LOGIN“เป็นยังไงบ้างลิชา อาการดีขึ้นหรือยัง” เพื่อนชายคนสนิทถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียง ใช้หลังมือแตะบนหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อวัดไข้
“ดีขึ้นมากแล้วแจ็ค ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมนะ”
“พอไอ้นิ้งโทรบอก เลิกเรียนเราก็รีบมาเลย”
“ฉันถามมันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา” คะนิ้งถอนหายใจมองลิชาอย่างเอือมๆ ไม่ว่าเธอจะถามอีกกี่ครั้ง แต่ลิชาก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้ฟัง
“เราแค่ไม่สบายเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ไม่สบายต้องเดินขาถ่างด้วยเหรอ ถ้าบอกว่าแกโดนรุมโทรมมายังน่าเชื่อกว่าอีก” สภาพของเพื่อนรักตอนนี้ดูได้ที่ไหน
ตั้งแต่หายไปในคืนนั้น พอกลับมาถึงห้องก็เอาแต่นอนร้องไห้จับไข้ไปหลายวัน มิหนำซ้ำยังต้องขาดเรียน
“…..” ลิชาเข้าใจว่าที่คะนิ้งพูดนั้นเกิดจากความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้ถือสาหรือเก็บมาคิดใส่ใจ
“ฉันไม่อยากเซ้าซี้แกแล้ว เอาไว้ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็ค่อยเล่าแล้วกัน”
“กินโจ๊กป่ะ เราซื้อมาฝาก” แจ็ครีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นสถานการณ์ของสองสาวเริ่มตึงเครียด
“ขอบคุณนะแจ็ค กำลังหิวอยู่พอดี”
“หิวก็กินเยอะๆ เลยนะ ถ้าไม่อิ่มยังมีนมกับผลไม้อีกเพียบ”
“ถ้าพวกแกสองคนรักกันปานจะกลืนกินขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นผัวเมียกันให้จบๆ” คะนิ้งที่เป็นเหมือนส่วนเกินตั้งใจพูดกระแหนะกระแหนใส่คนทั้งสอง
“…..”
“อ่อ…ฉันก็ลืมไป ยัยชามันรักแต่พ่อหนุ่มแบดบอยคนนั้น ขนาดภาพหน้าจอโทรศัพท์ยังเป็นรูปเขา”
“หยุดพูดเถอะน่า แล้วจะพูดถึงเขาทำไมกัน” แค่นึกเห็นหน้าผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ฉันพูดไม่แปลกหรอก ว่าแต่แกน่ะร้อนตัวทำไม”
“…..”
“ชายังไม่เลิกชอบเขาอีกเหรอ” แจ็คเอียงคอมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสงสัย ผ่านไปตั้งนานนึกว่าลิชาจะตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้แล้ว
“ก็พยายามอยู่”
“เข้าใจว่ามันยาก ไอ้หมอนั่นมันทั้งหล่อทั้งรวย ไม่แปลกที่ชาจะชอบมัน” ตอนไปเที่ยวเคยเห็นบุรินทร์ภัทรที่คลับอยู่บ่อยๆ
บุรินทร์ภัทรเป็นคนเจ้าสำอาง ขนาดผู้ชายด้วยกันยังเหลียวหลังมองตาม คนอะไรจะดูดีได้ทุกกระเบียดนิ้วขนาดนั้น
“แล้ววันนี้ชาไปทำงานไหวไหม เดี๋ยวเราไปส่ง”
“ต้องไหวอยู่แล้ว” เพราะครบกำหนดลางานสามวัน ถ้าไม่ไปคงโดนใบเตือน หรือร้ายแรงกว่านั้นก็อาจจะโดนไล่ออกได้
“ไม่เป็นอะไรมากก็แล้วไป ดูแลตัวเองดีๆ”
“…..”
-2F BAR-
“เป็นยังไงบ้าง หยุดไปหลายวันหายดีแล้วใช่มั้ย” หัวหน้างานเดินเข้ามาทักทาย หลังจากเห็นลิชาปรากฏตัวในรอบหลายวัน
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“พี่จะมาบอกว่ายัยอรลาออกแล้วนะ ตอนนี้ยังหาคนใหม่ไม่ได้ เลยจะให้ชาไปทำแทนก่อน โอเคมั้ย”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวชาทำแทนเอง” ตอบตกลงอย่างไม่เรื่องมาก เธอเคยทำมาก็ตั้งหลายครั้ง ดูแลแขกวีไอพี ไม่ต้องทำงานหนักแถมยังได้เงินดี ใครบ้างจะไม่อยากทำ
“ช่วยพี่หน่อยนะ ถ้าหาคนใหม่มาเปลี่ยนได้เมื่อไหร่ ก็คงไม่รบกวนแกแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
“เดี๋ยวชาไปทำผมเปลี่ยนชุดรอเข้างานเลยนะ”
“วันนี้ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอคะ?”
“ต้องเปลี่ยนนะ พี่เตรียมชุดไว้ให้ชาแล้ว ถ้าใส่ชุดพนักงานแบบนี้ไปดูแลลูกค้า เฮียบ่นหูดับแน่”
“…..”
“รีบไปเปลี่ยนชุดแต่งตัวเร็วเข้า ตอนนี้เฮียใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าเสร็จไม่ทันเดี๋ยวจะซวยกันหมด”
“…..”
‘รู้เรื่องยัยอรหรือยัง ได้ยินพี่แววบอกว่ามันลาออกแล้วนะ’
‘แล้วแกรู้ไหมว่ามันลาออกทำไม มันเป็นเด็กคนโปรดของเฮียไม่ใช่เหรอ’
‘เฮียน่าจะเบื่อเลยเขี่ยทิ้ง’
‘ยัยอรมันงี่เง่าจะตายไป ใครก็รู้ทั้งนั้น’
‘เห็นเขาพูดกันว่าวันนั้นเฮียเอาเด็กใหม่ไปกินบนห้องจนถึงเช้า แต่ยังไม่รู้ว่าใคร’
‘ยัยอรคนโปรดนักหนายังโดนทิ้ง นับประสาอะไรกับคนใหม่ ฉันให้ไม่เกินสองเดือน รับรองว่าได้ตกกระป๋องตามยัยอรไปแน่นอน’
“…..” ลิชาที่หลบอยู่ในห้องน้ำนั่งเงียบฟังบทสนทนาที่คนกลุ่มนั้นกำลังพูดถึงเธอ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม รู้ตัวดีว่าอีกไม่นานก็คงมีจุดจบเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกัน
ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น คิ้วเข้มหนารับกับดวงตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่เดินเข้ามาในร้านพร้อมลูกน้องคนสนิทที่คอยเดินประกบซ้ายขวา
การปรากฏตัวของบุรินทร์ภัทรสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้เป็นอย่างดี
“ไอ้มาร์ตินมาถึงหรือยัง” หันไปถามลูกน้องคนสนิท ‘มาร์ติน’ คือคู่ค้าคนสำคัญที่มีนัดเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจในวันนี้
“ใกล้ถึงแล้วครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“ไปตามเด็กมาสักสี่คน เอามาต้อนรับลูกค้ากูด้วย”
“ได้ครับเฮียไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจัดการให้”
“…..”
“น้องลิชาของเฮียมาทำงานแล้ว วันนี้แต่งตัวสวยซะด้วย”
หันมองหลังจากได้ยินประโยคที่ลูกน้องรายงาน โยนมวนบุหรี่ที่เพิ่งจุดสูบทิ้งลงบนพื้น ก่อนจะใช้เท้าขยี้มันจนดับ มองเห็นคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำลังพูดคุยกับลูกค้าภายในร้าน “ไปตามยัยเด็กนั่นมาหากูเดี๋ยวนี้”
ตึกตัก…เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมคนตัวเล็กที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“มาเสนอหน้าทำอะไรตรงนี้” วาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิชาอยู่ในชุดเดรสรัดรูปเกาะอกสีแดงโชว์ผิวขาวนวลเนียน
“มาดูแลลูกค้าค่ะ”
“ใครอนุญาต?” หยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง
“พี่แววให้มาค่ะ”
“มันใช่หน้าที่ของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นแค่เด็กเสิร์ฟทำไมไม่อยู่หลังร้าน”
“…..”
“แล้วใส่ชุดบ้าอะไร”
“พี่แววให้หนูใส่แบบนี้”
“วันนี้ร้านฉันมีแต่แขกคนสำคัญ ถ้าทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา เธอมีปัญญาชดใช้งั้นเหรอ”
“หนูทำได้ค่ะ” ลิชาบอกเสียงเบา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตา
“ไม่สบายหายดีแล้วหรือไง ถึงได้อวดเก่ง”
“หายแล้วค่ะ”
ร่างสูงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา โน้มใบหน้ากระซิบที่ข้างใบหู “อวดเก่งดีนัก…ก็ให้มันเก่งเหมือนตอนที่ใช้ปากกับฉันแล้วกัน”
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ใบหน้าเห่อร้อน มันทั้งรู้สึกกังวลและตื่นกลัวหลังจากได้ยินประโยคนั้น “ถ้าทำงานฉันเสียหายขึ้นมา ฉันจะไล่เธอออก!”
“.....”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ







