共有

บทที่ 5 มอบของแทนคำขอโทษ

last update 最終更新日: 2025-08-02 14:33:28

ไป๋เยว่ซินปรายตามองของกำนัลมากมายที่นายอำเภอเจี่ยงนำมามอบให้ตนคราหนึ่งอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจเท่าใดนัก ของมีค่าอย่างอื่นนางล้วนไม่ใส่ใจ มีเพียงอย่างเดียวที่นางให้ความสนใจนั่นก็คือเมล็ดผัก 

หญิงสาวเดินตรงไปยังข้าวของมากมายที่วางอยู่หน้าบ้าน นายอำเภอเจี่ยงที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากแม่นางน้อยไป๋รับของเหล่านี้ไป แน่นอนว่าวันนี้เขาคงรอดจากฝ่าเท้าของเจ้านายตนไปได้

คนในตระกูลไป๋ต่างมองนายอำเภอเจี่ยงด้วยความสงสัย โดยเฉพาะบิดาและท่านลุงใหญ่ของไป๋เยว่ซิน ที่ได้ทราบเรื่องราวที่นายอำเภอเจี่ยงตัดสินคดีอย่างไม่ยุติธรรมก่อนหน้านี้ก็รู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก แต่คนเขาเป็นถึงนายอำเภอ พวกตนคงไม่อาจกล่าววาจาให้อับอายได้กระมัง ชายวัยกลางคนทั้งสองจึงทำได้เพียงมองดูอยู่เงียบๆ

นางเกาและนางหลี่นั้นไม่เคยเห็นของมีราคาเช่นนี้มาก่อนก็ค่อนข้างตกใจไม่น้อย ไป๋เซียงและอาหลิงเองก็เช่นเดียวกัน นางมองกำไลหยกวงหนึ่งที่วางอยู่ในหีบและผ้าแพรพรรณที่งดงามซึ่งสามารถเอาไปตัดชุดสวยๆได้ก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ไป๋ฟานเองก็เอาแต่จับจ้องตำราหลายเล่มในหีบด้วยแววตาเป็นกระกาย

ไป๋เยว่ซินเห็นของมีค่าพวกนี้จนเคยชินจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอันใด นางเดินเข้าไปก่อนจะมองเห็นว่าในหีบใบหนึ่งมีเมล็ดผักหลายอย่างวางอยู่ นางจึงหันไปเอ่ยถามนายอำเภอเจี่ยง

"ขอถามท่าน เมล็ดผักเหล่านี้ มีผักชนิดใดบ้างหรือ?"

นายอำเภอเจี่ยงต้องการประจบประแจงนางเพื่อเอาตัวรอดอยู่แล้ว จึงรีบเดินเข้ามาพลางเอ่ยกับนางเสียงอ่อนเสียงหวาน

"เรียนแม่นางไป๋ นี่คือเมล็ดพันธ์ข้าวฟ่างและข้าวสาลี เป็นเมล็ดพันธ์อย่างดี ยามเก็บเกี่ยวและนำมาต้มเป็นโจ๊กจะให้กลิ่นหอมไม่เหมือนกับข้าวสายพันธ์อื่น ส่วนนี่คือถั่วเหลือง ผักกาด แตงกวา กระหล่ำปลี และถั่ว"

คนตระกูลไป๋ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง อยู่ๆนายอำเภอเจี่ยงก็มาพูดจาสุภาพกับบุตรสาวของเขาเช่นนี้ มันออกจะแปลกไปเสียหน่อย

ไป๋เยว่ซินเองก็คิดเช่นเดียวกับคนในบ้านวันนี้นายอำเภอเจี่ยงมาแปลก ออกจะเอาใจนางเกินไปเสียหน่อย 

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นางรีบเรียกให้ท่านพ่อและท่านลุงใหญ่เข้ามาดูเมล็ดพืชผัก และเอ่ยถามพวกเขา

