การเดินทางด้วยรถแท็กซี่จากบ้านชานเมืองกลับมายังคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ ในเย็นวันนั้น คือการเดินทางที่ยาวนานและทรมานที่สุดในชีวิตของฝน มันไม่ใช่แค่การเดินทางของร่างกาย แต่คือการเดินทางของจิตวิญญาณที่กำลังจะกลับไปเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดของตัวเอง
ฝนเหม่อมองทิวทัศน์ของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่าง แต่เธอไม่ได้มองเห็นมันเลยแม้แต่น้อย ในหัวของเธอกำลังวุ่นวายอยู่กับการเรียบเรียงคำพูด... เธอจะเริ่มต้นพูดกับพลอยว่าอย่างไรดี 'พลอย ฉันขอโทษ'... มันดูสั้นและไม่เพียงพอ 'ฉันแคหวาดกลัว'... มันก็ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้าง 'ฉันรักเธอ'... สามคำสั้นๆ ที่ยิ่งใหญ่และน่าหวาดหวั่นที่สุด... แต่ก็เป็นสามคำที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของเธอมากที่สุดเช่นกัน เธอซ้อมพูดประโยคต่างๆ ในใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกประโยคที่คิดขึ้นมาก็ดูเหมือนจะไร้น้ำหนักและไม่สามารถสื่อถึงความรู้สึกผิดอันมหาศาลที่เธอมีอยู่ได้เลย
ยิ่งรถแท็กซี่เคลื่อนตัวเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากเท่าไหร่ ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่เธอเคยมีตอนอยู่ที่บ้านก็เริ่มจะสั่นคลอน และถูกแทนที่ด้วยคลื่นความหวาดกลัวลูกใหม่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง 'แล้วถ้าพลอยไม่ยอมเปิดประตูให้ล่ะ' 'แล้วถ้าพลอยเกลียดเราไปแล้วจริงๆ ล่ะ' 'แล้วถ้า... เรากลับมาช้าเกินไปล่ะ' เธอต้องต่อสู้กับความคิดด้านลบเหล่านั้นอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะรักษาสติและปณิธานของตัวเองเอาไว้
วินาทีที่เธอจ่ายเงินค่าโดยสารแล้วก้าวลงจากรถ ขาของเธอแทบจะอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ การเดินจากหน้าคอนโดไปยังประตูทางเข้าที่ห่างกันไม่กี่สิบเมตร กลับให้ความรู้สึกเหมือนการเดินเท้าเปล่าบนถ่านที่ร้อนระอุ
การเดินทางขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นของพวกเธอคือช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจที่สุด ตัวเลขแต่ละชั้นที่สว่างขึ้นเปรียบเสมือนการนับถอยหลังเข้าสู่การพิพากษา เสียงฮัมเบาๆ ของมอเตอร์ลิฟต์ดังเสียดแทงโสตประสาท ความเงียบในกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี้มันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน หัวใจของเธอเต้นรัวแรงอยู่ในอกจนเธอได้ยินเสียงของมันดังอยู่ในหูของตัวเอง
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็ก้าวเดินไปยังหน้าห้องของพวกเธอด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้งราวกับถูกล่ามโซ่ตรวน เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นนานหลายนาที มือที่กำลูกกุญแจไว้สั่นเทาจนเห็นได้ชัด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย... แล้วตัดสินใจไขกุญแจเข้าไป
ทางด้านพลอย... หลังจากที่คลื่นอารมณ์แห่งความตื้นตันใจจากการได้ค้นพบความจริงในสมุดสเก็ตช์ภาพได้ผ่านพ้นไปแล้ว เธอก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหวังที่แสนจะเปราะบาง เธอยังคงนั่งอยู่บนพื้นห้องนอนของฝน สมุดเล่มนั้นวางเปิดอยู่บนตักของเธอ ปลายนิ้วของเธอลากไล้ไปตามเส้นดินสอที่ฝนร่างภาพของเธอเอาไว้... ภาพที่เธอกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่ดูผ่อนคลายและไร้เดียงสาที่สุด
เธอไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หนึ่งชั่วโมง... หรือสองชั่วโมง... โลกภายนอกได้หยุดหมุนไปสำหรับเธอโดยสิ้นเชิง เธอกำลังติดอยู่ในห้วงเวลาที่คั่นกลางระหว่างความเจ็บปวดจากการต่อสู้และความหวังจากการค้นพบครั้งใหม่
แล้วเธอก็ได้ยินมัน...
เสียงที่คุ้นเคยซึ่งดังมาจากทางด้านหน้าของคอนโด... เสียงกุญแจที่กระทบกัน... ตามมาด้วยเสียง "คลิก" ของลูกบิดประตูที่กำลังถูกปลดล็อค
ร่างกายทั้งร่างของพลอยแข็งทื่อไปในทันที... มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีกุญแจห้องนี้ พายุดแห่งอารมณ์ลูกใหญ่พัดกระหน่ำเข้ามาในใจของเธออีกครั้ง... ทั้งความตื่นตระหนก... ความหวัง... ความกลัว... และความโกรธที่ยังคงหลงเหลืออยู่จางๆ เธอควรจะทำอย่างไรดี ควรจะวิ่งออกไปหา หรือควรจะซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ ความคิดตีกันจนวุ่นวายไปหมด สุดท้าย... เธอจึงเลือกที่จะนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม... รอคอย... และ lắng nghe...
เธอได้ยินเสียงประตูเปิดออก... แล้วก็ปิดลงอย่างแผ่วเบา... ตามมาด้วยเสียงวางกระเป๋าลงบนพื้น...
แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท...
...ฝนกลับมาแล้ว...
ฝนยืนพิงประตูที่เพิ่งจะปิดลง แผ่นหลังของเธอเย็นเฉียบจากความตื่นตระหนก เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องที่คุ้นเคย... มันเงียบและมืดกว่าปกติ มีเพียงแสงสว่างที่เล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของเธอเท่านั้นที่พอจะทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง... และเธอก็สังเกตเห็นว่าห้องมันดู... สะอาด... สะอาดเกินไป... มันให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่าจนน่าใจหาย
"พลอย..."
เธอเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนรักออกไป... แต่มันกลับเป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง พลอยก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกต่อไปแล้ว เธอค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนโดยที่ยังคงกอดสมุดสเก็ตช์ภาพเล่มนั้นไว้ในอ้อมแขนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเดินออกจากห้องนอนของฝน... ไปเผชิญหน้ากับความจริง
เธอไปหยุดยืนอยู่ที่ปลายโถงทางเดิน แสงไฟจากในห้องนอนส่องกระทบร่างของเธอจากด้านหลัง ทำให้เธอกลายเป็นเหมือนเงาดำในสายตาของฝน
วินาทีนั้นเองที่พวกเธอได้สบตากัน...
ฝนมองเห็นใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตาของพลอย... และเห็นสมุดสเก็ตช์ภาพเล่มนั้นที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ... หัวใจของฝนแทบจะหยุดเต้น... เธอรู้ในทันที... ว่าพลอยได้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
ทางด้านพลอย... เธอก็มองเห็นความเหนื่อยล้า... ความรู้สึกผิด... และความหวาดกลัวที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของฝนเช่นกัน
ระยะห่างที่คั่นกลางระหว่างพวกเธออยู่นั้นมันเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นจนแทบจะระเบิดออกมา
ฝน... ในฐานะคนที่วิ่งหนีไป... รู้ดีว่าเธอต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนานี้ คำพูดทั้งหมดที่เธอพยายามจะเรียบเรียงมาตลอดทางนั้นได้หายไปจากหัวจนหมดสิ้น เหลือเพียงความจริงที่ซื่อตรงเท่านั้น
"เธอ... เธอเจอมันแล้วสินะ" ฝนพูดขึ้นมาเสียงแหบพร่า พยักพเยิดไปทางสมุดเล่มนั้น... มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปฏิเสธอีกต่อไปแล้ว
เธอตัดสินใจก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า... หนึ่งก้าว... แล้วก็อีกหนึ่งก้าว... "พลอย... ฉัน... ทุกอย่างที่ฉันพูดในวันนั้น... มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ" น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของเธอ "ฉันแค่หวาดกลัว... ฉันขอโทษ... ฉันขอโทษจริงๆนะพลอย"
เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอย่างลวกๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงที่สั่นเครือยิ่งกว่าเดิม "แต่คำโกหกที่เลวร้ายที่สุด... ก็คือตอนที่ฉันเรียกมันว่า 'ความผิดพลาด'... พลอย... มันไม่ใช่ความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย... แต่มันคือเรื่องจริงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน... และความจริงนั้นมันก็น่ากลัวจนฉันรับมือไม่ไหว"
ทุกถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของฝนเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมลงบนบาดแผลในหัวใจของพลอย ความโกรธและความเจ็บปวดที่เคยมีได้มลายหายไปสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเห็นอกเห็นใจและความรักที่ท่วมท้นจนเกินกว่าจะบรรยายได้ เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรตอบกลับไป... เธอทำเพียงแค่ยกสมุดสเก็ตช์ภาพในมือขึ้นมา แล้วเปิดไปที่หน้าภาพวาดที่เธอชอบที่สุด... ภาพที่ฝนแอบวาดเธอตอนที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา... สายตาและรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอได้พูดแทนทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเธอแล้ว
การกระทำนั้นของพลอยเปรียบเสมือนการให้อภัย... คือการเชื้อเชิญให้ฝนก้าวเข้ามา...
