LOGINที่ร้านอาหารศจีที่เป็นจุดนัดพบกัน
“ไงมึงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหลามาโลด” เสียงอีว่านบอกทันทีที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้วเตรียมสั่งอาหารมารอ
“กูลาออกจากงานแล้ว” ฉันบอกขณะถอนหายใจเบาๆ
“อื้อก็ดีแล้วนี่ห๊ะ!ออกจากงาน” เสียงอีฝ้ายงึมงำบอกตามด้วยเสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน
“เออ!”
“อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับอีตาบอสของมึงอ่ะ” อีพีทถามสีหน้านิ่งๆ
“เออกูตบกับอีเลขามาด้วยแม่งเสือกมากระชากหัวกูก่อน”
“เค้าไล่มึงออก?” อีฝ้ายถามต่ออีก
“เปล่ากูออกเอง!”
“เอ้าอีนี่เค้าไม่ได้ไล่มึงออกสักหน่อยแล้วเสือกลาออกทำไม”
“กูเบื่อ...อยากหยุดพักนิ่งๆบ้าง”
“คงไม่ได้มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหม?” อีว่านถามต่อ
“มัน...กลับมาแล้ว!” ฉันบอกเพื่อนสีหน้าแววตาเหม่อมองออกไปด้านนอกอย่างเลื่อนลอย
“มันไหนแล้วใครกลับมา?” อีฝ้ายยังงงอยู่ในขณะที่อีพีทกับอีว่านมองหน้ากันแล้วหันมาจ้องฉันตาเขม็ง
“ไอ้ทีใช่ไหม?” อีพีทกับอีว่านถามขึ้นพร้อมกัน
“อืม” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ
“ห๊าาาไอ้ทีกลับมาแล้ว อ้าวแล้วมึงเจอมันได้ยังไง” อีฝ้ายถามอีกสีหน้าแววตาใคร่รู้สุดๆ
“บังเอิญมากมันย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามกับกูเลย”
“ย้ายเลย!มึงย้ายออกมาเลยเดี๋ยวไปหลงคารมถูกมันหลอกฟันเอาอีก” อีว่านบอกน้ำเสียงตื่นเต้น
ไม่ทันแล้วล่ะเพื่อนเอ๋ย!
ต่อจากนั้นฉันก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้มันฟังอย่างละเอียดแม้กระทั่งได้กันอีกหน แต่ไม่ได้สาธยายทั้งหมดหรอกนะว่าได้กันยังไงท่าไหนบ้างน่ะ
“มึงสับสนใช่ไหมสุดท้ายมึงก็ยังลืมมันไม่ได้กูพูดถูกไหม?” อีพีทถามขึ้นสีหน้าจริงจังเป็นการเป็นงาน
“อืม...มันก็ใช่!”
“ส่วนอีกใจมึงก็แค้นมันอยากทำให้มันเจ็บเหมือนที่มึงเจ็บว่างั้น!” อีว่านเสริมต่อ
“งั้นอย่างนี้ไหมอาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยงรุ่นพวกมันก็ต้องมาอยู่แล้วถึงวันนั้นมึงก็เฉลยให้มันรู้ไปเลยว่าคนที่นอนกับมันตอนนี้ก็คือคนที่มันเคยทำร้ายดูถูกดูแคลนคือคนเดียวกันกูว่ามันน่าสะใจพิลึกดีว่ะ” อีฝ้ายเสนอความคิดที่เข้าท่ามากที่สุด
“เออกูว่าดีเห็นด้วย!” อีพีทยกมือเห็นด้วย
“เออกูก็ว่าดีเลิศ!อยากเห็นหน้ามันตอนที่รู้ว่าคนที่มันเคยดูถูกในวันนั้นคือคนที่มันเพิ่งได้เมื่อไม่กี่วันนี้” อีว่านต่อท้ายในขณะที่ฉันเองก็เริ่มเห็นด้วยกับพวกมัน
หลังจากนั้นพวกมันก็หาเรื่องมาคุยให้ฉันหัวเราะขำได้อยู่ตลอด ต้องขอบคุณพวกมันนะถ้าไม่มีพวกมันชีวิตฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังงบ้างก็ไม่รู้ ถ้าไม่ตายๆไปก็คงเป็นบ้าไร้สติไปแล้ว
เรานั่งกินข้าวด้วยกันดื่มกันไปคุยกันสนุกสนานเฮฮากันไปตามประสาเพื่อนจนกระทั่งเริ่มดึกก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ ส่วนฉันก็ขับรถกลับมาที่คอนโดอย่างปลอดภัยแม้จะกรึ่มๆไปบ้างจากการดื่มหนักไปนิดโชคดีที่ระหว่างทางไม่เจอสายตรวจเข้า
หลังจากจอดรถใต้คอนโดเสร็จฉันก็เดินขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นของตัวเอง หวังว่าคราวนี้ฉันจะไม่ซวยติดอยู่ในลิฟท์อีกครั้งล่ะ
แล้วก็ไม่ซวยจริงๆเมื่อตอนนี้ฉันกำลังจะเดินมาถึงหน้าห้องของตัวเองเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝั่งห้องตรงกันข้ามเปิดประตูออกมาประสานสายตาเข้าหากันพอดี
“เดี๋ยวสิคุณ!” เขาเรียกฉันพร้อมกับคว้าข้อมือฉันเอาไว้
“ปล่อย!อย่ามายุ่งกับฉันอีก” ฉันสะบัดข้อมือแรงๆจนหลุดและฝ่ามือดันพลาดไปโดนที่แก้มเขาเสียงเพี๊ยะ!
“ผมแค่อยากคุยด้วยเฉยๆไม่คิดว่าคุณจะรังเกียจกันขนาดนี้...ขอโทษนะครับ” เขาทำสีหน้าราวกับเจ็บปวดแวบนึงก่อนจะหันหน้าหนี
“ฉันไม่ได้...รังเกียจแต่เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
“แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะครับคุณจะว่ายังไง?”
“ก็ไม่ว่ายังไงเราก็วินๆด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรอ?นายเสร็จฉันก็เสร็จจบแล้วก็ต่างคนต่างไปไง”
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นผู้หญิงแบบไปได้”
“ฉันจะเป็นแบบไหนมันก็เรื่องของฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ!” ฉันก็สอดคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าห้องไปเลย
ที่ฉันเป็นแบบนี้ใช้ชีวิตแบบนี้ทุกอย่างมันก็เพราะเขาคนเดียว เขาทำให้ฉันต้องเจ็บ ทรมานกับความรู้สึกผิดกับลูก รู้สึกผิดกับตัวเองเหลือเกินที่ไม่ยอมลืมเขาสักทีทั้งๆที่ผ่านมาเขาทำให้เจ็บจนแสนสาหัส!
. .หลังจากยื่นใบลาออกไปฉันก็นั่งๆนอนๆอยู่ห้องใช้เงินเก็บที่เหลือในบัญชีจากที่ ‘เขา’ พ่อที่ไม่เคยสนใจใยดีเอาแต่ส่งเงินเข้าบัญชีมาให้อย่างเดียวตลอด แล้วฉันก็เลยนอนดูหนังซีรี่ส์เกาหลีทั้งวันจนตาแทบแฉะแทบจะไม่ได้ออกไปมองโลกภายนอกจนเพื่อนๆต้องตามมาดูถึงห้องเพราะกลัวนึกว่าฉันม่องเท่งไปเสียแล้ว
พวกบ้า!!
แม้จะอดบ่นไม่ได้แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากที่เพื่อนยังคอยเป็นห่วงเธออยู่เสมอ นี่แหละที่เค้าบอกว่าเพื่อนไม่จำเป็นต้องมีเยอะมากมายก็ได้เน้นคุณภาพไว้ก็พอและพวกเราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเกือบสิบปีที่ผ่านมาพวกเรารักและหวังดีต่อกันมากขนาดไหน
วันนี้เบื่อๆหลังจากดูซีรี่ส์เกาหลีจนตาแฉะฉันก็เลยโทรชวนพวกอีพีทอีว่านอีฝ้ายออกมาเดินเล่นที่ห้างตากแอร์เย็นๆเล่น แต่พวกมันยังไม่เลิกงานไงฉันก็เลยมาเดินรอพวกมันเรื่อยๆก่อน
อันนี้ก็สวยอันนี้ก็ดีย์!
อยากได้!!!
แต่ทว่าช่วงนี้ฉันตกงานอยู่ก็เลยไม่อยากเอาเงินในอนาคตมาใช้ฟุ่มเฟือยมากมายเท่าไหร่ ดังนั้นจึงได้แต่เดินมองเดินเล่นดูของสวยๆงามๆไปก่อน
เดินไปเดินมาชักคอแห้งฉันก็เลยเลี้ยวแวะเข้าร้านกาแฟเจ้าดังที่อร่อยมากๆ หลังจากเข้าไปสั่งแล้วก็ไปนั่งรอให้พนักงานเอามาเสริฟให้ที่โต๊ะระหว่างที่รอฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาไถหน้าจอเล่นส่องนั่นส่องนี่ไปเรื่อยจนกระทั่งน้องพนักงานเอากาแฟเย็นที่ฉันสั่งไปมาเสริฟให้ที่โต๊ะ
“ขอบใจจ้ะ” ฉันบอกน้องเสียงอ่อนพลางยกแก้วขึ้นดูดชิมรสชาติที่กลมกล่อมหอมละมุนอย่างดื่มด่ำนั่น
กาแฟร้านนี้เค้าชงได้เข้มข้นหอมกลมกล่อมถูกใจฉันจริงแม้ว่าราคามันจะแพงหูฉี่ถึงแก้วละร้อยสี่สิบบาทก็เถอะ
นั่งดื่มด่ำรับบรรยากาศในร้านกาแฟได้ไม่นานเสียงหวีดขอส่วนบุญก็ดังขึ้นจากด้านหลังฉัน
“ต๊ายยยคิดว่าใครมานั่งจิบกาแฟที่แท้ก็...นี่เอง” จากตรงที่มันเว้นวรรคไว้แล้วจ้องมองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของนังรวีมันทำให้ขาฉันกระตุกจนอยากกระโดดถีบมันขึ้นมาเสียจริงๆนะ!
“ก็อะไรทำไมไม่เรียกให้ได้ยินล่ะ” ฉันวางแก้วกาแฟลงยกมือขึ้นกอดอกเตรียมตัวท้ารบกับมันที่ยังไม่ยอมจบกับฉันจริงๆสักที ทั้งๆที่ฉันไม่เคยไปยุ่งกับคนของมันเลยสักครั้ง
“ก็...อีหน้าด้านที่ชอบแย่งผัวชาวบ้านไงล่ะ!” อีรวีขึ้นเสียงตะเบ็งใส่ฉันจนคนทั้งร้านฮือฮาหันมามองที่ฉันกันยกใหญ่
“เอ...เท่าที่จำได้เธอยังได้แต่งงานนี่ใช่ไหม?แล้วไหนผัวเธอล่ะ” ฉันเอียงคอย้อนถามอย่างไม่สะทกสะท้านในขณะที่ผู้คนรอบๆต่างหยิบมาถือมากดเตรียมรอถ่ายคลิปกันแล้ว
“อีก้อย!มึงกวนตีนกูหรอ?”
ฉันเห็นมันจิกเล็บลงบนฝ่ามืออย่างคนกำลังสติแตกก็เตรียมระวังภัยให้ตัวเองไว้ก่อน แม้ว่าฉันจะร่ำเรียนยูดงยูโดหรือมวยไทยมาบ้างแต่ทว่าเวลาที่คนกำลังโมโหขาดสติก็ทำให้มันทำอะไรได้ทุกอย่างแหละ โดยเฉพาะหน้าฉันที่ทำหมดไปไม่รู้ตั้งกี่ล้านกว่าจะสวยได้ขนาดนี้ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรฉันได้เป็นอันขาด
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีบอกหลายครั้งแล้วว่าฉันไม่เคยยุ่งกับผัวเธอ ไม่เคยคิดจะยุ่ง!” ฉันขึ้นเสียงใส่มันกลับเมื่อเริ่มรำคาญทุกอย่างเต็มที่
“ตอแหล!!คิดว่ากูจะเชื่อมึงหรอ?ทำไมกูจะไม่รู้ว่าคุณกวีเค้าจ้องจะเอามึงอยู่ส่วนมึงก็คอยให้ท่าเขาตลอดน่ะ” อีรวียังคงสติแตกตะคอกใส่ฉันอย่างไม่ฟังฟ้าฟังฝนสักนิด
ให้ตายมีส่วนไหนที่ฉันทำแล้วทำให้มันคิดว่าฉันกำลังอ่อยคุณกวีน่ะ ตลอดเวลาฉันคอยเลี่ยงเขาตลอดเอางานไปให้เซ็นก็พยายามให้มีคนอยู่หลายๆคนด้วยแล้วทำไมมันถึงคิดว่าฉันอ่อยวะน่ะ!
“ฉันเคยคิดว่าเธอเก่งและมีสมองแต่ตอนนี้มันคงไม่ใช่แล้วล่ะพูดกันไปก็ไม่รู้เรื่องเสียเวลาเปล่าฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ” ฉันลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่แล้วยกแก้วกาแฟที่ยังดื่มไม่หมดขึ้นมาถือไว้ด้วยก่อนจะทำท่าจะเดินออกไป
“คิดจะหนีฉันหรออีนังหน้าด้าน!!” อีรวีผลักฉันให้กระเด็นลงไปกองแล้วแก้วน้ำก็หกกระเด็นไปกับพื้นแล้วขึ้นคล่อมฉันทันที
ให้ตาย!!!เผลอแป๊บเดียวฉันเป็นรองมันซะแล้ว แบบนี้หน้าฉันจะเสียโฉมไหมเนี่ย ไม่ได้นะ!!!
จังหวะก็เห็นมันเงื้อมือเตรียมกระแทกหน้าฉันอยู่ อีก้อยก็หลับตาปี๋สิจ๊ะคุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกไม่อยากเสียโฉมอุตส่าห์ไปทำมาตั้งแพงแถมยังโคตรเจ็บแสนเจ็บอีกต่างหาก
“อ๊ะ...โอ๊ย!กะ..แกเป็นใครมาเสือกอะไรด้วย”
ระหว่างที่กำลังคิดว่าตัวเองกำลังจะแย่แน่แล้วก็ได้ยินเสียงอีรวีร้องดังขึ้น ฉันก็เปิดตาดูก็พบว่ามีใครอีกคนที่เคยคุ้นมาคว้าแขนมันไว้แล้วผลักมันให้ออกห่างจากตัวฉัน
เป็นเขา ‘ทีไท’ มาช่วยฉันเอาไว้
“เป็นผัวของคนที่คุณกำลังจะทำร้ายไง!ไปซะไม่อย่างงั้นผมจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย” ทีไทบอกอีรวีน้ำเสียงเรียบและเย็นจนฉันยังอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในขณะที่เขาค่อยพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ในร้าน
“ผัว!นี่คุณเป็นผัวอีก้อยงั้นหรอ!” อีรวีอ้าปากค้างตาโตมองมาทางฉัน
“ใช่!แล้วถ้าคุณยังไม่เลิกหยาบคายใส่เมียผมเห็นทีเราคงต้องไปคุยกันต่อที่โรงพักแล้วล่ะ!” ทีไทพูดเสียงห้วนใส่มันจนมันรีบเดินหนีออกไปทันที
“เป็นไงบ้างคุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” จากนั้นเขาก็ปรี่เข้ามาสำรวจเนื้อตัวฉันจับตรงโน้นแตะตรงนี้อย่างไม่เกรงใจสายตาของคนในร้านเลย
“อ๊ะ..คุณ!” ที่ร้องไม่ใข่อะไรก็เขาน่ะจับหมับเข้าให้ที่หน้าอกของฉันน่ะสิ
ไอ้คนหื่น!!!
แหม!มาทำเนียนสำรวจว่าฉันถูกทำร้ายตรงไหนไหม แต่ไอ้ที่เขาจับคลึงต่อหน้าคนเยอะๆน่ะฉันไม่ได้เจ็บเลยสักนิด แถมกำลังรู้สึก... ‘วูบวาบ’ ไปกับสัมผัสของเขาเสียด้วยสิ
อีคนใจง่าย! หวั่นไหวให้เขาง่ายเหลือเกินนะ เขาทำเลวกับตัวเองตั้งเยอะ!
“ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหน...แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาช่วยไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ” ฉันดันมือเขาออกจากร่างกายตัวเองแล้วพยายามจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้องฉันเอารถมา”
“แต่ผมไม่ได้เอามางั้นขอกลับด้วยแล้วกันนะ...คุณคงไม่ใจร้ายกับคนที่ช่วยคุณไว้หรอกใช่ไหม?”
“เฮ้อ!” ถอนหายใจไปสิเล่นทวงบุญคุณกันขนาดนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากส่งกุญแจรถของตัวเองให้เขาไป
“เออคุณผมหิวข้าวอ่ะแวะกินข้าวกันก่อนได้ไหม?นะนะ”
“แต่ฉันไม่หิวไม่อยากกิน!”
จ่อก จ่อก~
พูดไม่ขาดคำไอ้ท้องเจ้ากรรมก็ดันมาร้องไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย น่าขายหน้าชะมัด
“ฮ่าๆๆนี่ขนาดไม่หิวนะยังร้องขนาดนี้เลย ไปเถอะคุณผมเลี้ยงเอง”
แล้วเขาก็ลากฉันเข้าไปในร้านอาหารชื่อดังในห้างที่เรายืนอยู่นั่นแหละ ร้านนี้ขึ้นชื่อของความอร่อยจริงๆ แล้วก็เหมือนเป็นความบังเอิญที่เขาดันสั่งอาหารที่ฉันชอบพอดี ส่วนฉันก็สั่งของที่เขาชอบกินสมัยที่เรายังเคยคบกันเมื่อก่อนนั้นอีกด้วย
สายตาเขาที่มองมามันแปลกๆมันมีแววสำนึกผิดลึกๆอยู่ในนั้น วูบนึงที่มันมีประกายล้ำลึกแฝงไว้อยู่ในนั้นด้วย
แต่ว่าฉันคงคิดมากและคงจะตาฝาดไปเอง ในเมื่อเขาเองก็จำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“อ่ะกินเยอะๆนะคุณดูสิตอนนี้คุณผอมมากเลยนะ” เขาตักกับข้าวที่ฉันชอบมาวางไว้ในจานให้อย่างเอาใจ
“ขอบคุณ”
ส่วนฉันก็งึมงำขอบคุณเขาเบาๆแล้วก็ตักกินเอาๆแก้อาการคิดวุ่นวายในสมองแทน
จวบจนกระทั่งเราใกล้จะกินกันอิ่มแล้วก็มีคนกลุ่มนึงเดินเข้ามาใหม่พวกเขามากันสี่คนแถมยังเดินมานั่งโต๊ะติดกันกับโต๊ะฉันอีก
‘เขา’ ที่ฉันไม่เคยเจอมานานนับหลายปีแม้จะอาศัยบนผืนแผ่นดินเดียวกันก็ตาม โดยที่ฉันได้แต่ติดตามข่าวสารของเขาผ่านทางหน้าหนังสือบ้างในทีวีบ้างเวลาที่เขาไปออกงานด้วยกันทั้งบ้าน
เขาคนที่คอยให้คนของเขาส่งเงินให้ฉันทุกเดือนๆโดยที่ไม่เคยสนใจไยดีหรือสนใจความเป็นไปในชีวิตของฉันเลยสักนิด
“คุณพ่อขาน้องรันอยากทานอันนี้ค่ะแล้วก็อันนี้ด้วย” เสียงเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดเอ่ยเจื้อยแจ้วเสียงอ่อนหวานใส่
“ได้สิลูกหนูอยากทานอะไรสั่งเลยลูกพ่อทานได้หมดถามน้องด้วยนะให้น้องสั่งด้วยเผื่อน้องอยากกินอะไร” เขา...พูดกับเด็กสองคนนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในขณะที่ช่วยกันสั่งอาหารมาทานกัน
พวกเขาช่างดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและเพียบพร้อมดีจัง ในขณะที่ฉันต้องใช้ชีวิตคนเดียวเพียงลำพังแม้นั่นจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องการเองก็ตาม อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะร้องเลยสักนิด ปกติแล้วเวลาฉันไปไหนมาไหนก็มีบ้างที่แอบเห็นพวกเขาโดยบังเอิญ แต่ไม่เคยเลยที่จะเห็นเขาครบทั้งครอบครัวแบบนี้
ดูแล้วรู้สึกแสลงใจพิลึกถ้าหากแม่ฉันยังอยู่ ชีวิตฉันคงจะมีความสุขดีกว่านี้สินะ!
“คุณ..เป็นอะไร?ร้องไห้ทำไม” ทีไทเขาทำสีหน้าตกใจและทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นว่าฉันน้ำตาไหลออกมา
“อ่อ...เปล่าไม่ได้เป็นไรสงสัยกับข้าวเผ็ดไปหน่อยน่ะ คุณฉันอิ่มแล้วเราไปกันเลยมั้ย”
“อืม...ได้สิ”
แล้วเขาก็เรียกพนักงานมาเช็คบิลระหว่างที่รอฉันก็แอบๆมองสำรวจใบหน้าของคนเป็นพ่อก็พบว่าเขาแก่ลงไปมากเลยทีเดียวคงจะทำงานหนักหน้าดู ไหนจะส่งให้ฉันทุกเดือนไม่เคยขาดแม้ว่าจะไม่เคยไปดูดำดูดีก็เถอะ แถมครอบครัวใหม่ของเขาก็ใช้เงินราวกับเบี้ย เท่าที่แอบสำรวจทั้งเมียใหม่เขาและลูกๆก็แบรนด์เนมทั้งตัวเช่นกันนี่นะ
“คุณพี่คะ...น้องอยากรู้ว่าคุณพี่จะส่งเงินให้ลูกสาวคุณพี่ไปถึงเมื่อไหร่กัน นี่ลูกสาวคุณพี่ก็น่าจะเรียนจบมีงานมีการทำได้แล้วนะคะจะมาเกาะเงินพ่อแบบนี้สร้อยว่ามันไม่ค่อยจะดีเลยนะคะ” เมียใหม่ของเขาเปิดประเด็นที่ทำให้ฉันหูผึ่งขึ้นมา
“ก็ส่งไปเรื่อยๆแหละ...คุณมีปัญหาอะไรหรอ?” พ่อฉันหันไปถามเมียใหม่เขาสีหน้าเรียบนิ่ง
“น้องไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะเพียงแต่แค่คิดว่าแกก็โตแล้วน่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ แถมผ่านมาตั้งหลายปียังไม่เคยคิดจะมาดูดำดูดีคุณพี่เลยด้วยซ้ำ ป่านนี้ไม่รู้มีลูกโตไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้”
ตอนนี้ยังย่ะ!! กล้าว่าลูกคนอื่นเขาเนอะ ทีลูกตัวเองที่ตอนนี้จ้องคนของฉันจนแทบจะกลืนจะกินไปแล้วมั้ง
ไม่ใช่สิ!ไม่ใช่คนของฉันสักหน่อย แค่เคยเป็นมาก่อนก็เท่านั้น!
“ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรผมก็จะส่งอย่างนี้ไปเรื่อยๆแหละ ยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกผม” เขาพูดน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรถึงแม้จะทำให้ใครต้องโดดเดี่ยวก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณพี่ไม่ตามหาแกแล้วให้ย้ายมาอยู่กันที่บ้านเราเลยล่ะค่ะมาอยู่เป็นครอบครัวด้วยกัน” เธอพูดราวกับคนจิตใจดี แต่ดูจากสายตาคงภาวนาไม่ให้ท่านเห็นด้วยกับความคิดเธอสินะ!
“ไม่ล่ะ...ผมชินกับการอยู่แบบนี้แล้วล่ะ” ท่านส่ายหน้าเบาๆแล้วหันไปสนใจกับข้าวบนโต๊ะแทน
ในขณะที่ฉันต้องน้ำตาตกในอีกครั้ง ตลอดชีวิตไม่เคยว่าตัวเองจะไร้ค่ามากได้เท่าครั้งนี้เลยจริงๆนะ!
“คุณ!คุณ!ก้อย!”
“ห๊ะ!อะไรนะ!”
ทีไทเรียกฉันเสียงดันจนคนที่นั่งโต๊ะใกล้หันหน้ามามองแต่ฉันก็หลบเอา แม้เขาจะจำไม่ได้เพราะฉันไปศัลยกรรมมาใหม่แล้วก็ตาม แต่ไม่เจอกันเลยมันควรจะดีกว่านะจริงไหม?
“เรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ” เขาบอกพร้อมกับเดินมาเลื่อนโต๊ะออกให้ฉัน
“เอ่อ..จ้ะๆ”
ฉันก็เดินตามเขามาในขณะที่น้ำตายังคลอเบ้าอยู่
. .วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให
บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ
โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่
คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ
หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด
ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่