"ท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อ เมล็ดพืชผักพวกนี้เป็นของดี เราเก็บเอาไว้เพาะปลูกเถอะเจ้าค่ะ ข้าเองก็มีความคิดอยากจะปลูกผักเพื่อเอาไปขาย พวกเราปลูกเพียงข้าวอย่างเดียวคงมีเงินไม่มากนัก ควรหาอย่างอื่นทำด้วย"

ไป๋จงพยักหน้าให้บุตรสาว ด้านไป๋ชวนก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน เดิมทีพวกเขาก็อยากปลูกผักไปขายเช่นกันแต่จนใจด้วยเพราะไม่มีเงินไปซื้อเมล็ดพันธ์มาปลูก เมื่อได้เห็นของดีเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น

"เยว่เอ๋อร์ ลุงใหญ่ไม่เคยรู้เลยว่าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ด้วย"

ไป๋เยว่ซินยิ้มให้ไป๋ชวน ก่อนจะเอ่ยตอบ

"คนเราต้องมีความคิดที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ ข้าไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ แต่อยากจะให้พวกท่านได้นำมันไปต่อยอด เผื่อว่าบ้านเราจะมีเงินเพิ่มมาอีกทาง"

ไป๋จงพยักหน้า พลางเอ่ยตอบบุตรสาว"

"เช่นนั้นก็รับเอาไว้ แต่อย่างไรย่อมไม่อาจปลูกได้ทั้งหมดนี่ในเวลาเดียวกัน ผักแต่ละชนิดล้วนมีฤดูที่ต้องเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเป็นของตน"

ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง นางหันไปมองนายอำเภอเจี่ยงพร้อมเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่เย็นชาและไม่ห่างเหิน

"พวกเราขอบคุณนายอำเภอเจี่ยงมาก ข้าจะเก็บเมล็ดผักเอาไว้ ส่วนของอย่างอื่นพวกท่านก็เอากลับไปเถอะ ข้าไม่ต้องการ"

เอ่ยจบนางก็หันไปเห็นสายตาของไป๋เซียงและไป๋ฟาน เดิมทีนางมองเห็นแล้วว่าสองพี่น้องหมายตาของสิ่งใดไว้ แม้แต่อาหลิงเองก็ยังมองของที่นายอำเภอเจี่ยงเอามาอย่างไม่ลดละ นางถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา เห็นของมีค่าแล้วจะให้ความสนใจนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด แต่สำหรับนางแล้ว นางมีความคิดที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้น

นางไม่รู้ว่าหยางซีคิดจะทำอันใด นายอำเภอเจี่ยงเป็นคนของเขา นางไม่อยากรับของของพวกเขาเอาไว้ หากว่าเขาเอาเรื่องในวันนี้มาทวงบุญคุณพวกนางในวันข้างหน้า ตระกูลไป๋อาจจะเดือดร้อนเอาได้

แต่นางก็อดสงสารสองพี่น้องไม่ได้จริงๆ

ด้านนายอำเภอเจี่ยงก็เริ่มลนลานเช่นเดียวกัน หากวันนี้แม่นางไป๋ไม่ยอมรับของไปทั้งหมด เขาคงไม่รอดฝ่าเท้าเจ้านายเป็นแน่

"แม่นางไป๋ เจ้าช่วยรับไปเถอะนะ ข้าจะได้สบายใจ"

"นายอำเภอเจี่ยง ข้าไม่อยากรับของของผู้ใดส่งเดช อีกอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรมแล้ว เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะรับเครื่องประดับและผ้าแพรพรรณและตำราเอาไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือท่านเอากลับไปเถอะ หาหท่านยังดึงดันจะบังคับให้ข้ารับของทั้งหมดอีก ข้าคงทำได้เพียงโยนของพวกนี้ออกจากบ้านข้าอย่างไม่ไยดี"

นายอำเภอเจี่ยงจนใจยิ่ง แต่ก็ยอมเลิกราแต่โดยดี อย่างน้อยแม่นางไป๋ก็รับเอาไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว นายท่านคงไม่กล่าวว่าเขากระมัง

เมื่อตกลงกันตามนี้แล้ว นายอำเภอเจี่ยงจึงสั่งให้คนนำของเข้าไปไว้ในบ้านตระกูลไป๋ทันที บ้านของนางพื้นที่ไม่ได้กว้างนัก ของที่ขนเข้ามาจึงต้องเอาวางกองไว้ที่ลานบ้านเสียก่อน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอเจี่ยงก็ขอตัวจากไปทันที

ไป๋ฟานหันมาเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เจือความสงสัย

"อันใดของเขากัน เหตุใดจะต้องคะยั้นคะยอให้น้องเล็กรับของเอาไว้ด้วย แปลกคนพิลึก"

ถึงแม้จะเอ่ยต่อว่าคน แต่ดวงตากลับจ้องมองตำราตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

ไป๋เยว่ซินจัดแจงแบ่งของให้คนในบ้านครบทุกคน ส่วนตัวนางเองไม่ได้ต้องการอันใดทั้งสิ้น

เวลาเย็นย่ำ แสงอาทิตย์อัสดงทอประกายสีส้มเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังจะล่วงเข้าสู่นิทรากาลแล้ว เหล่าชาวบ้านพากันกลับมาจากเทือกสวนไร่นาเพื่อกลับมาทำอาหารเย็นและนอนหลับพักผ่อนให้หายเหนื่อย เก็บแรงเอาไว้เพื่อสู้กับวันใหม่

ชีวิตชนบทก็เป็นเช่นนี้ นานวันเข้าไป๋เยว่ซินก็รู้สึกเคยชินกับมันเสียแล้ว

ด้านหยางซีนั้น หลายวันมานี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการตรวจดูการสร้างคลองขนส่งน้ำ อำเภอเซียงถงอยู่ติดเขตชายแดน เป็นพื้นที่ลุ่มมีแม่นำล้อมเอาไว้ทั้งอำเภอ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงฤดูฝนนั่นก็คือการเกิดน้ำท่วมใหญ่ เหล่าชาวบ้านได้รับความลำบากติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ฮ่่องเต้หมิงต่งเองก็ต้องการสร้างคลองขนส่งน้ำ เพื่อช่วยให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังคิดจะเปิดเส้นทางการเดินสินค้าผ่านเรือ ไปค้าขายกับแคว้นต่างๆด้วย 

เรื่องนี้ควรให้คนที่เขาไว้ใจมาลงมือทำ และหยางซีก็เป็นตัวเลือกที่ดี

ก่อนหน้านี้ที่เจี่ยงเฉาไปส่งของให้บ้านตระกูลไป๋นั้น เป็นเขาเองที่สั่งลงไป แต่ไม่คาดคิดว่าไป๋เยว่ซินกลับไม่ได้รับไปทั้งหมด

แต่ช่างเถอะ เขาเองก็ไม่คิดจะบีบคั้นนางอยู่แล้ว

"ท่านแม่ทัพ ยามนี้เป็นช่วงเวลาดีที่จะเร่งจัดการสร้างคลองขนส่งให้แล้วเสร็จ เพราะหากล่วงเข้าฤดูฝนเกรงว่าการก่อสร้างจะลำบากไม่ราบรื่นขอรับ"

หยางซีพยักหน้าเล็กน้อย การก่อสร้างครั้งนี้ไม่ได้กระทบอันใดกับเหล่าชาวบ้านเท่าใดนัก

หลายปีมานี้ ตอนที่อยู่ชายแดน เขาได้จัดการคนของหยางกั๋วกงไปไม่น้อย จากนั้นก็ใช้คนของตนแทรกเข้ามาทีละน้อยโดยที่หยางกั๋วกงไม่ทันได้พบพิรุธ

แน่นอนว่าหยางกั๋งกงย่อมต้องระแวดระวังตนเองเป็นอย่างดี แต่หยางซีเองกลับไม่ได้หวาดหวั่น เขาคิดว่าอย่างไรย่อมจะต้องจัดการสืบหาความลับและเรื่องชั่วที่หยางกั๋วกงเก็บซ่อนเอาไว้ได้อย่างแน่นอน

ความลับที่ทำให้ท่านแม่ต้องถูกสังหาร เขาจะต้องล่วงรู้มันให้ได้!

