Masuk“แกหายไปไหนมาทั้งคืน”
“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงของฟ้าใสดังขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาในตัวอาคารของหอพักอพาร์ทเม้นท์
ฟ้าใสไล่สายตามองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาขาดการติดต่อหายไปตลอดทั้งคืนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันโทรหาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมด”
“ขอตัวไปพักก่อนนะ เหมือนจะไม่สบายน่ะ”
“ตอบมาก่อนว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” คว้าข้อมือของลิชาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินหนี มองเห็นใบหน้าซูบเซียวและรอยฟกช้ำที่ติดอยู่ตามลำตัว
“เอาไว้ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังนะ”
“แกหายไปกับเฮียแฟรงก์มาใช่ไหม”
“ปะ…เปล่า” คนตัวเล็กรีบใส่หน้าปฏิเสธ เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดีว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร
“อย่ามาโกหก…เฮียแฟรงก์เรียกแกไปทำอะไร”
“…..”
“สภาพแบบนี้ คงโดนมาหลายคนเลยใช่มั้ย”
“ฟ้าหมายถึงอะไร” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอียงคอถามเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟ้าใสพูดเลยสักนิด
“ไม่ต้องทำเป็นใสซื่อ บอกฉันมาว่าแกได้กับใครมาบ้าง” เพราะคิดว่าลิชาคงเหมือนผู้หญิงคนอื่นของเจ้านาย ถ้าแขกในร้านจ่ายหนัก บุรินทร์ภัทรจะส่งให้ไปเอนเตอร์เทนลูกค้าแบบส่วนตัว “ถ้ายังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่ก็เล่ามาให้หมด”
“เมื่อคืนเราอยู่กับแจ็ค”
แจ็คคือเพื่อนชายคนสนิทที่คะนิ้งและฟ้าใสต่างรู้จักดีเพราะคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
“แกพูดจริงเหรอ” หรี่สายตามองจับผิดอย่างไม่เชื่อในคำพูด
“เราพูดจริง เราไปค้างบ้านแจ็คมา”
“แล้วเฮียล่ะ เขาเรียกแกไปทำอะไร”
“ก็แค่เรียกไปใช้งาน”
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วไม่มีผิด สภาพอย่างแกเฮียแฟรงก์คงเอาไม่ลงหรอก” ตั้งใจพูดกระแทกแดกดันใส่คนตรงหน้า ทั้งรสนิยมและการแต่งตัว ลิชาสวยสู้เธอไม่ได้เลยสักนิด
“ฟ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย เราจะได้ไปพัก รู้สึกเวียนหัวน่ะ”
“อืม…แกจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“…..” ลิชาพยายามฝืนทำสีหน้าและร่างกายที่บอบช้ำให้เป็นปกติมากที่สุดก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา
เอส.บี.ดี เซอร์วิส
รถสปอร์ตคันหรูสีดำเงาตบไฟเลี้ยวเข้ามาจอดในลานคอนกรีตกว้างของร้านขายอะไหล่รถยนต์ขนาดใหญ่
ฐานะครอบครัวเข้าขั้นว่ารวยติดอันดับ ทั้งที่ธุรกิจทางบ้านคือบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์ แต่บุรินทร์ภัทรกลับเลือกจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบคือการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร และยังมีธุรกิจสีเทาที่ลงขันร่วมหุ้นส่วนทำกับเพื่อนอีกนิดหน่อย
“ไปไหนมาป๊า ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้าน” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้นทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ
ดาวศุกร์อยู่ในชุดนอนลายหมีสีชมพู ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำลายเดินเข้ามาถามอย่างเอาเรื่อง
อุตส่าห์นอนรอทั้งคืน แต่ป๊าแฟรงก์ของเธอก็ไม่กลับมา
“ไปอยู่กับสาวมาเหรอ ศุกร์จะไปฟ้องป๊าฟริน จะบอกย่าด้วย”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะศุกร์”
“ทีผู้ใหญ่ยังยุ่งเรื่องของเด็กได้เลย แล้วทำไมเด็กจะยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ได้” ไม่พูดเปล่าแต่ยังยืนเท้าเอวแผดเสียงเล็กแหลมด้วยความไม่พอใจ
ชายหนุ่มมองหน้าหลานสาวก่อนจะถอนหายใจหนัก ทั้งท่าทางและคำพูดเหมือนคัดลอกเขาออกมาไม่มีผิดเพี้ยน “พูดมากจริง แล้วไอ้แว่นมันอยู่ไหน”
“ป๊ากำลังตีกอล์ฟอยู่ที่สวนหลังบ้าน”
“ไปนั่งดูการ์ตูนรอป๊าอยู่ในห้องห้ามออกไปไหน เดี๋ยวป๊ารีบมาอยู่ด้วย”
“วันนี้ศุกร์กับน้องอยากไปซื้อลาบูบู้ ป๊าพาไปหน่อยได้มั้ย”
“เดี๋ยวป๊าพาไป ไปบอกน้องให้แต่งตัวรอ เสร็จแล้วจะพาไปกินไอติมด้วย”
“…..” เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างไม่เรื่องมากรีบเดินเข้าไปในบ้านตามคำสั่งอย่างอารมณ์ดี
“แว่นน้องรัก พี่มาแล้ว”
“…..” ฟรินเหลือบสายตามองพี่ชายฝาแฝดที่เพิ่งมาใหม่ ดวงหน้าหล่อเหลาอิดโรย คล้ายกับคนที่ยังไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน
“ออกกำลังกายแต่เช้าเลยเหรอ”
“สิบเอ็ดโมงบ้านกูไม่เรียกว่าเช้านะ”
“บ้านกูบ้านมึงมันก็เหมือนกันนั่นแหละ” แฟรงก์ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างน้องชาย ยกแขนขึ้นกอดอกกระดิกเท้าอย่างอารมณ์ดี
“ทำเมื่อคืนถึงไม่กลับมานอนบ้าน”
“งานที่ร้านยุ่งอ่ะดิ”
“…..” ฟรินเลิกคิ้วมองพี่ชายอย่างพิจารณา ที่ผ่านมาไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนมันก็ต้องกลับมานอนที่บ้านเพราะคิดถึงหลาน ไอ้แฟรงก์มันติดหลานยิ่งกว่าอะไรดี
“มองอะไร”
“มองรอยที่คอมึง…ปกติไม่ชอบให้ใครทำรอยไม่ใช่เหรอ” เห็นรอยเล็บข่วนอยู่ที่ลำคอหลายแผลก็พอจะรู้ถึงสาเหตุว่าเมื่อคืนมันหายไปไหนมา
“รอยอะไร”
“แล้วมึงไปเอากับใครมาล่ะ”
“…..”
“หรือว่าคนนี้จริงจัง?”
“ทำไมถึงคิดว่ากูจริงจัง…กูอยู่คนเดียวแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”ชายหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่นึกใจใส่ ก่อนจะหยิบมวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสูบเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด
ไม่รู้ว่าเด็กนั่นเผลอทำรอยไว้ตั้งแต่ตอนไหน!
“จะทำอะไรก็คิดดีๆ นะแฟรงก์”
“ไม่ต้องมาสอน กูไม่มีวันเป็นเหมือนมึงแน่นอน สบายใจได้น้องรัก” ตบบ่าน้องชายเบาๆ ก่อนจะลุกเดินหนีออกไป
“หึ…”
-2F BAR-
“วันนี้มีสาวมาใหม่อย่างแจ่ม ขาวหมวยสเปกเลย! เฮียจะเอาไว้เล่นสักสองสามคนไหมครับ” บุรินทร์ภัทรละสายตาจากสิ่งโดยรอบ เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามาทักทาย
“ไม่อ่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์”
“เฮียอย่ามาอำดิ ปกติไม่เคยพลาด”
“…..” ร่างสูงยืนเท้าเอวตรวจดูความเรียบร้อยภายในร้าน วันหยุดแขกเลยจะเยอะเป็นพิเศษ “ลิชาอยู่ไหน!”
เมื่อมั่นใจว่าคนที่มองหาไม่ได้อยู่แถวนี้จึงถามออกไป
“ลิชาโทรมาลางานสามวันครับ”
“สามวัน? ลาไปไหน”
“เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายครับ”
“อืม…มึงจะไปไหนก็ไป”
“คิดถึงน้องลิชาเหรอเฮีย”
“พะ…พูดบ้าอะไรของมึง ทำไมกูต้องคิดถึงยัยเด็กนั่นด้วย”
“ก็ปกติเฮียไม่เคยถามหาพนักงานคนไหน” เจ้านายเองคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังเผลอทำสีหน้าล่อกแล่ก อยู่ด้วยกันมาก็นานทำไมจะไม่รู้ว่าเฮียแฟรงก์กำลังสนใจเด็กเฉิ่มคนนั้น
แต่ก็อย่างว่า…
เฮียเขามันเป็นพวกหล่อรวยเข้าขั้น แถมยังชอบลองอะไรใหม่ๆ ถ้าจะเปลี่ยนคู่นอนก็แค่ดีดนิ้ว เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
“พนักงานไม่อยู่ กูก็ต้องถามหาไหมล่ะ”
“ติดใจน้องลิชาล่ะสิ”
“อะไรของมึง”
“น้องลิชาของผมแจ่มป่ะ”
“ก็งั้นๆ แหละ”
“ถุงยางหมดไปสองกล่องขนาดนั้น น้องลิชาของผมยังอยู่ดีไหมเนี่ย” เดินเข้าไปกระซิบถามใกล้ๆ ก่อนจะยกยิ้มมองหน้าเจ้านายสุดหล่อด้วยท่าทางยียวน “เล่นซะน้องจับไข้เลยนะเฮีย เดี๋ยวก็ช้ำหมดหรอก”
“มึงอย่ามาพูดมาก มีอะไรไปทำก็ไป”
“ถ้าเบื่อแล้วผมขอนะ”
“ขออะไร…หมายถึงถุงยาง?”
“ผมหมายถึงน้องลิชาต่างหาก…ถ้าเฮียเบื่อแล้วผมขอนะ”
“…..”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ







