共有

บทที่ 3 เรื่องราวของหยางซี

last update 最終更新日: 2025-08-02 14:32:35

คนตระกูลหลินทั้งหมดถูกลงโทษโบยคนละสามสิบไม้ตามที่หยางซีสั่ง สภาพของพวกเขาย่ำแย่เป็นอย่างมาก นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องมาเสียเงินค่าทำขวัญให้กับคนตระกูลไป๋ถึงสามร้อยตำลึงอีกด้วย เงินจำนวนนั้นไม่น้อยเลย แต่ถึงแม้จะโมโหมากเพียงใด แต่ยามนี้ยังไม่ใช่เวลามาผูกใจเจ็บ รอให้พวกเขาหายดีแล้ว ค่อยเอาคืนก็ยังไม่สาย

ไป๋เยว่ซินมองดูคนตระกูลหลินที่ถูกหามกลับจวนไปด้วยแววตาที่เรียบเฉยคราหนึ่ง เรื่องการทำโทษคนเช่นนี้นางเคยเห็นมาจนชินตาเสียแล้วจึงไม่ได้รู้สึกตกใจอันใด นางกำตั๋วเงินสามร้อยตำลึงในมือเอาไว้แน่น ก่อนจะเก็บมันยัดใส่แขนเสื้อของตนเอาไว้ แต่ก่อนเงินเพียงเท่านี้ไม่นับเป็นใดสำหรับนาง นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ตอนเสด็จแม่ยังมีชีวิตอยู่นางไม่เคยขาดแคลนเงิน แต่หลังจากเสด็จแม่ตายจากไปก็ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่ถึงกับขัดสน

อย่างน้อยด้วยฐานะของนางตอนนี้ เงินจำนวนเท่านี้นับว่าไม่น้อยเลย มันอาจจะทำให้นางเอาไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย

นับแต่นี้นางจะต้องเผชิญชีวิตด้วยตนเอง ความสุขสบายในกาลก่อนนั้น นางจะลืมมันไปเสียให้หมดสิ้น

ไป๋เซียงมองน้องสาวตนด้วยแววตาสับสนเป็นอย่างมาก นางจำได้ว่าแต่ก่อนน้องเล็กมีนิสัยอ่อนโยน ขี้กลัวคนไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ ทว่าตั้งแต่น้องเล็กฟื้นขึ้นมาจากการล้มป่วยปางตายในครั้งนั้น กลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

นางสงสัยยิ่งนัก บางคราน้องเล็กก็ดูห่างเหินกับพวกนาง อีกทั้งนางยังรู้สึกว่ามีรัศมีของความสูงส่งอย่างแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากกายของน้องเล็ก

แต่ถึงแม้น้องสาวจะเปลี่ยนไปอย่างไร ในใจของไป๋เซียงก็ยังคงรักและเอ็นดูน้องเล็กของนางอยู่เช่นเดิม

เมื่อเห็นว่าไม่มีอันใดแล้ว นางจึงพาไป๋เซียงกลับบ้าน ระหว่างนั้นยังซื้อเนื้อหมูและเนื้อวัว รวมถึงผักสดอีกหลายอย่างติดมือกลับไปที่จวนอีกด้วย

อีกไม่นาน ท่านลุง ท่านพ่อและพี่ชายของนางก็จะกลับมาจากต่างอำเภอแล้ว 

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่านางเกาและนางหลี่กำลังยืนรอพวกนางด้วยความร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะบุตรสาวหลานสาวทั้งสองออกไปด้านนอกนานมากแล้วยังไม่กลับมาเสียที ไป๋เซียงจึงทำได้เพียงอธิบายให้พวกนางฟังอย่างละเอียดว่าเกิดเรื่องใดขึ้น นางเกาและนางหลี่เมื่อฟังจบก็ถึงกับอกสั่นขวัญหาย รีบเข้ามาสำรวจดูไป๋เยว่ซินและไป๋เซียงยกใหญ่ 

ไป๋เยว่ซินเคยชินกับท่าทางเช่นนี้ของพวกนางไปเสียแล้วจึงไม่ได้รู้สึกว่าผิดแปลกอันใด 

"ป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านแม่ วันนี้ข้าซื้อเนื้อหมูมาด้วย ข้าอยากให้พวกท่านได้กินของดีดีบ้าง วันนี้ข้าจะเข้าครัวเองเจ้าค่ะ"

นางเกาผู้เป็นป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อได้ฟังก็รีบปรามทันที

“เจ้าเพิ่งหายป่วยจะมาทำงานหนักไม่ได้ ป้าสะใภ้จะเป็นคนทำเอง เจ้าไปพักเถอะ"

ไป๋เยว่ซินรีบโต้แย้งทันที นางใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งจนคนในจวนยอมให้นางไปทำอาหาร

ไป๋เยว่ซินเดินเข้าในห้องครัว พบว่าของใช้ต่างๆค่อนข้างเก่ามากแล้วแต่ยังใช้งานได้อยู่ ไม่ไกลกันนักมีฟืนแห้งที่ใช้ก่อไฟวางกองอยู่

"อาหลิง เจ้ามาช่วยข้าก่อไฟที"

อาหลิงพยักหน้า ก่อนจะรีบมาช่วยก่อไฟ แม้นางจะอายุยังน้อยแต่กลับทำงานคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ไป๋เยว่ซินจ้องมองอาหลิงด้วยแววตาสนใจ

ก่อนหน้านี้ไป๋เซียงเล่าให้นางฟังว่า อาหลิงนั้นกำลังจะถูกขายไปที่หอนางโลม นางวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่รู้สึกสงสารจึงนำสินเดิมของตนส่วนหนึ่งมาซื้อตัวอาหลิงไว้ นับแต่นั้นอาหลิงก็ขอรับใช้พวกนางอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่รับเงินเดือน ขอเพียงมีข้าวกินก็พอ แต่ถึงอย่างนั้นคนในตระกูลไป๋ก็ไม่เคยมองอาหลิงเป็นสาวใช้ซ้ำยังไม่เคยทารุณนาง กลับเอ็นดูนางเหมือนหลานสาวคนหนึ่งด้วยซ้ำ

"เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะพี่เยว่ซิน"

ไป๋เยว่ซินพยักหน้าก่อนจะให้อาหลิงไปล้างผักและเตรียมลงมือทำอาหาร

อย่างไรย่อมต้องกินใช้ให้ประหยัด นางจึงไม่ได้ทำอาหารหลายอย่างมากนัก เพียงผัดผักใส่หมูหนึ่งจาน น้ำแกงกระดูกหมูหนึ่งถ้วย และต้มโจ๊กเอาไว้ ถึงจะมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างแต่ก็นับว่าดีกว่าหลายวันก่อนมากนัก

แม้นางจะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่เสด็จแม่ของนางไม่เคยสอนให้นางใช้คนจนเคยตัว เรื่องเล็กน้อยใดที่ทำด้วยตนเองได้เสด็จแม่ล้วนสอนนางทั้งหมด เรื่องทำอาหารนั้นเสด็จแม่ของนางเก่งกาจไม่น้อยเลย อีกทั้งยังถ่ายทอดความรู้ให้กับนางทุกอย่าง นางถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงสามัญชนทั้งที่เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดทุกอย่าง เสด็จแม่ล้วนตามใจนาง มีครั้งหนึ่งนางอยากเรียนวรยุทธ์เสด็จแม่ก็ตามใจให้นางเรียน ชีวิตของนางตอนที่มีเสด็จแม่นับเป็นช่วงเวลาที่ดีมากยิ่งนัก

เมื่อต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในร่างผู้อื่นที่ยากจนถึงเพียงนี้ นางจึงไม่ได้รู้สึกยำแย่เท่าใดนัก

ชีวิตของคนเราก็มีเพียงเท่านี้ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครที่สามารถเอาสิ่งใดติดตัวไปได้ยามหมดลมหายใจ เช่นนั้นแล้วจะยึดติดกับฐานันดรศักดิ์และของนอกกายไปทำไมกัน

อาหลิงมองดูไป๋เยว่ซินทำอาหารด้วยความสนใจ นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสองปีจึงมองทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"พี่เยว่ซิน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านมีฝีมือทำครัวเก่งกาจถึงเพียงนี้"

ไป๋เยว่ซินยิ้มให้อาหลิง เมื่อเห็นอาหลิงยิ้มแย้มร่าเริงมันก็ทำให้นางหวนคิดถึงเหล่านางกำนัลน้อยในตำหนักของนางที่ถูกสังหารตาย ใจของไป๋เยว่ซินก็พลันรู้สึกหดหู่ขึ้นมา

คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพียงเพราะภักดีกับนาง ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก

นางไม่อยากคิดอันใดให้มากความอีก จึงรีบทำอาหารและให้อาหลิงยกเข้าไปที่โต๊ะอาหารกลางเรือน

นางเกาและนางหลี่นั้น หลังจากที่กินอาหารอิ่มแล้วก็มานั่งรับลมที่ศาลาใต้ต้นไม้ พลางสนทนาอันใดไปเรื่อยเปื่อยและช่วยกันเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เด็กๆ พวกนางสองคนเองก็สงสัยที่ไป๋เยว่ซินเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่ได้คิดอันใดมากนัก เพียงคิดว่าอาจเพราะไป๋เยว่ซินเติบโตขึ้นมากแล้วจึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเช่นนี้

ท้องฟ้าในคืนนี้ข้างค่อนแจ่มใส แสงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ดอกบัวในสระน้ำเอนสะบัดพลิ้วไหลไปตามแรงลมช่างดูงดงามนัก

ไป๋เยว่ซินนั่งอยู่ที่นอกระเบียงบ้าน ยามนี้เป็นช่วงฤดูร้อนอากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวอยู่บ้าง นางเหม่อมองไปบนท้องฟ้าพลางครุ่นคิดเรื่องต่างๆไปเรื่อยเปื่อย

การได้พบกับหยางซีอีกครั้ง ทำให้นางรู้สึกคิดไม่ตก นางไม่รู้ว่าเหตุใดอยู่ๆเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่

แต่คิดเช่นไรนางก็คิดไม่ออก ไป๋เยว่ซินรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก จึงกลับเข้าไปนอนพักในห้องนอน

ด้านหยางซีนั้นหลังจากที่กลับมาถึงเรือนพักแล้ว เขาก็จัดการสั่งสอนนายอำเภอเจี่ยงไปหลายคำรบ นายอำเภอเจี่ยงถึงกับร้องไม่เป็นภาษา

"ฮือ นายท่าน ข้าน้อยไม่กล้าแล้ว ต่อไปไม่กล้าแล้วขอรับ ไม่กล้ารับสินบนผู้ใดส่งเดชอีกแล้ว ผู้ใดจะทราบกันว่าท่านจะถูกตาต้องใจแม่นางน้อยไป๋ผู้นั้น!"

"หุบปาก!"

นายอำเภอเจี่ยงสะดุ้งโหยงไม่กล้าเอ่ยวาจาส่งเดชอีก หลายปีมานี้ที่เขามีหน้ามีตาล้วนเป็นเพราะบารมีของนายท่านทั้งสิ้น เดิมทีเขาก็เป็นเพียงคนไม่เอาไหน เป็นเพียงบัณฑิตยากจน หลังจากภรรยาแขวนคอตายจากไปก็ทิ้งบุตรชายวัยสิบปีให้เขาคนหนึ่ง เขาสอบไม่ติด ทำอันใดก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เพราะได้พบนายท่านช่วยให้เขาและบุตรชายมีชีวิตดีขึ้นและมีหน้ามีตาเป็นถึงนายอำเภอ เขาจึงมีทุกวันนี้ได้ หากไม่ได้นายท่านมีหรือที่ชายวัยสามสิบกว่าอย่างเขาจะเป็นถึงนายอำเภอที่ผู้คนนับหน้าถือตาได้

นายท่านดีกับเขามาก ช่วยฉุดให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เขากลับหน้ามืดตามัวหลงระเริงในอำนาจไปเสียได้

เมื่อคิดถึงคหบดีหลินเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม

หยางซีที่มองเห็นท่าทีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของนายอำเภอเจี่ยงก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง คนเรานี่หนอ ตนเองก็มีส่วนผิดแต่ยามเกิดเรื่องกลับมองเห็นเพียงด้านเลวของผู้อื่น แต่กลับไม่มองด้านเลวของตน!

เพราะรีบร้อนเดินทางมา หยางซีจึงยังไม่ได้หาที่พักจำต้องมาพักอยู่ที่จวนนายอำเภอเจี่ยงก่อน ส่วนเจี่ยงเฉินบุตรชายของเจี่ยงเฉานั้นเป็นเด็กน่ารัก ไม่เหมือนบิดาย่อมไม่สร้างความลำบากใจให้เขาอยู่แล้ว

เขาปรายตามองนายอำเภอเจี่ยงก่อนจะเอ่ย

"นับแต่นี้ไปอย่ายุ่งกับคนตระกูลไป๋นั่นอีก กลับกันเจ้ายังต้องปกป้องพวกเขาด้วย"

นายอำเภอเจี่ยงเมื่อได้ฟังก็ย่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย

"นายท่าน ข้าน้อยไม่เข้าใจจริงๆขอรับ ท่านไม่เคยรู้จักกับพวกเขามาก่อน เหตุใดจึง..?"

"คนแซ่เจี่ยง หากเจ้ายังถามไม่เลิก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าเสีย!"

"ข้าน้อยทราบแล้ว น้อมรับคำสั่งของนายท่านขอรับ"

นายอำเภอเจี่ยงกลัวจนหัวหด หยางซีรำคาญแล้วจึงไล่คนออกไปเสีย  

เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตีย งพลางยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วตน

เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้มีความดีความชอบ ตระกูลหยางเองก็เป็นแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน ไม่เว้นแม่แต่ท่านปู่ท่านพ่อ หลังจากท่านปู่สิ้น ท่านพ่อก็รับหน้าที่นี้ต่อ แต่เพราะหลายปีมานี้สุขภาพของท่านพ่อไม่ใคร่จะสู้ดีเท่าใดนัก ทำให้ต้องลาออกจากราชการ และเขาเองก็ทำความดีความชอบเดินตามรอยบิดา ได้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่มากความสามารถต่อจากบิดาของตน

เสด็จป้าของเขาเป็นถึงฮองเฮามารดาของแผ่นดิน แน่นอนว่าเพราะได้ผูกสัมพันธ์เป็นพระญาติกับราชวงศ์จึงได้ตำแหน่งกั๋วกงมาประดับบารมี

ผู้คนต่างรู้จักเขาในนามของคุณชายรอง เดิมทีเขาเป็นเพียงบุตรนอกสมรสของหยางกั๋วกง มารดาของเขาเป็นสตรีบ้านป่านามว่าอู่หลาน เพราะสุขภาพของนางไม่ดีและเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับตระกูลอู่ ทำให้ท่านพ่อต้องพาเขากลับเข้าจวนตอนอายุห้าขวบมาเลี้ยงในนามบุตรอีกคนของฮูหยินใหญ่ เป็นคุณชายรองตระกูลหยาง เขามีพี่ชายหนึ่งคนที่เกิดจากภรรยาเอกนามว่าหยางเฉวียน

ภายนอกตระกูลหยางดูเหมือนจะรักใคร่ปรองดองกันดี แต่ทว่าภายในจวนกลับเละเทะจนเกินจะทานทน 

ฮูหยินใหญ่ไม่พอใจที่เขาซึ่งเป็นเพียงบุตรนอกสมรสกลับมีหน้ามีตามากกว่าหยางเฉวียนซึ่งเป็นถึงซื่อจื่อผู้สืบทอดจวนกั๋วกง จึงหาทางกำจัดเขาสารพัด เขาต้องหาทางเอาตัวรอด ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงตั้งแต่อายุห้าขวบ จนอายุได้สิบสามปีเขาจึงหนีเข้าไปเป็นทหารในกองทัพโดยไม่บอกบิดา และได้ทำความดีความชอบไต่เต้าจนมีทุกวันนี้

หยางเฉวียนที่เกิดจากท้องภรรยาเอก แต่กลับไม่เอาไหน บุ๋นบู๊ไม่ได้เรื่อง วันๆเอาแต่ทำตัวเสเพลไร้แก่นสาร

เขารู้ดีว่าฮูหยินใหญ่ไม่มีทางปล่อยเขาไป เพราะนางเกรงว่าการมีอยู่ของเขาอาจจะทำให้ตำแหน่งซื่อจื่อของบุตรชายตนเกิดการสั่นคลอน เพราะหยางเฉวียนไม่ได้เรื่อง อีกทั้งฮ่องเต้ยังตำหนิลงมาหลายหนแล้ว

เขาเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นซื่อจื่อเฮงซวยใดนั่นเช่นเดียวกัน แท้จริงแล้วเขาอยากจะตัดขาดจากคนตระกูลหยางไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่ายังไม่อาจทำได้และเขายังมีแค้นที่จะต้องสะสางให้แล้วเสร็จทำให้จำต้องต้องพัวพันกับคนพวกนี้อยู่

ตอนนั้นเขายังเด็กนัก ทำให้ไม่ได้สงสัยในการตายของท่านแม่และคนในตระกูลอู่ แต่เมื่อเขาเติบใหญ่กลับเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น

ท่านแม่ยังสาว งดงามบริสุทธิ์และแข็งแรงยิ่ง อยู่ๆจะมาล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุได้เช่นไรกัน

เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นจึงได้สืบหาความจริงจนพบว่า ท่านพ่อเป็นคนวางแผนสังหารตระกูลอู่ล้างตระกูล ท่านแม่ไม่ใช่สาวบ้านป่า แต่เป็นบุตรสาวของคหบดีที่แสนจะร่ำรวยผู้หนึ่งที่อำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงไม่ไกลนัก พ่อบ้านสวีคนสนิทของท่านพ่อเล่าให้เขาฟังว่ายามนั้นท่านพ่อเพิ่งจะแต่งกับฮูหยินใหญ่ แต่กลับไปมีความสัมพันธ์กับท่านแม่จนนางตั้งครรภ์ เพราะเกรงว่าฮูหยินใหญ่จะรังแก ท่านพ่อจึงยังไม่ได้รับท่านแม่เข้าจวน ท่านแม่เองก็เต็มใจเป็นภรรยาลับของท่านพ่อ รั้งรอเวลามาเขาอายุห้าขวบอยู่ๆท่านแม่ก็ล้มป่วยหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ท่านพ่ออยากรับเขากลับจวนตระกูลหยางแต่ท่านตาไม่ยอม ท่านพ่อจึงยื่นข้อเสนอมอบเงินให้ก้อนหนึ่งแลกกับการห้ามติดต่อกับเขาอีกชั่วชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีของเขา แต่ท่านตาอย่างไรก็ไม่ยอม ท่านพ่อก็ไม่เร่งรัด แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเคราะห์กรรมจะถาโถมเข้าใส่ คืนนั้นจวนตระกูลอู่กลับเกิดเพลิงไหม้ ทุกคนล้วนถูกไฟคลอกตายทั้งหมด ท่านพ่อเร่งรุดมาช่วยเหลือแต่กลับไม่ทันการณ์ สามารถช่วยเขาได้เพียงคนเดียว เขาจึงรอดมาได้ จากนั้นท่านพ่อก็พาตัวเขากลับจวนตระกูลหยาง ทำให้เขาซาบซึ้งที่บิดาไม่เคยคิดทอดทิ้งตน

เขาใช้ชีวิตเป็นคุณชายรองอยู่ในนครหลวง ผ่านร้อนผ่านหนาวจนเข้าสู่กองทัพ แต่ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมายามนอนหลับเขากลับฝันถึงเรื่องแปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง

ในฝันเขาเห็นท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้วร่ำไห้กอดเขา ราวกับต้องการจะบอกบางอย่างกับเขา เมื่อตื่นนอนขึ้นมาเขากลับปวดหัวนัก เขาฝันเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเติบใหญ่ เขาจึงเริ่มสืบค้นเรื่องการตายของท่านแม่อย่างจริงจัง

เขาใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อสืบค้นเรื่องราวทุกอย่างของตระกูลมารดา จนกระทั่งได้พบกับท่านลุงหม่าต้วน ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบปีที่รอดชีวิตจากการฆ่าล้างตระกูลอู่ไปได้

ท่านลุงหม่าต้วนเป็นพ่อบ้านของตระกูลอู่ ตอนนั้นเขาอายุเพียงยี่สิบกว่าๆ หม่าต้วนได้ไปส่งสินค้าแทนเจ้านายตน คืนเกิดเหตุเขากลับมาในกลางดึก พบว่าจวนตระกูลอู่ดูเงียบผิดปกติ ทุกคราที่กลับมาเขามักเข้าจวนทางประตูหลัง แต่เดินเข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าวกลับได้ยินเรื่องที่น่าหวาดหวั่นเข้าเสียก่อน

เขาได้ยินเสียงร้องไห้ดังระงมมาจากในจวน เสียงของท่านตาตะโกนด้วยความโกธรแค้นก่อนจะสิ้นชีวิตว่า

หยางเยี่ยน เจ้าไม่มีวันตายดีหรอก เจ้าสังหาร....

วาจานั้นยังไม่ทันเอ่ยจบหม่าต้วนก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของท่านตาดังขึ้นเสียก่อน ตามด้วยเสียงด่าทอของมารดาเขา ชายปริศนาที่เป็นคนฆ่าล้างตระกูลอู่กลับบอกว่าเพราะนางดื้อรั้นและล่วงรู้ความลับของเขา เขาย่อมไม่อาจเก็บพวกนางเอาไว้ได้ และเขาเป็นคนวางยานางเอง ที่นางล้มป่วยไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี แต่เพราะถูกวางยา หม่าต้วนยังจำเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของนายหญิงได้ดี หม่าต้วนไม่อาจช่วยเจ้านายได้ จำต้องหนีตายไปก่อน

คืนนั้นจวนตระกูลอู่ก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน ผู้คนต่างคิดว่ามันเป็นเพราะอุบัติเหตุ แต่หยางซีที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างกลับยิ้มทั้งน้ำตา

หยางเยี่ยนคือนามของท่านพ่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ท่านพ่อจะเป็นคนฆ่าล้างตระกูลท่านแม่มันเพราะเหตุใดกัน!

