“มะ..หมายความว่าอย่างไรกันคาเซล?”
โอฟีเลียเสียงสั่นเครือด้วยความประหม่าเขินอาย ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามคำถามกับเขาจบ ปลายนิ้วของคาเซลก็กดลงไปบนรอยแยกกลางกายของเธอเบาๆ เขากรีดปลายนิ้วลงไปโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาเกินห้ามใจของเขาเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเธอเล็กน้อย “การมานั่งอธิบายมันเสียเวลาเพราะอย่างนั้นข้าทำให้ท่านดูเลยน่าจะดีกว่า..” เขาใช้มืออีกข้างแยกขาของเธอออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้านั้นซบลงไปบนตักของโอฟีเลียอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ น่าเสียดายที่โอฟีเลียไม่ได้เห็นมัน เธอยกมือขึ้นมาจับเข้าที่ไหล่ของเขาพร้อมกับผลักเขาออกเบาๆ การยื้อกันไปมาของเธอกับเขานั้นเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ประตูห้องทำงานของโอฟีเลียจะถูกเปิดเข้ามาโดยเพนนีและชายผู้หนึ่ง แน่นอนว่าเมื่อผู้มาใหม่ทั้งสองมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังซบใบหน้าลงบนตักของคุณหนูผู้เป็นเจ้านาย เพนนีก็พยายามลบอาการประหม่าของตัวเองออก เธอรับรู้เรื่องนี้มาจากพ่อบ้านว่าดัชเชส พาบุรุษผู้หนึ่งมาให้คุณหนู เขาจะเป็นทั้งทาสรับใช้และอัศวินเพื่อปกป้องคุณหนูของพวกเรา บอกตามตรงว่าในคราแรกเธอเป็นห่วงคุณหนูมากทีเดียวที่จะต้องอยู่กับบุรุษที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อพ่อบ้านบอกว่าชายผู้นี้ถูกท่านดัชเชสล้างสมองด้วยมนตร์ดำ และดูจากท่าทางที่เขาติดคุณหนูของเธอมากเหลือเกินในบางทีเขาอาจจะปลอดภัยต่อคุณหนูของเธอก็ได้ แก้มของโอฟีเลียแดงระเรื่อขึ้นมาราวกับลูกมะเขือเทศ คาเซลไม่ได้ดึงปลายนิ้วของเขาออกมาจากใต้กระโปรงของเธอ และจากมุมที่เขานั่งอยู่นี้ทำให้ทั้งเพนนีและลิฟตันมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรเธอ เพราะมีโต๊ะทำงานขวางอยู่ พวกเขาทั้งสองคนมองเห็นแค่ว่าคาเซลกำลังนั่งอยู่บนพื้นแล้วซบใบหน้าของเขาลงบนตักของเธอเท่านั้นเอง “คุณหนูคะ เรื่องของที่ดินบริเวณภูเขาแมนนาดูเหมือนว่าเราจะช้ากว่าทางกลุ่มการค้าเทอรันไปหนึ่งก้าว เขาคว้านซื้อที่ดินบนภูเขาทั้งหมดโดยไม่หลงเหลือเอาไว้แม้แต่แปลงเดียว” เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอฟีเลียก็หยักยิ้มขึ้นมาในทันที เธอลูบผมสีรัตติกาลของคาเซลเบาๆ “ดีมาก อันที่จริงที่ดินตรงนั้นเป็นแค่การสับขาหลอกเท่านั้นเอง ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่แร่เพชร มีแค่ก้อนกรวดเท่านั้น ข้าเห็นว่ากลุ่มการค้าเทอรันในช่วงนี้มักจะชอบซื้อที่ดินตามเรา เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจงใจประกาศรับซื้อที่ดินบนภูเขาเพื่อให้เขาทุ่มเงินซื้อที่นั่นตัดหน้าเรา..แปลงที่ข้าอยากได้จริงๆ ไม่ใช่ที่ดินบนภูเขาสักหน่อย” ในยามนี้ทั้งเพนนีและลิฟตันต่างตบมือเสียงดังพร้อมกับชื่นชมความเก่งกาจของคุณหนูพวกเขา ตรงข้ามกับความรู้สึกของคาลอสอย่างสิ้นเชิง เขากำลังโกรธมากที่ถูกเธอหลอก กลุ่มการค้าเทอรันมันคือหนึ่งในกลุ่มการค้าของเขาเอง เขาเห็นคนของแอเรียนาเดินไปมาเพื่อถามไถ่เรื่องที่ดินบนภูเขาเพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าที่ดินบนนั้นจะต้องมีแร่ทองหรือไม่ก็แร่เพชรอย่างแน่นอน แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาถูกเธอต้มจนเปื่อย.. โอฟีเลีย สตรีร้ายกาจ! เขาควรจะทำเช่นไรกับเธอดีนะ!! “อ๊ะ..” โอฟีเลียส่งเสียงร้องครางออกมาจากลำคอเมื่อเรียวนิ้วของคาเซลดึงกางเกงซับในไปอีกข้างเพื่อให้เขาสัมผัสเธอได้โดยตรง และในยามนี้ปลายนิ้วที่กำลังสำรวจอย่างใคร่รู้ของเขามันกำลังขยับเสียดสีเบาๆ อยู่บนปุ่มเนื้อที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย “คุณหนูเป็นอะไรไหมคะ?” โอฟีเลียขบเม้มริมฝีปากเบาๆ เธออยากจะทุบหลังของคาเซลแรงๆ สักทีแต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ “ไม่เป็นไร ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อยที่สามารถ..อืม..สามารถหลอกกลุ่มการค้าเทอรันได้น่ะ” การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่มีความลังเลหรือว่าเกรงใจ มีเพียงความตั้งใจที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมให้ถึงส่วนที่ลึกที่สุด สาบานได้เลยว่าฉันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันทั้งอับอายและหัวใจเต้นแรงไปพร้อมๆ กันเมื่อส่วนนั้นถูกรุกล้ำต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ เมื่อได้ยินเสียงร้องครางในลำคอของโอฟีเลีย บนใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นมา เขาเคลื่อนไหวเรียวนิ้วราวกับจะคลำหาจุดไวสัมผัสที่อยู่ด้านใน ให้ตายสิอยากเห็นชะมัดเลยว่าส่วนนั้นของเธอจะมีสีแบบไหน จะเป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนกับเรือนแก้มของเธอหรือว่าจะมีสีแดงเชอร์รี่ที่เหมือนกับสีของริมฝีปากเธอกันแน่ นิ้วของเขาลูบไล้อยู่ด้านนอกสักพักจนสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่เปียกชุ่ม คาลอสจึงค่อยๆ รุกคืบเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ เขากดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มที่มันไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป “...!” โอฟีเลียกำมือแน่น เมื่อเธอสัมผัสผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ค่อยๆ กดแทรกเข้ามาในกาย เธอเหลือบมองใบหน้าของคาเซล เขากำลังซบบนหน้าขาของเธออย่างไม่มีทีท่าเผยพิรุจออกมา ส่วนเพนนีก็กำลังอ่านรายงานการประชุมของเมื่อวานนี้ นิ้วมือของอีกฝ่ายค่อยๆ เปิดร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน ขณะที่สะโพกชาวาบเมื่อเขาเริ่มขยับปลายนิ้วเคลื่อนเข้าสลับกับเคลื่อนออกเบาๆ “เพราะแบบนั้นท่านชายอาม่อนจึงได้สั่งให้ช่างมาวัดตัวของคุณหนูเพื่อที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงค่ะ ช่างน่าจะมาในวันพรุ่งนี้นะคะ ช่วงสาย ข้าตรวจดูตารางงานทั้งหมดของคุณหนูแล้ว คุณหนูไม่มีตารางงานที่ไหน” โอฟีเลียพยักหน้า เธอขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเถอะเพนนี” เพนนียกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าลิฟตัน “ค่ะ ต่อไปเป็นการรายงานของลิฟตันนะคะ” มือของโอฟีเลียบีบลงไปบนไหล่ของคาเซล เธอจิกปลายเล็บลงไปบนนั้นด้วยมือที่สั่นเทา สะโพกของเธอบิดไปมาทุกครั้งที่มือของเขาเคลื่อนไหว เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย มันแปลกจนเหมือนกับเธอจะปลดเบาออกมา มันอึดอัดทรมานมากทีเดียว แต่ทว่ามันก็มีความสุขล้ำในแบบที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน “ที่ท่าเรือในยามนี้มีเรือสินค้าของจักรวรรดิอื่นๆ เดินทางเข้ามาดังที่คุณหนูคาดการณ์เอาไว้เลยครับ ธุรกิจการเช่าที่จอดเรือและโรงแรมที่พักของนักเดินเรือที่สร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนผลตอบรับดีมากๆ จนเราได้ทุนคืนตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดบริการ มีแขกหลายคนเลยทีเดียวที่เรียกร้องให้เราขยายห้องเพิ่มเพราะเรือสำเภาที่เดินทางมามักจะมีนักเดินเรือไม่ต่ำกว่า20คน..พวกเขาอยากได้ห้องพักที่เดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการทำงานด้วย..แล้วก็...” ปลายนิ้วถูกถอนออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับเสียงชุ่มน้ำ โอฟีเลียถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพราะดูเหมือนการทรมานของคาเซลจะจบแล้ว ทว่าเขากลับค่อยๆ เลิกกระโปรงของเธอสูงขึ้นเรื่อยๆ..อีกสามเดือนต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีทรงจัดงานอภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ ก็มีงานแต่งงานของเลดี้ แอเรียนาและเคาน์แห่งอัคราฟในปีนั้นถือเป็นปีที่มีงานที่แสนยิ่งใหญ่หลายงานมากทีเดียว“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าจูเลียนจะตั้งครรภ์ก่อนเรา พระเจ้าช่วยนี่ข้ากำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ต่อมาร์โค”ข่าวการตั้งครรภ์ของจักรพรรดินีถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหลังจากพิธีอภิเษกผ่านพ้นไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น คาลอสแทบจะนั่งไม่ติดเพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะมีบุตรคนแรกก่อนองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่มันกลับกลายเป็นว่าจูเลียนตั้งครรภ์ก่อนโอฟีเลีย หรือว่าร่างกายของเขามันจะมีปัญหากันนะ?โอฟีเลียมองสามีของเธอด้วยความรู้สึกนึกขำอยู่ในใจ“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลาที่เหมาะสมลูกของเราก็น่าจะมาเอง ท่านไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลยนี่คะที่รัก..”หลังกล่าวจบเธอก็หอมแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยว ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้วถึงสองฤดูแต่ท่านแม่ของเธอยังคงสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ หลังจากที่จูเลียนแต่งงานท่านแม่ก็เริ่มกลับมาเข้าสังคมอีกครั้งหนึ่ง และในยามนี้ท่านแม่ของเธอคือท่านหญิงเอเวียที่เก่งกาจเรื่องกา
ครั้งแรกที่เขามองเห็นใบหน้านั้น เมื่อเขามองทอดออกไปยังสวนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีเรือนผมสีทองสว่าง เธอกำลังฮัมเพลงในขณะที่มือทั้งสองข้างจับไม้กวาดแล้วเริ่มกวาดใบไม้ในสวนที่แสนกว้างใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้นั้นคือบุตรนอกสมรสของเซอร์เกรท เธอคือนางเอกของเรื่องนี้ และใบหน้านั้นแสนงดงามสมกับตำแหน่งนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าเขาเข้ามาอยู่ในร่างขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ที่มีอนาคตจะต้องตายได้อย่างไรกัน แต่ในเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในนิยายที่เคยอ่านเช่นนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหาทางเอาชีวิตรอดความตาย เขาคิดแบบนั้นจนตัวเองได้ลิ้มรสการมีอำนาจในครั้งแรก ใช่แล้ว..คนจำนวนมากก้มหัวให้เขาในช่วงเวลาที่เขาเดินผ่าน คำสรรเสริญเยินยอพวกนั้นทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับตำแหน่งองค์จักรพรรดิ และนั่นทำเขารู้สึกโลภขึ้นมา เขาอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นทำให้เขาใช้ความคิดมากมายเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นองค์จักรพรรดิต่อไป และคนที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้นั่นก็คือจูเลียน นางเอกของเรื่องนี้ ความประทับใจจากครั้งแรกที่เราพบเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีการเรียกประชุมสภาขุนนางอย่างเป็นการเร่งด่วน แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อคืนทำให้ชาวบ้านต่างเรียกร้องให้มีการผลัดเปลี่ยนองค์จักรพรรดิ อีกทั้งเรื่องกำหนดระยะเวลาของการครองราชย์องค์จักรพรรดิตัวแทนอย่างองค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ก็เลยกำหนดมามากแล้ว เหล่าขุนนางมองเห็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขององค์รัชทายาท การแสดงตัวเพื่อปกป้องและเยียวยาผู้เสียหายทำให้เหล่าขุนนางอดชื่นชมความเก่งกาจและมีน้ำใจของพระองค์มิได้“กระหม่อมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะจัดงานราชาภิเษกขึ้นมา จะได้เรียกความเชื่อมั่นในราชวงศ์ของประชาชนกลับมา..”คาลอสเข้าร่วมประชุมในฐานะของท่านเคาน์แห่งอัคราฟ เขากำลังมองดูท่าทีขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์อยู่ พระองค์มิกล่าวคำใดออกมาเลยแม้แต่ครึ่งคำ เพราะเรื่องราวที่กำลังกดดันพระองค์อยู่นี้มันทำให้พระองค์หาวิธียืดเยื้อต่อไปอย่างยากลำบาก“พวกท่านอย่าพึ่งกดดันเสด็จอาเลยครับ เรื่องพิธีราชาภิเษกรออีกหน่อยก็ได้ ระหว่างนี้พวกเราก็ช่วยกันจับตาดูพวกชาวบ้านไม่ให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านราชวงศ์ก็พอ..”คำกล่าวนั้นของมาร์โคถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเจียมตัวแต่มันคือการเน้น
มาร์โคเดินกลับมาที่แอเรียนาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเนื้อย่างเสียบไม้ในมือ ที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์เขามองเห็นเพียงแค่เลดี้แอเรียนาเท่านั้น“นักบุญหญิงผู้นั้นนางหายไปไหนแล้วครับ..ข้าซื้อของมาฝากนางด้วย อ่อ..แล้วก็มีในส่วนของเลดี้ด้วยนะครับ”โอฟีเลียสูดลมหายใจเขาลึกๆ“เรามาพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีไหมเพคะองค์รัชทายาท”น้ำเสียงและท่าทีของเธอมันเริ่มเปลี่ยนไปในทันที นั่นทำให้มาร์โครับรู้ได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องที่เคร่งเครียดรอเขาอยู่อย่างแน่นอน“ได้เลยครับ เลดี้มีเรื่องอะไรจะกล่าวก็พูดแบบตรงไหนตรงมาได้เลย..”โอฟีเลียไม่อ้อมค้อมเธอเริ่มพูดคุยเรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไปเพื่อให้มาร์โคได้รับฟังอีกด้านหนึ่งของงานเทศกาล คาลอสพาจูเลียนเดินทางไปยังท่าเรือของแอเรียนา เขาส่งนางขึ้นเรือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะไปรับเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เพราะอย่างนั้นดูแลตัวเองให้ดี..ให้เวลาเป็นเยียวยาในทุกความเจ็บปวดของเจ้า.”จูเลียนพยักหน้า เธอยกมือขึ้นมาแล้วโอบกอดท่านพี่คาลอสเอาไว้“ข้าจะกลับมาอีกครั้งในวันที่พี่ทั้งสองคนแต่งงานกันนะคะ..พี่คู่ควรกับท่านพี่โอฟีเลียผู้งดงามของข้ามากจริงๆ ทั้
จูเลียนใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เธอเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองบุรุษที่ด่าเธอ และเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเธอก็ขมวดคิ้วในทันทีองค์รัชทายาทมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เธอไม่พร้อมและไม่อยากจะพบเจอเขาในยามนี้เลย“ยื่นมือมาสิ ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง”เขายื่นมือมาให้เธอเพื่อให้เธอวางมือลงบนมือของเขา แต่จูเลียนไม่คิดทำเช่นนั้น เธอพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นด้วยตัวเอง“ขอบพระทัยเพคะ..หม่อมฉันสบายดี เพราะอย่างนั้นขอตัวก่อนนะเพคะ”มาร์โคมองนักบุญหญิงที่ปกตินางจะดูน่ารักและสดใสอยู่เสมอในยามที่นางอยู่ข้างกายของท่านอา แต่ทว่าในวันนี้นางกลับร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่อายใคร คงเพราะว่านางไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ“ข้าไปด้วยสิ ดูจากที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าเดินทางออกไปจากพระราชวังแล้ว แสดงว่าเจ้าจะต้องกำลังออกไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างแน่นอน ข้าก็อยากไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน ดูสิข้าอุตส่าห์ปลอมตัวมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ..พาข้าไปด้วยสิ”เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง“พระองค์...มีเงินไหมเพคะ..”มาร์โคหัวเราะออกมาเบาๆ“มีสิ มีเยอะมากพอสมควรเลย พาข้าออกไปแล้วข้าจะให้เงินเจ้าเอง อยากซื้ออะไรข้าจะซื้อ
“ดูเหมือนว่าข้าจะติดค้างคำขอบคุณกับท่านบารอนนะคะ ข้าขอขอบคุณที่ท่านพาข้าไปที่กลุ่มการค้าเทอรัน และขอโทษด้วยสำหรับการหลอกลวงท่าน..”บอกตามตรงว่าในใจของลีออนเขาไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณจากเธอเลยเพราะมันหมายความว่าเรื่องราวของเราทั้งสองคนมันจบลงแล้วยังไงละ“เลดี้จะกลับไปหาเขาอย่างนั้นหรือครับ”โอฟีเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้นของลีออน เธอส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ“หากว่าท่านบารอนมีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็บอกกล่าวมาได้เลยนะคะ ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”ลีออนขบเม้มริมฝีปากแน่น เขามองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร้ที่มา อีกฝ่ายไม่ได้ผิดเลยสักนิดเดียวที่ปฏิเสธ เพราะความรู้สึกของใครก็ต้องให้คนคนนั้นรับผิดชอบเอาเอง เธอไม่ผิดที่ไม่รักเขา แต่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่เขาดันไปรักเธอและคาดหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้“ครับ..หากมีเรื่องที่ต้องการช่วยเหลือข้าจะไปหาเลดี้นะครับ ท่านเองก็เช่นกันหากว่าท่านมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ..”หากว่าในวันข้างหน้าชายผู้นั้นหลอกลวงและทำให้เธอเจ็บปวดอีก“ก็มาหาข้านะครับ”โอฟีเลียก้มหน้าลงเล็กน้อย“ขอบคุณท่านบารอนมากนะคะ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริงๆ”เธอกำลังท