ฝนจึงไม่ลังเลอีกต่อไป... เธอสาวเท้าเข้าไปหาพลอยอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า... ระยะห่างระหว่างพวกเธอมีเพียงลมหายใจที่อุ่นร้อนกั้นกลางอยู่เท่านั้น
"ฉันรักเธอนะพลอย..."
ในที่สุด... คำสารภาพที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนานก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา "ฉันคิดว่า... ฉันคงจะรักเธอมาหลายปีแล้ว... แต่ฉันก็แค่เป็นคนขี้ขลาดเกินกว่าที่จะยอมรับมัน"
พลอยยิ้มออกมาทั้งน้ำตา... "ฉันรู้แล้ว..." เธอตอบกลับไปด้วยเสียงกระซิบ... "ฉันก็รักเธอเหมือนกันนะฝน"
แล้วโลกทั้งใบก็หยุดหมุน...
ฝนค่อยๆ ประคองใบหน้าของพลอยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาของพวกเธอประสานกันนิ่งราวกับจะค้นหาคำยืนยันในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมา แล้วเธอก็โน้มใบหน้าลงไปช้าๆ...
...จูบแรกของพวกเธอ...
มันไม่ใช่จูบที่เร่าร้อนดูดดื่มเหมือนในภาพยนตร์ แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความลังเล และความรู้สึกที่ท่วมท้นจนเกินกว่าจะบรรยายได้ มันคือจูบแห่งการให้อภัย... คือจูบแห่งการปลดปล่อย... และคือจูบแห่งการได้กลับบ้านที่แท้จริง
ริมฝีปากของพวกเธอสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ บดเบียดเข้าหากันอย่างเนิบนาบแต่หนักแน่น รสชาติเค็มปร่าของน้ำตาที่ผสมปนเปกันอยู่ไม่ได้ทำให้ความหอมหวานของจูบนี้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย... ในทางกลับกัน... มันกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างดูสมจริงและงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อพวกเธอถอนริมฝีปากออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างก็ซบหน้าผากของตัวเองเข้าหากัน หอบหายใจอย่างหนักหน่วงราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมา แล้วพวกเธอก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งน้ำตา... มันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและเปี่ยมสุขที่สุดในชีวิต
ความตึงเครียดทั้งหมดที่เคยมีได้มลายหายไปสิ้นแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความสงบสุขที่แสนจะงดงาม
คืนนั้น... พวกเธอได้ "พูดคุยกัน" อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก
พวกเธอนั่งกอดกันอยู่บนโซฟาตัวเก่า เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจให้กันและกันฟัง... ทั้งเรื่องราวในสมุดสเก็ตช์ภาพ... เรื่องความหึงหวงที่บาร์ในคืนนั้น... เรื่องเสียงครางที่ไม่ได้ตั้งใจ... และเรื่องความรู้สึกรักที่ต่างฝ่ายต่างก็เก็บซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน... มันคือการเปิดอกคุยกันที่ช่วยเยียวยาทุกบาดแผลที่ผ่านมาได้อย่างหมดจด
ในที่สุด เมื่อเปลือกตาของพวกเธอเริ่มจะหนักอึ้งเกินกว่าจะฝืนต่อไปได้ พวกเธอก็ไม่ได้แยกย้ายกันเข้าห้องนอนของตัวเองเหมือนเคย... แต่กลับนอนขดตัวกอดกันอยู่บนโซฟาตัวนั้น... ในอ้อมแขนของกันและกัน...
แอคเคาท์ "Secret Petals"... เงินค่าจ้าง... หรือลูกค้าคนไหน... ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้วในตอนนี้
พวกเธอได้เดินทางผ่านพายุลูกใหญ่มาด้วยกัน และได้ค้นพบหนทางกลับมาหากันและกันอีกครั้ง... ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนสนิทเหมือนเดิม... แต่ในฐานะของคนที่รักกัน...
อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ได้... แต่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้สึกว่า... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... พวกเธอจะเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกัน