Share

บทที่ 2 ข้อพิพาท

last update Last Updated: 2025-08-02 14:32:13

เมื่อหลินจวงได้สติกลับคืนมาก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง พร้อมกับวิ่งโร่ไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านในทันที เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านทราบเรื่องแล้ว จึงเรียกตัวไป๋เยว่ซินและไป๋เซียงไปที่ศาลาว่าการในทันที

นับว่าโชคเข้าข้างหลินจวงยิ่งนัก เพราะวันนี้นายอำเภอเจี่ยงก็มาเยี่ยมราษฎรที่นี่พอดี นายอำเภอเจี่ยงเป็นสหายรักกับเสนาบดีหลิน หลินจวงจึงยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะ

ไป๋เซียงร้อนใจยิ่งนัก แต่เมื่อหันไปมองน้องสาวตนกลับพบว่าไป๋เยว่ซินไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนเลยแม้แต่น้อย นางคว้าจับมือน้องสาวตนไว้ ก่อนจะเอ่ย

"น้องเล็ก เรื่องนี้มีนายอำเภอเจี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อไปถึงเจ้าก็ปฏิเสธไปว่าเจ้าไม่ได้ลงมือ เป็นข้าเองที่ทำร้ายนาง พี่รองจะรับผิดแทนเจ้าเอง!"

ไป๋เยว่ซินหันไปมองพี่สาวของตน ก่อนจะเอ่ยตอบ

"พี่รอง ผู้คนเห็นกันทั่วว่าข้าต่างหากที่เป็นคนลงมือ ท่านยังจะโยนให้เป็นความผิดของตนเองอีก ท่านคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านกับนายอำเภอเจี่ยงนั่นเป็นคนโง่หรือ ท่านไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอ"

"แต่ว่า.."

"ฟังข้า!"

ไป๋เยว่ซินเอ่ยจบก็จับมือไป๋เซียงเอาไว้แน่น

เมื่อมาถึงศาลาว่าการก็พบว่าตอนนี้หลินจวงกำลังนั่งร้องไห้และร้องขอความเป็นธรรมกับนายอำเภอเจี่ยงอยู่ ยามที่นางอ้าปากร้องไห้จะมองเห็นว่าฟันหน้าสองซี่หายไป ช่างน่าตลกขบขันในสายตาคนทั่วไปยิ่งนัก ข้างกันนั้นคือคหบดีหลิน และสามีของนาง โจวหลางซื่อ ไป๋เซียงที่ได้พบหน้าโจวหลางซื่ออีกครั้ง หัวใจก็บีบรัดแน่นขึ้นมา ไป๋เยว่ซินมีหรือจะดูไม่ออกถึงท่าทางที่แปลกไปของพี่สาว แต่นางไม่ได้เอ่ยอันใด

เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องตระกูลไป๋มาถึงแล้ว หลินจวงก็ชี้หน้าด่าทอพวกนางทันที

"นายอำเภอเจี่ยง หัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ เป็นพวกนางสองคนที่รังแกข้าเจ้าค่ะ เป็นพวกนางที่ทุบตีข้าจนมีสภาพเช่นนี้ ฮือ!"

หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกว่าเสียงร้องไห้ของหลินจวงช่างแสบแก้วหูยิ่งนักจึงบอกให้นางหยุดร้อง

แต่ไหนแต่ไรเขาเองก็ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลินที่มีหน้ามีตา อีกทั้งยังรู้จักคนมีอำนาจมากมาย วันนี้นายอำเภอเจี่ยงก็อยู่ด้วย เขาที่เป็นเพียงหัวหน้าหมู่บ้านจึงค่อนข้างประหม่าไม่น้อยเลย

        เขาลอบชำเลืองมองนายอำเภอเจี่ยงคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนไม่เอ่ยอันใด หัวหน้าหมู่บ้านจึงออกปากแทน

"พวกเจ้าสองคนรู้ความผิดตนหรือไม่ การทุบตีผู้อื่นอย่างป่าเถื่อนนับว่ามีความผิด ต้องชดใช้เป็นเงินและจับขังคุกเพื่อสำนึกตน ไป๋เซียงไป๋เยว่ซิน เจ้ายอมรับผิดหรือๆไม่"

ไป๋เซียงสะดุ้งเฮือก แต่ไป๋เยว่ซินกลับยิ้มเยาะ คนพวกนี้ก็ดีแต่วางอำนาจกับราษฎรที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าตน แต่ยามที่อยู่ต่อหน้าเชื้อพระวงศ์หรือคนที่ตำแหน่งสูงกว่าตนล้วนประจบเอาใจจนแทบจะแลบลิ้นเลียเท้า นางมองเพียงปราดเดียวก็คาดเดาได้แล้วว่านายอำเภอเจี่ยงและคหบดีหลินจะต้องเป็นพวกเดียวกันแน่นอน

ไป๋เยว่ซินเงยหน้าไปมองนายอำเภอเจี่ยงด้วยแววตาที่เรียบเฉย นางไม่สนใจหัวหน้าหมู่บ้านที่วางท่าคนนั้นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรสุดท้ายแล้ว คนที่จะตัดสินความผิดนี้ได้ก็คือนายอำเภอเจี่ยงเท่านั้น

นายอำเภอเจี่ยงรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของไป๋เยว่ซิน จึงหันมามองนางด้วยความสนใจ

แววตาที่นิ่งสงบของนางมันทำให้ใจของนายอำเภอเจี่ยงพลันวูบไหวคราหนึ่ง

ไป๋เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่หวาดหวั่น

"ข้าไม่ยอมรับเจ้าค่ะ ข้ากับพี่สาวไม่ได้ทำอันใดผิด และอีกอย่างข้าก็มีข้อโต้แย้งเช่นเดียวกัน!"

ผู้คนที่ได้ยินไป๋เยว่ซินเอ่ยเช่นนั้นต่างมองหน้ากันไปมา พลางคิดว่าไป๋เยว่ซินคงเป็นบ้าไปแล้วที่ไม่เกรงกลัวนายอำเภอเจี่ยงเช่นนี้

นายอำเภอเจี่ยงมองไป๋เยว่ซินคราหนึ่ง ก่อนหน้านี้เสนาบดีหลินมาหาเขา และมอบเงินสินบนให้เขาไม่น้อย อีกทั้งยังกำชับว่าอย่างไรวันนี้่ย่อมต้องตัดสินให้สองพี่น้องตระกูลไป๋เป็นคนผิดให้ได้

"ว่ามาสิ"

แต่ถึงอย่างไรย่อมต้องให้โอกาศคนชี้แจ้ง เขาจึงเอ่ยอนุญาต ไป๋เยว่ซินพยักหน้า และเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"ข้าไม่ผิดเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ข้าและพี่สาวไปเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาด แต่ทว่าต่อมาสตรีนามว่าหลินจวงนางนี้กลับเข้ามาหาเรื่องพวกข้านางยกเอาวาจาโสมมมากมายมากดข่มพี่สาวข้า บอกว่าบ้านพวกเรายากจน มิสู้ให้พี่สาวข้าไปขายตัวเป็นนางคณิกาในหอนางโลมนำเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว วาจาเช่นนี้ไม่สมควรเอ่ยออกมาจากปากของสตรีที่บอกว่าตนเองสูงส่งเลยด้วยซ้ำ คนเราทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีเป็นของตนเอง ถึงจะจนก็ไม่สมควรถูกเยียบย่ำ และนางยังข่มขู่ว่าจะทุบตีพี่สาวข้าก่อน ข้าจึงลงมือเพื่อปกป้องคนของข้า เช่นนี้ก็นับว่าผิดด้วยหรือเจ้าคะ?"

วาจาที่นางกล่าวโต้เถียงนั้นทั้งหนักแน่นและไม่เกรงกลัว ทำเอานายอำเภอเจี่ยงถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เขาหันไปมองสบตากับคหบดีหลินคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไป๋เยว่ซิน

"แต่ถึงอย่างไร เจ้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายผู้อื่น มันผิดกฎหมาย"

"เอะอะก็ยกเอากฎหมายขึ้นมาอ้างทั้งที่เรื่องราวมันมีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด แม้แต่ผีที่คลานขึ้นมาจากหลุมฝังยังมองข้อพิพาทนี้ออกเลย เช่นนั้นข้าขอถามท่าน ข้าทำผิดข้ายอมรับ แต่สตรีที่ข่มเหงรังแกชาวบ้านแล้วยังเชิดหน้าชูตาอยู่ได้เพียงเพราะบิดาตนมีเงินและรู้จักคนมีอำนาจ เช่นนี้ควรลงโทษให้หลาบจำหรือไม่?"

นายอำเภอเจี่ยงยกยิ้มมุมปาก สตรีน้อยนางนี้ดูเหมือนจะรับมือยากอยู่ไม่น้อยเลย

ด้านไป๋เยว่ซินเองก็ยังไม่หยุด นางยังคงเอ่ยวาจาต่อไป

"แต่ไหนแต่ไรข้าได้ยินว่านายอำเภอเจี่ยงตัดสินคดีมากมายได้เที่ยงตรงและยุติธรรม แต่เห็นทีวันนี้ข้าคงได้เปิดหูเปิดตาแล้ว หากให้ข้าคาดเดา ข้าขอเดาว่าคหบดีหลิน จะต้องยัดเงินสินบนให้นายอำเภอเจี่ยงไม่น้อยเพื่อพลิกคดีนี้จากขาวเป็นดำ ข้าพูดถูกหรือไม่?"

นายอำเภอเจี่ยงมองไป๋เยว่ซินด้วยแววตาเย็นเยียบ

จะอวดรู้มากเกินไปแล้ว!

"บัดซบ เจ้ากล้ากล่าวหาข้าหรือ ข้าสามารถโบยเจ้าให้ตายได้เจ้ารู้หรือไม่!"

"ข้าไม่ได้กล่าวหา ข้าเพียงเอ่ยไปตามความเป็นจริง ข้ามองเพียงปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่าท่านและคหบดีหลินเป็นคนประเภทเดียวกัน เขาย่อมต้องมาขอให้ท่านออกหน้าอยู่แล้ว และข้าเชื่อว่าเงินจำนวนนั้นก็ยังอยู่กับตัวท่าน หากท่านไม่อยากตกเป็นขี้ปากคน ก็พิสูจน์ให้พวกเราเห็นสิ ว่าท่านไม่ได้รับสินบนมาจากคหบดีหลิน"

เหล่าชาวบ้านเมื่อได้ยินต่างเริ่มคลางแคลงใจแต่กลับไม่กล้าเอ่ยวาจาใด นายอำเภอเจี่ยงถึงกับกัดฟันกรอด

ไป๋เยว่ซินยกยิ้มมุมปาก เรื่องที่ขุนนางชอบติดสินบนนั้นมีให้เห็นไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่พวกคนมีเงินนอกเมืองหลวง ในเมื่ออยากโบยนาง นางก็ไม่กลัว แต่นางจะทำให้เขาได้รับความแคลงใจและหมดความไว้เนื้อเชื่อใจจากราษฎรเช่นเดียวกัน

นายอำเภอเจี่ยงที่เห็นว่าเรื่องราวพลิกผันกลายเป็นตนเองที่เสียเปรียบ ก็รู้สึกไม่พอใจคหบดีหลินที่หาเรื่องรับมือยากมาให้ตนเช่นนี้ อีกทั้งยังโมโหไป๋เยว่ซินจนเลือดขึ้นหน้า

"นังเด็กชั้นต่ำ ตระกูลต่ำต้อยเช่นเจ้า กล้าหาเรื่องคนอย่างข้าหรือ ทหาร ลากมันไปโบยให้ตาย!"

"ใครกล้าโบยนาง ข้าจะฆ่ามันทิ้งให้หมด!"

อยู่ๆก็มีเสียงทรงอำนาจของคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา เสียงนั้นทำเอาไป๋เยว่ซินชะงัก หญิงสาวๆค่อยๆหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่ายามนี้มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาสวมชุดสีขาว บนศีรษะสวมหมวกงอบเพื่อปิดบังใบหน้าเอาไว้ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ใจของนางก็พลันบีบรัดขึ้นมาชั่วขณะ

ผู้คนต่างหันไปมองชายหนุ่มที่สูงส่งราวเทพเซียนคนนั้นเป็นตาเดียว นายอำเภอเจี่ยงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ

"ผู้ใดกันที่กล้าเข้ามาขัดขวางการตัดสินคดีของข้า!"

ชายหนุ่มชุดสีขาวส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะถอดหมวกงอบที่ปิดบังใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาชวนมองของเขา แม้ท่าทีของชายหนุ่มจะดูอ่อนโยนสุภาพ แต่กลับแผ่กลิ่นอายสังหารอกมาจนผู้คนรอบข้างรู้สึกเย็นยะเยือก

เมื่อได้เห็นหน้าผู้มาเยือนอย่างชัดเจน นายอำเภอเจี่ยงก็ถึงกับเข่าอ่อน

"นายท่าน!"

หยางซีมองนายอำเภอเจี่ยงด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย

"เจี่ยงเฉา เป็นนายอำเภอดีดีเจ้าไม่ชอบ แต่กลับมาทำเรื่องน่าขายหน้าอยู่ที่นี่ วันนี้หากข้าไม่จัดการเจ้าและสหายชั่ว อย่ามาเรียกข้าว่านายท่าน!"

“ฮือ นายท่านข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยเพียงหน้ามืดไปชั่วขณะ นายท่าน!”

นายอำเภอเจี่ยงถึงกับร้องไห้ขอชีวิต คหบดีหลินเองก็หน้าซีดเผือด เขารีบเข้าไปหานายอำเภอเจี่ยงถามว่าคนผู้นี้คือใคร แต่กลับถูกนายอำเภอเจี่ยงกระทืบจนสลบไป

เหล่าชาวบ้านต่างเอ่ยวาจาใดไม่ออก เอาแต่มองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่แม้กระทั่งนายอำเภอเจี่ยงยังต้องเกรงกลัวด้วยความหวาดหวั่น

“จับตัวนายอำเภอเจี่ยงไป ข้าจะลงโทษเขาเอง ส่วนคนตระกูลหลินก็สั่งโบยคนละสามสิบไม้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและสร้างความเดือดร้อน และให้พวกเขาชดใช้ค่าเสียหายเป็นตั๋วเงินสามร้อยตำลึงให้กับแม่นางทั้งสองคนด้วย”

คหบดีหลินเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็เข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกับพื้น หลินจวงคิดจะเอ่ยโต้แย้งแต่กลับถูกบิดาตบจนสลบไป ด้านโจวหลางซื่อก็ก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ

เมื่อจัดการคนเรียบร้อยแล้ว เขาจึงหันมามองไป๋เยว่ซินคราหนึ่ง แววตาของชายหนุ่มเย็นชาเป็นอย่างมาก คล้ายว่าจะเจือไปด้วยโทสะเสียด้วยซ้ำ ไป๋เซียงที่เห็นเช่นนั้น จึงรีบโขกศีรษะคำนับเขาทันที

"ใต้เท้า ข้าน้อยและน้องสาวขอบคุณท่านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเจ้าค่ะ!"

เอ่ยจบก็บังคับให้ไป๋เยว่ซินคำนับหยางซีด้วย ไป๋เยว่ซินเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้สถาณการณ์ไม่เหมือนแต่ก่อน นางไม่ได้สูงส่งอยู่เหนือเขาอีกแล้ว หญิงสาวลอบถอนหายใจคราหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆก้มหัวลงหมายจะโขกศีรษะ แต่หยางซีกลับเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

"ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าช่วยเพราะคนของข้าทำให้พวกเจ้าเดือดร้อน"

ไป๋เยว่ซินขมวดคิ้วพลางมองดูเขาอย่างพินิจพิเคราะห์

นายอำเภอเจี่ยงคือคนของหยางซีอย่างนั้นหรือ?

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาคือคุณชายหยาง หลานชายของหยางฮองเฮาผู้สูงส่งที่มีคนชั่วคอยรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด

แม้แต่สถานที่ชนบทเช่นนี้ก็ยังมีคนของตระกูลหยางอยู่เต็มไปหมด

ความคิดในหัวของไป๋เยว่ซินสับสนไปมา

หยางซีมาทำอันใดที่เมืองห่างไกลเช่นนี้ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาออกรบที่ชายแดนและได้รับชัยชนะ จากนั้นก็กลับไปเสวยสุขที่นครหลวง และไปทำศพให้นาง แล้วเหตุใดจึงมาโผล่ที่อำเภอเซียงถงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เล่า

นางสงสัยไปพลางลอบมองเขาไปพลาง คล้ายว่าเขาจะดูองอาจกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก

หยางซีรับรู้ได้ว่าสตรีน้อยตรงหน้ากำลังมองเขาด้วยแววตาที่สงสัย จึงเอ่ยกับนางทันที

"จะมองอีกนานหรือไม่ เกิดมาไม่เคยเห็นบุรุษหรือ?"

ไป๋เยว่ซินลอบเบ้ปาก นางลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยกับเขา

"ขอบคุณแม่ทัพใหญ่หยางที่ช่วยผดุงความยุติธรรม ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่ง"

หยางซีจ้องมองไป๋เยว่ซินอย่างไม่ลดละ ก่อนจะเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัยสายหนึ่ง

"เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าคือแม่ทัพใหญ่หยาง?"

ไป๋เยว่ซินพลันชะงักไปในทันที นางเม้มริมฝีปากแน่น จริงด้วย นางในตอนนี้เป็นเพียงสตรีชาวบ้าน และยังเพิ่งเคยพบเจอกันกับเขาเป็นครั้งแรก จะรู้สถานะของเขาได้อย่างไรกัน

นางลอบกำมือตน ก่อนจะเอ่ยตอบเขาโดยไร้พิรุธ

“ท่วงท่าของท่านงดงามองอาจ เหมือนท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าจึงคาดเดาส่งเดช ขออภัยด้วยหากล่วงเกินท่าน”

หยางซียกยิ้มมุมปาก พลางเอ่ยตอบ

“รู้ดีนักนะ รู้ดีจริงๆ”

ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ฟังก็ไม่ชอบใจเท่าใดนัก นี่เขากำลังตำหนินางหรือ หญิงสาวพยายามกดข่มกลั้นโทสะไม่ให้ด่าเขา อยางไรเขาก็เป็นคนช่วยสลักป้ายชื่อหน้าหลุมศพให้นาง แม้ไม่รู้ว่าที่เขาทำไปมีจุดประสงค์ใดก็ตาม แต่อย่างไรนางก็รู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง

"อย่างไรก็ขอบคุณท่านมากที่ช่วยผู้น้อยเช่นข้า"

"ไม่ต้องหรอก ที่ข้าทำไปเพราะคิดถึงสหายเก่าของข้าก็เท่านั้น ในตอนนั้น สหายของข้าก็ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกันกับเจ้า"

เอ่ยจบเขาก็จากไปทันที ปล่อยให้ไป๋เยว่ซินยืนกำมือแน่น หัวใจเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง

สหายผู้นั้นของเขาคือองค์หญิงใหญ่หมิงจู แต่องค์หญิงใหญ่หมิงจูตายไปแล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีองค์หญิงใหญ่หมิงจูอีกต่อไปแล้ว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 26 ความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น

    คำพูดเหล่านั้นของหยางซี ไป๋เยว่ซินไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันสั่นคลอนจิตใจของนางมากเหลือเกิน อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงสตรีตัวน้อย มีเลือดเนื้อมีจิตใจ ย่อมเป็นไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกอันใดกับคำพูดของเขานางและเขารู้จักกันมานาน ผ่านเรื่องราวหลายเหตุการณ์มาด้วยกันทั้งทุกข์และสุข แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจของไป๋เยว่ซินนั่นก็คือความรู้สึกของนางที่มีต่อหยางซีนางและเขาเริ่มจากการเป็นสหาย นานวันเข้ากลับกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะตัดขาด แต่นางเองก็รู้ดีว่า นางไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ไปอีกระดับหนึ่งได้ แม้นางจะบอกว่าไม่อยากถือสากับเรื่องราวในอดีต แต่อย่างไรนางก็ไม่อาจหนีพ้นความจริงที่ว่าหยางซีคือคนตระกูลหยางไปได้อยู่ดีค่ำคืนนี้ช่างยาวนานนัก ไป๋เยว่ซินมองดูไป๋เซียงที่นอนหลับอยู่บนเตียงคราหนึ่ง ก่อนที่นางจะเลื่อนสายตามองออกไปที่นอกหน้าต่างอีกหน พระจันทร์บนท้องฟ้ากลมโตงดงามเป็นอย่างมาก นานมากแล้วที่นางไม่ได้นั่งมองดูพระจันทร์อย่างสบายใจเช่นนี้ยามนี้นางมีชีวิตใหม่แล้ว หากว่าหยางซีไม่คิดจะทำให้นางและคนตระกูลไป๋เดือดร้อน นางเองก็ไม่รังเกียจที่จะยอมให้เขาเข้ามาพัวพันในชีวิตของนางอีกครั้ง เพราะที่

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 25 ไฟไหม้

    "นายท่าน จวนตระกูลไป๋เกิดเรื่องแล้วขอรับ"เสียงของนายอำเภอเจี่ยงที่ร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายทำให้หยางซีที่กำลังล้มตัวลงนอนพลันดีดกายลุกขึ้นมานั่งในทันที ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ก่อนจะรีบคว้าเสื้อคุลมมาสวมและรีบเปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอนทันที"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม นายอำเภอเจี่ยงที่วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบรีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่งแล้วจึงรีบเอ่ยตอบ"จวนตระกูลไป๋เกิดเพลิงไหม้ขอรับ ยามนี้ยังไม่อาจควบคุมเพลิงได้ ได้ยินว่าแม่นางไป๋สองพี่น้องติดอยู่ในกองเพลิงด้วยขอรับ ข้าน้อยได้ให้ทหารไปช่วยกันดับไฟ อ้าว นายท่าน!"นายอำเภอเจี่ยงยังพูดไม่ทันจบ คนก็พุ่งกายออกไปเสียแล้ว หยางซีตอนนี้ร้อนใจเป็นอย่างมาก เขารีบกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ก่อนจะควบม้าห้อตะบึงไปยังจวนตระกูลไป๋ในทันทีด้านจวนตระกูลไป๋ยามนี้ยั้งไม่อาจยับยั้งเพลิงไหม้เอาไว้ได้ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าต้นตอของเพลิงนี้มาจากที่ใด ไป๋จง ไป๋ชวน ไป๋ฟาน ช่วยหันยกน้ำมาดับไฟ เถ้าแก่หม่าที่ทราบเรื่องรวมไปถึงชาวบ้านละแวกนั้นก็รีบมาช่วยกันดับไฟอย่างขะมักเขม้น ส่วนนางเกา นางหลี่และอาหลิงยามนี้กำลังนั่งกอดกันร้องไห้เพราะไม่อาจช่วยสิ่งใดได้ ไป