หลายวันก่อนท่านลุงหม่าต้วนมาพบเขา ยามนี้หม่าต้วนเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในอำเภอเซียงถง เขามีความเป็นอยู่ที่ด่ีมาก นับว่าเป็นความโชคดีที่คืนนั้นหยางกั๋วกงไม่ได้ล่วงรู้ว่ามีคนหนีรอดไปได้ ทำให้หม่าต้วนยังรอดชีวิตอยู่ดีมาจนถึงทุกวันนี้

หยางซีเก็บแบบการก่อสร้างคลองขนส่งเอาไว้ ก่อนจะหันไปสั่งการกับเหล่าทหาร

"ไปเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยทำงาน บอกพวกเขาว่าทำงานช่วยสร้างคลองขนส่งน้ำครั้งนี้มีเงินให้ และมีอาหารให้สามมื้อ ขอเพียงขยันและอดทนไม่เกี่ยงงานหนักก็สามารถมาลงชื่อได้ อย่างไรย่อมต้องเร่งมือแล้ว"

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

หยางซีเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและควบม้าเดินเหยาะๆไปตามทางอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยามเช้าอากาศที่อำเภอเซียงถงค่อนข้างดีเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเพาะปลูกผู้คนต่างเริ่มออกมาทำนาทำสวนกันอย่างขะมักเขม้น

ในขณะที่เขากำลังมองสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย ดวงตาคมก็มองเห็นสตรีน้อยนางหนึ่ง กำลังเดินมาพร้อมกับครอบครัวของตน นางสะพายกระบุงเอาไว้บนหลัง นางเดินไปพลางก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากตนไปพลาง

ดวงตาของชายหนุ่มพลันทอประกายวูบหนึ่ง

หมิงจู!

ไม่สิ ยามนี้ต้องเรียกนางว่าไป๋เยว่ซินแล้วต่างหาก

หยางซีไม่ใคร่จะคุ้นชินเท่าใดนัก แต่อย่างไรย่อมต้องพยายามปรับตนให้ชินกับชื่อและตัวตนใหม่ของนาง

ชายหนุ่มยกขาตนกระทุ้งท้องม้าให้เดินเหยาะๆตามคนตระกูลไป๋ไปช้าๆ ก่อนจะหยุดมองอยู่ในระยะห่างพอสมควร

ยามนี้ไป๋เยว่ซินกำลังช่วยคนในครอบครัวเพาะปลูกพืชผักและทำสวน ท่าทางของนางดูทุลักทุเลเล็กน้อย แต่แววตากลับมุ่งมั่น รอยยิ้มเปล่งประกายเจิดจ้า รอยยิ้มของนางงดงามนัก ยามที่นางยิ้มจะมองเห็นลักยิ้มสองข้างแก้มที่ชวนหลงใหล

ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่า หมิงจูที่อยู่ในร่างของไป๋เยว่ซินตอนนี้ดูสดใสและชวนมองกว่าแต่ก่อนมากนัก

