Share

ตอนที่ 13 เก็บหอมรอมริบ

last update Last Updated: 2025-01-13 21:00:31

เสียงไก่ขันในยามรุ่งสางปลุกหญิงสาวให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งหนักอึ้งที่โอบรัดรอบเอวคอด เมื่อคลำดูจึงได้รู้ว่าเป็นท่อนแขนของสามี ใบหน้าของเขาก็กำลังซุกซบอยู่บริเวณลาดไหล่ของเธอ และเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขามานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ พลันใบหน้างามรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พาดผ่านแก้มทั้งสองข้างไปจนถึงใบหูขาวและลำคอระหง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับในท่านี้ตลอดทั้งคืน

ลมหายใจอุ่นเป่ารดลำคอระหงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าหยางซีห่าวกำลังหลับสบาย คนเป็นภรรยาจึงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาออกและลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนเป็นสามี

ตลอดเวลาที่เขาออกไปปฎิบัติหน้าที่คาดว่าคงไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่นได้บ่อยนักในระหว่างรักษาแผลที่ขา เธอคิดว่าควรให้เขาพักมากหน่อย และตั้งใจจะทำอาหารดี ๆ เพื่อบำรุงเขาด้วย

ร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยกลางศีรษะลวก ๆ และปักด้วยตะเกียบไม้ธรรมดาเพื่อให้สะดวกต่อการทำกิจวัตรประจำวัน ตอนนี้ยังไม่สว่างดีแต่ก็พอมองเห็นรอบข้างได้ หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวในยามเช้า ก่อนจะหายเข้าไปในมิติเพื่อหาวัตถุดิบมาทำอาหารรอสามีตื่น

เธอเลือกทำข้าวต้มไก่ฉีกโรยด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ สำหรับเช้านี้ สามีของเธอนั่งอยู่แต่บนรถเข็นไม่ค่อยได้ขยับตัวเท่าไหร่นัก การทานอาหารที่ย่อยยากเกินไปจะทำให้เขาท้องอืดเปล่า ๆ และเพียงเวลาไม่นานกลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นก็ได้ทำการปลุกชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นมาได้ไม่ยาก

บรรยากาศในยามเช้าของพื้นที่ชนบทนั้นบ้านหลายหลังเริ่มตื่นมาหุงหาอาหารกันบ้างแล้ว จางซิ่วอิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในห้องนอน พอดีกับที่น้ำในหม้อนั้นเดือดพอดี จางซิ่วอิงจึงผสมน้ำอุ่นใส่กะละมังใบเล็กไปให้สามีในห้องนอนพร้อมกับผ้าผืนเล็กเนื้อนุ่มไม่บาดผิวสีขาวสะอาดตา

“ล้างหน้าล้างตาหน่อยนะคะ”หญิงสาวบอกเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงปลายเตียงเพื่อคอยช่วยเหลือสามี เผื่อว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติม

“คุณ…อยากเข้าห้องน้ำหน่อยไหมคะ?”เธอพยายามเลี่ยงคำพูดตรง ๆ เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกขัดเขินมากจนเกินไป

แต่ทันทีที่ภรรยาถามเช่นนั้น ร่างหนาถึงกับชะงักงัน ริมฝีปากหยักถึงกับเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ใบหน้าหล่อเหลาก็ขึ้นริ้วแดงลามไปถึงใบหู

แม้จะแต่งงานกันมาร่วมปี แต่การถ่ายหนักต่อหน้าภรรยาก็ยังเป็นสิ่งที่เขารู้สึกขัดเขินอยู่ดี

จางซิ่วอิงมองท่าทางของสามีก็เข้าใจได้โดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแต่ดวงตาคู่เรียวกลับมองไปที่ขาของเขาอย่างพิจารณา เพราะห้องน้ำในยุคนี้ไม่ได้อำนวยความสะดวกได้มากเท่าโลกที่เธอจากมา หากมัวแต่ก้ม ๆ เงย ๆ แล้วล้มขึ้นมาก็อาจจะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น และหากจะเข้าไปเฝ้าเขาในห้องน้ำคนขี้อายก็คงไม่ยอมอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นหญิงสาวพลันนึกบางสิ่งได้และคิดว่าควรลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย

“เดี๋ยวฉันพาคุณไปนั่งที่รถเข็นก่อน”

หยางซีห่าวมีสีหน้าแปลกใจ เขาเดาใจภรรยาไม่ถูกจริง ๆ แต่ก็อำนวยความสะดวกให้ภรรยาอย่างว่าง่าย ด้วยขนาดตัวของเขาต่างจากเธอมาก หากทิ้งน้ำหนักมากเกินไปอาจจะพากันล้มก็เป็นได้

หลังจากพาสามีนั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว มือเรียวกอบกุมมือสามีเอาไว้ตามความเข้าใจ ก่อนจะนึกถึงห้างสรรพสินค้าในมิติ

ชายหนุ่มไม่ได้เข้าใจการกระทำของภรรยานัก แต่ทว่าเพียงพริบตาภาพตรงหน้ากลับเปลี่ยนไป บรรยากาศและสิ่งรอบข้างที่ไม่คุ้นตาทำให้เขาหันไปสบตาร่างบางอย่างมีคำถาม

“ที่นี่เรียกว่า ห้างสรรพสินค้าค่ะ คุณกำลังอยู่ในมิติของฉัน”จางซิ่วอิงอธิบายให้สามีฟังด้วยท่าทางตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย เธอไม่รู้มาก่อนว่าทำแบบนี้ได้ เมื่อลองครั้งแรกและสำเร็จจึงทำให้ใบหน้างามระบายยิ้มกว้างจนตาหยี

โดยสามีเองก็เพียงแค่ตอบรับอย่างมึนงง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักที่ทุกสิ่งตรงหน้าล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่เขาเชื่อใจภรรยามากทีเดียว

หลังจากเข้ามาในมิติของเธอ หญิงสาวพาเขาไปยังฝั่งหนึ่งที่อยู่ซ้ายสุดของห้างสรรพสินค้า ก่อนเธอจะอธิบายว่าที่นี่คือห้องน้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีปัญหาการเข้าห้องน้ำแบบปกติ โดยเธอพาเขาเข้าไปภายในห้องน้ำ อธิบายการใช้งานจุดต่าง ๆ และช่วยเขาให้นั่งลงบนที่ปลดทุกข์หน้าตาแปลกประหลาด แล้วเดินออกไปรอด้านนอกห้อง

ขณะที่ปล่อยให้สามีได้ปลดทุกข์ได้อย่างสะดวก หญิงสาวจึงเดินไปสำวจสินค้าที่จะนำไปขายวันนี้คร่าว ๆ ตอนนี้อากาศหนาวขึ้นมาบ้างแล้ว ผักผลไม้สดจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และขาดตลาดในที่สุด เธอจึงสรุปเอาในใจว่าจากนี้จะนำผักผลไม้ออกมาขายมากขึ้นหน่อย รวมถึงของแห้งหลายอย่างสำหรับบางครอบครัวที่อาจจะเริ่มกักตุนอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว

เมื่อเลือกสินค้าในใจไว้แล้ว หญิงสาวจึงเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อรอรับสามี หญิงสาวเคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อเขาอนุญาตเธอจึงเดินเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นนั่งบนรถเข็น จากนั้นจึงพากันออกมาทานอาหารเช้าที่บ้าน

“ฉันจะออกไปขายของที่ตลาดมืดนะคะ แล้วจะกลับมาให้ทันมื้อเที่ยง”หญิงสาวพูดขึ้นขณะเตรียมยาหลังอาหารให้กับคนเป็นสามี จากนั้นจึงเข็นเขาเข้ามาในห้องเพื่อเอนหลังบนเตียงที่ค่อนข้างสบายตัวกว่าหากต้องนั่งนาน ๆ อย่างน้อยตอนที่เธอไม่อยู่ เขาก็สามารถหลับพักผ่อนได้ในทันทีโดยไม่ต้องรอ

หยางซีห่าวได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าภรรยาคงนำสินค้าภายในมิติออกไปปล่อยขายเพื่อแลกเงิน พลันมือหนาจึงเอื้อมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบซองน้ำตาลที่ค่อนข้างหนาส่งให้เธอ

“นี่เงินชดเชยครับ คุณไม่จำเป็นต้องเอาของไปขายที่นั่น ผมว่ามันเสี่ยงเกินไป ผมเป็นห่วง”เขาเคยไปสถานที่แห่งนั้นเมื่อนานมาแล้ว สำหรับผู้หญิงรูปร่างบอบบางอย่างเธอการพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นค่อนข้างอันตรายเกินไป เงินในซองนั่นหากใช้ให้ดีอาจจะใช้ได้อีกหลายปีกว่าจะหมด ถึงตอนนั้นขาของเขาอาจจะหายดีแล้วก็ได้

จางซิ่วอิงรับซองเงินชดเชยจากสามีมาถือไว้โดยไม่ได้สนใจจะเปิดมันดู ในเมื่อเขาต้องบาดเจ็บมากขนาดนี้เพื่อได้เงินนี้มา อย่างไรเธอคงไม่กล้านำออกมาใช้และคิดว่าจะเก็บไว้ในมิติให้เขาก่อนก็แล้วกัน

“ตอนนี้ตลาดมืดผ่อนปรนมากแล้วค่ะ อีกอย่างฉันจะเร่งเก็บเงินเพื่อย้ายบ้านให้เร็วที่สุดและถ้าหาลู่ทางเปิดร้านของตัวเองได้ ฉันก็จะไม่ไปตลาดมืดอีก”เธอยิ้มรับในความห่วงใยของสามี แต่จุดประสงค์ของเธอก็ชัดเจนเช่นกัน

อีกอย่างเธอไม่ได้คิดที่จะนำสินค้าปล่อยขายที่นั่นตลอดไปอยู่แล้ว นับวันยิ่งใกล้ฤดูหนาวเข้าไปทุกที หากชักช้าไม่รีบซื้อบ้านใหม่ เห็นที่บ้านหลังนี้คงไม่อาจจะแบกรับหิมะที่ทับถมตลอดฤดูหนาวได้ และบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเธอและสามี เธอจึงไม่มีความคิดที่จะลงทุนซ่อมแซมมันแต่อย่างใด

“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณดูแลตัวเองให้ดีนะ”หยางซีห่าวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะบอกให้ภรรยาดูแลตัวเองให้ดี เพราะอย่างไรเธอก็คือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หากมีคนคิดร้ายหรืออยากจะปล้นชิงขึ้นมา ร่างบอบบางเช่นนี้จะปกป้องตนเองคงทำได้ยาก คิดมาถึงตรงนี้นัยน์ตาคมก็เลื่อนมองขาไประโยชน์ของตนเองทันที

“ค่ะ แล้วฉันจะรีบกลับให้ทันมื้อเที่ยงนะคะ ฟอดดด!!”หญิงสาวรับปากอย่างแข็งขัน ก่อนออกจากบ้านไม่ลืมหอมแก้มสากของสามีเสียฟอดใหญ่แล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

เธอรักเขามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ชาตินี้เลยอดไม่ได้ที่จะแสดงความรักต่อคนเป็นสามีเพื่อกระชับความสัมพันธ์

กลับมาที่ร่างหนาแข็งทื่อสติหลุดลอยเมื่อถูกภรรยาจู่โจมโดยทันตั้งตัวและกว่าหยางซีห่าวจะเรียกสติกลับคืนมาได้ ร่างบางของภรรยาก็ก้าวพ้นประตูบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้แต่ทดไว้ในใจก่อน แล้วจากนี้ค่อยเอาคืนเธอให้สาสมกับที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว

มือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสตรงที่ริมฝีปากนุ่มของภรรยาประทับตราเอาไว้เมื่อครู่ พลันริมฝีปากหยักปรากฏรอยยิ้มราวกับคนโง่งม

‘เขาคงตกหลุมรักภรรยาตัวเองเข้าให้แล้ว’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 65 ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ (จบ)

    ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 64 สะสางความแค้น

    จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 63 พรข้อสุดท้าย

    สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 62 คลอดฉุกเฉิน

    ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 61 เรื่องราววิ่งเข้าหา

    กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 60 เจ้าหัวผักกาดมาแล้ว

    “ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status