Share

บทที่ 8

Author: เล่อเอิน
หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นมา ฝีเท้าเองก็ชะงักไปทันที

โจวอวี้ชวนสบตาเข้ากับดวงตากระจ่างใสของเธอ พลางเรียกชื่อเธอออกไปโดยไม่รู้ตัว “เวินซ่ง...”

จู่ ๆ เวินซ่งก็ยิ้มออกมา น้ำเสียงของเธอทั้งราบเรียบทั้งเบาหวิว “เอาน่า นายจะเครียดไปทำไม ฉันรู้ว่านายกับพี่สะใภ้ใหญ่รู้จักกันมานานแล้ว จะชินกับการเรียกชื่อก็เป็นเรื่องปกติ”

มองรถมายบัคสีดำเคลื่อนตัวออกไปจากสวน เวินซ่งค่อย ๆ นั่งพิงโซฟา

เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะหุนหันขนาดนี้

ทั้งที่เธอเคยชินกับการทำตัวว่าง่ายอ่อนโยนมานานแล้ว ทั้งที่แค่จำเป็นต้องใช้ความรู้สึกผิดในใจของโจวอวี้ชวนมาอ้าง เพื่อให้หย่าได้ราบรื่น

แล้วทำไมต้องถามคำถามอะไรเกินความจำเป็นแบบนั้นออกไปด้วย

เธอเงยหน้ามองเพดาน ดวงตาทั้งสองข้างแห้งผากอย่างรุนแรง

ไม่ต้องรอให้เธอคิดจนเข้าใจ ถงอู้ก็โทรศัพท์เข้ามาแล้ว “เสี่ยวซ่งซ่ง กลางคืนออกมาดื่มกันไหม?”

“เอาสิ”

เวินซ่งตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว แล้วก็ชะงักเสียงไปเล็กน้อย “แต่ต้องดึกสักหน่อยนะ ฉันมีไลฟ์ดูแลสุขภาพ ราว ๆ สิบนาทีก็เสร็จแล้ว”

เป็นงานของคลินิกแพทย์แผนจีน เดิมทีมันไม่ได้อยู่ในงานของเธอหรอก

ทว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนร่วมงานคนที่รับผิดชอบติดธุระ เลยให้เธอมาช่วยทำแทน

เดิมทีเวินซ่งคำนึงถึงตระกูลซางกับตระกูลโจวเลยไม่ได้ตกลง แต่เพื่อนร่วมงานสอนให้เธอใช้ฟิลเตอร์ ทันทีที่เพิ่มฟิลเตอร์เข้าไป ต่อให้เป็นแม่แท้ ๆ ของเธอเองก็ไม่แน่ว่าจะจำเธอได้

เธอเป็นคนหน้าตาสะสวย ยามพูดจาก็นุ่มนวล ผลของการไลฟ์เลยออกมาดีเกินคาด

ไป ๆ มา ๆ ทางคลินิกเลยจัดให้เธอมาไลฟ์อยู่บ่อยครั้ง

“ได้ งั้นฉันทำโอทีเสร็จแล้วจะไปรับเธอ เวลาก็น่าจะพอดีกัน”

“ได้”

หลังจากพูดคุยกับถงอู้ง่าย ๆ อีกสองประโยค อารมณ์ของเวินซ่งก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

เธอกลับเข้าห้องเพื่อไปทบทวนเอกสารข้อมูลวิทยาศาสตร์ของคืนนี้อีกครั้ง

จะว่าไปแล้ว ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดจากการแต่งงานกับโจวอวี้ชวนนั้น ก็คือเธอมีอิสระไม่น้อย

เพราะโจวอวี้ชวนไม่สนใจเธอ

ทางตระกูลซาง ทำได้แค่ขวางกั้นไม่ให้เธอบินสูงเกินไป ทว่าไม่อาจแทรกตัวเข้ามาสอดส่องการเคลื่อนไหวของเธอได้ทุกช่องทางอีก จะมากหรือน้อยยังไงก็ต้องคำนึกถึงตระกูลโจวอยู่บ้าง

เธอพัฒนาฝีมือทางการแพทย์ของตัวเองไปพลาง ไปนั่งตรวจที่คลินิกแพทย์แผนจีนเป็นระยะ ๆ ไปพลาง

เมื่อคอยสั่งสมมาตลอดระยะเวลาสามปี บัญชีเงินเก็บก็น่าดูชมไม่น้อย

เวลาสี่ทุ่ม การไลฟ์สดสิ้นสุดตรงเวลา

ตอนที่เวินซ่งเดินลงไปชั้นล่างด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างดีไม่น้อย ถงอู้ก็จอดรถพอดี

จงกระทั่งเธอขึ้นรถ ถงอู้ก็เลิกคิ้ว “อารมณ์ดีขนาดนี้ ดูท่าว่าเรื่องหย่าจะราบรื่นดีสินะ?”

“ก็ไม่เลว”

เวินซ่งแย้มยิ้ม “คุ้มค่าพอให้ไปดื่มเหล้าฉลองสักหน่อยเลยละ”

เมื่อทั้งสองคนมาถึงบาร์ ก็เป็นช่วงเวลาที่การค้าคึกคักที่สุด

ทว่าถงอู้กับเจ้าของบาร์รู้จักกัน เลยจองที่ไว้ให้พวกเธอล่วงหน้าได้

หลังจากถงอู้กลับมาจากห้องน้ำ เวินซ่งก็ดื่มไปแล้ว

ถงอู้หลุดยิ้มทันที “โจวอวี้ชวนรู้ไหมว่าเธอดื่มเหล้า?”

“แน่นอนว่าไม่รู้”

เวินซ่งเอียงศีรษะเล็กน้อย ตอนเธอคลี่ยิ้ม ข้าง ๆ มุมปากก็มีลักยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นมา “ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่ฉันไม่รู้ ว่าคนในใจเขาคือเสิ่น...”

“จูบเลย!”

“จูบเลย! จูบเลย!”

“พี่สะใภ้ กล้า ๆ หน่อย”

“...”

ที่ฟลอร์เต้น เสียงหยอกล้อดังขึ้นขัดคำพูดของเวินซ่ง เธอผินหน้าไปมอง ทันใดนั้นรอยยิ้มตรงมุมปากของเธอก็แข็งข้างไปทันที

ถงอู้มองตามสายตาของเธอไป สีหน้าดูไม่ดีเอาเสียเลย “นั่นใช่โจวอวี้ชวนไหม?”

บริเวณกลางฟลอร์เต้น ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดนั่นของโจวอวี้ชวน ปรากฏให้เห็นชัดเจนอยู่ใต้แสงไฟพลิ้วไหว

ในอ้อมแขนของเขา กำลังโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่งไว้ เธออยู่ในชุดเดรสสีแดง ทั้งสวยทั้งน่าดึงดูด

ชายหนุ่มที่ใจเย็นและสงบเสงี่ยมเสมอมา กลับมีความตามใจสะท้อนอยู่เต็มดวงตา

หลังจากที่ถงอู้เห็นใบหน้าตรง ๆ ของหญิงสาวได้ชัดเจน ก็กระตุกมุมปากทันที พร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนทัศนคติต่อชีวิตถูกระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ “คนในใจของเขา คือเสิ่นหมิงถัง?”

“อืม คิดไม่ถึงละสิ”

เวินซ่งดื่มของเหลวในแก้วเหล้าลงคอรวดเดียว เส้นเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “เมื่อก่อนฉันก็คิดไม่ถึง”

ทันทีที่เธอพูดจบ จู่ ๆ เสิ่นหมิงถังก็เขย่งเท้าขึ้นจูบ

โจวอวี้ชวนรวบเอวของเธอไว้ตามสัญชาตญาณ

ช่างเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

“วู้ว!”

“พี่สะใภ้สุดยอด!”

“พี่ชวน คืนนี้กลัวว่าพี่จะกลับบ้านไม่ได้แล้วละมั้ง?”

“...”

ทั้ง ๆ ที่คนพวกนั้นอายุเยอะกว่าเวินซ่ง ทว่าแต่ละคนกลับพูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ตัวน้อย” เพื่อหยอกล้อคนของเธอ พวกเขาตะโกนล้อกันอย่างตื่นเต้น

ถงอู้ลุกขึ้นยืนทันที เวินซ่งรีบรั้งเธอไว้ “อย่าเข้าไป”

“นี่เธอเห็นฉันโง่เหรอ?”

หลังจากถงอู้ถ่ายรูปแชะ ๆ เสร็จสองใบ ก็ลากเธอให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน “ฉันรู้ว่าเธอมีแผนของเธอ แต่ที่นี่น่ะมันสกปรกโสมมเกินไป พวกเราเปลี่ยนที่กันดีกว่า”

เวินซ่งเป็นคนคออ่อนทว่าก็ยังจะดื่ม

หลังจากดื่มเหล้าไปสองยก วันต่อมาบ่ายแล้วถึงจะตื่น เธอปวดศีรษะราง ๆ ดวงตาทั้งสองข้างก็บวมเล็กน้อย

จนกระทั่ง ตอนที่เธอเห็นว่ามีเงินก้อนใหญ่โอเข้ามาในบัญชีผ่านแอพธนาคารในมือถือ ก็ยังสงสัยอยู่ว่าตนเองตาฝาดไปหรือเปล่า

สามสิบล้าน

เวินซ่งขยี้ตา หลังจากดูให้แน่ชัดแล้วว่าผู้ที่โอนเข้ามาคือเสิ่นหมิงถัง ความทรงจำเมื่อวานนี้ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา

โอนเงินมาให้จริง ๆ ด้วยแฮะ

เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เสิ่นหมิงถังกลัวคุณหญิงใหญ่โจวจริง ๆ

แต่ว่าเมื่อคืนนี้ทั้งสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเงินก้อนนี้จะเป็นโจวอวี้ชวนที่เป็นคนจ่าย

สินสมรส

มีของเธออยู่ครึ่งหนึ่ง

เวินซ่งถือโทรศัพท์เดินลงไปชั้นล่างอย่างสบายใจ เธอผสมน้ำผึ้งหนึ่งแก้วให้ตัวเอง

ป้าอู๋เห็นว่าเธอสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร “คุณนายน้อย จะกินอะไรสักหน่อยไหมคะ? มีตุ๋นยาจีนกับโจ๊กรังนกที่เพิ่งทำเสร็จ หรือจะให้ป้าทำบะหมี่ซุปไก่ให้คุณนายกินรองท้องสักถ้วยดีคะ”

ในหนึ่งปีมีสี่ฤดู ในแต่ละฤดูนั้น เวินซ่งมักจะให้สูตรทำอาหารตุ๋นยาจีนที่จัดตามสภาพร่างกายของเธอกับโจวอวี้ชวนแก่ป้าอู๋

ตอนนี้ในกระเพาะของเวินซ่งยังคงปั่นป่วนราวกับทะเลคลั่ง ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น “โจ๊กรังนกแล้วกัน”

พูดพลาง เธอก็มองดูไปรอบ ๆ บ้าน พลางพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเช่นปกติ “เมื่อคืนนี้อวี้ชวนกับพี่สะใภ้ใหญ่ไม่กลับมาเหรอ?”

“น่าจะใช่นะคะ”

ป้าอู๋ไม่คิดอะไรมาก เดินเข้าไปยกโจ๊กรังนกมาให้เธอ

นึกได้ว่าเธอชอบกินรสหวาน ป้าอู๋เลยเติมน้ำตาลกรวดสีเหลือเพิ่มเข้าไปมากอีกสักหน่อย

โจวสือคั่ววิ่งมาจากห้องรับแขก เอามือเท้าเอว พลางทำหน้าทะเล้นใส่เวินซ่ง “เมื่อคืนคุณอาเล็กกับคุณแม่อยู่ด้วยกัน! อีกไม่นานเดี๋ยวเธอก็ไม่ใช่อาสะใภ้ฉันแล้ว ผู้หญิงนิสัยไม่ดีอย่างเธอน่ะ ไม่เหมาะกับคุณอาเล็กเลยสักนิดเดียว!”

