Share

แรงแค้น : 5 (จบ)

Author: Lucky rich
last update Last Updated: 2025-10-19 17:09:38

เมื่อเข้ามาที่รถได้ฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครเล่นเอาทีไทตกใจนิ่งไป ก่อนจะปล่อยให้ฉันร้องเป็นวรรคเป็นเวณโดยที่ไม่พูดขัดอะไร

ผ่านไปสักสิบนาทีเห็นจะได้หลังจากร้องไห้จนสุดเสียงฉันก็รู้สึกดีขึ้นก็เลยหันไปหาเขาเห็นสายตาคมกริบที่มองมาอย่างห่วงหาอาทรในอกฉันมันก็ร้อนแปลกๆ

“กลับกันเถอะคุณฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

“คุณเป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม?ใครทำอะไรคุณบอกผมสิ!” เขาถามในขณะที่เชยคางฉันขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาที่ยังเหลือจางๆออกให้

“ไม่มีอะไรคุณออกรถเถอะฉันแค่เหนื่อยอยากพักผ่อนน่ะ”

“บอกผมมาเถอะคุณเป็นอะไรกันแน่”

แต่เขาก็ยังคาดคั้นไม่เลิกจะให้ฉันบอกได้ยังไงว่าฉันเป็นลูกของคนที่นั่งโต๊ะติดกันเมื่อกี้และเขาก็จำลูกอย่างฉันไม่ได้เพราะฉันไปทำศัลยกรรมมาอย่างนี้หรอ

“บอกเพื่ออะไรในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันที่ฉันยอมไปกินข้าวกับคุณยอมให้คุณกลับบ้านด้วยก็เพราะคุณช่วยฉันเอาไว้ตอนนั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าฉันจะเป็นจะตายอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ!”

“...”

เขาเงียบแบบเงียบกริบไม่พูดอะไรต่อเลยดูจากสายตาแล้วเขาคงเสียความรู้สึกกับฉันไม่น้อย แต่ช่างประไรฉันไม่แคร์ใครทั้งนั้นแหละในเวลานี้ คิดถึงที่นอนเหลือเกินอยากทุ่มทั้งตัวนอนร้องไห้คนเดียวที่สุดในเวลาแบบนี้ รู้สึกว่าไร้ค่าที่สุดในชีวิตแม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดยังไม่ต้องการฉันเลยด้วยซ้ำ แล้วบนโลกนี้จะมีใครไยดีฉันอีกบ้าง

เขาเงียบฉันก็เงียบกลืนก้อนสะอื้นลงในอกแล้วหลับตาแนบใบหน้าเข้ากับข้างกระจกจนกระทั่งมาถึงลานจอดรถในคอนโด เขาจอดรถนิ่งไปสักครู่ก่อนจะพูดกับฉันอีกครั้ง

“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณยุ่งยากลำบากใจขอโทษที่ทำให้เสียเวลาด้วยแต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผม..จริงใจกับคุณจริงๆนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูจริงจัง แต่ขอโทษเถอะฉันคงไม่หลงเชื่อเขาอีกแล้วล่ะ...

“ฉันไม่มีวันหลงเชื่อคนอย่างคุณอีก...ไม่มีวัน!”

หลังจากประกาศกร้าวใส่หน้าเขาแล้วฉันก็เปิดประตูลงรถมาทันทีโดยไม่รีรอที่จะรับกุญแจรถจากเขาอีก บอกตามตรงตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะคุยกับใครทั้งนั้นแหละ

พอขึ้นมาถึงห้องได้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันจะทำอะไรก่อน กระโดดขึ้นมานอนโง่ๆบนที่นอนแล้วกรีดเสียงร้องไห้จนสุดเสียง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ฉันนอนซบหน้ากับหมอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าเสียงแหบคอแห้งราวกับคนจะป่วยซะนี่

หลังจากร้องไห้จนเป็นบ้าเป็นหลังฉันก็ตั้งสติได้ ในโลกนี้แม้ใครจะไม่ต้องการก็ช่างแต่ฉันมีเพื่อนที่รักฉันอยู่อีกตั้งสามคน เมื่อคิดได้ฉันก็เลิกร้องไห้แล้วหยิบมือถือโทรหาเพื่อนซี้ทั้งสามทันที

‘ฮัลโหลว่าไงคะอีคุณก้อย!’ เสียงอีฝ้ายดังลอดมาก่อนใคร

‘คิดถึงพวกกูล่ะสิถึงได้โทรประชุมสายมาแบบนี้’ เสียงอีว่านตอบรับมาบ้าง

‘เออพวกมึงคุยกันไปก่อนนะแป๊บนึงกูสั่งงานลูกน้องแป๊บ’ อีพีทบอกแล้วก็เงียบไปแป๊บนึง

“เออคิดถึง!คิดถึงพวกมึงมากๆเลยตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าขีวิตนี้ถ้ากูไม่มีพวกมึงจะอยู่ได้ยังไงกัน” ฉันพูดไปตามที่รู้สึกจริงๆนั่นแหละ

‘เอาแล้วดราม่าอะไรอีกล่ะเพื่อนกู’ อีฝ้ายถาม

‘เป็นอะไร?ใครทำอะไรมึงบอกกูมาเเี๋ยวไปจัดการเก็บมันให้’ อีว่านพูดติดตลกขึ้นคงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกดี

“พ่อกูทำมึงจะจัดการให้กูหรอ?” ฉันถามกลับไปขำๆ

‘อ้าวงั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวกูห่วงอยู่ไกลๆก็ได้ถ้างั้น’ อีว่านสละเรือทิ้งทันที

“ฮ่าๆๆๆไม่มีอะไรหรอกกูแค่บังเอิญเจอเขาแล้วรู้สึกไม่ดีเฉยๆแหละ แต่ตอนนี้กูโอเคล่ะ”

‘ไม่ว่าจะเจออะไรมามึงก็อย่าคิดมากล่ะมึงมีพวกกูแสตนบายรออยู่ตรงนี้ตั้งสามคนพวกเราพร้อมที่จะอ้าแขนรับคอยปลอบใจมึงเสมอ’ อีพีทที่เพิ่งสั่งงานลูกน้องเสร็จตอบด้วยประโยคที่ทำให้ฉันน้ำตาตกเพราะความตื้นตันใจ

‘ใช่!เพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันต่อให้วันข้างหน้าต่างจะพากันมีผัวไปหมดแล้ว แต่ยังไงครอบครัวมันก็ยังเป็นครอบครัวอยู่ดีพวกมึงคือครอบครัวของกูนะ” อีฝ้ายเสียงสั่นเครือมาตามสาย

‘อย่าบอกนะว่ามึงจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนอีกคนนึงแล้วอ่ะอีฝ้าย’ อีว่านถามประโยคเดียวในใจฉันพอดี พักนี้ดูเพื่อนฉันสดใสเหมือนคนกำลังจะมีผัวเลย

‘เอ่อ...ก็ประมาณนั้นแหละพวกมึง’ อีฝ้ายรับเสียงตะกุกตะกักราวกับมันกำลังเขิน

“แหมอีสัส!แล้วปิดเงียบเชียวพามาให้เพื่อนแสกนก่อนว่าผ่านไหมหรือว่าแดกกันไปเรียบร้อยแล้ว’ เสียงอีพีทถามน้ำเสียงจิกเต็มที่

‘แหมจะเหลือหรอคะแม่!ก็หล่อแมนแฮนด์ซั่มซะขนาดนั้น’ อีว่านบอกเสียงกลั้วหัวเราะไปด้วย

“อ้าวมึงเคยเห็นแล้วหรออีว่าน?” ฉันถามขึ้นบ้าง

‘เออ!วันนั้นกูไปเคาะประตูเรียกมันแต่ผัวมันมาเปิดประตูให้โคตรแซ่บเลยอ่ะอีฝ้ายจะอดไม่ไหวก็ไม่แปลกหรอก’ อีว่านบอกส่วนคนที่เหลือก็จิ๊จ๊ะกันใหญ่เลย

หลังจากนั้นเราก็คุยกันจิปาถะกันไปเรื่อยๆจนแป๊บๆเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วอ่ะ เราก็เลยจะวางสายไปทำอะไรอย่างอื่นกันบ้าง

‘อย่าลืมนะพวกมึงคืนพรุ่งนี้ทุ่มตรงงานเลี้ยงรุ่นพวกมึงจัดเต็มกันไปเลยนะเข้าใจป่ะ’ อีพีทย้ำก่อนจะวางสายไป

พรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันจะได้หลุดพ้นจากความรู้สึกบ้าๆแบบนี้สักที พรุ่งนี้ที่ฉันจะเป็นคนทำให้เขารู้สึกเจ็บ!แบบที่ฉันเคยเจ็บบ้าง...

หนึ่งทุ่มตรงไม่ขาดไม่เกินฉันขับรถออกมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่นของพวกเราเป็นการจัดงานพบปะศิษย์เก่าในรุ่นรวมทุกแผนกทุกสาขางานนี้ต้องบอกเลยว่าคนเยอะมากจริงๆ แต่คราวนี้ฉันมั่นใจเพราะฉันสวยแม้จะมาจากการศัลยกรรมก็ตามแต่ยุคสมัยนี้ใครๆเขาก็ทำกันขอแต่มีเงิน

ฉันพกความมั่นใจมาเต็มร้อยกับชุดเดรสสีแดงเลือดนกมีสายเล็กๆเกาะอยู่ตรงบ่าสองเส้นอวดเนินอกอวบใหญ่สองเต้าวับๆแวมๆ เพิ่มความเซ็กซี่เบาๆด้วยการผ่าข้างขึ้นมาจนเกือบถึงขาอ่อนที่พอเวลาเดินทีนี่แหวกจนเกือบเห็นไปไหนถึงไหนล่ะ

ไม่นานสามเพื่อนซี้ฉันก็ทยอยมาจนครบองค์ประชุมก็เลยเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน เมื่อเดินเข้ามาในงานเกือบทุกสายตาต่างพากันมองมาทางพวกฉัน หลายคนต่างเข้ามาทักทายอย่างจื่นเต้นเพราะไม่ได้เจอกันนาน หลายคนก็จำฉันไม่ได้ก็มีเพราะฉันเปลี่ยนไปเยอะมากเหมือนกัน

“หวัดดีว่าน ฝ้าย พีทเอ๊ะแล้วนี่ใครคุ้นๆนะใช่ก้อยหรือเปล่า” ฝนเพื่อนร่วมคณะเดียวกันเข้ามาทักก่อน

“หวัดดี...ใช่เราก้อยเอง” ฉันส่งยิ้มไปให้ก่อน

“อื้อหือ...ก้อยสวยขึ้นมากจนเราจำเกือบไม่ได้แหน่ะพวกเธอก็ดูดีขึ้นเยอะเลยเหมือนกันนะ” ท้ายประโยคก็หันไปชมพวกอีว่านด้วยแล้วต่อมาก็ต่างผลัดกันชมกันไปชมกันมาอยู่นั่นแหละ

“ไปๆเข้าไปนั่งก่อน”

พวกฉันก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกจัดไว้ให้แบบเรียงกันเป็นแถวสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียงยาวไปเลยเหมือนบังเอิญไปอีกที่โต๊ะหลายๆโต๊ะดันถูกจับจองไปจนเกือบหมดแล้วเหลือที่ว่างแค่ตรงที่กลุ่มพวกนายทีไทนั่งกันอยู่พอดี แล้วตรงจุดที่ฉันอยู่ก็ดันเป็นตรงข้ามกับเขาพอดี

“อ้าวทีไทนี่นาหวัดดีทุกคนไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ฝนเอ่ยปากทักพลางมองไปมาที่ฉันกับทีไทอย่างสังเกตุว่าเราจะมีปฎิกิริยาอะไรหรือเปล่า

“ก้อย...” ทีไทครางเรียกชื่อฉันเบาๆแต่สายตาที่เขามองกลับไม่ได้ผิดปกติอะไรราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นใคร...

เดี๋ยวนะ!รู้อยู่แล้วยังงั้นหรอ?

“เออใช่ทีไทจำก้อยได้ด้วยหรอขนาดฝนเห็นทีแรกยังจำเกือบแทบไม่ได้แหน่ะแต่ก็อย่างว่าล่ะเนอะคนเคยมีอดีตด้วยกันมาก่อนนี่นะ!”

“อีฝน!มึงจะไปพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ!” เสียงอีพีทดุอีฝนดังขึ้น

“อ้าว..เออๆโทษๆ” แล้วมันก็เลิกสนใจเรื่องฉันหันไปสาระวนชงเหล้าเสริฟให้เพื่อนๆในโต๊ะแทน

“ไอ้ทีคนนี้ใช่ก้อยแฟนเก่าที่มึงทิ้งไปใช่เปล่าวะ” เสียงเพื่อนของทีไทกระซิบถามชนิดที่มันดังจนได้ยินเกือบทั้งโต๊ะ

“...” แต่ทีไทไม่ตอบเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน

“ใช่!ฉันเองแหละ” แต่ฉันเป็นคนตอบแทนเองแหละ

“เอ่อสวยขึ้นเยอะเลยนะแหะๆ”

“ดูนายไม่แปลกใจเลยนะที่รู้ว่าเป็นฉันน่ะ!” ฉันหันไปกัดฟันถามเขาเสียงต่ำ

“ก็จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเธอ” ทีไทตอบออกมาทำให้ฉันแทบลมจับ

นี่เท่ากับว่าฉันถูกหลอกอีกครั้ง แถมยังเสียตัวให้กับผู้ชายคนเดิมที่เคยทำร้ายฉันอีกครั้งเนี่ยนะ!

โอ๊ย!!!ฉันอยากจะบ้าตาย

“หมายความว่าไงคือนายรู้อยู่แล้วอย่างนั้นหรอว่านี่คืออีก้อย” อีพีทถามสีหน้าเอาเรื่องขึ้น

“ก็ใช่”

“ไอ้สัสเอ้ย!”

ผลั๊ว!

อีพีทตบะแตกบอกเลยว่าถึงมันจะเป็นเกย์แต่เรื่องใช้กำลังมันก็ไม่แพ้ใครเล่นเอานายทีไทเลือดกลบปากเลยทีเดียว

“ว๊ายยย” เสียงอีพวกที่นั่งกันอยู่ข้างๆแหกปากวี๊ดว๊ายที่อยู่ดีๆก็เกิดศึกใข้กำลังกันขึ้นมาซะงั้น

“อะ..อีพีทใจเย็นๆมึง” อีว่านดึงมือเพื่อนไว้ในขณะที่ฉันยังช็อกอยู่เพราะไม่คิดว่าอีพีทมันจะโมโหขึ้นมาขนาดนี้

“มึงจะให้กูใจเย็นยังไงไหวมึงก็ได้ยินว่าไอ้เชี้ยนี่มันรู้ว่านี่คืออีก้อยผู้หญิงที่มันเคยเขี่ยทิ้งในอดีตจนเพื่อนเราเสียใจคิดมากจนคิดสั้นจนต้องเสียหลานของพวกเราไปแล้วนี่มันยังมาทำหมาๆกับเพื่อนของเราอีก!”

อารมณ์โมโหของอีพีทฉันพอจะเข้าใจนะ แต่นี่มันโมโหแทนฉันถึงขั้นสติแตกจนหลุดปากเล่าเรื่องเก่าๆออกมาซะหมดเลยฉันก็ตายน่ะสิ แล้วดูทุกคนที่นั่งกันอยู่ต่างก็อ้าปากค้างช็อกไปตามๆกัน

“มึงว่าไงนะพีท!เสียหลานของพวกมึงไปหมายความว่าไงวะ” ทีไทหน้าซีดถามเสียงสั่นเมื่อเดาอะไรประติดประต่อกันได้

“ลูกของมึงไง!ลูกมึงในท้องอีก้อยในวันที่มึงขอเลิกกับมันจนมันคิดสั้นขึ้นมาตัวมันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังท้องกับมึงอยู่ โชคดีที่พวกกูไปช่วยได้ทันแต่ว่าลูกของมึงเขาบุญน้อยหมอเลยช่วยไว้ไม่ทัน” อีพีทร่ายยาวเป็นฉากๆจนฉันเหมือนวนกลับไปอยู่ในอดีตของวันนั้นอีกครั้ง

“พะ..พอแล้ว!พอเถอะพีท!มันจบไปแล้วกูไม่อยากฟังฮึ่กๆ”

ฉันเริ่มสะอื้นเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด ฉันตั้งใจอยากให้เขาเจ็บเมื่อรู้ว่าคนที่เขานอนด้วยเป็นคนที่เขาเขี่ยทิ้งไปเมื่อในอดีต แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นว่ามันผิดแผนไปหมดเขารู้ทุกอย่างแต่ยังเดินตามเกมของฉัน!

“ไปคุยกันหน่อยได้ไหม?” ทีไทพยักหน้าชวนพีทให้เดินตามออกไป แต่ฉันส่ายหน้าห้ามไว้ไม่อยากให้พีทไป

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูมาพวกมึงรออยู่นี่แหละ” พีทบอกแล้วเดินตามทีไทออกไป

หายออกไปพักใหญ่ๆก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกันในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป มันสองคนเดินกอดคอกันเข้ามาซะอย่างนั้น

“อีพีท!คืออะไรวะมึงไปญาติดีกับแม่งทำไมวะ?” อีฝ้ายถามสีหน้าเอาเรื่องใส่ทีไท

“เฮ้อ...เอาไว้กูเล่าให้ฟังแล้วกันนะ แต่ตอนนี้มึงออกไปเคลียร์กันเองก่อนไปกูอยากให้มึงใจเย็นแล้วลองฟังไอ้ทีมันบ้าง กูรู้ว่ามึงยังรักมันอยู่” อีพีทบอกเสียงอ่อนในขณะทีี่ฉันยังอึ้งก็ถูกดึงมือให้เดินตามเขาออกไปข้างนอก

“ปล่อย...ปล่อยฉัน!” ฉันพยายามสะบัดมือออกให้พ้นจากการเกาะกุมของเขา

“ก้อยอยู่นิ่งๆแล้วฟังผมหน่อยได้ไหม?ขอร้อง...” ทีไทพาฉันไปนั่งที่โต๊ะด้านหลังร้านแล้วบังคับจับฉันนั่งบนตักเขาเอาไว้

“ผมรู้ว่าผมผิด ผมรับผิดทุกอย่าง...ผมเสียใจที่ทำร้ายคุณไปวันนั้นทำให้ลูกของเราต้องจากไปผมขอโทษสำหรับความผิดทุกอย่างที่ผมทำ...”

ทีไทก้มซบหน้าลงแนบต้นคอฉันพลางอธิบายเหตุผลต่างๆนานาที่อยากให้ฉันยกโทษให้ เขาขอยอมรับผิดทุกอย่างที่ทำไม่ดีลงไป สารภาพว่าตอนแรกที่เจาจีบฉันเพราะท้าพนันกับเพื่อนจริงๆแต่พอวันที่เขาขอเลิกและบินไปเรียนที่ต่างประเทศก็ทำให้เขาได้รู้ว่า ‘เขารักฉันจริงๆ’ เฝ้ารอจนกระทั่งเขาเรียนจบและตามหาฉันจนเจอ

เขาขอโทษและขอโอกาสอีกครั้งจากฉัน ส่วนฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะตกลงกับเขาเพราะฉันยอมรับว่ายังไม่แน่ใจว่าเราจะไปกันรอดไหม แต่ยอมรับด้วยใจว่าฉันวังลืมเขาไม่ได้จริงๆและไม่มีวันเลิกรักเขาได้เลยสักวัน

“แล้วทำไมนายถึงจำฉันได้ล่ะ” ฉันยังสงสัยเพราะบางคนแม้กระทั่งพ่อของฉันยังจำฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ต่อให้คุณไปเสริมเติมอะไรมามากมายก็ตามแต่สิ่งที่ทำให้ผมจำคุณได้ก็คือแววตาของคุณมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดมองแค่แวบแรกก็จำได้ขึ้นใจแล้ว” เขาตอบขณะไล้ริมฝีปากไปตามหลังคอฉัน

“อื้อ...อย่า” ฉันพยายามปรามเขาในขณะที่มือเขากำลังเลื้อยลงไปใต้เรียวขาขาวของฉัน

“นิดเดียวนะ..คิดถึง” เขาพึมพัมแนบริมฝีปากชิดใบหูเบาๆส่วนมือก็สอดเข้าไปตามชายกระโปรงที่ปหวกข้างเป็นใจให้เขาเหลือเกิน

“ไม่เอาฉันจะกลับเข้าไปในงานแล้ว” ฉันไม่ได้อยากเล่นตัวแต่ว่าตรงนี้มันประเจิดประเจ้อไปไงเผื่อใครผ่านมาเห็นเข้า

“เรากลับมาคบกันอีกครั้งได้ไหมนะนะ..” เขาพยายามอ้อนวอนฉันอีกครั้ง

“ขอเวลาให้ฉันหน่อยแล้วกันตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ”

และกะว่าจะลองดูๆกันอย่างนี้ไปอีกเรื่อยๆจนกว่าฉันจะมั่นใจในตัวเขามากกว่านี้ว่าเขาจะไม่มาทำให้ฉันเสียใจอีกแล้วหลังจากนั้นเราจะกลับมาคบกันจริงจังอีกครั้ง

“ถ้างั้นคืนนี้กลับบ้านพร้อมกันนะ...นะๆ”

“อื้อ”

“ป่ะไปข้างในกัน”

ว่าแล้วเขาก็จูงมือฉันเดินไปนั่งข้างใน ตอนขากลับมาก็พบว่าบรรยากาศข้างในมันครึกครื้นขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากมีเพลงจังหวะมันส์ๆเปิดขึ้นเพื่อให้หลายๆคนได้ออกมาวาดลวดลายลีลากัน รวมทั้งอีสามตัวเพื่อนซี้ฉันที่ออกไปโชว์เสต็ปอยู่ด้านหน้าเวทีนู่นอย่างสนุกสนาน

ถือว่างานเลี้ยงรุ่นปีนี้เป็นอีกปีที่ทำให้ฉันมีความสุขมากๆคืนนึงเลยก็ว่าได้ แต่อย่างว่า ‘งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา’ เลยวันใหม่มาหลายชั่วโมงแล้วสาวๆต่างก็พากันตาลอยไปตามๆกันรวมถึงฉันด้วย

ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันในขณะที่ฉันก็เริ่มมึนๆนิดหน่อย โชคดีที่วันนี้มีเขามาอาสามาขับให้

เรากลับมาถึงลานจอดรถที่คอนโดแล้วเราก็ลงรถมาไม่พูดไม่จาอะไร แต่พอถึงหน้าห้องฉันเขาก็ก้าวเข้ามาชิดหยิบคีย์การ์ดจากมือฉันไปแตะหน้าประตูแล้วดันตัวฉันเข้าไปข้างในทันที

“นี่จะทำอะไร!” ฉันดันอกแกร่งออกเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาชิดเนินอกของฉัน

“คิดถึง...คิดถึงนมหวานๆคิดถึงเนื้อหอมๆอยากกอดอยากฟัดอยากชดเชยทุกอย่างที่เสียไปให้ อยากรักแค่เมียคนนี้คนเดียว” เขางึมงำครางลึกในลำคอ

“ใครเมียนายบ้ารึเปล่า!”

“ไม่บ้าหรอกเมียผมมีแค่คนเดียวเมื่อแปดปีก่อนก็คนนี้ในอนาคตข้างหน้าก็คนนี้คนเดียวเท่านั้น”

เขาเชยคางฉันขึ้นพลางส่งสายตาหวานซึ้งส่งมาให้

“...” ฉันได้แต่มองสบตาเขาพูดอะไรไม่ออก

“ให้โอกาสเค้าอีกครั้งนะที่รักให้เค้าได้พิสูจน์ว่าเค้ารักที่รักมาตลอดเวลาต่อจากนี้เค้าจะให้ที่รักคนเดียวเลย”

“อื้ม”

ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่ายที่ยอมรับคือแค่ให้โอกาสแต่ยังไม่ได้หมายความว่าจะยอมกลับมาคบเลย ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์กันไปก่อน ส่วนเรื่องอย่างว่าฉันก็ไม่ขัดถ้าหากเขาจะจัดให้เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ได้นอนกับใครจริงจังแค่ลุกล้ำกันภายนอกเท่านั้น ผู้ชายที่ได้จับต้องฉันล้ำลึกยังเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครัวทั้งตัวและหัวใจของฉันไป

“ขอบคุณครับ...แต่ตอนนี้ผัวขอสำรวจถ้ำเมียก่อนได้ไหมหิวอะไรหวานๆจังเลย” เขาคำรามในลำคอ

“ตัวฉันไม่มีอะไรหวานๆให้นายกินหรอกนะ”

“มีสิ!ตรงนี้ไงทั้งหอมทั้งหวานที่สุดแล้ว” เขาครางเสียงต่ำในขณะลดมือลงไปแตะตรงจุดที่เขาบอกว่าทั้งหอมทั้งหวานใต้เนินหน้าท้องของฉัน

แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้นอนอีกเลยตลอดทั้งคืน เขาทรมานฉันด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนชื้นกระแทกกระทั้นฉันด้วยของแข็งที่มีพิษร้ายแรง ไม่ทำให้เจ็บหรือทำอันตราย แต่อาจทำให้ฉันท้องโตได้ถึงเก้าเดือนพร้อมสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เรียกว่าลูกให้เกิดขึ้นได้...

.

.

(จบ)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 7: แม่มึงแต่เมียกู (จบ)

    วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 6: พี่เป็นเมียผมแล้วนะ

    บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 5: ม่านรูดระทึกรัก

    โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 4: ไปโรงหนังแต่ได้กลับโรงแรม

    คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 3: ชอบสัมผัสของผมไหม

    หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด

  • เรื่องสั้นลับๆฉบับรักๆ   บาปรัก 2: มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับแม่

    ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status