มันเหมือนชุดในมือของนางเลย“มะ… ไม่ใช่สักหน่อย” นางหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่จะว่าไปมันก็เหมือนผ้าม่านจริง ๆ นะ ผ้าบางเบา
ตอนพิเศษ‘ทดสอบยาพิษ’..หลี่ซ่งจวินยกขวดยาในมือขึ้นมองด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาเก็บมันใส่ใต้เสื้อแล้วเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีออกมาจากเรือนเพื่อไปยังหอจินหนิงที่นัดกับเจ้าหมาป่าดำชั่วเอาไว้ที่หอจินหนิงเองก็มีเหอมู่เซียงมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาหยิบเอาขวดยาพิษออกมาจากสาบเสื้อแล้วเทใส่กาน้ำชาพร้อมทั้งคนให้เข้ากัน ยาพิษนี้ไม่มีสีไม่มีกลิ่นกินเข้าไปไม่รู้แน่ว่าโดนพิษไม่นานนักคนที่กำลังรอก็มาถึงหลี่ซ่งจวินเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเรียบหยิ่งยโสโอหังเหมือนเช่นเดิมจนเขาอยากจะลุกไปหักคอทิ้งให้มันจบ ๆ ไปแต่ต้องพยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะเห็นแก่หน้าของหลันผิงลั่วหรอกนะ“เจ้ามาไวเสียจนข้าละอายใจที่มาช้า” หลี่ซ่งจวินทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเหอมู่เซียง“ก็สมควรละอายใจ” เหอมู่เซียงกล่าวออกมาอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ใจสงบลงหน่อยเถิด หน้าบูดบึ้งทั้งวันจะทำให้แก่ไว”หลี่ซ่งจวินหันไปหาเสี่ยวเอ้อร์ก่อนจะยกมือเรียก“รับอะไรดีขอรับคุณชาย”“เจ้าอยากกินอะไร?”“กระต่าย” เหอมู่เซียงตอบเสียงเรียบ“กระต่ายย่างมีไหม?”“จริง ๆ ไม่มีแต่ถ้าคุณชายต้องการเราจะไปหามาให้ขอรับ”“งั้นหาให้ข้าที เดี๋ยวจ่ายเพิ่มให้ แล้ว
Chapter 33'จนผมหงอกขาว'..“ท่านพ่อ ท่านพ่อ” เสียงใสของเหอซ่างดังขึ้นพร้อมทั้งแรงเขย่าชายอาภรณ์จนเหอมู่เซียงต้องทิ้งตัวลงนั่งแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าอ่อนเยาว์ด้วยรอยยิ้ม“ว่ายังไง?”“ข้าอยากกินกระต่าย”เหอมู่เซียงที่ได้ฟังก็ยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวของบุตรชายที่ยามนี้อายุสามขวบปีแล้ว แต่กลับมีร่างกายสูงใหญ่ราวกับเด็กห้าขวบปีเพราะเป็นครึ่งปีศาจและยังเป็นปีศาจหมาป่าดำอีก วัยที่กำลังเรียนรู้และเล่นสนุกสนาน“ไว้พรุ่งนี้พ่อจะพาไปดีไหม?”เหอซ่างพยักหน้ารับทันทีก่อนจะหันไปปั้นหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าด้านบน “ท่านแม่บอกว่ามันคือสโนแมน”เด็กน้อยให้พ่อดูตุ๊กตาหิมะที่เอาก้อนกลม ๆ มาต่อกันแล้วใช้นิ้ววาดใบหน้า แต่เขาจำได้ว่ามันต้องมีจมูกยาว ๆ ด้วยเลยหันไปหยิบกิ่งไม้มาเสียบให้“เก่งมากลูกพ่อ”“ท่านพ่อ!” เสียงตะโกนดังมาจากในบ้านจนเหอมู่เซียงตกใจรีบเดินมาดูทันทีเพราะวันนี้เขาอยู่บ้านผู้เดียวรับหน้าที่ดูแลบุตรชายทั้งสองคนเพราะหลันผิงลั่วไปช่วยหลี่ซ่งจวินที่โรงหมอ“เกิดสิ่งใดขึ้นซีเอ๋อร์?”เมื่อเข้ามาภายในบ้านก็เห็นเจ้าแฝดคนโตกำลังขยับตัวออกจากเก้าอี้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตัวดันเข้าไปติดกับช่องต
Chapter 32‘เทศกาลหยวนเซียว’..“ทางซ้ายหน่อย”“ตรงนี้หรือ?”“ไม่ ๆ ขยับอีกนิด”เสียงหวานของหลันผิงลั่วดังขึ้นพร้อมนิ้วที่ชี้ไปบนชายคาประตูหน้าบ้านเพื่อบอกให้หลี่ซ่งจวินที่กำลังแขวนโคมขยับให้ตรงสวยงาม ในยามนี้บ้านเรือนทุกหลังล้วนตกแต่งไปด้วยโคมสีแดงเพราะเทศกาลหยวนเซียวเวียนมาถึงแล้วทุกที่เลยครึกครื้นเป็นพิเศษ แม้แต่ตัวนางเองก็ตื่นเต้นเพราะเคยแต่เที่ยวเทศกาลนี้ในโลกจริงข้างนอกไม่เคยเที่ยวในโลกโบราณมาก่อนเลยแต่มันก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากหรอกมั้ง“ได้หรือยัง?” หลี่ซ่งจวินหันมาส่งยิ้มให้สหายรู้ใจ“ได้แล้ว เยี่ยมมาก” นางยกนิ้วโป้งให้เขาด้วยรอยยิ้ม “งั้นเจ้าก็ลงมาได้แล้ว”แต่จังหวะที่หลี่ซ่งจวินกำลังจะลงจากบันไดลิงที่มันก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรมากนัก เหอซีกลับวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านจนทั้งสองคนตกใจแต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือเด็กน้อยดันชนเข้ากับขาบันไดเต็ม ๆ แม้ถึงจะยังเด็กแต่ก็เป็นครึ่งปีศาจจึงมีพละกำลังมากกว่าเด็กทั่วไปมากทำให้ทันทีที่วิ่งชนขาบันไดก็สะบัดเพราะมันไม่แข็งแรงอยู่แล้ว“เห๊ย!”ร่างของหลี่ซ่งจวินเสียหลักหงายหลังร่วงลงมาทันทีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจึงใช้พลังอะไรไม่ทันทั้งนั้น หลันผิงลั่วที่เห็