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เขายังชี้นิ้วป้อม ๆ ใส่เวินซ่งอย่างโหดเหี้ยม

“อืม”

เวินซ่งพยักหน้าราวกับมีความคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ปัดมืออ้วนป้อมของเขาออก “งั้นเธอรู้อะไรไหม ถ้าแม่เธอแต่งานกับอาเล็กของเธอแล้ว เธอจะเป็นอะไร?”

“อะไร?”

“ลูกติดไง”

เวินซ่งค้อมเอวเล็กน้อย ลูบแก้มของเขาอย่างสงสาร พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “อาอธิบายให้เธอฟังสักหน่อยแล้วกัน มันก็หมายถึงตัวถ่วงไง อีกไม่นานแม่เธอกับอาเล็กของเธอก็จะคลอดน้องชายไม่ก็น้องสาวให้เธอ จากนั้นก็จะไม่มีใครชอบเธอแล้ว”

“ดีใจไหม? ลูกติดตัวน้อย”

“แง...”

โจวสือคั่วร้องไห้ขึ้นมาเสียงดังลั่น น้ำตาเม็ดโตท่วมทะลักออกมา ควานหาไอแพดมากดโทรวิดีโอคอลหาเสิ่นหมิงถัง

ทว่าไม่มีใครรับ

เขาถลึงตาใส่เวินซ่งอย่างโกรธเกรี้ยว ยังคงกดโทรต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ ทว่าน้ำตากลับยังไม่หยุดไหล “ฮือออ... ไม่มีทาง! พวกเขาไม่มีทางมีเด็กคนอื่น!”

ราวกับว่าต้องการจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง

เขาโทรไปหาหลายสายแล้ว ทว่าไม่มีใครรับเลย

เวินซ่งยิ้มเล็กน้อย “ดูสิ ที่อาพูดน่ะไม่ผิดเลยใช่ไหมล่ะ พวกเขาไม่ชอบเธอแล้ว”

ยิ่งไปกว่านั้น คือเธอเองก็ไม่ได้หลอกเด็กน้อย

เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ก็ไม่แน่ว่าในท้องของเสิ่นหมิงถัง อาจจะมีน้องชายน้องสาวของเขาแล้วก็ได้

“ไม่มีทาง แง...”

โจวสือคั่วยกมือขึ้นมา แล้วเช็ดน้ำตาออกอย่างแรง ทว่ายังคงมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด

เวินซ่งยกน้ำผึ้งเดินไปนั่งลงที่ห้องทานข้าว

ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ ข้อความจากถงอู้ก็เด้งเข้ามาแล้ว

ที่ส่งมาให้เป็นข่าวบันเทิงข่าวหนึ่ง

ป้าอู๋ยกโจ๊กรังนกออกมาพอดี พอได้ยินเสียงร้องไห้ก็อดถามไม่ได้ “นี่บรรพบุรุษน้อยเป็นอะไรไปอีก ร้องไห้หนักขนาดนี้...”

เวินซ่งหันหน้าจอโทรศัพท์ไปทางป้าอู๋ “อาจจะเพราะเห็นข่าวบันเทิงนี่เข้า แล้วรู้ว่าแม่ของตัวเองกลายเป็นเมียน้อย เลยเสียใจน่ะ”

เมื่อป้าอู๋เห็นรูปภาพในข่าวกับหัวข้อข่าวชัดเจน ก็ถึงกับตกใจตัวโยน

...โจวอวี้ชวน ประธานของโจวซื่อจูบดูดดื่มกับหญิงสาวคนหนึ่งในบาร์เมื่อกลางดึก!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 64

    “ถึงตอนนั้น พวกเราคงต้องไปที่ซางซื่อกรุ๊ปบ่อย ๆ…”เขาพูดพลางชำเลืองมองสีหน้าของเวินซ่งอย่างลังเลกลุ่มบริษัทซางซื่อกรุ๊ปมีอาคารอยู่สองหลัง ห้องทดลองและสถาบันวิจัยล้วนอยู่ในอาคารนั้น แม้โอกาสที่จะเจอซางอวี้นั้นมีไม่มากนัก แต่ก็ยังมีอยู่ดีเวินซ่งเผยรอยยิ้มจนใจ “ทำไมพี่ถึงเหมือนอาจารย์จัง?”เธอก็วางตะเกียบลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “พี่สวินมู่ พี่วางใจได้ ฉันแยกแยะออก จะไม่ให้เรื่องส่วนตัวมากระทบงานเด็ดขาด…”ชั้นสองของร้านอาหาร ประตูห้องส่วนตัวบานหนึ่งเปิดอยู่ ชายหนุ่มหน้าประตูเอามือใหญ่ที่มีกระดูกนิ้วชัดเจนเท้าลงบนราวบันได ดวงตาดำมืดคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ชั้นล่างหญิงสาวที่ต่อหน้าเขาจะทำสีหน้าห่างเหิน เวลานี้กลับดูเชื่อฟังเรียบร้อย ไม่รู้ว่ารับปากอะไรกับผู้ชายอีกคน“ซางอวี้ นายมองอะไรอยู่น่ะ? ไม่เข้ามาสักที”ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกันเดินออกมา ชำเลืองมองลงไปตามสายตาของเขา แล้วพูดโดยไม่สำรวม “อ๋อ ดูน้องสาวนายอยู่นี่เอง”“...ไปให้พ้น”ซางอวี้เหล่มองเขา พลางล้วงกระเป๋ากางเกงเดินลงชั้นล่างอย่างไม่ใส่ใจ “ที่เหลือพวกนายก็คุยกันต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ”“ได้ งั้น

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 63

    เธอไม่ได้คิดจะให้โจวอวี้ชวนมารับเธอหลังเลิกงานเลยแต่พอเห็นภาพนี้ ก็อดรู้สึกเยาะเย้ยเล็ก ๆ ไม่ได้โจวอวี้ชวนค่อย ๆ ผลักผู้หญิงในอ้อมแขนออก ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เพื่อนร่วมงานสายตาดีสองสามคนก็หัวเราะล้อเลียนขึ้นมา“พี่หมิงถัง นี่แฟนพี่ใช่ไหม?”ตอนกลางวันทำงาน เสิ่นหมิงถังก็แอบอวดทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอยู่ตลอดทั้งวันแล้วว่ามีแฟนที่สูงใหญ่ หล่อเหลา อ่อนโยน แถมยังรวยมากรถสปอร์ตคันนั้นเมื่อเช้า ก็เป็นแฟนหนุ่มที่มอบให้ตอนนี้ดูแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่ได้โป้ปดเลยสักนิด เป็นหนุ่มสูงหล่อรวยอย่างแท้จริงเอ่อไม่สิ ไม่ใช่ระดับเดียวกับหนุ่มสูงหล่อรวยทั่วไป บุคลิกก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสง่างามและสูงส่งเสิ่นหมิงถังปัดผมไปไว้หลังใบหูด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย ก่อนมองไปยังโจวอวี้ชวน “อวี้ชวน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเอง”โจวอวี้ชวนขมวดคิ้วแน่น พอเงยหน้ามองไปอีกที เวินซ่งก็เดินออกไปไกลแล้ว!เขาไม่ได้ตอบอะไร ทุกคนคิดว่าเขามีนิสัยเก็บตัวอีกอย่าง เจ้าพ่อที่ร่ำรวยขนาดนี้ ไม่ชอบคุยกับคนอื่นก็เป็นเรื่องปกติพอเสิ่นหมิงถังกับโจวอวี้ชวนขึ้นรถไปแล้ว เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนก็อิจฉาแทบบ้า“

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 62

    “ก็ได้”เจียงสวินมู่เห็นว่าเธอยังอารมณ์ดีอยู่ ก็อดยิ้มไม่ได้พลางกล่าวว่า “พวกเธอบอกว่า แทบไม่เคยเห็นหมอเวินทำหน้าไม่พอใจใส่ใคร เลยสงสัยกันว่า เธอกับเสิ่นหมิงถังมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”เวินซ่งไม่ได้พูดอะไร จ้องมองของในมือเขา “เอามาให้ฉันเหรอคะ?”“อืม”เจียงสวินมู่วางปิ่นโตเก็บอุณหภูมิลงตรงหน้าเธอ “เป็ดอบเบียร์ ปลาผัดมะเขือยาว แล้วก็ผักกาดขาวผัดน้ำส้มสายชู อาจารย์หญิงกำชับให้เอามาให้เธอโดยเฉพาะเลย”พอเวินซ่งเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็ลอยมาแตะจมูก จึงลองชิมมะเขือยาวอย่างอดใจไม่ไหว “พี่ไปบ้านอาจารย์มาเหรอ?”“ใช่ ไปคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจกต์นั้นของซางซื่อกรุ๊ป”เจียงสวินมู่นั่งลงตรงข้ามเธอ “รสชาติเป็นไงบ้าง?”“ต้องดีมากอยู่แล้ว”เวินซ่งยิ้ม “แล้วพี่กินหรือยังคะ?”“ฉัน…”เสียงเจียงสวินมู่ชะงักไปนิดหนึ่ง สายตาอันอ่อนโยนหยุดอยู่ที่แก้มเธอ เจือด้วยรอยยิ้ม “ยังเลย”“งั้นก็กินด้วยกันสิคะ”เวินซ่งหยิบตะเกียบใช้แล้วทิ้งจากลิ้นชักส่งให้เขา พลางถามต่อ “โปรเจกต์ของซางซื่อกรุ๊ปเป็นยังไงเหรอ? เมื่อไหร่จะเริ่มล่ะ?”“กินข้าวก่อนเถอะ”เจียงสวินมู่ชำเลืองมองเวลา “เรื่องโปรเจกต์ ไว้เธอเลิกงานคืนนี้

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 61

    ป้าอู๋ที่ยังนอนหลับฝันอยู่ ก็ถูกเสียงเคาะประตูอันเร่งรีบปลุกให้ตื่นพอเปิดประตูออก ก็เผชิญหน้ากับสีหน้าไม่สู้ดีของโจวอวี้ชวน ในใจพลันเกิดสัญญาณเตือนภัยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “คุณชาย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”สายตาโจวอวี้ชวนแฝงความคมกริบ “คุณนายรองกลับมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”เสิ่นหมิงถังที่อยู่ข้าง ๆ ใช้ปลายเล็บอันแหลมคมจิกลงไปในฝ่ามือนังชั้นต่ำนั่นย้ายออกไปแล้วเธอยากลำบากแทบตายกว่าจะได้เป็นคุณนายหญิงอยู่ไม่กี่วัน ไม่อยากเห็นเงาของเวินซ่งในบ้านอีกต่อไป!“คุณนายรอง เธอกลับมาทุกวันนะคะ…”ป้าอู๋ทำท่าเหมือนสงสัย แต่ตอบสนองได้เร็วมาก “เอ๊ะ ไม่ใช่สิ คืนนี้ไม่กลับ คุณนายใหญ่จะอายุครบแปดสิบแล้ว คุณนายเลยเรียกเธอกลับไปที่บ้านใหญ่ให้ช่วยออกความเห็นน่ะเจ้าค่ะ”แววตาของเสิ่นหมิงถังฉายความประหลาดใจ ในใจก็เต็มไปด้วยคำถามทำไมป้าอู๋ต้องช่วยปิดบังเรื่องที่เวินซ่งย้ายออกไปด้วยหรือว่า ป้าอู๋เองก็คิดว่าเมื่อเทียบกับเวินซ่งแล้ว เธอเหมาะที่จะเป็นคุณนายหญิงของบ้านนี้มากกว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เธออดไม่ได้ที่จะแย้มมุมปากขึ้น พลางมองไปยังโจวอวี้ชวน “เอาน่ะ เวินซ่งแค่ไม่กลับมาคืนเดียวเอง คุณจะระแวงไปทำไมกัน

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 60 

    เวินซ่งกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น “งั้นก็ต้องวิจัยสำเร็จให้ได้”“ด้วยความสามารถของเธอ ฉันเชื่อว่าจะสำเร็จแน่”อวี๋เฉิงอั้นรู้จักความสามารถของเธอกว่าใครหลังจากวางสายโทรศัพท์ เขาก็อดมองไปทางภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ อย่างซาบซึ้งใจไม่ได้ “ไม่คิดเลยนะว่า เธอจะเข้าใจนิสัยของเด็กคนนี้ดีกว่าฉันอีก”“นั่นสิ”ซุนจิ้งหลันยิ้ม “เด็กคนนี้น่ะ โครงการอื่น ๆ เก้าในสิบเธอก็ปฏิเสธหมด แต่เรื่องที่สามารถรักษาโรคช่วยชีวิตคนได้ จะไม่ลังเลเลย”-เมืองไห่ห่างจากเมืองจิ่งไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร ตอนเช้าวันถัดไป โจวอวี้ชวนมีประชุมผู้ถือหุ้น ก็เลยไม่ได้ค้างคืนที่เมืองไห่เขากับเสิ่นหมิงถังสองคนกลับเมืองจิ่งในคืนนั้นเลยเมืองจิ่งในช่วงเวลานี้ ยังคงมีรถสัญจรไม่ขาดสาย911 รุ่นลิมิเต็ดสีแดงคำรามผ่านไป เมื่อจอดอยู่ที่สี่แยกไฟแดง ก็ดึงดูดให้คนบนถนนไม่น้อยหยิบมือถือถ่ายรูปความหยิ่งทะนงของเสิ่นหมิงถังถูกเติมเต็มอย่างเต็มที่“อวี้ชวน วันนี้ฉันมีความสุขมาก ขอบคุณนะ…”เธอเอียงหน้าหันมองทางที่นั่งข้างคนขับ พบว่าชายหนุ่มดูเหมือนเหม่อลอยผ่านไปราว ๆ สองสามวินาที โจวอวี้ชวนถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวแล้วหันมามองเธอ “เธอว่าอะไรนะ?

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 59

    ไม่ใช่แค่เสิ่นหมิงถังที่ตกใจเวินซ่งก็อึ้งเช่นกันเธอเงยหน้าขึ้น พยายามให้ตัวเองพูดอย่างนิ่งสงบที่สุด “นายจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจชัดเจนก่อน หรือไม่ก็ไปรับรถเป็นเพื่อนเสิ่นหมิงถังต่อ”เธอยอมรับที่เขานอกใจ แล้วก็ยอมเคลียร์แทนพวกเขาแต่ไม่ยอมรับความคลุมเครือถ้าก็ไปกับเสิ่นหมิงถังแบบนี้แล้ว ในสายตาคนนอก เสิ่นหมิงถังคือคุณนายโจวแล้วเธอเป็นอะไร แน่นอนว่าเป็นมือที่สามที่ทำลายการแต่งงานคนอื่นโจวอวี้ชวนเม้มริมฝีปากบางเบา ๆ “เสี่ยวเวินซ่ง……”“ประธานโจว ฉันยังมีธุระ ขอตัวไปก่อน”เวินซ่งมองความลังเลของเขาออก จึงทำการตัดสินใจแทนเขาเสียงไม่ดังและไม่เบาเกินไป เพียงพอที่คนรอบ ๆ จะได้ยินอย่างชัดเจน“ประธานโจว” คำเดียว ก็ขีดเส้นกั้นได้อย่างชัดเจนผู้จัดการฝ่ายขายเป็นคนหัวหมอ จึงพูดกับโจวอวี้ชวนด้วยรอยยิ้ม “ประธานโจว ที่แท้คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นเพื่อนของคุณนี่เอง คุณก็ไม่บอกก่อน ไม่งั้นยังไงผมก็ต้องลดราคาให้อยู่แล้ว”“……อืม” วินาทีที่โจวอวี้ชวนตอบรับ เวินซ่งก็ปิดประตูรถอย่างแรง แล้วขับออกไปทันทีเสิ่นหมิงถังยิ้มหวานแล้วคล้องแขนของโจวอวี้ชวน “ฉันเกือบคิดว่า คุณลืมว่ารับรถเสร็จ ต้องไปเดิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status