ลัลนากวาดสายตามองพื้นที่แปลกใหม่รอบๆ ตัวเมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้ามาในอาณาเขตบ้าน หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ได้ ทั้งสวนดอกไม้กว้างใหญ่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ต้นไม้สูงใหญ่ที่ดูมีอายุนับร้อยปี บ่งบอกถึงการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ดูท่าเจ้าของบ้านน่าจะชื่นชอบธรรมชาติดอกไม้และต้นไม้เป็นพิเศษ
"ถึงแล้ว" คนขับรถพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ลัลนาปรายตามองคนที่ไม่เปิดปากพูดสักคำตั้งแต่เธอขึ้นรถมาจนถึงบ้าน
เมื่อเห็นเขาจอดรถสนิทเธอตั้งท่าจะเปิดประตู แต่กลับต้องชะงักเมื่อคนข้างๆ ยื่นมือมารั้งกันไว้ก่อน
"คะ?"
"ตกลงกันก่อน"
"เรื่องอะไรคะ"
"คุณจะแต่งงานกับผมใช่ไหม" ลัลนาจ้องมองคนหน้านิ่งที่พูดเรื่องแต่งงานด้วยสีหน้าไม่แสดงความรู้สึก น้ำเสียงเขาไม่บ่งบอกถึงความสนใจหรือความเบื่อหน่าย ถ้าใครมารู้ว่าดาวร้ายชื่อดังระดับประเทศอย่างเธอ มีแต่คนจองตัวจองคิวร่วมงาน ทั้งดาราไฮโซตามจีบเพียบ แต่กลับโดนขอแต่งงานด้วยท่าทางซังกะตายแบบนี้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
"นั่งรถมากับคุณขนาดนี้ก็ต้องแต่งแล้วละค่ะ" เธอจึงอดพูดประชดกลับไปไม่ได้ อยู่ๆ เมื่อเช้าก็โทรมาบอกว่าคุณหญิงรจณีอยากเจอเธอ ลัลนาซึ่งช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีงานจึงรับปากอย่างไม่คิดมาก อย่างน้อยคุณหญิงรจณีก็เป็นผู้มีพระคุณของยายผกาที่เลี้ยงดูเธอมา และสิ่งที่เขาเสนอมาคราวนั้นเธอก็สนใจอยู่ไม่น้อย เธอจึงตกปากรับคำมากับเขาง่ายๆ
แต่ใครจะไปคิดว่าคุณหมอหนุ่มที่มารับเธอ หลังจากที่ลัลนาขึ้นรถแล้ว นอกจากการพยักหน้าทักทายเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปเปิดเพลงคลาสสิคเพื่อไม่ให้รถเงียบจนเกินไป หลังจากนั้นก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ เมื่อเห็นว่าเขานิ่ง เธอก็นิ่งบ้าง จนเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าบ้านเขา
"อย่างที่ผมบอกไป การแต่งงานครั้งนี้เป็นผลประโยชน์ที่เราตกลงกันแล้ว ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน เราแค่ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายอะไรกัน...." พอเห็นเขาพูดอะไรยาวๆ แบบนี้ เสียงนุ่มทุ้มของเขาก็น่าฟังอยู่เหมือนกัน ไหนจะใบหน้าเรียวยาวสง่าโดดเด่น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวยราวกับผู้หญิง สันกรามคมชัด แถมใบหน้ายังเรียบเนียนไม่มีสิวสักเม็ด พอมีโอกาสได้สำรวจเขาจริงๆ นี่มันเบ้าหน้าฟ้าประทานชัดๆ หล่อกว่าพระเอกหลายคนในวงการด้วยซ้ำ หรือจะชวนเขาเข้าวงการดีนะ แล้วเธอจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เขาเอง เผลอๆ เปอร์เซ็นต์ที่เธอจะได้รับมากกว่าที่เธอทำงานทุกวันนี้อีก
"คุณติดอะไรไหม"
"คะ?" ลัลนากะพริบตางุนงงเล็กน้อยเมื่อหลุดออกจากภวังค์ เห็นหัวคิ้วเขามุ่นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด จำได้ว่าตั้งแต่คุยกันมา เมื่อกี้เหมือนเขาจะพูดยาวที่สุดตั้งแต่เจอกัน
"คุณไม่ได้ฟัง?" เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด สีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด
"ผมถามว่าคุณมีเงื่อนไขอะไรไหมในการแต่งงานครั้งนี้" เขาบอกส่วนของตัวเองไปหมดแล้ว จึงถามความต้องการของเธอบ้าง
"ถ้าคุณมีใครก็บอกกันตรงๆ อย่าหลอกกัน" ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานโดยปราศจากความรัก แต่เธอขอแค่ความจริงใจในเรื่องนี้ เธอไม่มีความคิดจะเอาบ่วงเรื่องนี้มาผูกติดรั้งใคร ถ้าในวันหนึ่งเขามีคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตด้วยจริงๆ ก็ควรบอกกัน ลัลนาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนขัดขวางความรักของใคร
"..."
