LOGINคนตัวเล็กถูกอุ้มให้ขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนที่บุรินทร์ภัทรจะถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกลางหว่างขา
สองขาเรียวหุบเข้าหาเอวสอบไว้แน่นตามสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นเทาอย่างหนักขณะที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ สูดดมกลิ่นกายราวกับหื่นกระหาย
“เฮียแฟรงก์…ชากลัว”
“กลัวอะไร”
“หนูยังไม่เคย…”
“กำลังจะทำให้เคยอยู่นี่ไง”
เพราะอลิชาคือเป้าหมายตั้งแต่แรก คนอย่างเขาถ้าคิดจะเอาก็ต้องได้ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ง่ายๆ
“มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ” ถามเสียงอ่อนลง จ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความกังวล เริ่มเกิดเป็นความกดดันว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดหรือถูก
“ไม่ต้องกินยา เดี๋ยวฉันป้องกันเอง”
“หนูเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเปลี่ยนใจ”
ผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
ปลายนิ้วเรียวกระหวัดกางเกงชั้นในให้ลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไร
ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ใช้สายตาแทะโลมมองคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง
แฟรงก์เลื่อนมือไปปลดขอบราเซียออกให้พ้นจากเรือนร่างบอบบาง ทำให้ผิวขาวนวลเนียนและเนินอกอวบอิ่มปรากฏออกสู่สายตา
“ฉันน่าจะเอาเธอตั้งนานแล้ว” สวยกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้หลายเท่า ถึงแม้การแต่งตัวและใบหน้าจะดูเฉิ่มเชย แต่อลิชากลับซ่อนรูปมากกว่าที่คิดไว้
ลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่จางๆ เป่ารดลำคอจนรู้สึกวูบวาบ เป็นเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับบุรินทร์ภัทรขนาดนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้ง ยามที่เขาเลื่อนมือมาสัมผัสบนร่างกาย
ฝ่ามือหนาบีบเคล้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มอย่างแรงจนเกิดเป็นรอยนิ้วมือ ก่อนจะครอบริมฝีปากลงไปดูดดุน ใช้ปลายลิ้นสากเลียวนขบเม้มที่เนินอกทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนลานนมเปียกแฉะไปด้วยน้ำลายใส
“นอกจากฉันแล้ว เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอหรือยัง” กระซิบถามข้างใบหู ค่อยๆ สอดนิ้วเรียวยาวขยับเข้าออกในช่องทางรักสีหวานก่อนจะหมุนควงข้อมือกระแทกซ้ำๆ ด้วยความช่ำชองจนหญิงสาวหลุดเสียงร้องครางอยู่หลายครั้ง
“เฮียเป็นคนแรกของหนู” ลืมตาเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ แต่บุรินทร์ภัทรกลับมองว่ามันน่าเอ็นดูและใสซื่อกว่าทุกคนที่เคยผ่านมา
ลิชาหัวอ่อน หลอกง่าย แค่ได้ฟันแล้วก็เฉดหัวทิ้ง เหมือนที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่น!
มันเป็นสิ่งที่วนอยู่ในความคิดของเขามาตลอดระยะเวลาหลายวัน
ติ๊ด…เมื่อเห็นเรือนร่างของเธอจนพอใจ แฟรงก์เอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟภายในห้องทำงาน บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่
ทุกอย่างมืดลงเหลือเพียงแสงสลัวจากภายนอกที่สาดส่องกระทบเข้ามาภายในห้อง พอให้เห็นภาพตรงหน้าได้อย่างเลือนราง
ร่างกายช่วงล่างสั่นเกร็งมองเห็นบุรินทร์ภัทรถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงแค่ร่างกายกำยำเปลือยเปล่า
มือหนาชักรูดความเป็นชายที่แข็งขืนเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนจะหยิบถุงยางอนามัยที่วางอยู่ขึ้นมาสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน
เม็ดเหงื่อสีใสผุดขึ้นตามใบหน้าคมคายจนเส้นผมเปียกชื้น เขาพยายามควบคุมสติทั้งๆ ที่ภายในร่างกายร้อนรุ่มตบตีกับความคิดจนเกิดเป็นภาพเบลอ
“ฮะ…เฮีย” เสียงหวานเรียกคนตรงหน้าด้วยความตื่นกลัว เมื่อร่างสูงดึงมือของเธอให้ไปสัมผัสกับแก่นกายใหญ่ที่มีขนาดเกือบเท่าข้อมือ
ลิชาเม้มปากแน่น พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เธอเองก็คงรับไม่ไหวถ้าเกิดว่าเขาได้สอดใส่มันเข้ามา
“อ้าขาออก แล้วจับมันใส่เข้าไป”
“หนูไม่ไหว”
“รู้ได้ยังไงว่าไม่ไหว”
“…..”
“ถ้าให้ฉันทำเอง รับรองว่าเธอจะนั่งไม่ลงไปหลายวัน”
มือไม้ของลิชาสั่นเทา ฝืนใจจับความเป็นชายจ่อลงมาที่ร่องคับแคบ
“ฮะ…เฮีย” ยกแขนทั้งสองข้างโอบรัดลำคอบุรินทร์ภัทรไว้แน่น เสียงหวานหลุดร้องครางด้วยความเจ็บ เผลอใช้เล็บจิกลงบนหลังคอของชายหนุ่มอย่างแรงจนเลือดซิบ
“ถ้าเจ็บก็แค่เรียกชื่อฉันดังๆ”
“หนูเจ็บ!” ลิชากรีดร้องทั้งน้ำตา เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมกำลังสอดใส่เข้ามาในร่องสวาทที่ปิดสนิท
“เจ็บแค่ไหน หื้ม…”
“…..”
“มองหน้าฉัน”
“อึก…” ลืมตาขึ้นมองตามคำสั่ง ดันหน้าท้องแกร่งให้ถอยห่างเพื่อให้เขายอมผ่อนแรงลงแต่บุรินทร์ภัทรกลับไม่ได้สนใจ ส่งแรงกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วง
“ฉันถามว่าเจ็บแค่ไหน”
“มันเหมือนจะตาย”
“แค่โดนเอา…มันไม่มีใครตายหรอก เลิกงอแงสักที ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน แล้วกระแทกเธอแรงกว่านี้”
ลิชารีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำหูน้ำตา กัดริมฝีปากล่างไว้แน่น เมื่อร่างสูงเริ่มสะบัดเอวสอบอีกครั้ง
เลือดบริสุทธิ์ค่อยๆ ไหลซึมหยดลงบนโต๊ะทำงานจนได้กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“โดนฉันเอาแบบนี้รู้สึกยังไง” ก้มหน้ามองจุดเชื่อมสัมพันธ์ที่กำลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ช่องทางรักสีหวานกลืนกินแก่นกายใหญ่จนมิดลำ กลีบดอกไม้งามเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบวมช้ำ หลังจากที่โดนเสียดสีเป็นเวลานาน
“คงดีใจจนตัวสั่นเลยสินะ”
“นะ…หนูเจ็บ”
“เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงชิน” จูบลงบนขมับของเธอหนักๆ ร่างกายของลิชาบีบรัดแน่นตอบสนองเขาได้ถึงใจจวนจะปริแตกอยู่รอมร่อ
เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นตามจังหวะที่ชายหนุ่มส่งให้ ทุกตารางนิ้วบนร่างกายบอบบางยังไม่มีตรงไหนที่เขาไม่ได้สัมผัส
“อ่า…” ชายหนุ่มเปล่งเสียงร้องครางกระเส่า จับเอวบางไว้มั่นก่อนจะส่งแรงกระแทกจนร่างกายของคนตัวเล็กสั่นคลอน
ใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเกกลั้นเสียงกรีดร้อง ยกมือปัดป่ายไปทั่วแผงอกกว้างเพื่อระบายความรู้สึก
“เงยหน้าขึ้นมาจะจูบ”
ไม่รอให้เธอตอบกลับ บีบท้อยทอยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ประกบริมฝีปากจูบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม
สอดเรียวลิ้นเข้าในโพรงปากเล็กบดขยี้กลีบปากบางซ้ำๆ จนบวมเจ่อพร้อมสะบัดสะโพกสอบขยับเข้าออกในร่องสวาทด้วยเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อมองเห็นฝั่งอยู่รำไร
“อื้อ…เฮียแฟรงก์!”
ส่งแรงกระแทกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ลิชารู้สึกอุ่นวาบไปทั่วช่องท้องเหลือบสายตามองเห็นน้ำสีขาวที่ขุ่นของชายหนุ่มที่ถูกปล่อยผ่านเกาะป้องกัน
“มองหน้าทำไม ฉันเสร็จตั้งแต่เธอครางเรียกชื่อฉันแล้ว”
บุรินทร์ภัทรอุ้มกระเตงเธอขึ้นจากโต๊ะทำงานก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น รีบยกขาเรียวเกี่ยวเอวสอบไว้แน่นเพราะกลัวหล่น
“เฮียจะพาหนูไปไหน” ลิชาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“บนโต๊ะมันแคบ ฉันอยากเอาเธอบนเตียงดูบ้าง”
“…..”
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลา ช่วยปลุก คนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ให้รู้สึกตัว
“อื้อ…” เพียงแค่ขยับก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บระบมไปทั่วร่างกาย ลิชาปรือตามองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตในขณะที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก “เฮียแฟรงก์”
หยัดตัวลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง ก้มลงมองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและคราบเกรอะกรังที่ติดอยู่ตามหว่างขา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จบกับเธอแค่ครั้งเดียว บทรักบนเตียงที่บุรินทร์ภัทรมอบให้กินเวลาไปนานจนเกือบทั้งคืน
“ค่าตอบแทนสำหรับเมื่อคืน” เงินสดปึกหนาถูกเขายัดใส่มือในขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“แล้วหนูจะได้อยู่กับเฮียอีกตอนไหนเหรอคะ”
“เอาไว้ถ้าฉันต้องการเธอเมื่อไหร่แล้วจะเรียก” ขยับใบหน้าเข้าใกล้จูบลงบนศีรษะของเธอเบาๆ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายกาจ “ปิดปากของเธอให้สนิท อย่าให้ใครรู้เรื่องของเราเด็ดขาด”
“…..”
“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นเมื่อไหร่ เธอได้จบเห่แน่”
“…..”
รีบก้าวขาลงจากเตียง วิ่งเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่นจากทางด้านหลัง “เฮียมีแค่ชาคนเดียวได้ไหม”
“แล้วทำไมฉันต้องทำแบบที่เธอบอก คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?”
“เปล่าคะ หนูไม่ได้สำคัญตัว”
“งั้นก็ลองบอกเหตุผลมา เผื่อฉันจะเก็บไปพิจารณา”
“ถ้าเฮียอยากให้หนูทำอะไร หนูจะทำให้เฮียทุกอย่าง”
“คิดว่าตัวเองมีดีขนาดไหน?”
“ที่ชายอมเพราะชารักเฮียนะ สนใจหนูบ้างได้มั้ย”
“หวังสูงเกินไปหรือเปล่า ฉันมีอะไรกับเธอมันก็เป็นแค่เรื่องสนุก”
“…..” เหมือนถูกค้อนทุบลงบนหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากได้ยินในสิ่งที่เขาบอก หัวใจดวงน้อยบีบรัดแน่นพยายามฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ฉันไม่เคยคิดจริงจังกับใครทั้งนั้น รวมถึงเธอด้วย!”
“…..”
“ฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร หัดคิดเองซะบ้างสิ”
“…..”
“ถ้าไม่อยากโดนเฉดหัวทิ้งเหมือนผู้หญิงพวกนั้นก็อย่าเรียกร้องอะไรจากฉัน” บีบปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะตบแก้มนวลเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเธออีก
“…..”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ







