ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ในฐานะของ โอฟีเลีย แอเรียนา ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีเดรธแฟล็คในตอนจบ และช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตของฉันมันก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินกว่าที่ฉันคนนี้จะสามารถทำมันได้ จนมาพบเจอคาเซล..
โอฟีเลียจับไหล่ของคาเซลเอาไว้พร้อมกับดันตัวเขาออก เธอส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ผิด และเมื่อเขามองเห็นสายตาของเธอ แทนที่เขาจะสลดลง คาเซลกลับยกยิ้มขึ้นมาด้วยแววตาที่แสนเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธออีก คาเซลเพียงแค่ซบหน้าลงไปบนหน้าขาของโอฟีเลียอย่างเดียวเท่านั้น เขาออกแรงขบกัดบริเวณต้นขาของเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว.. การกระทำของเขาทำให้โอฟีเลียสะดุ้งเล็กน้อยแต่มันก็ดีมากทีเดียวที่เขาไม่ได้มาทำให้เธอเสียสมาธิเหมือนกับช่วงแรก เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของตัวเอง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับงานที่ลิฟตันกำลังรายงาน “ลิฟตัน ไปสำรวจที่ดินตรงท่าเรือหน่อยสิว่ามีแปลงไหนที่จะขายหรือไม่ แล้วก็อย่าให้ทางเทอรันรู้เรื่องนี้ ข้าไม่อยากจะต่อสู้เรื่องราคากับทางนั้น มันน่าปวดหัวมากทีเดียว” ลิฟตันก้มหน้าลง “ทางเทอรันน่าจะไม่มากวนใจคุณหนูสักพักละมั้งครับ เพราะทางนั้นทุ่มเงินจำนวนมากในการซื่อที่ดินบนภูเขานี่” โอฟีเลียโบกมือไปมาเพื่อเป็นเชิงให้ทั้งเพนนีและลิฟตันออกไปจากห้องนี้ และเมื่อบานประตูห้องทำงานของโอฟีเลียปิดลงเธอก็ยกฝ่ามือขึ้นมาแล้วฟาดมันลงไปที่ใบหน้าของคาเซลแรงๆ สักที “เพี๊ยะ!!” “เจ้าคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่?” แรงจากฝ่ามือเล็กๆ นั้นไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดสักเท่าไหร่นัก ไม่แปลกหรอกที่เธอจะโกรธ หากไม่โกรธน่าจะแปลกกว่า โอฟีเลียดูท่าจะไร้ประสบการณ์เรื่องความรักมากพอสมควร หากว่าเขาทำให้เธอรักเขาได้ เรื่องราวต่างๆ น่าจะง่ายดายขึ้นเยอะเลย “ข้าแค่ทำไปตามที่หัวใจของข้าต้องการ..อย่าลืมสิครับว่าท่านดัชเชสสั่งให้ข้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของท่าน ข้าหลงใหลท่านแทบบ้า และความต้องการพวกนั้นก็หลั่งไหลออกมาจากหัวใจไม่หยุดหย่อน หากการทุบตีข้ามันทำให้ท่านสบายใจหรือว่ามีความสุขก็ทำมันอีกสิครับ..ข้ายอมเจ็บตัวได้ทั้งนั้นเพื่อให้ท่านมีความสุข” เมื่อเขากล่าวออกมาพร้อมกับจับมือเธอไปตีเบาๆ ที่แก้มของเขา โอฟีเลียก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก ตัวร้ายอย่างคาลอสถูกทำร้ายร่างกายมากเยอะมากๆ ในช่วงวัยที่เขาเป็นเด็ก เธอไม่อยากจะทำร้ายเขาซ้ำๆ ในแบบที่เขาเจอ แต่การกระทำของเขามันก็อดโมโหไม่ได้.. โอฟีเลียลุกขึ้นก่อนที่เธอจะนั่งลงบนพื้นเช่นเดียวกับเขา “คาเซล ข้าอยากให้ทุกอย่างระหว่างเรามันค่อยเป็นค่อยไป ข้าขอเวลาทำใจให้ชินในการอยู่ร่วมกันกับเจ้าก่อนจะได้ไหม แล้วเรื่องที่เจ้าทำเมื่อครู่มันเอาไว้สำหรับให้คนรัก..ทำกัน แน่นอนว่าเราทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นคนรัก เพราะอย่างนั้นเจ้าทำเช่นนั้นกับข้าไม่ได้เข้าใจรึเปล่า” เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายกับเขาด้วยความใจเย็นอย่างถึงที่สุด “แต่ว่า..ข้ารักท่านนะครับ เช่นนั้นในเมื่อข้ารักท่านก็หมายความว่าข้าทำได้ใช่ไหม?” นี่เธอกำลังพูดคุยกับต้นเสาอยู่รึไง เขาถึงได้ไม่เข้าใจเธอเลยสักนิดเดียว โอฟีเลียไม่คิดว่าการล้างสมองของท่านแม่จะมีพลังที่ร้ายแรงมากขนาดนี้ “ทำไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งในยามที่มีผู้อื่นด้วยเจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เข้าใจไหม” ริมฝีปากของคาเซลยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เช่นนั้นในยามนี้ที่มีแค่ท่านกับข้าอยู่ด้วยกันข้าทำได้สินะครับ..” ทำไม่ได้โว้ย!! เมื่อรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์โอฟีเลียก็เลยสั่งให้เขาอยู่ที่คฤหาสน์แอเรียนา เธอต้องเดินทางออกไปข้างนอกครู่หนึ่งเพื่อไปดูที่ดินแปลงใหญ่พอที่จะทำที่พักของนักเดินเรือ คาลอสมองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์แอเรียนาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ที่ดินบริเวณท่าเรือมันคือที่ดินของเขาทั้งหมด นั่นคือแผนการที่เขาวางเอาไว้ล่ะโอฟีเลีย เขารู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องขยายที่ดินตรงส่วนนั้นในอนาคตเพราะลำพังที่จอดเรือและโรงแรมเล็กๆ นั่นจะต้องไม่เพียงพอต่อการรับรองนักเดินเรืออย่างแน่นอน เมื่อเขาล่วงรู้ว่าเลดี้แอเรียนากำลังจะเปิดกิจการโรงแรมของนักเดินเรือ เขาก็คว้านซื้อที่ดินบริเวณท่าเรือจนหมด น่าเสียดายจังนะ ที่ครั้งนี้สตรีผู้นั้นจะต้องผิดหวังในการทำธุรกิจ นี่คือบทเรียนล่ะโอฟีเลีย บทเรียนที่กล้าจะหลอกลวงเขา “นายท่านครับ..” เสียงเรียกนั้นดังมาจากด้านล่าง คาลอสกระโดดลงจากระเบียงชั้นสองเพื่อไปหาเบนจามิน ผู้ช่วยของเขา “เรื่องที่ดินตรงภูเขา ข้าได้ลองขุดดูแล้วปรากฏว่าไม่ได้มีแร่ทองหรือว่าแร่เพชรอยู่เลย เหมือนว่าเราจะถูกเลดี้แอเรียนาหลอกแล้วครับ” คาลอสหัวเราะออกมาเบาๆ เรื่องนั้นเขารู้อยู่ก่อนหน้าแล้ว เงินลงทุนซื้อที่ดินตรงนั้นมากมายก็จริงอยู่ แต่มันไม่ได้สะเทือนคลังเงินทุนของเขาเลยแม้แต่น้อย “ในเมื่อมันไม่มีอะไรฝังอยู่ในดิน เช่นนั้นก็จะต้องทำให้ที่ดินมันมีมูลค่าเพิ่มจากของที่อยู่บนดินนั่นสิ สร้างข่าวลือหน่อยสิเบน..ส่งเงินจำนวนหนึ่งให้สำนักพิมพ์เพื่อให้เขาลงข่าวที่ดินของเรา” ที่ดินบนเขานั้น คาลอสตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เขาจะต้องขายมันให้ได้ราคาดีที่สุดในแบบที่เลดี้แอเรียนาได้ยินราคาแล้วนั่งไม่ติดเลยทีเดียว “แล้วก็หากมีผู้มาถามซื้อที่ดินแถวท่าเรือก็บอกไปว่า..ต่อให้จ่ายในราคาสิบเท่า เราก็ไม่ขายเข้าใจหรือไม่” เบนจามินก้มหน้าลงพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนยินดี “ครับนายท่าน แล้วท่านจะเล่นสนุกที่นี่อีกนานไหมครับ เรื่องการประชุมกลุ่มการค้า และเรื่องในตระกูลอัคราฟ..” “เรื่องพวกนั้นเจ้าก็จัดการไปก่อน ข้าจำเป็นจะต้องอยู่ล้วงความลับของเลดี้แอเรียนาผู้ลึกลับและแสนเฉลียวฉลาดผู้นั้นก่อน มีงานด่วนอันใดเจ้าก็รอคอยให้นางออกไปจากคฤหาสน์ก่อนค่อยเข้ามา อ่อ..แล้วก็สืบเรื่องของดัชเชสแอเรียนาให้ข้าด้วยหากเป็นไปได้ข้าอยากจะรู้เรื่องการหย่าของดัชเชสและอดีตดยุค..” เบนจามินก้มหน้าลงเพื่อกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินจากไป หางตาของคาลอสเหลือบไปเห็นรถม้าแสนหรูหราที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์โทรมๆ ของแอเรียนา “ข้ามาหาเลดี้แอเรียนาครับ ท่านแกรนด์ดัชเชสวาเลเลียได้ไหว้วานให้ข้าเป็นคู่เต้นรำของเลดี้แอเรียนาในวันพิธีบรรลุนิติภาวะที่กำลังจะจัดขึ้น..” บารอนคอนเนอร์ ลีออน คาลอสมองเห็นใบหน้านั้นอยู่บ่อยๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ หมอนั่นมาทำอะไรที่นี่กันนะ?อีกสามเดือนต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีทรงจัดงานอภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ ก็มีงานแต่งงานของเลดี้ แอเรียนาและเคาน์แห่งอัคราฟในปีนั้นถือเป็นปีที่มีงานที่แสนยิ่งใหญ่หลายงานมากทีเดียว“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าจูเลียนจะตั้งครรภ์ก่อนเรา พระเจ้าช่วยนี่ข้ากำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้ต่อมาร์โค”ข่าวการตั้งครรภ์ของจักรพรรดินีถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหลังจากพิธีอภิเษกผ่านพ้นไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น คาลอสแทบจะนั่งไม่ติดเพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะมีบุตรคนแรกก่อนองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก แต่มันกลับกลายเป็นว่าจูเลียนตั้งครรภ์ก่อนโอฟีเลีย หรือว่าร่างกายของเขามันจะมีปัญหากันนะ?โอฟีเลียมองสามีของเธอด้วยความรู้สึกนึกขำอยู่ในใจ“เอาน่า เดี๋ยวถึงเวลาที่เหมาะสมลูกของเราก็น่าจะมาเอง ท่านไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลยนี่คะที่รัก..”หลังกล่าวจบเธอก็หอมแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยว ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้วถึงสองฤดูแต่ท่านแม่ของเธอยังคงสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ หลังจากที่จูเลียนแต่งงานท่านแม่ก็เริ่มกลับมาเข้าสังคมอีกครั้งหนึ่ง และในยามนี้ท่านแม่ของเธอคือท่านหญิงเอเวียที่เก่งกาจเรื่องกา
ครั้งแรกที่เขามองเห็นใบหน้านั้น เมื่อเขามองทอดออกไปยังสวนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งมีเรือนผมสีทองสว่าง เธอกำลังฮัมเพลงในขณะที่มือทั้งสองข้างจับไม้กวาดแล้วเริ่มกวาดใบไม้ในสวนที่แสนกว้างใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ สตรีผู้นั้นคือบุตรนอกสมรสของเซอร์เกรท เธอคือนางเอกของเรื่องนี้ และใบหน้านั้นแสนงดงามสมกับตำแหน่งนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าเขาเข้ามาอยู่ในร่างขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ที่มีอนาคตจะต้องตายได้อย่างไรกัน แต่ในเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในนิยายที่เคยอ่านเช่นนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหาทางเอาชีวิตรอดความตาย เขาคิดแบบนั้นจนตัวเองได้ลิ้มรสการมีอำนาจในครั้งแรก ใช่แล้ว..คนจำนวนมากก้มหัวให้เขาในช่วงเวลาที่เขาเดินผ่าน คำสรรเสริญเยินยอพวกนั้นทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับตำแหน่งองค์จักรพรรดิ และนั่นทำเขารู้สึกโลภขึ้นมา เขาอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นทำให้เขาใช้ความคิดมากมายเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นองค์จักรพรรดิต่อไป และคนที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้นั่นก็คือจูเลียน นางเอกของเรื่องนี้ ความประทับใจจากครั้งแรกที่เราพบเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นมีการเรียกประชุมสภาขุนนางอย่างเป็นการเร่งด่วน แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อคืนทำให้ชาวบ้านต่างเรียกร้องให้มีการผลัดเปลี่ยนองค์จักรพรรดิ อีกทั้งเรื่องกำหนดระยะเวลาของการครองราชย์องค์จักรพรรดิตัวแทนอย่างองค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์ก็เลยกำหนดมามากแล้ว เหล่าขุนนางมองเห็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขององค์รัชทายาท การแสดงตัวเพื่อปกป้องและเยียวยาผู้เสียหายทำให้เหล่าขุนนางอดชื่นชมความเก่งกาจและมีน้ำใจของพระองค์มิได้“กระหม่อมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะจัดงานราชาภิเษกขึ้นมา จะได้เรียกความเชื่อมั่นในราชวงศ์ของประชาชนกลับมา..”คาลอสเข้าร่วมประชุมในฐานะของท่านเคาน์แห่งอัคราฟ เขากำลังมองดูท่าทีขององค์จักรพรรดิซิลเวสเตอร์อยู่ พระองค์มิกล่าวคำใดออกมาเลยแม้แต่ครึ่งคำ เพราะเรื่องราวที่กำลังกดดันพระองค์อยู่นี้มันทำให้พระองค์หาวิธียืดเยื้อต่อไปอย่างยากลำบาก“พวกท่านอย่าพึ่งกดดันเสด็จอาเลยครับ เรื่องพิธีราชาภิเษกรออีกหน่อยก็ได้ ระหว่างนี้พวกเราก็ช่วยกันจับตาดูพวกชาวบ้านไม่ให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านราชวงศ์ก็พอ..”คำกล่าวนั้นของมาร์โคถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเจียมตัวแต่มันคือการเน้น
มาร์โคเดินกลับมาที่แอเรียนาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเนื้อย่างเสียบไม้ในมือ ที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์เขามองเห็นเพียงแค่เลดี้แอเรียนาเท่านั้น“นักบุญหญิงผู้นั้นนางหายไปไหนแล้วครับ..ข้าซื้อของมาฝากนางด้วย อ่อ..แล้วก็มีในส่วนของเลดี้ด้วยนะครับ”โอฟีเลียสูดลมหายใจเขาลึกๆ“เรามาพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีไหมเพคะองค์รัชทายาท”น้ำเสียงและท่าทีของเธอมันเริ่มเปลี่ยนไปในทันที นั่นทำให้มาร์โครับรู้ได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องที่เคร่งเครียดรอเขาอยู่อย่างแน่นอน“ได้เลยครับ เลดี้มีเรื่องอะไรจะกล่าวก็พูดแบบตรงไหนตรงมาได้เลย..”โอฟีเลียไม่อ้อมค้อมเธอเริ่มพูดคุยเรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไปเพื่อให้มาร์โคได้รับฟังอีกด้านหนึ่งของงานเทศกาล คาลอสพาจูเลียนเดินทางไปยังท่าเรือของแอเรียนา เขาส่งนางขึ้นเรือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะไปรับเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เพราะอย่างนั้นดูแลตัวเองให้ดี..ให้เวลาเป็นเยียวยาในทุกความเจ็บปวดของเจ้า.”จูเลียนพยักหน้า เธอยกมือขึ้นมาแล้วโอบกอดท่านพี่คาลอสเอาไว้“ข้าจะกลับมาอีกครั้งในวันที่พี่ทั้งสองคนแต่งงานกันนะคะ..พี่คู่ควรกับท่านพี่โอฟีเลียผู้งดงามของข้ามากจริงๆ ทั้
จูเลียนใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เธอเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองบุรุษที่ด่าเธอ และเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเธอก็ขมวดคิ้วในทันทีองค์รัชทายาทมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เธอไม่พร้อมและไม่อยากจะพบเจอเขาในยามนี้เลย“ยื่นมือมาสิ ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง”เขายื่นมือมาให้เธอเพื่อให้เธอวางมือลงบนมือของเขา แต่จูเลียนไม่คิดทำเช่นนั้น เธอพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นด้วยตัวเอง“ขอบพระทัยเพคะ..หม่อมฉันสบายดี เพราะอย่างนั้นขอตัวก่อนนะเพคะ”มาร์โคมองนักบุญหญิงที่ปกตินางจะดูน่ารักและสดใสอยู่เสมอในยามที่นางอยู่ข้างกายของท่านอา แต่ทว่าในวันนี้นางกลับร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่อายใคร คงเพราะว่านางไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ“ข้าไปด้วยสิ ดูจากที่เจ้ากำลังมุ่งหน้าเดินทางออกไปจากพระราชวังแล้ว แสดงว่าเจ้าจะต้องกำลังออกไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างแน่นอน ข้าก็อยากไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน ดูสิข้าอุตส่าห์ปลอมตัวมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ..พาข้าไปด้วยสิ”เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง“พระองค์...มีเงินไหมเพคะ..”มาร์โคหัวเราะออกมาเบาๆ“มีสิ มีเยอะมากพอสมควรเลย พาข้าออกไปแล้วข้าจะให้เงินเจ้าเอง อยากซื้ออะไรข้าจะซื้อ
“ดูเหมือนว่าข้าจะติดค้างคำขอบคุณกับท่านบารอนนะคะ ข้าขอขอบคุณที่ท่านพาข้าไปที่กลุ่มการค้าเทอรัน และขอโทษด้วยสำหรับการหลอกลวงท่าน..”บอกตามตรงว่าในใจของลีออนเขาไม่ได้อยากได้รับคำขอบคุณจากเธอเลยเพราะมันหมายความว่าเรื่องราวของเราทั้งสองคนมันจบลงแล้วยังไงละ“เลดี้จะกลับไปหาเขาอย่างนั้นหรือครับ”โอฟีเลียไม่ได้ตอบคำถามนั้นของลีออน เธอส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ“หากว่าท่านบารอนมีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็บอกกล่าวมาได้เลยนะคะ ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”ลีออนขบเม้มริมฝีปากแน่น เขามองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร้ที่มา อีกฝ่ายไม่ได้ผิดเลยสักนิดเดียวที่ปฏิเสธ เพราะความรู้สึกของใครก็ต้องให้คนคนนั้นรับผิดชอบเอาเอง เธอไม่ผิดที่ไม่รักเขา แต่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่เขาดันไปรักเธอและคาดหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้“ครับ..หากมีเรื่องที่ต้องการช่วยเหลือข้าจะไปหาเลดี้นะครับ ท่านเองก็เช่นกันหากว่าท่านมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ..”หากว่าในวันข้างหน้าชายผู้นั้นหลอกลวงและทำให้เธอเจ็บปวดอีก“ก็มาหาข้านะครับ”โอฟีเลียก้มหน้าลงเล็กน้อย“ขอบคุณท่านบารอนมากนะคะ ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริงๆ”เธอกำลังท