หลังจากคนตระกูลอู่ตายไปจนหมด หม่าต้วนก็เร้นกายไปอยู่ต่างอำเภอ หยางซีต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะสืบสาวหาตัวเขาพบ

แต่หม่าต้วนกลับไม่รู้ว่าความลับที่ท่านแม่และท่านตาของเขาไปล่วงรู้นั้นคือเรื่องใด หม่าต้วนไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ที่จวนมากนัก เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่คหบดีอู่เก็บมาเลี้ยง หนึ่งปีจะกลับจวนมาสักสองครั้งเพราะต้องไปสะสางงานให้คหบดีอู่ที่หลายอำเภอ ทำให้เขาไม่ได้รู้ความเป็นไปของคนในจวน ที่เขารู้ก็มีเพียงเท่านี้ แม้กระทั่งหยางเยี่ยนคือใครเขาก็ยังไม่ทราบ

หยางซีกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความแค้นนี้เขาไม่เคยลืม

ที่เขามาที่อำเภอเซียงถงเพราะได้รับจดหมายจากท่านลุงหม่าต้วน หม่าต้วนบอกว่าตนมาค้าขายที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่หยางซีได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาควบคุมการสร้างเขื่อนใหม่ที่อำเภอเซียงถงเขาจึงมาที่นี่

เดิมทีคนที่ต้องมาคุมการก่อสร้างไม่ใช่เขา แต่เพราะเขาขอร้องฝ่าบาทว่าอยากทำงานนี้ด้วยตนเอง ฝ่าบาทจึงทรงอนุญาต

นอกจากจะมาควบคุมการสร้างเขื่อนใหม่และมาพบท่านลุงหม่าต้วนแล้ว สาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เพราะหมิงจู!

ไม่คาดคิดว่า เขาจะได้พบกับนางอีกครา ซ้ำร้ายการพบกันครั้งนี้ นางกลับไปอยู่ในร่างของคนอื่นเหมือนเช่นที่เขาเห็นในฝันจริงๆ!

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 23 จำนนด้วยหลักฐาน

    ไป๋เยว่ซินโมโหนัก นางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองคราหนึ่ง ด้านคนตระกูลไป๋ที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบเข้ามาเอ่ยปลอบใจไป๋เยว่ซินยกใหญ่ ไป๋จงบิดาของนางถึงกับบอกว่าหากทำอันใดไม่ได้ ก็ขายขาดสูตรขนมนั่นไปเสีย อย่างไรก็รับเงินของเถ้าแก่จางแล้ว ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับบอกทุกคนว่านางอยากอยู่คนเดียวสักครู่หนึ่ง เมื่อคนในบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้าขัดใจนางจึงรีบออกไปจากห้องทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว ไป๋เยว่ซินก็พยายามใช้สติไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรดี ฉับพลันนางก็หาทางออกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ในขณะที่นางกำลังจะไปจัดการตามแผนของตน ก็ได้ยินเจ้าแมวอาซานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงร้อง เมื่อไป๋เยว่ซินหันไปมอง ก็พบว่ามันกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง ก่อนจะวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงตรงหน้าของนาง ไป๋เยว่ซินที่เห็นกระดาษตรงหน้าชัดๆก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความดีใจ"นี่มัน..."เจ้าแมวอาซานยกมือของตนขึ้นมาเลียอย่างเกียจคร้าน"นายหญิงน้อย นี่คือสัญญาการซื้อขายระหว่างท่านกับเถ้าแก่ชั่วนั่น ข้าไปเอาคืนมาให้ท่านแล้ว เถ้าแก่จางเป็นคนสั่งให้คนมาขโมยไปจริงๆ อีกทั้งข้ายังทราบอีกด้วยว่า ที่เขาสั่งแป้งขนมของท่านไปมากมาย เพ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 22 สัญญาซื้อขาย

    ร้านขนมหวานตระกูลจางตั้งอยู่ไม่ไกลจากภัตตาคารตระกูลหม่าเท่าใดนัก อีกทั้งยังเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเซียงถง ผู้คนต่างแวะเวียนมาซื้อขนมหวานที่ร้านนี้กันอย่างไม่ขาดสาย เพราะมีขนมหลากหลายและรสชาติดี ไป๋เยว่ซินเคยซื้อมาชิมครั้งหนึ่ง พบว่าจะรสชาติดีแต่ออกจะหวานเลี่ยนเกินไปเสียหน่อย หวานจนแสบคอไปเสียด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายขนมบางชิ้นเนื้อแป้งก็หยาบแข็งจนสากคออีกด้วยเถ้าแก่ร้านขนมหวานตระกูลจาง เป็นคนไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าสักเดือนหนึ่งเขาจะมาที่นี่สักครั้ง และไป๋เยว่ซินก็สืบทราบมาได้ว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเขาจึงจะเข้าร้านไป๋เยว่ซินเดินเข้ามาในร้านพร้อมนำขนมเค้กฟักทองมาด้วย ขนมนี่เป็นสูตรลับที่นางได้มาจากตำราพิเศษ ไม่เคยมีผู้ใดทำขายมาก่อน เมื่อผู้ดูแลร้านเห็นว่านางเดินเข้ามาในร้านก็จำนางได้ทันที จึงรีบเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง"แม่นางน้อย วันนี้จะรับขนมใดดีขอรับ"ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี พลางเอ่ยตอบ"ข้าอยากพบเถ้าแก่ร้าน พอดีว่าข้ามีขนมสูตรใหม่อยากให้เขาลองชิม และอยากทำข้อตกลงการค้าร่วมกับเขา"ผู้ดูแลร้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใช้สายตาพิจารณามองไป๋เยว่ซินอย่างดูแคลนวูบหนึ่ง น้ำ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 21 เค้กฟักทองของไป๋เยว่ซิน

    ด้านไป๋เยว่ซินนั้น ตอนนี้กิจการที่นางทำร่วมกับเถ้าแก่หม่ากำลังไปได้สวยเป็นอย่างมาก ทุกๆวันภัตตาคารตระกูลหม่าจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ผู้คนต่างพูดกันปากต่อปากว่าอาหารของภัตตาคารตระกูลหม่านั้นเลิศรสเป็นอย่างมาก ช่วยดึงดูดลูกค้าจากต่างอำเภอรวมไปถึงผู้คนที่สัญจรไปมาให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสอีกด้วย เถ้าแก่หม่าถึงกับต้องจ้างคนงานเพิ่มอีกหลายคนเพื่อเข้ามาช่วยงานในภัตตาคารทุกๆสามวัน ไป๋เยว่ซินนำผักและเครื่องปรุงพิเศษไปส่งให้เถ้าแก่หยวนด้วยตนเอง อีกทั้งเถ้าแก่หยวนยังสั่งห้ามคนนอกเข้าไปในห้องครัวนอกจากแม่ครัวและคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีคนมาสอบถามเขาก็ตอบโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีว่านี่คือสูตรลับใหม่ของเขาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เหล่าชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างผิดหวังไปตามๆกันในอำเภอเซียงถงแห่งนี้ นอกจากภัตตาคารตระกูลหม่าแล้ว ยังมีภัตตาคารตระกูลหวังอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสามปีก่อนบุตรชายของเถ้าแก่หวังสามารถสอบได้เป็นเป็นจ้วงหยวน และได้เข้าไปทำงานในราชสำนักที่นครหลวง รั้งตำแห่งขุนนางขั้นหกในกรมพิธีการ ทำให้มีคนในอำเภอนับหน้าถือตาเถ้าแก่หวังเป็นอย่างมาก กิจการก็ไปได้ดี แต่เถ้าแก่หม่าเคยได้ยินคนพูดว่

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 20 ความวุ่นวายในจวนตระกูลหยาง

    งานเลี้ยงตระกูลหยางกลายเป็นที่โจษจันท์ไปทั่วนครหลวง ทั้งที่จวนกั๋วกงตั้งใจปิดเรื่องนี้ และส่งของขวัญไปให้ทุกจวนหมายจะใช้ของขวัญปิดปาก แต่เรื่องโสโครกของหยางเหลียนกลับถูกแพร่งพรายออกไปได้ ยามนี้ฮ่องเต้หมิงต่งและหยางฮองเฮาทรงทราบเรื่องแล้ว และยังทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้หมิงต่งต่อว่าหยางฮองเฮาไปหลายคำรบ และสั่งลงดาบทำโทษหยางเหลียนห้ามออกไปพบหน้าผู้คนในช่วงระยะเวลานี้จวนตระกูลหยางค่อนข้างโกลาหลเป็นอย่างมาก หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นคืนสติกลับมาก็ถูกหยางกั๋วกงทุบตีอย่างทารุณ ฮูหยินใหญ่ที่ขอร้องแทนบุตรชายตนทำให้โดนลูกหลงไปด้วย หยางกั๋วกงโมโหจึงเตะเสยปลายคางนางจนฟันหน้าร่วงไปหลายซี่ หยางซีที่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย เขาไม่เอ่ยห้ามปรามเพียงปรายตามองบิดาทุบตีหยางเหลียนอย่างไม่ใส่ใจหยางฮูหยินกรีดร้องเหมือนคนบ้า หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นได้สติมาเขาก็บอกว่าตนเองไม่รู้ว่าได้ทำอันใดลงไป ก่อนหน้านี้เขาดื่มสุราจนมึนเมา หลังจากกลับไปพักที่ห้องก็รู้สึกปวดหัว อีกทั้งยังคอแห้งจึงลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็จำสิ่งใดไม่ได้แล้วเมื่อได้ยินบิดาและมารดาบอกว่าตนได้กอดจูบกับ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 19 เหยื่อรายแรก

    ด้านหยางซีนั้น เขาตัดสินใจที่จะยังไม่กลับไปที่อำเภอเซียงถง เพราะอยากอยู่ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหยางเหลียงเสียก่อน ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากพบกับคนผู้หนึ่งอวี๋สาม!"นายท่าน"อยู่ๆองค์รักษ์ลับก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา หยางซีละจากความคิดในหัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามององค์รักษ์ลับของตน"ว่าอย่างไร"องค์รักษ์ยกมือขึ้นประสานกัน ก่อนจะเอ่ยตอบ"เมื่อครู่คนของเรามารายงานว่าพบคุณหนูสามอวี๋อยู่ที่หน้าหลุมศพขององค์หญิงใหญ่หมิงจูขอรับ อีกทั้งนางยังกอดป้ายหน้าหลุมศพเอาไว้แน่นและยังร้องไห้ไม่หยุดอีกด้วยขอรับ""ว่าอย่างไรนะ?"หยางซีถึงกับผุดลุกขึ้นยืน แววตาของชายหนุ่มวูบไหวไปมา อยู่ๆในใจของเขาก็เต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง ในหัวพลันผุดชื่อของใครบางคนขึ้นมาสวีฝู อดีตฮองเฮา มารดาของหมิงจู!...............หลายวันต่อมาจวนหยางกั๋วกงก็จัดงานวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบห้าปีให้กับหยางเหลียน ผู้คนต่างมาร่วมงานเลี้ยงกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อย่างไรเสียยามนี้จวนตระกูลหยางก็มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง หยางกั๋วกงนั้นช่างมีบุญนัก มีบุตรชายที่ดีถึงสองคน คนโตเป็นถึงซื่อจื่อผู้สืบทอด ส่วนบุตรชายคนรองก็รั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 18 การกลับมาของสวีฮองเฮา

    จวนตระกูลอวี๋"คุณหนูสามเจ้าคะ รถม้าเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"เสียงของสาวใช้น้อยนามว่าสวี่หยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม อีกทั้งยังไม่กล้ากระทำการใดส่งเดชหากเจ้านายของตนยังไม่ได้อนุญาต หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกเพียงเอ่ยตอบรับว่าอืมคำหนึ่ง ก่อนจะมองใบหน้าของตนเองในคันฉ่องทองเหลืองสัมฤทธิ์ด้วยแววตาที่ไร้ริ้วคลื่น ภาพสตรีที่สะท้อนอยู่ในคันฉ่องบานนี้มีนามว่าอวี๋ฝู ปีนี้นางมีอายุสิบหกแล้ว นางเป็นบุตรสาวของอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับของใต้เท้าอวี๋ เป็นบุตรภรรยาเอกและเป็นบุตรคนที่สามของไต้เท้าอวี๋ คนในจวนจึงเรียกนางว่าอวี๋สาม หลังจากมารดาตายจากไปเมื่อสามปีก่อน บิดาก็ยกย่องฮูหยินรองเฉิงขึ้นมาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ นางเฉิงซื่อมีบุตรสาวและบุตรชายฝาแฝดคู่หนึ่งนามว่า อวี๋หลวนและอวี๋เสียน อายุมากกว่านางสองปี นางเฉิงซื่อคอยให้ท้ายบุตรตนอย่างผิดๆ อวี๋หลวนและอวี๋เสียนจึงคอยทำร้ายและกลั่นแกล้งนางสารพัด ท่านพ่อเองก็ทำเป็นปิดตาข้างนึงปล่อยให้นางถูกรังแก สุดท้ายแล้วนางกลับถูกนางเฉิงซื่อใส่ร้ายว่าคิดจะวางยามารดาเลี้ยงและให้ไต้ซือมาทำนายว่านางมีดวงอัปมงคล หากนางยังอยู่ในจวนย่อมทำให้คนในจวนถึงแก่ชีวิต ต้องไปอยู่ในอา

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status