คุ้มขวัญถึงกับพูดไม่ออกเสียงตะกุกตะกักมีความหวาดกลัวและไม่มั่นใจอยู่ในนั้นจะไม่ให้เธอรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เธอเพิ่งจะทำปากดีใส่เขามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ยินดีนะครับที่เราได้เจอกันอีกครั้ง”
พิรภพยกหลังออกจากพนักเก้าอี้นั่งชันข้อศอกขึ้นสองมือกุมกันส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูเจ้าเล่ห์ให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางของคนที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
“คุณคงไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรแล้วใช่ไหมคะเอาเป็นว่าฉันเข้าใจถ้าคุณจะไม่รับฉันเข้าเป็นเลขแต่อยากจะบอกคุณว่าทุกคำที่ฉันพูดมันถูกต้อง คุณไม่ควรจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นถึงแม้ว่าบริษัทนี้จะเป็นของคุณก็ตามแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้พลังงานทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบไหนก็ได้เพียงเพราะมีเงินจ่าย.... ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสฉันได้มาถึงขั้นตอนสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ฉันลาล่ะค่ะ”
หญิงสาวในชุดทำงานที่เป็นชุดเดียวและชุดแรกของเธอลุกขึ้นยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางเหมือนคนที่กำลังสิ้นหวังแต่ก็ยังมีความมั่นใจในสิ่งที่พูดอยู่ในที
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ”
ท่านประธานบริษัทผู้ตามหลังก่อนที่คุณขวัญจะเปิดประตูห้องและเดินออกไปโดยที่ไม่เหลียวมามองคนพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาพูดแบบนี้ต้องการสื่อถึงอะไรเธอรู้ก็แค่เพียงว่าเกมนี้เธอแพ้แล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าทำไมเธอเข้าไปแค่ไม่กี่นาทีเอง”
ยุวดีที่นั่งรออยู่หน้าห้องรีบลุกขึ้นไปหาคุ้มขวัญด้วยท่าทางแปลกใจเพราะเก้าคนที่ผ่านมาท่านประธานบริษัทสัมภาษณ์ทุกคนอย่างเข้มข้นบางคนใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีแต่สำหรับคุ้มขวัญเธอเพิ่งหายเข้าไปในห้องท่านประธานได้ไม่ถึงสิบนาทีเอง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะท่านประธานคงมีคนที่ท่านเลือกไว้แล้วหนูเป็นคนสุดท้ายท่านเลยไม่อยากจะสัมภาษณ์ให้เสียเวลาขอบคุณพี่ยุวดีมากนะคะที่เอาใจช่วยหนูไว้โอกาสหน้าถ้าทางบริษัทมีตำแหน่งงานอื่นที่เหมาะสมกับหนูมากกว่านี้หนูจะมาสัมภาษณ์ใหม่แล้วเราคงได้พบกันค่ะ”
อดีตเลขาได้แต่ลูบหลังลูบหน้าาปลอบใจเพราะเธอเองไม่มีอำนาจอะไรในการตัดสินใจครั้งนี้และเธอก็เห็นด้วยว่าความจริงแล้วคุ้มขวัญก็ยังมีคุณสมบัติสู้เก้าคนที่ผ่านมาไม่ได้แต่ที่เธอแอบหวังอยากให้หญิงสาวได้งานก็เป็นแค่เพียงเพราะความถูกชะตาเท่านั้น
“บริษัทนี้รับพนักงานเพิ่มอยู่บ่อย ๆ ไว้พี่จะโทรศัพท์ไปหาตามเบอร์ที่เธอให้ไว้ขอให้โชคดีจ้าคุณขวัญ”
สาวน้อยที่เพิ่งพ้นวัยนักศึกษาเธอไม่รู้สึกน้อยใจถ้าเธอจะไม่ได้งานแต่ที่เสียความรู้สึกก็คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ท่านประธานใช้ในการตัดสินใจคงใช้ความรู้สึกส่วนตัวที่โดนเธอต่อว่าเมื่อเช้ามาเป็นเหตุผลในการตัดสินใจด้วย
“เป็นถึงท่านประธานบริษัทใหญ่แต่กลับเห็นแก่ตัวไม่มีน้ำใจเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้อีกหน่อยบริษัทก็คงจะต้องเจ๊งแน่ ๆ ”
คุ้มขวัญบ่นพูดคนเดียวแบบหัวเสียเดินลงบันไดซึ่งความจริงแล้วที่นี่มีลิฟท์แต่เธอแค่รู้สึกว่าความโกรธความโมโหตอนนี้ เธอต้องการระบายมันออกมาและการเดินลงบันไดถึงห้าชั้นน่าจะช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นก่อนที่คืนนี้เธอจะนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้จึงอยากเสียเหงื่อเสียหน่อยเพื่อให้ร่างกายจะได้พักผ่อนสบายในยามค่ำคืน
ตอนที่ 10เพราะรัก ชัยชาญไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลเฉพาะทางที่กรุงเทพแล้ว ตอนนี้เขาสามารถรับยาจากทางโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ได้แล้ว เขาจึงเดินทางกลับมาอยู่ไร่พร้อมหน้าลูกและภรรยา ยี่หวากิจการของเธอเติบโตได้ดีมาก หญิงสาวจึงอยากไปเปิดสาขาที่เชียงใหม่ ส่วนสาขาทางนี้จะให้ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมานานดูแล เพราะเธออยากใช้เวลาอยู่กับบิดาให้มากที่สุด “พี่ว่านช่วงนี้ยี่หวารู้สึกเวียนหัวทุกเช้าเลย บ่ายนี้ว่าจะไปหาหมอเสียหน่อย พี่ว่านไม่ต้องลางานนะคะ ยี่หวาไปคนเดียวได้ ” ชายหนุ่มเดินมาหาภรรยาที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังดีใจ “พี่ว่ายี่หวาต้องท้องแน่ ๆ ” หญิงสาวทำท่าคิดตาม ประจำเดือนของเธอไม่มาสองเดือนแล้ว มัวแต่ยุ่งเรื่องอาการป่วยของพ่อ จนลืมสังเกต “ประจำเดือนก็ไม่มา หรือจะใช่คะ ยี่หวาตื่นเต้นไปหมดแล้ว” “ถ้าแบบนี้ บ่ายนี้รอพี่มารับนะ พี่ไม่ยอมให้ไปคนเดียวหรอก เรื่องแบบนี้คุณพ่อต้องไปด้วย” สิ่งที่ทั้งคู่รอคอยก็สมหวัง ยี่หวาท้องได้หกสัปดาห์แล้ว หญิงสาวได้รู้จักความรักในอีกแบบ จากความรักในฐานะลู
ตอนที่ 9คืนวันแต่งงาน 2 เดือนผ่านไป งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แขกที่เชิญมาส่วนมากเป็นเพื่อนที่ทำงานของว่านและญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนมาถึงช่วงที่แขกกำลังทยอยกลับ อยู่ดี ๆ ชัยชาญก็ล้มลงไปนอนกองกลับพื้น ทุกคนในงานต่างตกใจ ยังโชคดีที่ในงาน มีแฟนของเพื่อนที่ทำงานว่านเป็นพยาบาลจึงช่วย ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ รถพยาบาลมาถึง ชัยชาญถูกส่งตัวไปยังห้องฉุกเฉินทันที คุณหมอขอพบกับญาติของคนไข้ ซึ่งตอนนี้ก็มีเพียงยี่หวาที่ตามา เพราะสวรรยาต้องดูลูก “อาการโรคเส้นเลือดหัวใจตีบของคุณพ่อคุณกำเริบ หมอไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้ไม่ทำการรักษา” ยี่หวานั่งอึ้งเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อของเธอป่วยเป็นโรคหัวใจ เธอจึงปรึกษาหาทางรักษาโดยให้คุณหมอช่วยแนะนำเธอหน่อย “พี่ว่านรู้ใช่ไหม ว่าคุณพ่อเป็นโรคหัวใจ” “ยี่หวาถึงพี่รู้ แต่เจ้าตัวเขาไม่ต้องการให้พี่บอก จะให้พี่ทำอย่างไร” หญิงสาวยืนนิ่ง เธอรู้สึกเป็นลูกที่แย่มาก เธอมัวแต่คิดว่าพ่อไม่รัก โดยที่ตัวเธอเองก็ดีแต่รักพ่อแต่กลับไม่ดูแล
ตอนที่ 8รู้จักคำว่ารัก ว่านเห็นว่าท้องฟ้ายังสว่างอยู่ แสงจากดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า เขาจึงชวนยี่หวาไปเดินเล่นในไร่ “ชอบไหมอยู่แบบนี้ ตอนนี้ดีกว่าตอนแรกที่เราสองคนพี่น้องเข้ามาอยู่เสียอีก ตอนนั้นไม่มีไฟฟ้า เราต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ” หญิงสาวมองออกไปยังภูเขาที่อยู่ห่างจากไร่ไม่มากนัก เหมือนเธอกำลังมองสิ่งที่ยังมาไม่ถึง “บางครั้งการอยู่แบบนี้ก็ทำให้เราสงบดีนะคะ ตอนอยู่อังกฤษชีวิตมีแต่การแข่งขัน พอกลับมากรุงเทพก็มีแต่ความวุ่นวาย แต่เป็นความวุ่นวายที่เหงามาก ๆ ” คนตัวสูงจับมือหญิงสาวแน่น ก่อนจะพาเธอเดินไปยังแปลงผักสวนครัวที่อยู่ด้านหลังของบ้าน “พี่พามาดูร้านขายผักส่วนตัว พี่ยามาอยู่ที่นี่เธอแทบไม่ได้ใช้เงิน ตอนยังไม่คลอดเธอรับงานแค่เพียงสองงาน ทุกวันนี้ยังไม่ได้ใช้เงินเลย อาหารทุกอย่างหาได้จากที่ไร่นี้” ทั้งสองคนพากันเดินดูรอบ ๆ ไร่ แต่ก็ก็ยังไปไม่สุดทาง เพราะที่ดินผืนนี้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าไม่กว้างมาก แต่ยาวไปถึงลำธารที่อยู่ด้านหลัง “ใกล้มืดแล้วเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้พี่จะพาไปดูไร่ของพี่บ้าง ตอนนี้คุณชัยชาญ
ตอนที่ 7น้องสาว อาการของยี่หวาไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ร้านก็มีลูกน้องคอยดูแลอยู่ ว่านจึงตัดสินใจพูดกับหญิงสาวเรื่องที่เขาจะชวนเธอไปหาหลานของเขาซึ่งคือน้องสาวของเธอนั่นเองที่เชียงใหม่ “ยี่หวาพี่ลาพักร้อนได้หลายวัน อยากจะชวน...” “ไปเชียงใหม่ใช่ไหมคะ ได้สิจะได้ไปพักผ่อนด้วย” หญิงสาวอ่านใจอีกฝ่ายได้ถูก ว่าเขากำลังต้องการจะพูดอะไรถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น ว่านดีใจที่ทุกอย่างมันดีกว่าที่เขาคิด ก่อนจะพูดเขากังวลเสียตั้งนาน กลัวหญิงสาวจะอารมณ์ไม่ดีใส่เขา ชายหนุ่มคิดในใจว่าตอนนี้ ยี่หวาคงให้อภัยพี่สาวของเขาและรู้จักคำว่ารักมากขึ้น ว่านอ่านหัวใจของหญิงสาวที่กำลังเดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องนอนผิดหมด เธอไม่ได้ให้อภัยถึงแม้เธอจะรู้จักความรักมากขึ้นก็ตาม ตอนแรกยี่หวาเกือบจะรู้สึกดีขึ้นกับสวรรยาแต่ทุกอย่างก็มาจบลงเมื่อแม่เลี้ยงของเธอดันมีลูก ความแค้นก็กลับมาอีกครั้ง การยอมไปเชียงใหม่ครั้งนี้ หญิงสาวต้องการไปดูชัยชนะ เพราะเธอรู้สึกว่าการที่พ่อของเธอไม่เอาสมบัติอะไรติดตัวไปเลย มีแค่เงินบำนาญที่ไม่ได้มาก ชีวิตความเป็นอยู่ของแม่เลี้ย
ตอนที่ 6กำลังใจ ความใกล้ชิดของทั้งสองคนเกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้ มารู้อีกทียี่หวาก็รู้สึกเหงาทุกครั้งที่ว่านต้องไปทำงาน หญิงสาวจากที่วัน ๆ ไม่เคยทำอะไร เธอก็เริ่มฝึกทำงานบ้าน ทำกับข้าวไว้รออีกฝ่ายกลับมาจากทำงานตอนเย็น ว่านกลับมาจากทำงานก็เกือบมืดทุกวัน เพราะรถติดมาก ยี่หวายังทำใจแข็งไม่ยอมให้รถว่านไปใช้ เพราะเธอก็คิดว่าถึงเธอจะให้ยืมเขาก็คงไม่เอา “กลิ่นหอมเชียววันนี้ทำอะไรกิน” ว่านกลับมาพร้อมกับหิ้วท้องแสนหิวกลับมาด้วย เพราะเขารู้ว่าต้องมีกับข้าวและหญิงสาวคอยกินข้าวอยู่ “น้ำพริกเผาหน้าปากซอย ผักต้มตามรั้วบ้าน แกงส้มผักรวมแล้วก็ปลานิลทอดค่ะ” ยี่หวารับกระเป๋าทำงานจากมือของว่านก่อนจะทำท่าให้อีกฝ่ายไปล้างมือก่อน “ร้านขนมไปถึงไหนแล้ว ได้ออกไปดูบ้างไหม หรือเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน” ว่านกลัวว่ายี่หวาจะมัวแต่สนใจทำงานบ้าน จนลืมไปว่าตัวเองกำลังจะเปิดร้านขายขนม “วันนี้มีแค่เอาอุปกรณ์มาส่งค่ะ พรุ่งนี้ช่างจะมาติดตั้งและสอนวิธีการใช้ เออ...พี่ว่าน ยี่หวาได้ลูกน้องแล้วนะคะ คุณครูสมัยมัธยมที่สอนทำขนมหาให้ สองคนมาทำงานแ
ตอนที่ 5ทำไมมันเหงา ว่านตัดสินใจที่จะเลิกใช้ชีวิตเจ้าชู้ เพราะเขาเห็นความเสียใจของยี่หวา ทำให้เขาคิดถึงผู้หญิงหลาย ๆ คนที่เขากำลังคบซ้อนอยู่ เขาได้งานทำสำเร็จตามต้องการ วันนี้เขาตัดสินใจที่จะบอกเลิกกับผู้หญิงที่เชียงใหม่ ที่เขาคบไว้สองคน แต่สองคนนี้ไม่ใช่คนที่เขารู้สึกยากที่จะเลิกรา แต่คนที่สำคัญคือวนิดา เพื่อนสมัยเรียนที่กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นพ่อของนิดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่เชียงใหม่และว่านก็เห็นเหตุการณ์ จึงทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน วนิดาคือรักแรกในชีวิตของว่าน แต่เธอไม่เลือกเขากลับไปเลือกรุ่นพี่อีกคณะ จนนิดามารู้ทีหลัง ว่ารุ่นพี่มีภรรยาอยู่แล้ว ในวันที่พ่อของเธอเสีย ว่านจึงเป็นที่พักใจให้กับเธอ และทั้งคู่ก็ตกลงคบกัน คำว่าเพื่อนและคำว่าสงสารคือสิ่งที่ค้ำคออยู่ ว่านจึงไม่กล้าพอที่จะบอกให้วนิดารู้ว่า เขาไม่ได้คิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อนอีกแล้ว “นิดาเย็นนี้เรามากินข้าวเย็นด้วยกันหน่อยได้ไหม” ว่านตัดสินใจแล้ว ที่จะต้องบอกความรู้สึกทั้งหมด เขาไม่อยากทำร้ายหัวใจของเพื่อนมากไปกว่านี้ วนิดาตกใจมาก เพราะเธอคุ