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 24 หาเรื่อง

    หยางซีและไป๋เยว่ซินมองสบประสานสายตากันชั่ววูบหนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระโดดลงมาจากหลังม้า แล้วจึงหันไปสั่งการกับเหล่าทหารของตน ไม่นานนักทหารของหยางซีก็ลากตัวชายสองคนออกมาตรงหน้าร้านขนมหวานตระกูลจาง เถ้าแก่จางที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับล้มทั้งยืนหยางซียกยิ้มมุมปาก เขาเดินเข้ามาหาเถ้าแก่จาง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา"นี่คือคนที่เจ้าจ้างวานให้ปลอมแปลงลายมือ เขาเป็นบัณฑิตตกยาก สอบไม่ติด เมื่อไร้หนทางทำกินจึงมารับงานที่ผิดกฎหมายเช่นนี้ ส่วนอีกคนคือคนที่เจ้าสั่งให้ไปขโมยสัญญาฉบับจริงมาจากไป๋เยว่ซิน พวกเขาสารภาพกับข้าหมดแล้วว่าเจ้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เถ้าแก่จาง เจ้าว่าหลักฐานจากข้า แน่นหนาพอจะจับเจ้าเข้าคุกได้หรือยัง?”เถ้าแก่จางล้มพับลงกับพื้น ไม่มีหน้าจะเอ่ยวาจาใดอีก จะให้เขาเอ่ยโต้แย้งอันใดได้อีกเล่า เมื่อหมดหนทางจะแก้ตัวจึงถูกจับไปไต่สวนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงหยางซีหันมามองไป๋เยว่ซินก่อนจะยิ้มให้นางเล็กน้อย ไป๋เยว่ซินไม่เอ่ยสิ่งใดเพียงยิ้มตอบเขาอยู่ห่างๆก่อนหน้านี้หยางซีกลับมาถึงอำเภอเซียงถงได้สองวันแล้ว แต่เพราะมีเรื่องให้ต้องจัดการจึงยังไม่ได้เดินทางเข้ามาในตัวอำเภอ ประจวบเหมาะกั

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 23 จำนนด้วยหลักฐาน

    ไป๋เยว่ซินโมโหนัก นางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองคราหนึ่ง ด้านคนตระกูลไป๋ที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบเข้ามาเอ่ยปลอบใจไป๋เยว่ซินยกใหญ่ ไป๋จงบิดาของนางถึงกับบอกว่าหากทำอันใดไม่ได้ ก็ขายขาดสูตรขนมนั่นไปเสีย อย่างไรก็รับเงินของเถ้าแก่จางแล้ว ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับบอกทุกคนว่านางอยากอยู่คนเดียวสักครู่หนึ่ง เมื่อคนในบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้าขัดใจนางจึงรีบออกไปจากห้องทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว ไป๋เยว่ซินก็พยายามใช้สติไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรดี ฉับพลันนางก็หาทางออกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ในขณะที่นางกำลังจะไปจัดการตามแผนของตน ก็ได้ยินเจ้าแมวอาซานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงร้อง เมื่อไป๋เยว่ซินหันไปมอง ก็พบว่ามันกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง ก่อนจะวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงตรงหน้าของนาง ไป๋เยว่ซินที่เห็นกระดาษตรงหน้าชัดๆก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความดีใจ"นี่มัน..."เจ้าแมวอาซานยกมือของตนขึ้นมาเลียอย่างเกียจคร้าน"นายหญิงน้อย นี่คือสัญญาการซื้อขายระหว่างท่านกับเถ้าแก่ชั่วนั่น ข้าไปเอาคืนมาให้ท่านแล้ว เถ้าแก่จางเป็นคนสั่งให้คนมาขโมยไปจริงๆ อีกทั้งข้ายังทราบอีกด้วยว่า ที่เขาสั่งแป้งขนมของท่านไปมากมาย เพ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 22 สัญญาซื้อขาย

    ร้านขนมหวานตระกูลจางตั้งอยู่ไม่ไกลจากภัตตาคารตระกูลหม่าเท่าใดนัก อีกทั้งยังเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเซียงถง ผู้คนต่างแวะเวียนมาซื้อขนมหวานที่ร้านนี้กันอย่างไม่ขาดสาย เพราะมีขนมหลากหลายและรสชาติดี ไป๋เยว่ซินเคยซื้อมาชิมครั้งหนึ่ง พบว่าจะรสชาติดีแต่ออกจะหวานเลี่ยนเกินไปเสียหน่อย หวานจนแสบคอไปเสียด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายขนมบางชิ้นเนื้อแป้งก็หยาบแข็งจนสากคออีกด้วยเถ้าแก่ร้านขนมหวานตระกูลจาง เป็นคนไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าสักเดือนหนึ่งเขาจะมาที่นี่สักครั้ง และไป๋เยว่ซินก็สืบทราบมาได้ว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเขาจึงจะเข้าร้านไป๋เยว่ซินเดินเข้ามาในร้านพร้อมนำขนมเค้กฟักทองมาด้วย ขนมนี่เป็นสูตรลับที่นางได้มาจากตำราพิเศษ ไม่เคยมีผู้ใดทำขายมาก่อน เมื่อผู้ดูแลร้านเห็นว่านางเดินเข้ามาในร้านก็จำนางได้ทันที จึงรีบเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง"แม่นางน้อย วันนี้จะรับขนมใดดีขอรับ"ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี พลางเอ่ยตอบ"ข้าอยากพบเถ้าแก่ร้าน พอดีว่าข้ามีขนมสูตรใหม่อยากให้เขาลองชิม และอยากทำข้อตกลงการค้าร่วมกับเขา"ผู้ดูแลร้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใช้สายตาพิจารณามองไป๋เยว่ซินอย่างดูแคลนวูบหนึ่ง น้ำ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 21 เค้กฟักทองของไป๋เยว่ซิน

    ด้านไป๋เยว่ซินนั้น ตอนนี้กิจการที่นางทำร่วมกับเถ้าแก่หม่ากำลังไปได้สวยเป็นอย่างมาก ทุกๆวันภัตตาคารตระกูลหม่าจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ผู้คนต่างพูดกันปากต่อปากว่าอาหารของภัตตาคารตระกูลหม่านั้นเลิศรสเป็นอย่างมาก ช่วยดึงดูดลูกค้าจากต่างอำเภอรวมไปถึงผู้คนที่สัญจรไปมาให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสอีกด้วย เถ้าแก่หม่าถึงกับต้องจ้างคนงานเพิ่มอีกหลายคนเพื่อเข้ามาช่วยงานในภัตตาคารทุกๆสามวัน ไป๋เยว่ซินนำผักและเครื่องปรุงพิเศษไปส่งให้เถ้าแก่หยวนด้วยตนเอง อีกทั้งเถ้าแก่หยวนยังสั่งห้ามคนนอกเข้าไปในห้องครัวนอกจากแม่ครัวและคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีคนมาสอบถามเขาก็ตอบโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีว่านี่คือสูตรลับใหม่ของเขาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เหล่าชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างผิดหวังไปตามๆกันในอำเภอเซียงถงแห่งนี้ นอกจากภัตตาคารตระกูลหม่าแล้ว ยังมีภัตตาคารตระกูลหวังอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสามปีก่อนบุตรชายของเถ้าแก่หวังสามารถสอบได้เป็นเป็นจ้วงหยวน และได้เข้าไปทำงานในราชสำนักที่นครหลวง รั้งตำแห่งขุนนางขั้นหกในกรมพิธีการ ทำให้มีคนในอำเภอนับหน้าถือตาเถ้าแก่หวังเป็นอย่างมาก กิจการก็ไปได้ดี แต่เถ้าแก่หม่าเคยได้ยินคนพูดว่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status