共有

บทที่ 4 ชีวิตในชนบท

last update 最終更新日: 2025-08-02 14:33:00

หยางซีหวนคิดไปถึงเรื่องในฝันด้วยความตื่นตระหนก

หลังจากที่เขาช่วยทำศพให้หมิงจู ก็ได้กลับมาที่จวนและนอนพักอย่างเช่นที่เคยทำ แต่เขากลับฝันเห็นนาง

ในฝันเขาเห็นว่านางเป็นวิญญาณล่องลอยเคว้งคว้างไม่มีจุดหมายปลายทาง นางมองไม่เห็นเขา แต่เขากลับมองเห็นนาง แววตาของนางเศร้าเสียใจและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

การพบกันของเขาและนางคือความบังเอิญ ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงคุณชายรักสนุก หนีออกจากค่ายทหารมาเที่ยวเล่น และได้พบเจอนางที่ปลอมตัวเป็นบุรุษ เดิมทีเขารู้ได้สักพักแล้วว่านางเป็นสตรี แต่เพราะไม่อยากให้นางขายหน้าจึงยอมตามน้ำแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป

แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขาและนางกลับยืนอยู่คนละฝั่ง แม้เขาจะมองนางเป็นสหายรัก แต่เขาในยามนั้นไม่มีอำนาจย่อมไม่อาจเข้าข้างนางได้ เขาจำต้องเลือกตระกูลหยางด้วยความจำใจ เขาทำได้เพียงมองดูนางถูกหยางฮองเฮากลั่นแกล้งสารพัด สุดท้ายก็ต้องทนมองนางเดินไปสู่ความตายด้วยความเจ็บปวด

เขายังจำรอยยิ้มของนางได้ นางงดงามและสดใสเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ความสดใสร่าเริงนั้นได้เลือนหายจากโลกใบนี้ไปตลอดกาลเสียแล้ว

แต่ทว่าสวรรค์กลับเล่นตลก ในฝันนั้นเขาเห็นว่านางได้หายลับไปจากสายตา แต่ไม่นานภาพในฝันกลับค่อยๆเปลี่ยนไปยังหมู่บ้านหนึ่ง เขาจำได้ว่ามันคืออำเภอเซียงถง วิญญาณของนางถูกดึงเข้าไปอยู่ในร่างของสตรีน้อยนามว่าไป๋เยว่ซินอย่างน่าพิศวง

เขาสะดุ้งตื่นคิดว่าตนเองฝันเหลวไหลเพราะคิดถึงนางมากเกินไป แต่ฝันนั้นมันกลับทำให้เขาอยากค้นหาคำตอบ เขาจึงส่งคนไปสืบดูที่อำเภอเซียงถงว่ามีบ้านตระกูลไป๋และสตรีน้อยนามว่าไป๋เยว่ซินอยู่จริงหรือไม่

องค์รักษ์ลับกลับมารายงานเขาว่า

มี!

ใจของเขาเต้นรัวแรงอย่างบ้าคลั่ง เดิมทีเขาไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้ แต่เมื่อได้ประสบพบเจอกับตนเองมันกลับทำให้เขาเปลี่ยนความคิด

องค์รักษ์ลับรายงานว่าไป๋เยว่ซินคนนั้นแต่ก่อนเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน ขี้กลัว แต่ไม่นานมานี้นางล้มป่วยปางตาย หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมากลับมีนิสัยที่แปลกไป

เพื่อให้แน่ใจเขาจึงมาพบนาง นางดูเย็นชาและไม่ยอมใคร อีกทั้งยังกล้าถกเถียงกับคนของเขาอย่างไม่ยินยอม ช่างนิสัยเหมือนกับหมิงจูไม่มีผิด!

ที่สำคัญนางเรียกเขาว่าแม่ทัพใหญ่ ทั้งที่เพิ่งเคยพบเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก

มันทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่านั่นคือหมิงจูอย่างแน่นอน

แต่ถึงแม้จะได้พบนางอีกครั้งหนึ่ง เขากลับไม่อาจเปิดเผยตัวตนของนางได้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับนาง บางคราการที่นางกลายเป็นสตรีน้อยบ้านนอกเช่นนี้อาจจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่ในวังหลวง

หยางซีทั้งดีใจและตกใจในคราเดียวกัน เขาไม่คิดเลยว่า มันจะเป็นเรื่องจริง

ด้านไป๋เยว่ซินนั้นเพราะระยะนี้ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ยามที่ตื่นมาในตอนเช้าจึงรู้สึกสดใสยิ่ง หญิงสาวเข้าครัวทำอาหารแต่เช้า วันนี้ไป๋เซียงมาช่วยนางทำอาหารด้วย

หลายวันที่คลุกคลีอยู่กับไป๋เซียงทำให้ไป๋เยว่ซินรู้ว่าไป๋เซียงพี่สาวของนางนั้นมีฝีมือเย็บปักที่งดงามมาก ฝีเข็มละเอียดประณีตอ่อนช้อย นางที่เป็นถึงองค์หญิงยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่นางกำนัลในวังหลวงบางคนยังฝีมือเทียบไม่ได้กับไป๋เซียง หากได้ไปอยู่ในกองภูษาแน่นอนว่าย่อมต้องก้าวหน้าในเร็ววันเป็นแน่

"ท่านพี่ น้องรอง ท่านกลับมาแล้วหรือ อาฟานของแม่ก็กลับมาแล้ว"

เสียงเอะอะที่ด้านนอกทำให้ไป๋เยว่ซินหันมาสบตากับไป๋เซียงคราหนึ่ง พวกนางทำอาหารเสร็จพอดีจึงรีบล้างมือและออกมาที่ด้านนอก

เมื่อมาถึงก็พบว่าบิดาของนาง ท่านลุงใหญ่และพี่ชายได้กลับมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋เยว่ซินได้พบกับบิดา ท่านลุง และพี่ชายของตนเอง

ท่านพ่อของนางมีอายุเพียงสามสิบกว่า แต่ ใบหน้ากลับเหี่ยวย่นกว่าอายุจริงเพราะตรากตรำทำงานในเทือกสวนไรนามาตั้งแต่เด็ก ส่วนท่านลุงใหญ่ก็ไม่ต่างกัน อีกคนหนึ่งคือไป๋ฟานพี่ชายของนาง หน้าตาของเขาหล่อเหลาใช้ได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของบัณฑิตผู้รักเรียนอีกด้วย

เมื่อเห็นน้องสาวทั้งสองออกมาต้อนรับ ไป๋ฟานก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับมอบของเล่นให้ไป๋เยว่ซินและไป๋เซียง ไป๋เยว่ซินรับมันมาถือเอาไว้ พบว่ามันคือกลองป๋องแป๋งและของเล่นของด็กในชนบทอีกหลายชิ้น นางถึงกับทำหน้าไม่ถูก นี่มันของเล่นเด็กน้อยชัดๆ พี่ชายของนางเอาของเล่นพวกนี้มาให้เจ้าของร่างเดิมเล่นตลอดเลยหรือ

กลับบ้านมาครานี้ ไป๋จงและไป๋ชวนซื้อของกลับมาไม่น้อย ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า ได้กินอาหารด้วยกันและได้พูดคุยสนทนากันถึงเรื่องที่ผ่านมา ไป๋จง ไป๋ชวน และไป๋ฟานถึงกับตบเข่าฉาดเมื่อได้ทราบเรื่องที่พวกนางถูกคนตระกูลหลินรังแก อีกทั้งยังสมน้ำหน้าคนตระกูลหลินที่ถูกทำโทษ ซ้ำยังชมว่านางเก่งมากที่ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองและพี่สาวได้ นับว่านางเติบโตรู้ความแล้ว

ไป๋เยว่ซินมองพวกเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยนขึ้นไม่น้อย  นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ร่วมวงกินข้าวกับคนในครอบครัว 

มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ท่านพ่อคีบหมูให้นาง ท่านลุงคีบผักให้นาง พี่ชายและพี่สาวคอยป้อนขนมหวานให้นาง ความรู้สึกของการมีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้นางไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยในชีวิต

มันทำให้นางรู้สึกผูกพันกับพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว

หลายวันต่อมาหลังจากที่พักผ่อนกันจนหายเหนื่อยแล้ว พวกเขาก็คิดว่าถึงเวลาที่จะเริ่มทำสวนทำนาได้แล้ว

แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนแต่ยังคงมีฝนตกลงมาอยู่บ้าง จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวสาลีเป็นอย่างยิ่ง

ตระกูลไป๋ทำเทือกสวนไร่นามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ พวกเขาช่วยกันทำสวนทำนาหาเลี้ยงชีพ ทุกคนที่อยู่ในจวนไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายเช่นคุณหนูในนครหลวง

คราแรกทุกคนลงความเห็นกันว่าจะให้ไป๋เยว่ซินอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานหนัก แต่เพราะไป๋เยว่ซินไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว นางอยากไปเรียนรู้ชีวิตของเหล่าชาวนาชาวไร่ จึงขอติดตามไปด้วย เมื่อเห็นว่าไม่อาจทัดทานนางได้ พวกเขาจึงตอบตกลง ท่านพ่อให้นางนั่งบนเกวียนไป โดยคนที่ลากเกวียนให้นางนั่งก็คือไป๋ฟาน

ไป๋เยว่ซินรู้สึกว่ามันแปลกใหม่ใช้ได้เลยสำหรับนาง มันคล้ายกับว่านางกำลังนั่งเกี้ยวแต่เกวียนนี่ออกจะโคลงเคลงไปเสียหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นไป๋เยว่ซินกลับรู้สึกชอบมันมาก

สายลมพัดมาเป็นระลอก ให้ความรู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก หยาดพิรุณโปรยปรายลงมาเป็นระยะ ตลอดทางมีเหล่าชาวบ้านที่ออกมาทำนาของตนเอ่ยทักทายพวกนางอย่างสนิทสนม อากาศที่แสนบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติเช่นนี้มันทำให้ไป๋เยว่ซินรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง

ที่นาของตระกูลไป๋นั้นไม่ได้มีหลายหมู่เท่าใดนัก แต่ก็พอทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวได้ ที่นาของนางอยู่ห่างไกลจากแปลงนาของบ้านอื่นๆอยู่พอสมควร

เมื่อมาถึงแปลงนา ไป๋เยว่ซินก็กระโดดลงมาจากเกวียนลาก ก่อนจะเดินมานั่งหลบฝนที่เพิงเก่าๆหลังหนึ่งซึ่งท่านลุงใหญ่และท่านพ่อของนางช่วยกันสร้างเอาไว้หลบฝน

"น้องเล็ก เจ้ากินนี่ร้องท้องก่อนเร็วเข้า"

ไป๋เยว่ซินที่กำลังมองมองทุ่งนาด้วยความสนใจเมื่อได้ยินเสียงพูดของไป๋ฟานจึงหันกลับมามองเขา ก่อนจะพบว่าเขากำลังยื่นขนมรากบัวมาตรงหน้านาง 

ไป๋เยว่ซินยิ้มออกมาทันที

"พี่ใหญ่ไปซื้อมาเมื่อใดกัน?"

"ข้าไปต่อแถวตั้งแต่เช้าแล้วกว่าจะได้มาไม่ง่ายเลยนะ รีบกินเร็วเข้า"

ไป๋เยว่ซินยื่นมือไปรับขนมรากบัวมาถือเอาไว้ เมื่อเปิดห่อขนมออกก็พบว่ามันมีถึงแปดชิ้นด้วยกัน นางยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะแบ่งชิ้นหนึ่งให้ไป๋ฟาน แรกเริ่มพี่ชายนางไม่ยอมกิน บอกว่าจะให้นางกินคนเดียว เขายืนมองนางกินก็อิ่มแล้ว แต่เมื่อเห็นว่านางเริ่มจะโมโหแล้วเขาจึงยอมรับขนมไปกินเพราะกลัวน้องสาวจะโกธรตน

ส่วนที่เหลือนางก็แบ่งให้ไป๋เซียง ท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อ ท่านป้าสะใภ้ ท่านแม่และอาหลิงคนละชิ้น

ทุกคนในครอบครัวกินขนมไปพลางสนทนากันไปพลางด้วยความสุขใจ

เมื่อกินอิ่มแล้วจึงเริ่มลงมือทำงาน ไป๋เยว่ซินเองก็ค่อยๆเรียนรู้การใช้ชีวิตจากพวกเขาไปทีละน้อย

การปลูกข้าวสาลีนั้นสามารถปลูกได้ในดินหลายชนิด และทนทานต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้เหมาะกับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอำเภอเซียงถงก็อยู่ทางเหนือพอดี อีกทั้งพวกมันยังชอบดินที่มีการระบายน้ำดีและไม่เป็นกรดจัดหรือเค็มจัด ไม่ต้องให้น้ำมาก เพียงอาศัยฝนเล็กน้อยก็สามารถเติบโตได้แล้ว

บิดาและพี่ชายของนางขุดดิน ส่วนมารดาทั้งสองและพี่สาวต่างช่วยกันหยอดเมล็ดพันธ์ข้าว ไป๋เยว่ซินมองดูพวกเขาด้วยความสนใจ จึงอยากลองทำดูบ้าง แต่เพราะนางไม่เคยทำเรื่องพวกนี้จึงค่อนข้างทุลัักทุเล แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับไม่ยอมแพ้ อย่างไรเสียย่อมต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่ให้ถึงที่สุด

หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะยกกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ำขึ้นมาดื่ม พร้อมกับมองไปยังที่นาเบื้องหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด

หากหาเมล็ดผักมาปลูกรอบๆแปลงนาด้วยก็คงจะดีไม่น้อย จะได้มีรายได้อีกทาง

ตอนนี้นางไม่ใช่องค์หญิงผู้สูงส่งอีกต่อไปแล้ว อย่างไรย่อมต้องคิดหาทางเลี้ยงชีพตน เพราะอย่างไรนางก็ไม่คิดจะกลับไปหาเสด็จพ่อ ไม่คิดกลับเข้าวังหลวงอีก

ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา นางไม่คิดถึงเรื่องเก่าก่อนอีก

ก่อนหน้านี้จำได้ว่าอีกไม่นานไป๋ฟานจะต้องเข้าร่วมสอบขุนนาง ท่านลุงใหญ่และท่านพ่อบอกว่าหากข้าวสาลีขายได้ราคาดี จะเก็บเงินส่วนนั้นเอาไว้ให้ไป๋ฟานไปสอบที่นครหลวง ไป๋ฟานเป็นทายาทที่เป็นบุรุษเพียงคนเดียวของตระกูลไป๋ ทุกคนย่อมฝากความหวังเอาไว้กับเขา

ไป๋เยว่ซินค่อนข้างไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจคัดค้าน นางไม่อยากตัดอนาคตพี่ชาย แต่ทว่าในใจของนางเองก็ไม่อยากให้ไป๋ฟานเข้าไปพัวพันข้องเกี่ยวกับพวกขุนนางเจ้าเล่ห์ในราชสำนัก คนใส่ซื่อเช่นไป๋ฟานย่อมตามคนพวกนั้นไม่ทันเป็นแน่ แทนที่จะสร้างความรุ่งโรจน์ นางเกรงว่าจะกลายเป็นสร้างหายนะแก่ตระกูลไป๋เสียมากกว่า

แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ในเมื่อท่านลุงใหญ่และพ่อของนางมีความคิดฝังหัวว่าหากบุตรชายสามารถสอบได้เป็นขุนนางครอบครัวย่อมสุขสบายตามไปด้วย พวกเขาก็หวังกับบุตรชายเพียงคนเดียวซึ่งนางเองก็เข้าใจดี

ช่างเถิด อย่าเพิ่งคิดในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง บางครามันอาจจะไม่มีเรื่องให้ปวดหัวก็ได้

ใช้เวลาอยู่ที่ไร่นาเกือบครึ่งค่อนวันในที่สุดก็ได้เวลากลับเรือนเสียที ตอนกลับนางอยากเดินบ้างเพราะไม่อยากให้ไป๋ฟานต้องมาเข็นนางทั้งตอนไปและตอนกลับ

สองข้างทางมีดอกไม้ดอกหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ไป๋เยว่ซินเก็บมันมาพินิจดูตลอดทาง พลางยิ้มร่าเริงและสนทนากับไป๋เซียงเป็นระยะ

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่ามีคนกำลังยืนรอพวกนางอยู่ที่หน้าบ้าน

เป็นนายอำเภอเจี่ยง!

ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่นายอำเภอเจี่ยงอีกครา ก่อนหน้านี้นายอำเภอเจี่ยงมีท่าทีเย็นชายิ่ง แต่ทว่าวันนี้เขากลับมีท่าทีนอบน้อมไม่หลงเหลือท่าทีวางตนข่มท่านเช่นวันนั้นอีก อีกทั้งยังยิ้มให้ไป๋เยว่ซินอย่างประจบเอาใจ

"แม่นางไป๋ คราก่อนข้าทำผิดต่อพวกเจ้า ตัดสินคดีไม่ยุติธรรม ซ้ำยังหลงเชื่อคนชั่วเช่นคหบดีหลิน วันนี้จึงนำของมามอบให้เพื่อเป็นการไถ่โทษ เจ้าดูสิ หมูตัวนั้นข้าไปหาซื้อมาจากตลาดต่างอำเภอเชียวนา เป็นหมูพันธ์ดี และนี่ก็คือเมล็ดผักหลายชนิด อ้อ ยังมีพวกของเล่น ของใช้เล็กๆน้อยๆด้วยนา แม่นางไป๋ได้โปรดรับไว้ด้วย"

ไป๋เยว่ซินฟังจบก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พลางครุ่นคิดว่านายอำเภอเจี่ยงวันนี้มาไม้ไหนกันแน่หรือหยางซีจะสั่งให้เขามาทำสิ่งใดแผลงๆกับครอบครัวของนางอีก?

ด้านนายอำเภอเจี่ยงนั้นเมื่อเห็นว่าไป๋เยว่ซินยังไม่เอ่ยตอบรับก็เริ่มแข้งขาสั่น พร้อมกับร้องโอดครวญในใจ

ช่วยรับไปเร็วๆทีเถอะแม่นาง หากเจ้าไม่ยอมรับของ กลับจวนไปข้าคงถูกเจ้านายตนกระทืบระบายอารมณ์เป็นแน่ ข้าแข้งขาไม่ดีแล้ว เจ้าเมตตาข้าด้วยเถอะ!

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 23 จำนนด้วยหลักฐาน

    ไป๋เยว่ซินโมโหนัก นางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองคราหนึ่ง ด้านคนตระกูลไป๋ที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบเข้ามาเอ่ยปลอบใจไป๋เยว่ซินยกใหญ่ ไป๋จงบิดาของนางถึงกับบอกว่าหากทำอันใดไม่ได้ ก็ขายขาดสูตรขนมนั่นไปเสีย อย่างไรก็รับเงินของเถ้าแก่จางแล้ว ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับบอกทุกคนว่านางอยากอยู่คนเดียวสักครู่หนึ่ง เมื่อคนในบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้าขัดใจนางจึงรีบออกไปจากห้องทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว ไป๋เยว่ซินก็พยายามใช้สติไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรดี ฉับพลันนางก็หาทางออกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ในขณะที่นางกำลังจะไปจัดการตามแผนของตน ก็ได้ยินเจ้าแมวอาซานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงร้อง เมื่อไป๋เยว่ซินหันไปมอง ก็พบว่ามันกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง ก่อนจะวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงตรงหน้าของนาง ไป๋เยว่ซินที่เห็นกระดาษตรงหน้าชัดๆก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความดีใจ"นี่มัน..."เจ้าแมวอาซานยกมือของตนขึ้นมาเลียอย่างเกียจคร้าน"นายหญิงน้อย นี่คือสัญญาการซื้อขายระหว่างท่านกับเถ้าแก่ชั่วนั่น ข้าไปเอาคืนมาให้ท่านแล้ว เถ้าแก่จางเป็นคนสั่งให้คนมาขโมยไปจริงๆ อีกทั้งข้ายังทราบอีกด้วยว่า ที่เขาสั่งแป้งขนมของท่านไปมากมาย เพ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 22 สัญญาซื้อขาย

    ร้านขนมหวานตระกูลจางตั้งอยู่ไม่ไกลจากภัตตาคารตระกูลหม่าเท่าใดนัก อีกทั้งยังเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเซียงถง ผู้คนต่างแวะเวียนมาซื้อขนมหวานที่ร้านนี้กันอย่างไม่ขาดสาย เพราะมีขนมหลากหลายและรสชาติดี ไป๋เยว่ซินเคยซื้อมาชิมครั้งหนึ่ง พบว่าจะรสชาติดีแต่ออกจะหวานเลี่ยนเกินไปเสียหน่อย หวานจนแสบคอไปเสียด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายขนมบางชิ้นเนื้อแป้งก็หยาบแข็งจนสากคออีกด้วยเถ้าแก่ร้านขนมหวานตระกูลจาง เป็นคนไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าสักเดือนหนึ่งเขาจะมาที่นี่สักครั้ง และไป๋เยว่ซินก็สืบทราบมาได้ว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเขาจึงจะเข้าร้านไป๋เยว่ซินเดินเข้ามาในร้านพร้อมนำขนมเค้กฟักทองมาด้วย ขนมนี่เป็นสูตรลับที่นางได้มาจากตำราพิเศษ ไม่เคยมีผู้ใดทำขายมาก่อน เมื่อผู้ดูแลร้านเห็นว่านางเดินเข้ามาในร้านก็จำนางได้ทันที จึงรีบเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง"แม่นางน้อย วันนี้จะรับขนมใดดีขอรับ"ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี พลางเอ่ยตอบ"ข้าอยากพบเถ้าแก่ร้าน พอดีว่าข้ามีขนมสูตรใหม่อยากให้เขาลองชิม และอยากทำข้อตกลงการค้าร่วมกับเขา"ผู้ดูแลร้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใช้สายตาพิจารณามองไป๋เยว่ซินอย่างดูแคลนวูบหนึ่ง น้ำ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 21 เค้กฟักทองของไป๋เยว่ซิน

    ด้านไป๋เยว่ซินนั้น ตอนนี้กิจการที่นางทำร่วมกับเถ้าแก่หม่ากำลังไปได้สวยเป็นอย่างมาก ทุกๆวันภัตตาคารตระกูลหม่าจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ผู้คนต่างพูดกันปากต่อปากว่าอาหารของภัตตาคารตระกูลหม่านั้นเลิศรสเป็นอย่างมาก ช่วยดึงดูดลูกค้าจากต่างอำเภอรวมไปถึงผู้คนที่สัญจรไปมาให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสอีกด้วย เถ้าแก่หม่าถึงกับต้องจ้างคนงานเพิ่มอีกหลายคนเพื่อเข้ามาช่วยงานในภัตตาคารทุกๆสามวัน ไป๋เยว่ซินนำผักและเครื่องปรุงพิเศษไปส่งให้เถ้าแก่หยวนด้วยตนเอง อีกทั้งเถ้าแก่หยวนยังสั่งห้ามคนนอกเข้าไปในห้องครัวนอกจากแม่ครัวและคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีคนมาสอบถามเขาก็ตอบโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีว่านี่คือสูตรลับใหม่ของเขาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เหล่าชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างผิดหวังไปตามๆกันในอำเภอเซียงถงแห่งนี้ นอกจากภัตตาคารตระกูลหม่าแล้ว ยังมีภัตตาคารตระกูลหวังอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสามปีก่อนบุตรชายของเถ้าแก่หวังสามารถสอบได้เป็นเป็นจ้วงหยวน และได้เข้าไปทำงานในราชสำนักที่นครหลวง รั้งตำแห่งขุนนางขั้นหกในกรมพิธีการ ทำให้มีคนในอำเภอนับหน้าถือตาเถ้าแก่หวังเป็นอย่างมาก กิจการก็ไปได้ดี แต่เถ้าแก่หม่าเคยได้ยินคนพูดว่

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 20 ความวุ่นวายในจวนตระกูลหยาง

    งานเลี้ยงตระกูลหยางกลายเป็นที่โจษจันท์ไปทั่วนครหลวง ทั้งที่จวนกั๋วกงตั้งใจปิดเรื่องนี้ และส่งของขวัญไปให้ทุกจวนหมายจะใช้ของขวัญปิดปาก แต่เรื่องโสโครกของหยางเหลียนกลับถูกแพร่งพรายออกไปได้ ยามนี้ฮ่องเต้หมิงต่งและหยางฮองเฮาทรงทราบเรื่องแล้ว และยังทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้หมิงต่งต่อว่าหยางฮองเฮาไปหลายคำรบ และสั่งลงดาบทำโทษหยางเหลียนห้ามออกไปพบหน้าผู้คนในช่วงระยะเวลานี้จวนตระกูลหยางค่อนข้างโกลาหลเป็นอย่างมาก หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นคืนสติกลับมาก็ถูกหยางกั๋วกงทุบตีอย่างทารุณ ฮูหยินใหญ่ที่ขอร้องแทนบุตรชายตนทำให้โดนลูกหลงไปด้วย หยางกั๋วกงโมโหจึงเตะเสยปลายคางนางจนฟันหน้าร่วงไปหลายซี่ หยางซีที่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย เขาไม่เอ่ยห้ามปรามเพียงปรายตามองบิดาทุบตีหยางเหลียนอย่างไม่ใส่ใจหยางฮูหยินกรีดร้องเหมือนคนบ้า หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นได้สติมาเขาก็บอกว่าตนเองไม่รู้ว่าได้ทำอันใดลงไป ก่อนหน้านี้เขาดื่มสุราจนมึนเมา หลังจากกลับไปพักที่ห้องก็รู้สึกปวดหัว อีกทั้งยังคอแห้งจึงลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็จำสิ่งใดไม่ได้แล้วเมื่อได้ยินบิดาและมารดาบอกว่าตนได้กอดจูบกับ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 19 เหยื่อรายแรก

    ด้านหยางซีนั้น เขาตัดสินใจที่จะยังไม่กลับไปที่อำเภอเซียงถง เพราะอยากอยู่ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหยางเหลียงเสียก่อน ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากพบกับคนผู้หนึ่งอวี๋สาม!"นายท่าน"อยู่ๆองค์รักษ์ลับก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา หยางซีละจากความคิดในหัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามององค์รักษ์ลับของตน"ว่าอย่างไร"องค์รักษ์ยกมือขึ้นประสานกัน ก่อนจะเอ่ยตอบ"เมื่อครู่คนของเรามารายงานว่าพบคุณหนูสามอวี๋อยู่ที่หน้าหลุมศพขององค์หญิงใหญ่หมิงจูขอรับ อีกทั้งนางยังกอดป้ายหน้าหลุมศพเอาไว้แน่นและยังร้องไห้ไม่หยุดอีกด้วยขอรับ""ว่าอย่างไรนะ?"หยางซีถึงกับผุดลุกขึ้นยืน แววตาของชายหนุ่มวูบไหวไปมา อยู่ๆในใจของเขาก็เต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง ในหัวพลันผุดชื่อของใครบางคนขึ้นมาสวีฝู อดีตฮองเฮา มารดาของหมิงจู!...............หลายวันต่อมาจวนหยางกั๋วกงก็จัดงานวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบห้าปีให้กับหยางเหลียน ผู้คนต่างมาร่วมงานเลี้ยงกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อย่างไรเสียยามนี้จวนตระกูลหยางก็มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง หยางกั๋วกงนั้นช่างมีบุญนัก มีบุตรชายที่ดีถึงสองคน คนโตเป็นถึงซื่อจื่อผู้สืบทอด ส่วนบุตรชายคนรองก็รั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 18 การกลับมาของสวีฮองเฮา

    จวนตระกูลอวี๋"คุณหนูสามเจ้าคะ รถม้าเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"เสียงของสาวใช้น้อยนามว่าสวี่หยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม อีกทั้งยังไม่กล้ากระทำการใดส่งเดชหากเจ้านายของตนยังไม่ได้อนุญาต หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกเพียงเอ่ยตอบรับว่าอืมคำหนึ่ง ก่อนจะมองใบหน้าของตนเองในคันฉ่องทองเหลืองสัมฤทธิ์ด้วยแววตาที่ไร้ริ้วคลื่น ภาพสตรีที่สะท้อนอยู่ในคันฉ่องบานนี้มีนามว่าอวี๋ฝู ปีนี้นางมีอายุสิบหกแล้ว นางเป็นบุตรสาวของอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับของใต้เท้าอวี๋ เป็นบุตรภรรยาเอกและเป็นบุตรคนที่สามของไต้เท้าอวี๋ คนในจวนจึงเรียกนางว่าอวี๋สาม หลังจากมารดาตายจากไปเมื่อสามปีก่อน บิดาก็ยกย่องฮูหยินรองเฉิงขึ้นมาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ นางเฉิงซื่อมีบุตรสาวและบุตรชายฝาแฝดคู่หนึ่งนามว่า อวี๋หลวนและอวี๋เสียน อายุมากกว่านางสองปี นางเฉิงซื่อคอยให้ท้ายบุตรตนอย่างผิดๆ อวี๋หลวนและอวี๋เสียนจึงคอยทำร้ายและกลั่นแกล้งนางสารพัด ท่านพ่อเองก็ทำเป็นปิดตาข้างนึงปล่อยให้นางถูกรังแก สุดท้ายแล้วนางกลับถูกนางเฉิงซื่อใส่ร้ายว่าคิดจะวางยามารดาเลี้ยงและให้ไต้ซือมาทำนายว่านางมีดวงอัปมงคล หากนางยังอยู่ในจวนย่อมทำให้คนในจวนถึงแก่ชีวิต ต้องไปอยู่ในอา

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status