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 23 จำนนด้วยหลักฐาน

    ไป๋เยว่ซินโมโหนัก นางยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองคราหนึ่ง ด้านคนตระกูลไป๋ที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบเข้ามาเอ่ยปลอบใจไป๋เยว่ซินยกใหญ่ ไป๋จงบิดาของนางถึงกับบอกว่าหากทำอันใดไม่ได้ ก็ขายขาดสูตรขนมนั่นไปเสีย อย่างไรก็รับเงินของเถ้าแก่จางแล้ว ไป๋เยว่ซินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับบอกทุกคนว่านางอยากอยู่คนเดียวสักครู่หนึ่ง เมื่อคนในบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้าขัดใจนางจึงรีบออกไปจากห้องทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว ไป๋เยว่ซินก็พยายามใช้สติไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรดี ฉับพลันนางก็หาทางออกวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ในขณะที่นางกำลังจะไปจัดการตามแผนของตน ก็ได้ยินเจ้าแมวอาซานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงร้อง เมื่อไป๋เยว่ซินหันไปมอง ก็พบว่ามันกำลังเดินตรงเข้ามาหานาง ก่อนจะวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงตรงหน้าของนาง ไป๋เยว่ซินที่เห็นกระดาษตรงหน้าชัดๆก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความดีใจ"นี่มัน..."เจ้าแมวอาซานยกมือของตนขึ้นมาเลียอย่างเกียจคร้าน"นายหญิงน้อย นี่คือสัญญาการซื้อขายระหว่างท่านกับเถ้าแก่ชั่วนั่น ข้าไปเอาคืนมาให้ท่านแล้ว เถ้าแก่จางเป็นคนสั่งให้คนมาขโมยไปจริงๆ อีกทั้งข้ายังทราบอีกด้วยว่า ที่เขาสั่งแป้งขนมของท่านไปมากมาย เพ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 22 สัญญาซื้อขาย

    ร้านขนมหวานตระกูลจางตั้งอยู่ไม่ไกลจากภัตตาคารตระกูลหม่าเท่าใดนัก อีกทั้งยังเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเซียงถง ผู้คนต่างแวะเวียนมาซื้อขนมหวานที่ร้านนี้กันอย่างไม่ขาดสาย เพราะมีขนมหลากหลายและรสชาติดี ไป๋เยว่ซินเคยซื้อมาชิมครั้งหนึ่ง พบว่าจะรสชาติดีแต่ออกจะหวานเลี่ยนเกินไปเสียหน่อย หวานจนแสบคอไปเสียด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายขนมบางชิ้นเนื้อแป้งก็หยาบแข็งจนสากคออีกด้วยเถ้าแก่ร้านขนมหวานตระกูลจาง เป็นคนไม่ค่อยชอบความวุ่นวาย ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าสักเดือนหนึ่งเขาจะมาที่นี่สักครั้ง และไป๋เยว่ซินก็สืบทราบมาได้ว่าทุกวันที่สิบห้าของเดือนเขาจึงจะเข้าร้านไป๋เยว่ซินเดินเข้ามาในร้านพร้อมนำขนมเค้กฟักทองมาด้วย ขนมนี่เป็นสูตรลับที่นางได้มาจากตำราพิเศษ ไม่เคยมีผู้ใดทำขายมาก่อน เมื่อผู้ดูแลร้านเห็นว่านางเดินเข้ามาในร้านก็จำนางได้ทันที จึงรีบเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง"แม่นางน้อย วันนี้จะรับขนมใดดีขอรับ"ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี พลางเอ่ยตอบ"ข้าอยากพบเถ้าแก่ร้าน พอดีว่าข้ามีขนมสูตรใหม่อยากให้เขาลองชิม และอยากทำข้อตกลงการค้าร่วมกับเขา"ผู้ดูแลร้านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใช้สายตาพิจารณามองไป๋เยว่ซินอย่างดูแคลนวูบหนึ่ง น้ำ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 21 เค้กฟักทองของไป๋เยว่ซิน

    ด้านไป๋เยว่ซินนั้น ตอนนี้กิจการที่นางทำร่วมกับเถ้าแก่หม่ากำลังไปได้สวยเป็นอย่างมาก ทุกๆวันภัตตาคารตระกูลหม่าจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ผู้คนต่างพูดกันปากต่อปากว่าอาหารของภัตตาคารตระกูลหม่านั้นเลิศรสเป็นอย่างมาก ช่วยดึงดูดลูกค้าจากต่างอำเภอรวมไปถึงผู้คนที่สัญจรไปมาให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสอีกด้วย เถ้าแก่หม่าถึงกับต้องจ้างคนงานเพิ่มอีกหลายคนเพื่อเข้ามาช่วยงานในภัตตาคารทุกๆสามวัน ไป๋เยว่ซินนำผักและเครื่องปรุงพิเศษไปส่งให้เถ้าแก่หยวนด้วยตนเอง อีกทั้งเถ้าแก่หยวนยังสั่งห้ามคนนอกเข้าไปในห้องครัวนอกจากแม่ครัวและคนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีคนมาสอบถามเขาก็ตอบโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีว่านี่คือสูตรลับใหม่ของเขาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เหล่าชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างผิดหวังไปตามๆกันในอำเภอเซียงถงแห่งนี้ นอกจากภัตตาคารตระกูลหม่าแล้ว ยังมีภัตตาคารตระกูลหวังอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสามปีก่อนบุตรชายของเถ้าแก่หวังสามารถสอบได้เป็นเป็นจ้วงหยวน และได้เข้าไปทำงานในราชสำนักที่นครหลวง รั้งตำแห่งขุนนางขั้นหกในกรมพิธีการ ทำให้มีคนในอำเภอนับหน้าถือตาเถ้าแก่หวังเป็นอย่างมาก กิจการก็ไปได้ดี แต่เถ้าแก่หม่าเคยได้ยินคนพูดว่

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 20 ความวุ่นวายในจวนตระกูลหยาง

    งานเลี้ยงตระกูลหยางกลายเป็นที่โจษจันท์ไปทั่วนครหลวง ทั้งที่จวนกั๋วกงตั้งใจปิดเรื่องนี้ และส่งของขวัญไปให้ทุกจวนหมายจะใช้ของขวัญปิดปาก แต่เรื่องโสโครกของหยางเหลียนกลับถูกแพร่งพรายออกไปได้ ยามนี้ฮ่องเต้หมิงต่งและหยางฮองเฮาทรงทราบเรื่องแล้ว และยังทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่ง ฮ่องเต้หมิงต่งต่อว่าหยางฮองเฮาไปหลายคำรบ และสั่งลงดาบทำโทษหยางเหลียนห้ามออกไปพบหน้าผู้คนในช่วงระยะเวลานี้จวนตระกูลหยางค่อนข้างโกลาหลเป็นอย่างมาก หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นคืนสติกลับมาก็ถูกหยางกั๋วกงทุบตีอย่างทารุณ ฮูหยินใหญ่ที่ขอร้องแทนบุตรชายตนทำให้โดนลูกหลงไปด้วย หยางกั๋วกงโมโหจึงเตะเสยปลายคางนางจนฟันหน้าร่วงไปหลายซี่ หยางซีที่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย เขาไม่เอ่ยห้ามปรามเพียงปรายตามองบิดาทุบตีหยางเหลียนอย่างไม่ใส่ใจหยางฮูหยินกรีดร้องเหมือนคนบ้า หลังจากที่หยางเหลียนฟื้นได้สติมาเขาก็บอกว่าตนเองไม่รู้ว่าได้ทำอันใดลงไป ก่อนหน้านี้เขาดื่มสุราจนมึนเมา หลังจากกลับไปพักที่ห้องก็รู้สึกปวดหัว อีกทั้งยังคอแห้งจึงลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม หลังจากนั้นก็จำสิ่งใดไม่ได้แล้วเมื่อได้ยินบิดาและมารดาบอกว่าตนได้กอดจูบกับ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 19 เหยื่อรายแรก

    ด้านหยางซีนั้น เขาตัดสินใจที่จะยังไม่กลับไปที่อำเภอเซียงถง เพราะอยากอยู่ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหยางเหลียงเสียก่อน ที่เขาทำเช่นนี้เพราะอยากพบกับคนผู้หนึ่งอวี๋สาม!"นายท่าน"อยู่ๆองค์รักษ์ลับก็ปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา หยางซีละจากความคิดในหัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามององค์รักษ์ลับของตน"ว่าอย่างไร"องค์รักษ์ยกมือขึ้นประสานกัน ก่อนจะเอ่ยตอบ"เมื่อครู่คนของเรามารายงานว่าพบคุณหนูสามอวี๋อยู่ที่หน้าหลุมศพขององค์หญิงใหญ่หมิงจูขอรับ อีกทั้งนางยังกอดป้ายหน้าหลุมศพเอาไว้แน่นและยังร้องไห้ไม่หยุดอีกด้วยขอรับ""ว่าอย่างไรนะ?"หยางซีถึงกับผุดลุกขึ้นยืน แววตาของชายหนุ่มวูบไหวไปมา อยู่ๆในใจของเขาก็เต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง ในหัวพลันผุดชื่อของใครบางคนขึ้นมาสวีฝู อดีตฮองเฮา มารดาของหมิงจู!...............หลายวันต่อมาจวนหยางกั๋วกงก็จัดงานวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบห้าปีให้กับหยางเหลียน ผู้คนต่างมาร่วมงานเลี้ยงกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อย่างไรเสียยามนี้จวนตระกูลหยางก็มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง หยางกั๋วกงนั้นช่างมีบุญนัก มีบุตรชายที่ดีถึงสองคน คนโตเป็นถึงซื่อจื่อผู้สืบทอด ส่วนบุตรชายคนรองก็รั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของ

  • เมื่อองค์หญิงใหญ่เกิดใหม่พร้อมตำราจากแดนพิเศษ    บทที่ 18 การกลับมาของสวีฮองเฮา

    จวนตระกูลอวี๋"คุณหนูสามเจ้าคะ รถม้าเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"เสียงของสาวใช้น้อยนามว่าสวี่หยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม อีกทั้งยังไม่กล้ากระทำการใดส่งเดชหากเจ้านายของตนยังไม่ได้อนุญาต หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกเพียงเอ่ยตอบรับว่าอืมคำหนึ่ง ก่อนจะมองใบหน้าของตนเองในคันฉ่องทองเหลืองสัมฤทธิ์ด้วยแววตาที่ไร้ริ้วคลื่น ภาพสตรีที่สะท้อนอยู่ในคันฉ่องบานนี้มีนามว่าอวี๋ฝู ปีนี้นางมีอายุสิบหกแล้ว นางเป็นบุตรสาวของอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับของใต้เท้าอวี๋ เป็นบุตรภรรยาเอกและเป็นบุตรคนที่สามของไต้เท้าอวี๋ คนในจวนจึงเรียกนางว่าอวี๋สาม หลังจากมารดาตายจากไปเมื่อสามปีก่อน บิดาก็ยกย่องฮูหยินรองเฉิงขึ้นมาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ นางเฉิงซื่อมีบุตรสาวและบุตรชายฝาแฝดคู่หนึ่งนามว่า อวี๋หลวนและอวี๋เสียน อายุมากกว่านางสองปี นางเฉิงซื่อคอยให้ท้ายบุตรตนอย่างผิดๆ อวี๋หลวนและอวี๋เสียนจึงคอยทำร้ายและกลั่นแกล้งนางสารพัด ท่านพ่อเองก็ทำเป็นปิดตาข้างนึงปล่อยให้นางถูกรังแก สุดท้ายแล้วนางกลับถูกนางเฉิงซื่อใส่ร้ายว่าคิดจะวางยามารดาเลี้ยงและให้ไต้ซือมาทำนายว่านางมีดวงอัปมงคล หากนางยังอยู่ในจวนย่อมทำให้คนในจวนถึงแก่ชีวิต ต้องไปอยู่ในอา

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status