"หรือคุณติดอะไร" เมื่อเห็นเขาเงียบไป เธอจึงเอ่ยถามย้ำ
"ไม่มี...คุณก็ระวังตัวเองหน่อยก็พอ" คนตัวสูงตอบเสียงเรียบ ก่อนจะปรายตามองเธออย่างจับผิด
"หมายถึงเรื่องอะไร?"
"อดีตที่ผ่านมาก็แล้วไป แต่ถ้าเราแต่งงานกันแล้วคุณเป็นคนของทวีธำรงกิจ เพราะฉะนั้นอะไรที่เคยทำก็อย่าทำ" ลัลนาจ้องคนตรงหน้านิ่ง รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก็คงจะไม่พ้นเรื่องข่าวคาวในวงการของเธอ โดยเฉพาะเรื่องที่เธอมักเป็นข่าวในทำนองชู้สาวอยู่เสมอ
"คุณไม่ต้องห่วง ฉันรู้อะไรเป็นอะไร" ในเมื่อเขาไม่ถามถึงเรื่องที่ผ่านมา เธอก็ปล่อยให้มันเลยตามเลย ยังไงก็ไม่มีผลต่อชีวิตเธออยู่แล้ว
"อืม" เขาตอบรับสั้นๆ ทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ราวกับว่าคุยเรื่องธุรกิจจบสิ้นแล้ว
"เดี๋ยว" คนตัวเล็กจึงเป็นฝ่ายรั้งเขาไว้บ้างเมื่อคิดบางอย่างได้
"..." เขาเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อเห็นดาราสาวรั้งไว้
"มีข้อตกลงอื่นอีกไหม"
"เช่น?"
"ก็..มีกำหนดไหมว่าเราจะต้องอยู่กันแบบนี้นานเท่าไหร่ แล้วก็..ความสัมพันธ์ของเรามีแค่นี้ใช่ไหม" รพีภัทรสบตาคนถามนิ่ง ตีความหมายในประโยคคำถามได้ไม่ยาก
"ไม่มีกำหนด ถ้าเราคนใดคนหนึ่งอยากจบก็คือจบ"
"..." ลัลนาพยักหน้าตอบรับ สายตาจ้องรอคำตอบอีกข้อที่ถามไป
"ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ที่คุณคงจะหมายถึงทางกาย..."
"..." คนตัวเล็กใบหน้าขึ้นสีเรื่อเล็กน้อยเมื่อเขาพูดออกมาตรงๆ อย่างไม่อาย
"ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอนคุณวางใจได้" เมื่อเขาพูดจบเธอจึงลอบถอนหายใจยาว อย่างน้อยความต้องการก็ตรงกัน ก่อนสายตาจะแปลเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง เมื่อเขาเอ่ยประโยคต่อมา "คุณเองก็ระวังหน่อยละกัน จะทำอะไรก็อย่าประเจิดประเจ้อ"
ไหนใครบอกหมอพีร์สุภาพพูดน้อยไง! ไอ้ที่พูดๆ มาแต่ละเรื่องห่างไกลจากคำว่าสุภาพไปไกลลิบ!
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้