ห้องประชุมหอพักชายอยู่ชั้นล่างสุด มีอาณาบริเวณกว้างพอสมควร ในช่วงเวลานี้ประมาณหนึ่งทุ่ม ได้มีบรรดาน้องใหม่และรุ่นพี่นั่งกับพื้น เรียงแถวตามหมายเลขห้อง ต้อมนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยสิบแปด หน้าตาใสซื่อบริสุทธิไร้เดียงสา นั่งแถวสุดท้ายและอยู่คนหลังสุด สายตาอันเล็กหรี่มองเพื่อนๆนักศึกษารุ่นเดียวกันออกไปแนะนำตัวทีละห้อง จนมาถึงห้องสุดท้าย ต้อมได้เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องอีกห้าคน เมื่อไปถึงยังหน้าบรรดาเพื่อนร่วมหอพักชาย ต่างยืนเรียงแถวแนะนำตัวกันทีละคน โดยมีต้อมยืนเป็นคนสุดท้าย ส่วนสนยืนอยู่คนที่ห้า
“ผมชื่อสนธิ มงคลดี ชื่อเล่น สน เรียนคณะเกษตรศาสตร์ เอก ประมงครับ”สนพูดเสียงดังฟังชัดเจน
สิ้นเสียงของสนต่อไปต้อมต้องแนะนำตัว ริมฝีปากอันแสนบางสีชมพูอ่อนๆค่อยๆเปล่งเสียงออกมาอย่างอ่อนโยน
“ผมชื่อ อนันตชัย ถาวรสกุลดี ชื่อเล่น ต้อม เรียนคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เอก ไฟฟ้าครับ”สิ้นเสียงของต้อมแต่กับมีเสียงอื่นมาแทน นั่นคือเสียงหัวเราะเบาๆของนักศึกษารวมหอพัก
“พูดเสียงดังฟังชัดๆหน่อย พูดค่อยแบบนี้ ระวังพรุ่งนี้จะโดนเพื่อนๆที่คณะแกล้งนะ”สมพงษ์ประธานหอพักเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง
“ครับ”ต้อมพูดเสียงอ่อยๆ
“ดังกว่านี้อีก”
“ครับ”ต้อมตะโกนสุดเสียงแต่ยังดังไม่พอ
“เอาล่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวเจ็บคอได้ไปหาหมอเสียเวลา มาเริ่มเล่นเกมกันดีกว่า”
ประธานหอพักสมพงษ์หยิบลูกอมในกระเป๋าออกมา พร้อมกับชูให้ทุกคนได้เห็นชัดๆ ส่วนสายตาของประธานหอพักส่ายไปส่ายมา มือที่ถือลูกอมอาร์บิทก็เช่นเดียวกัน สักพักสมพงษ์ใช้มือฉีกซองลูกอมออก
“นี่คือลูกอม มีไว้อมแต่วันนี้ไม่ให้อม แต่พี่จะให้กัดไว้ครึ่งเม็ด งงใช่ไหม”สมพงษ์หันหน้าไปมองน้องๆทั้งหกคน
“ไม่ต้องงง พี่จะให้น้องคนแรกกัดไว้ครึ่งลูก ส่วนคนที่สองมากัดอีกครึ่งที่เหลือ หลังจากนั้นหันไปให้คนที่สามกัดอีก ทำต่อๆไปจนถึงคนสุดท้าย และคนสุดท้ายก็ต้องคืนต่อมาอีก”
ประธานหอพักนักศึกษาชายยื่นลูกอมใส่ปากของรุ่นน้องคนที่หนึ่ง ส่วนคนที่สองก็มารับช่วงต่อ จนมาถึงสนคนที่ห้ารับลูกอมนั้นมา พร้อมกับหันหน้าหาต้อมที่ยืนทำหน้านิ่งๆ
“ยืนทำไรอมสิ อ่อ ไม่ใช่ กัดสิ”สมพงษ์พูดพลางยิ้มด้วยความเอ็นดู
ต้อมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆสน ในขณะเดียวกันเผยอปากเล็กน้อยกัดลูกอมอันเหลือพื้นที่นิดหน่อย ทำให้ริมฝีปากได้ชนกันอย่างตั้งใจ เพียงเสี้ยววินาทีสนก็ปล่อยให้ลูกอมสู่ริมฝีปากของต้อม แล้วดุนเข้าไปให้ฟันได้กัดไว้
“ได้แล้วส่งคืนด้วย”สมพงษ์ย้ำอีกครั้ง
ฟันของต้อมที่กัดลูกอมไว้ทำให้ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ถูกสัมผัสจากสนอีกคราไม่นานลูกอมเม็ดนั้นสู่ริมฝีปากของสน ถัดไปเรื่อยๆจนถึงคนแรก
“อมหรือคลายทิ้งก็ได้นะ”สมพงษ์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
สายตาของต้อมมองไปยังเพื่อนร่วมห้องคนแรก ที่ไม่ได้คลายลูกอมทิ้งแต่อย่างใด ทางกลับกันลูกอมเม็ดนั้นถูกดุนเข้าไปในปากแทน
“แสดงว่าชอบอม”สมพงษ์พูดติดตลกแต่ยังไม่วายยิ้มให้น้องๆทุกคน
รอยยิ้มของต้อมปรากฏขึ้นมาหลังจากตรึงเครียดเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาย้อนสายตากลับมาเรื่อยๆแล้วได้ผ่านใบหน้าของสน ที่กำลังยิ้มเฉกเช่นเดียวกันจนทำให้สายตาปะทะกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เอาล่ะกลับเข้าที่ของตัวเองได้”
คราวนี้ต้อมเป็นฝ่ายนำเพื่อนร่วมห้องพักเข้าไปยังแถวของตัวเอง ยังไม่ทันได้นั่งติดกับพื้นปูน ประธานหอพักได้พูดขึ้นมาอย่างทันท่วงที
“คืนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้วนะ ฝากรุ่นพี่ทุกคนช่วยดูแลน้องๆด้วย ต่อไปนี้เราจะประชุมทุกวันจันทร์นะ สำหรับวันนี้เลิกประชุมได้”
บรรดารุ่นพี่รุ่นน้องต่างลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้เข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ต้อมและสนได้เดินคู่กันไปยังห้องนอน
“เป็นไงบ้างวันนี้ต้อม”สนพูดขึ้นก่อนหลังจากขึ้นมายังห้องนอน ก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงส่วนตัว
“อือ ก็ดีรุ่นพี่ใจดีทุกคนเลย”สายตาของต้อมเปล่งประกายแวววับ บ่งบอกไร้ความวิตกก่อนเข้ามายังหอพักชาย
“ตอนแรกเราก็กลัวเหมือนกันนะว่ารุ่นพี่จะแกล้งหนักกว่านี้ แต่กับไม่มีอะไรเลยแค่เล่นเกมเด็กๆแค่นั้น แต่เราว่าที่คณะนายน่าจะหนักกว่านี้นะ ยิ่งนายดูหงิมๆแบบนี้ด้วยน่าแกล้งมากเลย”
“เหรอ แต่นายไม่แกล้งเรานิ”
“อ้าว อยากให้แกล้งเหรอ ทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่ในห้องประชุม”
“นายจะแกล้งอะไรเรา”
“จะได้ดูดปากนายซะเลย ยิ่งปากเล็กๆบางๆริมฝีปากชมพูยังกับผู้หญิง มันก็น่าดูดอยู่หรอก”สนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“อย่าพูดดังไปเดี่ยวพี่ๆได้ยิน”สายตาของต้อมเหล่ซ้ายขวา แต่ก็ไม่มีอะไรเพราะรุ่นพี่ต่างนอนอ่านหนังสือ บ้างก็เล่นหมากฮอดกันอย่างสนุก
“อายเหรอ ถามตรงๆได้ไหม อือ ไม่เอาดีกว่าไม่ถามหรอก เพราะแค่ดูก็รู้แล้ว เรานอนดีกว่านายก็นอนได้แล้ว”สนล้มตัวลงนอนและห่มผ้าทันที
เป็นเรื่องปกติที่เคยชินอย่างมาก สำหรับคำถามที่ได้ยินจากสน เป็นเวลาหลายสิบปีกับคำถามเดียวตอบหลายครั้ง บางทีเงียบไปเลยแกล้งไม่ได้ยิน สักพักต้อมเลิกสนใจความคิดนี้ แล้วหันมานั่งนิ่งใช้ความคิดและกังวลในวันพรุ่งนี้ต้องเจออะไรบ้างยังไม่รู้ แต่สำหรับค่ำคืนนี้เป็นสิ่งที่รับได้และสนุก
“น้องต้อมคืนนี้พี่นอนด้วยได้ไหม”ก้องรุ่นพี่ชั้นสองขึ้นมาหาอ๊อฟ แต่ไม่ยอมคุยด้วยเดินผ่านหน้าตาเฉยจนถึงเตียงนอนของต้อม
“เฮ้ย ไอ้ก้องมึงอย่ามายุ่งกับน้องกู”เสียงแหบดังขึ้นแบบสากๆ
“แหม กูไม่ทำอะไรน้องมึงหรอก แค่มานั่งคุยเล่นๆ”
ต้อมคิดว่าดูเหมือนอ๊อฟพูดขึ้นเฉยๆไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ร่างสูงใหญ่ดำเข้มดันนั่งบนเตียงใกล้ๆต้อม
“หน้าตาน่ารักดีนะ”ก้องเท้าคางมองต้อมอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับ”
“พูดเพราะด้วย”
“อือ”ต้อมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้แต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น แต่สายตาก็ยังมองไปที่เพี่อนข้างเตียงมากกว่าก้องที่เป็นรุ่นพี่
“ไม่ให้พี่นอนด้วยก็ไม่เป็นไร วันหลังเดี๋ยวพี่มาขอนอนใหม่ก็แล้วกัน”ก้องมองหน้าอันขาวใสพักหนึ่งก่อนลุกขึ้นไปหาอ๊อฟที่นั่งอ่านหนังสือขายหัวเราะอยู่บนเตียง
“เพื่อนเราเสน่หแรงเหลือกเกิน”สนไม่วายแซวทั้งที่ง่วงนอนเต็มแก่
มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นแต่เสียงใดๆไม่ได้ออกมาให้สนได้ยิน ต้อมไม่สามารถตอบโต้คำแซวนี้ได้ ร่างเล็กๆเลยล้มตัวลงนอนข้างๆสนได้ไม่นานก็สู่ภวังค์ในทันใด
ฟ้ายังไม่ส่องแสงสว่างสาดเข้ามายังหอพัก เสียงเพลงดังลั่นปลุกให้ตื่นมาทำความสะอาดห้อง ต้อมถึงกับตกใจดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สายตามองไปรอบๆเห็นรุ่นพี่ต่างช่วยกันคนละไม้ละมือทำความสะอาด ต้อมจึงเข้าร่วมวงในครั้งนี้ด้วยอย่างเต็มใจ
ความร่วมมือร่วมแรงของรุ่นพี่รุ่นน้อง ช่วยกันทำความสะอาดจึงผลสำเร็จไวไม่เกินคาด ต่อจากนั้นเป็นช่วงเวลาอาบน้ำ สิ่งนี้แหละต้อมกลัวและกังวลพอสมควร ด้วยเป็นห้องน้ำรวมแต่ยังดีมีห้องให้อาบน้ำบ้าง ต้อมจึงรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายท่อนล่าง ก่อนที่จะถอดกางเกงอดอายไม่ได้แต่ยังไงต้องทำอยู่ดี
“อ้าวจะถอดก็ถอดเดี๋ยวไปเรียนไม่ทันหรอก”อ๊อฟรุ่นพี่มองอยู่นานจึงพูดขึ้นมา
มือสองข้างของต้อมดึงกางเกงลงมา ยกขาทีละข้างจนหลุดแล้วใส่ตะกร้า เหลือเพียงเสื้อไม่นานก็ถอดออกจนหมด
“ขาวมากเลยนมชมพูด้วย”สนแซวทันทีเมื่อเห็นเรือนร่างอันขาวนวล
ต้อมไม่อยากจะพูดด้วยเพราะอายเขาจึงรีบออกจากห้องนอนไปยังห้องอาบน้ำ เพียงย่างเท้าเข้าไปถึงกับตกใจ เพราะมีบางคนนุ่งกางเกงในตัวเดียวอาบน้ำ สายตามองไปมองมาอยู่พักหนึ่งระหว่างห้องอาบน้ำ กับคนอาบน้ำนอกห้องที่มีหลายคน
พอประตูห้องน้ำเปิดออกต้อมรีบเข้าไปทันที ถ้าจะให้อาบน้ำนอกห้องต้อมไม่สามารถทำเช่นนั้นอย่างคนอื่นได้ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับต้อมได้มาอยู่ร่วมกับชายหนุ่มหลายสิบคนในรุ่นไล่ๆกัน
ต้อมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก โดยปกติอยู่บ้านใช้เวลาประมาณเดียวกัน เมื่ออาบน้ำเสร็จเขารีบออกมาทันที ไม่มองทางไหนทั้งนั้นรีบเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพียงเข้าประตูไปแค่หน้าห้อง ต้อมถึงกับตาลายเพราะได้เห็นกางเกงในหลากสี อยู่บนรุ่นพี่และร่วมรุ่นต่างไม่อายกัน มีบ้างแก้ผ้าเช็ดร่างกายจนเห็นทุกสัดส่วน
ต้อมพยายามตีเนียนไม่สนใจ รีบใส่กางเกงในและชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พร้อมออกไปนอกหอพักชายเพื่อไปเรียนในวันแรก โดยมีสนเพื่อนพึ่งสนิทเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้
ต้อมนั่งคิดถึงเหตุการณ์รักครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน หลังจากวันนี้ด้วยความอับอายและพ่อกับแม่ที่แก่ชรามากแล้ว ต้อมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินในส่วนมะม่วงของตัวเองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกขานดังมาแต่ไกลต้อมจึงลุกขึ้นยืนมองตรงใต้ต้นมะม่วง ซึ่งคนที่เดินมาหาไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนรักนั่นเอง “อาคมนี่เองนึกว่าใครมาหาเราถึงที่นี่เลย”ต้อมยิ้มให้อย่างใคร่ยินดี “ปัก ปัก ปัก”อาคมรัวหมัดใส่ใบหน้าของต้อมไม่ยั้งจนล้มลงกองนอนกับพื้น “นายต่อยเราทำไมอาคม”ต้อมใช้มือกุมปากไว้ที่เลือดออกมานองอุ้งมือ “ไอ้ต้อมกูรักมึง ถึงมึงจะเป็นอย่างไรแบบไหนก็รักมึงแบบเพื่อน ไม่เคยรังเกียจมึงเลยแม้แต่น้อย ทำไมมึงทำกับกูได้ลงคอ”อาคมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เราไปทำอะไรให้นาย”ต้อมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน “มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกู”เมื่ออาคมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น “อ่อ เมื่อคืนอาคารมานอนกับเราเอง”ต้อมพูดพาซื่อ “เพลี้ยะ
สองสามวันมานี้เรื่องราวของต่อและต่อมไมได้มีปัญหาอะไร เพราะต้อมไม่ได้ให้เงินต่อแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุให้ต่อไม่สามารถที่จะไปเมาที่ไหนได้อีก แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงด้วยที่ต่อยังไม่ได้งานทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมาตกที่ต้อมทั้งหมด ในค่ำคืนนี้ทั้งต่อและต้อมต่างนอนนิ่งไม่คุยกันเท่าไรนัก แต่ในความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ก็รู้สึกที่ดีด้วยต่อไม่ได้เมามาย เพราะทำให้สบายใจนอนอิ่มหลับสนิทมาหลายคืน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายอะไรกันอย่างครั้งก่อนๆหน้านี้ “ไม่ได้ดื่มเหล้ามันเลยทำให้มีอารมณ์”ต่อเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าต้อมด้วยความใคร่อยากขึ้นมา “แล้วไง”ต้อมพูดขึ้นลอยๆถึงแม้จะอยากมีอะไรกับต่อ “ไม่อยากเหรอ” “ไม่อยาก” “แต่เราอยาก” “ก็ทำเองสิ” “อยากให้นายทำได้ไหม ถือว่าให้ของขวัญเราที่ไมได้เมา และ อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะไปหางานแล้วนะ” “ให้ทำอะไร” ต้อมพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อต้องการให้ทำอะไร แต่ก็แกล้งไปอย่างนั้นเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สายตาของต้อมจึงได้เหล่ไปมอง แล้วก็เห็นในสิ่งที่เคยเห็นเป
ค่ำคืนดึกดื่นเงียบสงัดต้อมได้ยินเสียงสุนัขที่บ้านเห่า จึงแอบส่องทางหน้าต่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารลูกชายอาคมที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน “อาต้อมครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” ต้อมไม่สามารถที่จะให้อาคารอยู่หน้าบ้านได้เพียงลำพัง จึงได้เดินออกไปเปิดประตูเพื่อสอบถามทำไมมาตอนดึกขนาดนี้ เมื่อต้อมเดินไปถึงก็ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงหน้า “มีอะไรเหรอ” “เดี่ยวค่อยบอกผมขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหม ยุงกัดผมจนคันไปหมดแล้วครับ” ต้อมไม่สามารถที่จะปฏิเสธเหตุการณ์และคำของจากอาคารได้ จึงเปิดประตูให้เข้ามาอย่างง่ายดายและพาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง “ห้องอาต้อมใหญ่จังเลย ใหญ๋กว่าห้องผมที่บ้านพ่ออีก”ต่อนั่งลงบนเตียงนอน เพราะที่ห้องของต้อมไม่ได้มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งแต่อย่างใด “มาหาอามีธุระอะไรหรือเปล่า ดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาอย่างไงเนี่ยไม่เห็นมีรถเลย อ้าว กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยยังไม่ได้กลับบ้านเหรอ”ต้อมมีท่าทีตกใจพอสมควร “ถามผมหลายอย่างเลยจนผมไม่อยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ในเมื่ออาต้อมถามผมก็จะตอบให้หมดอาต้อมจะได้ไม่คาใจในตัวผมไงครับ”
ด้วยเหตุที่ต่อได้พักงานหลายวันจึงถูกให้ออก สาเหตุนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักเท่าไร เพราะมีเหตุร้ายแรงกว่านี้อีก ด้วยต่อได้เมามายไปทำงานจึงเกิดภาพที่ดูไม่ดีหลายครั้ง ทางนายจ้างจึงต้องตัดใจเลิกจ้าง เพราะด้วยความประพฤตินั้นเกินเยียวยา “เราบอกนายหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกดื่มเหล้า เห็นไหมโดนไล่ออกจากงานต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ”ต้อมนั่งลงบนเตียงด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม ส่วนต่อนั้นหากลุ้มใจไม่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือย่างสบายใจสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรแม้แต่น้อย “เอาน่า ตอนนี้ถือว่าพักผ่อนเดี๋ยวเราก็ออกไปหางานเองนั่นแหละนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” “ให้มันจริงเถอะ”ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ต้อมไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก เรพาะขืนพูดอาจมีปากเสียงกันได้ และอีกอย่างหนึ่งไปกดดดันคนตกงานมันก็เป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยดี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ต่อไม่ได้ทำงานซึ่งแต่ก่อนหน้านี้ขยันไปทำงานทุกวัน ได้เงินมาก็แบ่งให้ใช้จ่าย ไม่เหมือนตอนนี้แม้แต่เงินก็ไม่มีให้ต้อมแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้อยู่กินกับต้อมทั้งนั้น “อืม” “ดีมากที่รัก ขอเง
ความรักของต้อมกับต่อคืบหน้าไปได้พอสมควร ต่างรักใคร่กันมีอะไรเผื่อแผให้แก่กันไม่ขาด แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งต้อมเริ่มรู้สึกระอาในเมื่อใจยังรักจึงต้องทน ถึงค่ำคืนต่อจะเมามายไม่มีวันหยุดพักเช่นเดียวกันกับตอนนี้ “เมื่อไรนายจะเลิกดื่มเหล้าซะที นายดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเหล้า”ต้อมนั่งบนเก้าอี้มองต่อนอนเกือกกลั้วกองกับพื้น “ใครเมา อย่ามาพูดแบบนี้นะ”ต่อพยายามลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาต้อม พร้อมกับลากขึ้นไปบนเตียงนอน “ปล่อยนะเราเหม็นเหล้า”ต้อมดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของต่อ “อ่อ เดี๋ยวนี้รังเกียจเรามากเลยนะ” “เปล่า แต่นายเมาเกินไป”ต้อมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในเมื่อยังรักอยู่ จำใจต้องฝืนทนต่อไปอีก “ได้เลย ถ้างั้นคืนนี้นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เมื่อต่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป อย่างไม่เหลียวหลังมามองต้อมแม้แต่น้อย จนต้อมได้แต่ถอดถอนหายใจถึงแม้จะรู้สึกสบายกายและใจเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับต่อ เพราะไปในสภาพเมามายอย่างนั้น แต่ต้อมก็พยายามทำใจแข็งฝืนทนความคิด
พักหลังอาคารได้มาหาต้อมบ่อยๆบางครั้งก็อยู่ทั้งวันกว่าจะได้กลับใช้เวลานานพอสมควร วันนี้เช่นเดียวกันเป็นวันอาทิตย์ซี่งอาคารต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่วายแวะเวียนเข้ามาหาต้อมอยู่ก่อนจากไปอีกหลายวัน “มาหาอาทำไมแต่เช้า วันนี้ไม่ไปกรุงเทพเหรอ”ต้อมนั่งลงตรงหน้าอาคารซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วตรงเรือนชานหน้าบ้าน “วันนี้ผมจะไปแล้วไง ก็อยากมาเห็นหน้าอาต้อมสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”อาคารยิ้มอย่างมีความสุข “มันก็ดี เดี๋ยวไปไม่ทันรถหรอกจะทำไง” “ถ้าไปไม่ทันก็มาอยู่กับอาต้อมไงครับ” “จะมาอยู่กับอาได้ไงบ้านของอาคารก็มี” “อยู่กับพ่อกับแม่ไม่เหมือนอยู่กับอาต้อมเลย ผมอยู่กับอามีความสุขมากที่สุด อยากหยุดเวลาทั้งหมดไว้ที่นี่” “พูดเป็นนิยายไปได้ คนเราต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะอาคาร อย่าเอาชีวิตมายึดติดกับอาเลย” สาเหตุที่ต้อมพูดเช่นนี้ออกไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อาคารได้ทำให้นั่น สามารถบอกได้เป็นลางๆว่าคิดเช่นไร แต่ยังเผื่อใจว่าอาจคิดไปเองบ้างนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้อมจึงไม่อยากที่จะให้มีความสัมพันธ์มากไปกว่