ถึงแม้งานแต่งงานที่จัดขึ้นในวันนี้จะเป็นที่เคลือบแคลงใจของใครหลายๆ คน ทั้งเธอที่เพิ่งจะมีข่าวคาวใหญ่โตในวงการ ส่วนเขาที่ไม่เคยมีข่าวอะไรกับเธอมาก่อน แต่อยู่ๆ กลับมีงานแต่งงานใหญ่โต แทบจะจัดได้ว่าเป็นงานแห่งปีเลยก็ได้
ก็งานเลี้ยงในช่วงเย็นคุณหญิงรจณีเล่นชวนแขกแทบจะทุกวงการของธุรกิจมาร่วมงาน ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานที่เรียกว่าสายฟ้าแลบ แต่ทุกคนที่ได้รับเชิญก็พร้อมใจกันมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง และทั้งหมดนี้มันกลับถูกจัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแทบไม่มีที่ติ
เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าแขกจะต้องเยอะมากๆ ฟังจากที่พี่น้ำตาลภรรยาสาวของพัชระเล่า เพราะรู้ดีว่าครอบครัวเขาค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่คิดว่าภายในเวลาเดือนเดียวแขกจะมาเยอะได้ขนาดนี้
แต่การที่มีแขกมามากมายก็ดีอย่าง เพราะงานระดับนี้ก็เหมือนเป็นการนัดสังสรรค์คุยธุรกิจกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวนอกจากการแสดงความยินดีเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็แทบจะไม่มีคนสนใจสักเท่าไหร่
"คุณพีร์คะ คุณแม่ให้มาตาม ถึงฤกษ์เข้าหอแล้ว" เธอเดินเข้าไปหากลุ่มเจ้าบ่าว เอ่ยบอกถึงกำหนดการที่คุณแม่แจ้งมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะเหนื่อยมากกับการยืนปั้นหน้ายิ้มถ่ายรูปในวันนี้
"ครับ" รพีภัทรพยักหน้าเอ่ยตอบรับเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขารับรู้แล้วเธอจึงเดินกลับไปคุยกับกันตนาถึงคิวงานที่รับไว้
"ทำไมเย็นชาจังวะ" อวัศย์บ่นเพื่อนสนิทตนเองที่นั่งหน้านิ่งกระดกแก้วเหล้าในมือ
"นั่นดิ..มึงนี่แม่งจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีก" ธารณ์เสริมทัพทันทีอย่างเหนื่อยหน่าย เห็นมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียน แต่นี่กับเมียตัวเองแท้ๆ ยังทำท่าทางแบบนี้
"พวกมึงก็รู้นี่" รพีภัทรตอบกลับเสียงเรียบ ทั้งเหนื่อยทั้งหงุดหงิด ไม่คิดว่าแม่จะเชิญแขกมามากมายขนาดนี้ ในนี้ก็มีเพียงเพื่อนสนิทสองคน หมอหมอกและหมอไทม์ที่เขาบ่นด้วยได้ เพราะเพื่อนสนิททั้งสองรู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่แล้ว
"ก็รู้แต่มึงก็อย่าเย็นชามากดิวะ"
"พวกมึงนี่เดือดร้อนอะไรชีวิตกูนักหนา" รพีภัทรบ่นเซ็งๆ ที่เพื่อนดูมาวุ่นวายชีวิตตนเองไม่หยุด
"นี่งานแต่งมึงนะเว้ย ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย เจ้าสาวมึงก็มีชื่อเสียงคนอื่นเขาจะมองไม่ดี" อวัศย์เอ่ยเตือนสติเพื่อน เข้าใจว่ามันคงจะเหนื่อย แล้วยิ่งเป็นการแต่งงานโดยปราศจากความรัก ก็ยิ่งเหมือนไม่มีแรงจูงใจอะไรให้มีความสุขกับงานนี้
"อืม" เมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยเตือน เขาจึงตอบรับง่ายๆ ยอมรับว่าคิดน้อยเกินไปนิด ลืมไปว่างานนี้ทั้งตัวเขาและเธอถูกจับตามองเป็นพิเศษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งนี้อยู่แล้ว
"แล้วนั่นอะ จะปล่อยไว้แบบนั้นรึไง ใครมองไม่รู้นึกว่าคนนั้นเจ้าบ่าวนะนั่น" ธารณ์แกล้งพูดให้เพื่อนสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า ที่เจ้าสาวของงานกำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มในชุดทักซิโด้ เคียงคู่กันราวกับคู่รัก
"ทำไม?" รพีภัทรหันกลับมาถามเพื่อนอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่สื่อ
"โอ๊ยยย กูล่ะยอม นั่นเมียมึงไง กำลังโดนหม้ออยู่" ธารณ์เอ่ยพูดอย่างหงุดหงิด
"หม้ออะไร ใครๆ ก็รู้ว่านี่งานแต่งกูกับเขา"
"มึงนี่อยู่คนละขั้วกับไอ้หมอกจริงๆ ถ้าเป็นใบชานะ.."
"เฮ้อ! ปล่อยมันไปเถอะไอ้ไทม์ คุยกันก็ไม่รู้เรื่องเปล่าๆ" อวัศย์ที่โดนพาดพิงเอ่ยบอกเพื่อนให้หยุดพูดถึงเรื่องที่รพีภัทรไม่น่าจะสนใจ ที่สำคัญดันมายกตัวอย่างถึงแฟนสาวตนเอง แค่คิดก็เริ่มหงุดหงิด ถึงแม้จะมองไปเห็นใบชาแฟนสาวกำลังยืนคุยกับพระพายน้องสาวตนเองอยู่ก็ตาม
"แต่มึงเชื่อกูสิ..กูมั่นใจ"
"อะไร" รพีภัทรและอวัศย์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทถามกลับอย่างพร้อมเพรียง
"พวกมึงไม่ต่างกันหรอกเรื่องขี้หวง" ธารณ์ยกยิ้มมุมปากตอบกลับ "โดยเฉพาะมึงไอ้พีร์ ถึงจะไม่พูดแต่กูดูออก"
"ไม่มีทาง" รพีภัทรตอบกลับอย่างมั่นใจ เขาไม่เคยมีอาการเหมือนอวัศย์ หึงหวงใบชาไม่เข้าเรื่อง จนทะเลาะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
"คอยดูไหมล่ะ พนันเลยก็ได้" ธารณ์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยท้าพนันท่าทางสนุก
"ได้"
อวัศย์หันมองเพื่อนสนิทสลับกันไปมาซ้ายขวาอย่างมึนงง เมื่อเห็นรพีภัทรตอบรับด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจก็ร้องท้วงบ้าง
"เห้ยๆ! อะไรของพวกมึงกันวะเนี่ย"
"มึงเอาด้วยป้าว" ธารณ์หาแนวร่วมทันที อวัศย์เห็นท่าทีเพื่อนสนิททั้งสองก็ลอบถอนหายใจก่อนจะตกลงรับคำ
"มากูเอาด้วย"
"สองแสน!" หมอไทม์ชูสองนิ้วยักคิ้วยียวนไปให้เจ้าบ่าว
"ห้าแสน!"
"ไอ้พีร์!" อวัศย์ร้องเหวออย่างตกใจเมื่อเพื่อนสนิทเอ่ยเพิ่มจำนวนเงินใบหน้าเรียบเฉย
"เออ!"
รู้ว่ารวยกัน แต่พวกมึงจะโปรยเงินเล่นแบบนี้ไม่ได้!
"ไอ้หมอกมึงเอาไง" อวัศย์มองซ้ายมองขวาอย่างมึนงง ว่าเรื่องราวมันมาถึงตอนนี้ได้ยังไงวะเนี่ย ก่อนจะสูดหายใจลึกตัดสินใจเลือกฝั่ง
"กูเลือกไอ้ไทม์" รพีภัทรเบือนหน้าหนีลอบหัวเราะในลำคอทันที เมื่อเพื่อนประเมินเขาแบบนั้น
"ดีล" ธารณ์ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี มองตามหลังเจ้าบ่าวที่เดินไปหาเจ้าสาวอ้างว่าจะตามไปเข้าพิธีเข้าหอตามที่คุณหญิงรจณีวางฤกษ์ไว้
"ทำไมมึงมั่นใจจังวะ" อวัศย์ละสายตาจากเพื่อนสนิท เอ่ยถามคนข้างกาย
"เซนส์"
"เซนส์เนี่ยนะ!"
"เออ ต้องมีอะไร" ธารณ์ยกแก้วกระดกเครื่องดื่มในมืออย่างอารมณ์ดี
"ต้องมีสมองด้วยไงไอ้ห่า ตั้งห้าแสน"
"เจ้าของโรงบาลอย่างมึงเนี่ยนะบ่นเรื่องเงินห้าแสน" หมอไทม์เหล่มองเพื่อนอย่างหมั่นไส้
"นั่นของแม่กูเว้ย" อวัศย์บ่นเพื่อนเซ็งๆ เงินห้าแสนเอาไปเปย์ใบชาดีกว่า เมื่อวานแอบเห็นแฟนสาวมองกระเป๋าที่วางโชว์อยู่ในช็อปด้วย ตอนไปเดินห้างกัน เอ๊ะ! หรือว่ายกเลิกดีลแล้วไปซื้อกระเป๋าเลยดี
"ไอ้หมอกมึงไม่ต้องเลย จะหาเรื่องยกเลิกดีลกูแน่เลย" ธารณ์พูดดักทางอย่างรู้ทัน เมื่อเห็นท่าทางลังเลของเพื่อนสนิท "เชื่อกูดิมึงได้เงินแน่"
"แค่เซนส์มึงมั่นใจขนาดนั้นเลย?"
"มึงลองดูคุณนาวดีๆ สเปคมันไหมล่ะ ไม่สังเกตเหรอเวลามันลากเด็กกลับบ้านก็ทรงนี้ทั้งนั้น"
"เออว่ะ" อวัศย์คิดตามที่เพื่อนพูด ถึงแม้มันจะไม่มีแฟนเป็นจริงเป็นจัง แต่เรื่องลากเด็กกลับบ้านยอมรับเลยว่าพวกเขาทั้งสามคนไม่แพ้กัน แต่หมายถึงตอนที่เขายังไม่เจอคนรักนะ ตอนนี้เขาไม่เห็นผู้หญิงคนไหนอยู่ในสายตาเลย มีแค่เพียงใบชาคนเดียว
"มึงนี่แม่ง สายตามืดบอดมองไม่เห็นผู้หญิงไปแล้วมั้ง" ธารณ์พูดเหน็บแนมอย่างหมั่นไส้คนหลงเมีย
"เออกูจะคอยดูวันที่มึงตามืดบอดเหมือนกู!"
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้