อันชิงเหมยเดินออกไปไม่สนใจเสิ่นหว่านอี้ว่ามีสีหน้าเป็นเช่นไร
" เหมยเอ๋อ "
เสิ่นหว่านอี้รีบเดินตาม หยางซือหรูเห็นแบบนั้นก็แสร้งเป็นลม
" ท่านพี่"
เสิ่นหว่านอี้ชะงักเท้า รีบพุ่งไปรับตัวหยางซือหรูที่โงนเงนจะล้ม เมื่อถึงตัวนางนางก็ล้มลงในอ้อมแขนของเขาพอดี เสิ่นหว่านอี้ได้แต่มองตามหลังบอบบางของอันชิงเหมยที่ลับตาไป
อยู่ๆหยางซือหรู ก็ตัวร้อนมีไข้ขึ้นมา ทำให้เขาต้องคอยดูแลนางทั้งคืน นางเอาแต่พร่ำเพ้อหาเขา ไม่ยอมให้เขาห่างนางเลยแม้แต่น้อย ในใจของเสิ่นหว่านอี้ตอนนี้ ทุกข์ทรมานราวไฟสุม อยากไปหาอันชิงเหมย อยากขอร้องให้นางให้อภัยเขา แต่ก็ไม่สามารถทิ้งหยางซือหรูไปได้
หยางซือหรูปรายตามองเสิ่นหว่านอี้ ยกยิ้มมุมปาก นางไม่ได้ป่วยไข้หรอก อาศัยความรู้วิชาแพทย์เล็กน้อย ใช้เปลือกไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อเคี้ยวกลืนน้ำมันลงไปสักพัก ตัวจะรุมๆมีไอร้อนเหมือนเป็นไข้ ที่เหลือนางก็เสแสร้งแกล้งเจ็บป่วย เพื่อรั้งเขาไว้ไม่ให้ตามคู่หมั้นของเขาไป
นางเจอเขาครั้งแรกเมื่อกองทัพมาถึงหนานหยาง บิดาของนางที่เป็นเจ้าเมืองไปให้การต้อนรับ นางเองก็ไปด้วย นางสบตาเขาครั้งแรกก็ชื่นชอบ บุรุษหน้าตาคมคาย มีหนวดเคราประปราย ร่างกายสูงใหญ่บึกบึนสมชายชาตินักรบ แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉย แต่นางราวกับต้องมนต์
เมื่อบิดาของนางเชิญชวน เหล่าผู้บัญชากองทัพไปทานอาหารในจวน ที่จัดเตรียมไว้รอพวกเขา เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางแปลกๆ พอนางมองต่ำ ก็เห็นเขาเดินลากเท้าข้างซ้าย นางถึงกับไปไม่เป็น อ่า เขาพิการหรอกรึ ต่อมานางก็ได้รู้ว่าเขาคือรองแม่ทัพเสิ่นหว่านอี้ ผู้นำกองทัพชนะศึกในสงครามคราก่อน ศึกครั้งนั้นได้ยินมาว่าดุเดือดนักจนต้องเสียรองแม่ทัพฟู่ไป แต่ด้วยสติปัญญาของเสิ่นหว่านอี้ อีกทั้งวรยุทธ์ล้ำเลิศ จึงเอาชัยชนะมาได้ เหตุนั้นทำให้เขาต้องขาพิการ
วันรุ่งขึ้นเขาและกองทัพไปตั้งค่ายอยู่นอกเมือง นางจึงอาสาไปด้วย อ้างว่ามีวิชาแพทย์จะได้ช่วยเหลือยามมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ที่นั่นมีทีมแพทย์จากสำนักในวังหลวงอยู่แล้ว5คน มีผู้หญิงอยู่2คน นางจึงนอนร่วมกระโจมเดียวกัน
ต่อมาเขาบาดเจ็บหนัก นางก็อาสาดูแล ความใกล้ชิดยิ่งทำให้นางชื่นชอบเขา ยิ่งเห็นฝีมือในการต่อสู้ของเขาที่เก่งกาจ นางก็ยิ่งคลั่งไคล้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พูดจากับนางมากขึ้น จนศึกที่ยืดเยื้อมาเป็นปีสิ้นสุดลงเมื่อแม่ทัพฝั่งนั้นถูกตัดหัว จากนั้นก็พากันฉลองชัยชนะ ต่างพากันกินดื่มจนเมา นางแอบเอายาพิษ7ราตรีใส่ในเหล้าให้เขากิน เมื่อยาออกฤทธิ์ จึงทำทีไปตรวจให้เขาและบอกว่าเขาถูกพิษ ต้องร่วมรักกับสตรีทุกคืนจนครบ7ราตรีจึงจะถอนพิษได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกธาตุไฟแทรกจนตายได้ นางจึงอาสารีดพิษให้เขา
และนางเองที่เป็นคนบอกบิดาของนาง ว่านางกับเขารักกันจนมิอาจหักห้ามใจ นางเป็นภรรยาของเขาแล้ว บิดาของนางที่รักและตามใจนางจึงรีบจัดงานแต่งให้ แต่นางก็ต้องเสียใจเมื่อเขาปฏิเสธ บอกว่ามีคนรักอยู่แล้วเขาไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง หากต้องการให้แต่งงาน เขาก็จะแต่งแต่ให้นางเป็นได้แค่ภรรยารองเท่านั้น เพราะเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วนางเป็นบุตรของแม่ทัพแดนเหนือ นางทั้งเจ็บใจน้อยใจ ถึงอย่างไรนางก็อยากได้เขา แม้วันนี้จะเป็นรองแต่วันหน้านางจะขึ้นมาเป็นภรรยาเอกให้ได้
รุ่งเช้าเสิ่นหว่านอี้รีบออกจากห้องมุ่งหน้าออกจากจวนจุดหมายคือจวนตระกูลอัน แต่เมื่อผ่านห้องโถงกลับพบหีบหลายใบ พ่อบ้านรีบมาโค้งคำนับ
" รองแม่ทัพ ของพวกนี้เป็นพวกตระกูลอันส่งมาขอรับ พร้อมหนังสือนี่ "
พ่อบ้านส่งหนังสือให้ เสิ่นหว่านอี้เปิดดูก็พบว่ามันคือหนังสือถอนหมั้น แล้วหีบพวกนั้นก็ไม่ต้องเดาว่าคืออะไร เสิ่นหว่านอี้หน้าดำคล้ำด้วยความโกรธ
" แค่ข้ามีเมียเพิ่ม ก็คิดจะถอนหมั้นข้าเลยรึ"
" บอกให้คนขนของพวกนั้นตามข้าไปตระกูลอัน "
ตระกูลอัน
อันชิงเหมย คีบกับข้าวใส่จานให้บิดา มื้อนี้นางเข้าครัวทำอาหารเอง บิดาของนางกลับมาเมื่อคืน เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในวังตามโองการของฮ่องเต้ และจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่นานก็ต้องกลับไปประจำอยู่ชายแดนทางเหนือ เมื่อบิดาของนางรู้เรื่องของนางกับเสิ่นหว่านอี้ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ทั้งยังพอใจที่นางถอนหมั้นอีก
" ท่านแม่ทัพขอรับ รองแม่ทัพเสิ่นมาขอรับ"
อันซูหลุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางตะเกียบในมือลง เขากำลังกินอาหารอร่อยๆพอได้ยินชื่อชายผู้นั้นก็อิ่มขึ้นมาทันที
" คาระวะแม่ทัพอัน "
อันซูหลุนเมินเฉย
" _ "
" เหมยเอ๋อ พี่ "
ยังไม่ทันจะได้พูดต่ออันซูหลุนก็ถามขึ้นมา
" เจ้ามีธุระอะไรถึงมาที่นี่แต่เช้า "
เสิ่นหว่านอี้กวักมือให้คนยกของเข้ามา
" ข้าเอาของหมั้นมาคืน "
" ขนกลับมาทำไม ในเมื่อถอนหมั้นไปแล้ว ก็ควรจะคืนเจ้าถึงจะถูก"
อันซูหลุนหันมามองหน้าเสิ่นหว่านอี้นัยตาดุดัน ฮึ เสียแรงครั้งนึงเคยเอ็นดู เห็นว่ารักกันกับลูกสาวของเขา จึงได้เอ่ยปากยกนางให้ ตอนนั้นบอกรักนางทั้งสัญญากับนางต่อหน้าเขาว่าจะมีนางคนเดียว ไม่รับภรรยาไม่มีอนุให้นางต้องช้ำใจ ผ่านไปปีเดียวกลับกลืนน้ำลายลืมคำพูดตัวเองไปสิ้น เฮ่อ บุรุษดีๆรักเดียวใจเดียวหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ถึงอย่างงั้นก็ยังมีให้อยู่บ้างอย่างเขานี่ไงหล่ะมีภรรยาแค่คนเดียว พอนางตายไปเขาก็ไม่คิดจะมีภรรยาใหม่มาแทนที่แต่กลับทุ่มเทความรักให้บุตรสาวคนเดียว แม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะต้องไปประจำที่ชายแดนก็ตาม
" ข้าไม่ยอมรับการถอนหมั้น "
" ข้าพูดคำไหนคำนั้น เมื่อตัดสินใจไปแล้วไม่เปลี่ยนแน่นอน"
" เหมยเอ๋อ เจ้ายังไม่หายโกรธพี่ พี่รู้ แต่พี่มีความจำเป็นจริงๆ เจ้าจะให้พี่ทำยังไง"
" ท่านไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น กลับไปหาภรรยาของท่านซะ ขนของพวกนั้นกลับไปด้วย "
" ข้าแค่อยากบอกว่านิสัยของท่านอ๋อง เรื่องส่วนตัวของเขา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังบังคับเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูฝูบอกว่าท่านแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ก็แสดงว่าท่านอ๋องรักท่านถึงได้เลือกท่าน ฉะนั้น ต่อให้มีสตรีอื่นอีกนับพันหรือจะงดงามราวเทพธิดาเขาก็ไม่สนใจ ส่วนเรื่องของข้า เขาก็แค่รู้สึกผิดที่เคยนอกใจข้า ก็เลยอยากขอโทษข้าก็แค่นั้นพวกท่านไม่ต้องกังวล คนอย่างข้าอันชิงเหมย เลิกแล้วก็คือเลิก ไม่นิยมกลับไปกินของเก่า"อันชิงเหมยพูดจบก็ยกเหล้าบ๊วยในจอกขึ้นดื่มก่อนจะเดินออกไป ตงฟางเห็นสวี่หานเดินมาทางนี้เลยรีบเดินไปจับแขนอันชิงเหมยยื้อยุด" จะทำอะไร ปล่อยข้า"ตงฟางบีบแผลที่มือของอันชิงเหมยอย่างแรงจนเลือดซึม อันชิงเหมยก็ไม่ยอมบีบแขนของตงฟางที่เป็นเเผลเช่นกัน ยื้อยุดกันไปมาตู้มมมม ตกลงไปในน้ำทั้งคู่ " ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฟางเอ๋อตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที"สวี่หานที่เดินมากับฝูชิงเย่ว ตกลงกันว่าจะเล่นหมากล้อมแต่ขอไปชวนฝูอี้หนิวก่อน พอฝูชิงเย่วเข้าไปในเรือนของฝูอี้หนิวเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย จึงวิ่งตามเสียงไปเห็นฝูฮูหยินยืนอยู่ริมสระน้ำร้องเรียกให้ช่วยด้วย เขามองซ้ายขวาบ่าวรับใช้ไปไหนกันหมด" ช่วยด้วย ท่านอ
" ข้าว่าตอนนี้ให้พวกนางไปทำแผลกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที"" เจ้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่"ฝูซือฟานชี้หน้าหวังเหลียน เฉาซื่อไม่พอใจกำลังจะเดินเข้าไปจัดการ แต่ช้ากว่าหม่าอี้หยวนที่กระโดดถีบฝูซือฟานจนกระเด็น ทุกคนต่างตกใจที่เห็น ไม่คิดว่ากุนซือหม่าอี้หยวนที่สุขุมใจเย็นจะทำเช่นนี้ เพียงเพื่อปกป้องสาวใช้คนหนึ่ง" โทษที เท้าข้ามันไวไปหน่อย ไม่รู้เมื่อกี้อะไรมาเกะกะเท้าข้า ข้ารำคาญก็เลยสะบัดเท้าแรงไปนิดนึง เจ้าไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม "พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วดึงแขนหวังเหลียนออกไป อันเฟยเทียนก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วจูงมืออันชิงเหมยไปเช่นกันฝูอี้หนิวมองตามแล้วพูดขึ้น" ข้าว่าหม่าอี้หยวนกับสาวใช้คนนั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่ พึ่งจะรู้ว่าคนอย่างเขาก็หวงของรักไม่ต่างกับอันเฟยเทียนเหมือนกัน"" เขาเป็นสหายสนิทกัน แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา เรื่องนิสัยใจคอย่อมคล้ายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่หนักเท่าอันเฟยเทียน ข้าขอเตือนพวกเจ้าอย่าทำอะไรอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูอัน รวมทั้งสาวใช้คนนั้นพวกเจ้ามีจุดจบไม่สวยแน่"ฝูชิงเย่วพูดกับฝูอี้หนิว ก่อนจะหันไปบอกตงฟางกับสาวใช้ทั้งสองและฝูซือฟานหมอเดินออกไป ฝูกุ้ยอิงก็เข้าม
ตงฟางเดินมาถึงเรือนตะวันออก เสียงสนทนาที่ดังออกมาทำให้นางหยุดชะงัก" เจ้าว่าท่านอ๋องจะง้อพระชายาสำเร็จไหม"" เฮ้ย อย่าไปเรียกแบบนั้นให้แม่ทัพอันเฟยเทียนได้ยินนะ รายนั้นหน่ะยิ่งขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวยังกะอะไรดี นางกับท่านอ๋องหย่ากันนานแล้ว"" ข้าว่าท่านอ๋องต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้นางกลับมา เห็นว่าเมื่อคืนก็บุกไปหานางที่เรือนเหลียนฮวา แต่ถูกแม่ทัพอันไล่ออกมา"" นางงดงามน่าหลงใหลถึงเพียงนั้น เป็นข้าข้าก็ไม่ยอมปล่อยนางไปหรอก ยังไงก็ต้องง้อนางคืนมาให้ได้"" ดูก็รู้ว่าท่านอ๋องรักนางมากไม่อย่างงั้นคงไม่ไปขอพระราชทานสมรสด้วยตัวเองหรอก ตอนที่นางจากไปพวกเจ้าไม่เห็นรึว่าท่านอ๋องตามหานางอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปเป็นปียังไม่ยอมหยุดตามหานาง จนตรอมใจล้มป่วย "" แต่ว่าที่นางไปจากท่านอ๋องครั้งนั้น ใครๆก็พูดกันว่านางไปกับรองแม่ทัพเซี่ย ยังพูดกันว่านางกับรองแม่ทัพเซี่ยมีความสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ท่านอ๋องก็รู้"" แล้วยังไง ในเมื่อตอนนี้รองแม่ทัพเซี่ยก็ตายไปแล้ว ยังไงท่านอ๋องก็ไม่สนหรอก"" ใช่ๆ ข้าว่านะถ้ารองแม่ทัพเซี่ยยังอยู่ทั้งสองต้องต่อสู้กันแย่งชิงนางกันแน่ๆ"" ท่านอ๋องไปไหนพวกเจ้าเห็นไหม"" ท่านอ๋องออกไ
อันชิงเหมยลุกจากเตียงไปจุดเทียน สวี่หานเดินเข้าไปโอบกอดนาง นางพยายามดิ้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย" ทำไม ทำไมต้องหนีข้ามา ทำไมต้องทิ้งข้าด้วย"นางสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆหยดลงมา" ท่านกับข้าเราจบกันไปตั้งนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น อย่าลืมว่าเราหย่ากันแล้ว"" ไม่ ข้าไม่ยอมรับ ข้ายังไม่ได้ลงชื่อในหนังสือนั่น เจ้ายังคงเป็นภรรยาของข้า"" ท่านลืมไปหรือเปล่าว่านั่นคือราชโองการถึงท่านไม่ลงชื่อ ข้อความในนั้นก็ย่อมมีผล"" ไม่ข้าไม่รับ ยังไงข้าก็ไม่รับ ราชโองการอะไรข้าไม่สนทั้งนั้น"ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง นางดิ้นรนให้เขาปล่อยแต่เขาก็ยิ่งกอดแน่น" ปล่อยข้า"" ไม่ปล่อย ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอีก"" ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านก็รู้ว่าข้ากับพี่เซี่ย"" ข้ารู้ว่าเจ้าก็แค่ประชดข้า เจ้าโกรธข้าเรื่องหว่านลู่ซือ แต่เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรเลย ข้าเห็นนางเป็นเพียงสหายคนหนึ่งเท่านั้น ข้า"" พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง "นางไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้เรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว" แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ได้ประชด ข้ารักพี่เซี่ยถึงได้ยอมอยู่กับเขา เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจข้า อยู่เคียงข้างข้าในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเ
ฝูกุ้ยอิงเห็นตงฟางมองอันชิงเหมย ก็คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวให้นางบ้าง" ฟางเอ๋อ ปลานึ่งซีอิ๊วของโปรดเจ้ากินเยอะๆนะ"" ผัดปลาเปรี้ยวหวานนี่ก็น่าอร่อย ฟางเอ๋อชิมดู"ฝูซือฟานก็คีบเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวให้ตงฟาง" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ พี่สาม"เฉาซื่อมองหน้าตงฟางด้วยความสงสัย" ฟางเอ๋อทำไม"ฝูกุ้ยอิงยิ้มแย้มพูดขึ้น" คือว่าอย่างงี้ ข้าเองมีแต่บุตรชายไม่มีบุตรสาว ช่วงเวลาที่ฟางเอ๋ออยู่ที่นี่นางก็ช่างน่ารักช่างเจรจา มีนางอยู่ด้วยข้าไม่เหงาเลยพอรู้ว่าบิดามารดานางเสียชีวิตไปแล้วนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ข้าก็อดสงสารนางไม่ได้เลยรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ต้องขออภัยคุณชายเฉาด้วยที่ไม่ได้ขอท่านก่อน อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่ชายของนาง""ฝูฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองรับนางเป็นบุตรบุญธรรมถือว่าเป็นวาสนาของนาง ข้าเองยังเป็นกังวลเวลาไปทำหน้าที่ ท่านก็รู้ว่าทหารอย่างข้าชีวิตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เห็นนางมีที่พึ่งข้าก็สบายใจได้แล้ว"" ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางเอ๋อนางเป็นเด็กดีน่ารัก มีนางอยู่ด้วยฮูหยินของข้ามีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว นางเองก็อยากมีบุตรสาวมาตั้งนานแล้ว แต่ก็มีแต่บุตรชายอยากจะตั้งท้องอีกสุขภาพนางก็ไม่ดี ได้ฟางเอ๋อมาทำให้
" ปล่อย "อันชิงเหมยพูดเสียงเย็นชา พยายามดันตัวเขาออก" อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวทหารพวกนั้นรู้นะว่าเราแอบอยู่ตรงนี้"อันเฟยเทียนโบกมือบ๊ายบายพวกทหาร เดินนวยนาดออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นอันชิงเหมยถูกสวี่หานกอดรัดอยู่ เขามองหาก้อนหินแล้วหยิบมันขึ้นมาดีด โป้ก โอ้ยสวี่หานปล่อยอันชิงเหมยเอามือลูบหน้าผากที่ปูดบวมขึ้นมา " เตรียมพร้อมนะ ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว"" อืม แล้วคุณหนูของข้าหล่ะ"" ไม่ต้องห่วง เฟยเทียนไม่ปล่อยให้นางเป็นอะไรหรอก "หม่าอี้หยวนกุมมือหวังเหลียนเอาไว้ มือหนาใหญ่และอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจของนาง หม่าอี้หยวนมองดูพวกทหารพากันวิ่งเอามือปิดตูด เสียงตดดัง ปู้ดป้าด แปร้ดพริบตาเดียว หน้าประตูเมืองก็โล่ง เขาหันมามองหน้าหวังเหลียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็ขมวดคิ้ว " คิดอะไรอยู่ ไปได้แล้ว"้เขาจูงมือนางรีบวิ่งออกไป อันเฟยเทียนจูงมืออันชิงเหมยวิ่งมาอีกทาง มีสวี่หานกับเฉาซื่อตามมาติดๆ เฉาซื่อกับสวี่หานรีบไปเปิดประตูเมือง ทุกคนก็พากันวิ่งหนีออกมา ทหารคนหนึ่งนั่งขี้อยู่ไม่ไกล เห็นกลุ่มคนเปิดประตูเมืองออกไปก็รีบร้องบอก" เร็วเข้ามีคนหนีออกไปแล้ว รีบตามไปเร็ว"ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะทหารแต่ละคนต่าง