Share

บทที่ 7

Author: เล่อเอิน
ได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาอันเป็นปกติของเธอแล้ว หัวใจของโจวอวี้ชวนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทง

เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “จู่ ๆ จะทิ้งทำไมล่ะ? ปกติเธอให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานนี้มากไม่ใช่เหรอ?”

เวินซ่งไม่ปฏิเสธ

เมื่อสามปีก่อน เธอตั้งใจเหลือพื้นที่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้เป็นพิเศษ เพื่อแขวนชุดแต่งงานชุดนี้

ทุกปีจะต้องส่งไปซักทำความสะอาด

ทว่าสาเหตุที่ทะนุถนอมมัน เป็นเพราะเธอคิดว่า ชั่วชีวิตนี้คนเราจะแต่งงานกันเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าจะต้องเก็บชุดแต่งงานไว้เป็นที่ระลึก

ตอนนี้ใกล้จะหย่าแล้ว

ไม่แน่ว่าหลังจากนั้นโจวอวี้ชวนอาจจะแต่งคนในใจเข้ามาก็ได้

ชุดแต่งงานชุดนี้ ก็เหมือนกับตัวเธอเอง ที่เป็นของที่เป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้

เวินซ่งยิ้มเล็กน้อย “มันพังแล้วน่ะ ฉันเพิ่งเห็นเมื่อไม่กี่วันก่อน มันขาดเป็นรูใหญ่ทีเดียว”

“แต่ก็จะทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ”

โจวอวี้ชวนมองท่าทางมีความสุขทั้งที่ใจระทมทุกข์ของเธอ คิดว่าเธอทำใจไม่ได้ “เอาแบบนี้ ฉันจะให้คนจากร้านชุดแต่งงานมารับไปดูว่าพอจะซ่อมได้ไหม...”

“ช่างเถอะ”

เวินซ่งส่ายหน้า มองโจวอวี้ชวนด้วยสายตาราบเรียบ “ของที่มันพังไปแล้ว ซ่อมไปก็ไม่ดี”

ที่เธอพูดถึงคือใจของคน

คือชีวิตคู่ในช่วงนี้

พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินเข้าประตูบ้านไป โดยไม่รั้งรอให้โจวอวี้ชวนพูดอะไรอีก

เห็นว่าเธอยังคงเดินด้วยท่าทางแปลก ๆ ในที่สุดโจวอวี้ชวนก็นึกขึ้นมาได้ เลยรีบก้าวเท้ายาว ๆ ตามไป “ใช่แล้ว เธอบาดเจ็บหรือว่าเป็นอะไร? นี่มันก็สองสามวันแล้วนะ ทำไมยังกะโผลกกะเผลกแบบนี้อีก”

ลูกตายแล้วเพิ่งจะมีน้ำนม

จะพูดแบบนี้ก็ได้แหละ

แต่ว่า เธอต้องการความละอายของเขา

เธอหลุบตาลงเล็กน้อย แล้วพูดไปตามความจริง “เดิมทีมันก็ใกล้หายดีแล้วละ แต่เมื่อคืนที่กลับไปบ้านตระกูลซาง ฉันต้องนั่งคุกเข่าอยู่บนหิมะสี่ชั่วโมง”

“เธอว่าอะไรนะ?”

โจวอวี้ชวนตะลึงงัน กวาดสายตามองไปที่ฝ่ามือบวมแดงของเธออย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาพลันหดตัว “มือของเธอ ทำไมถึง...”

เวินซ่งกะพริบตา “ถูกตีน่ะ”

น้ำเสียงแผ่วเบาเป็นปกติ จนถึงขั้นที่จับความน้อยใจไม่ได้เลยสักนิด

เขาขมวดคิ้ว “ทำไมถึงต้องคุกเข่านานขนาดนั้น แถม...”

เขาไม่กล้าคิดต่อไปมากนัก

เวินซ่ง ไม่ใช่ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลซางครึ่งหนึ่งหรอกเหรอ

ทำไมแค่กลับไปรอบเดียวก็เจ็บตัวแบบนี้แล้ว

เวินซ่งเงยหน้ามองเขา ในสมองผุดภาพช่วงเวลาที่หัวใจทั้งดวงของเธอ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะแต่งงานกับเขาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เธอเคยวาดหวังไว้จริง ๆ ว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับโจวอวี้ชวนจนแก่เฒ่า

เธอไม่พูดจาไปพักใหญ่ กดความทุกข์ระทมในใจลงไป สุดท้ายถึงได้ยิ้มแล้วตอบออกมาเพราะเขาไต่ถาม “เพราะว่านายไม่กลับไปกับฉันไง”

เขาข่มกลั้นความกลัดกลุ้มอันน่าประหลาดในใจไว้ ลูกกระเดือกเกลือกกลิ้ง “ยังจะมายิ้มอีก ไม่เจ็บหรือไง?”

“เจ็บสิ”

เวินซ่งพยักหน้า “แต่ชินแล้วละ”

“ชินแล้ว?”

“อืม”

เวินซ่งบีบฝ่ามือเบา ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับพูดเรื่องของคนอื่น “ขอแค่นายไม่กลับไปกับฉัน ก็ไม่พ้นต้องมีเรื่องแบบนี้”

อันที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่นั้น

ตั้งแต่เล็กจนโต ขอแค่มีตรงไหนไม่ถูกใจคุณนายใหญ่เพียงเล็กน้อย ก็หนีไม่พ้นถูกลงโทษ

สถานที่ที่ปูหินก้อนเล็ก ๆ เต็มไปหมดนั่น ตั้งใจทำมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ

ตอนที่เธออายุหกขวบ ช่วงที่เพิ่งอยู่บ้านตระกูลซางไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม เธอก็รู้จักแล้วว่าต้องคุกเข่ายังไง ถึงจะทำให้คุณนายใหญ่พึงพอใจ

หัวเข่า น่องขา หลังเท้า จะต้องอยู่ตรงในระนาบเดียวกัน และแนบสนิทไปกับหินก้อนเล็ก ๆ

โจวอวี้ชวนย่อตัวลงไปครึ่งหนึ่ง ยกกระโปรงตัวยาวของเธอขึ้นเบา ๆ ที่เห็นมีเพียงหัวเข่าที่บวมปูดโปน เลือดคั่งเป็นปื้นใหญ่

ผิวหนังบริเวณน่องเองก็ไม่มีตรงไหนที่ดูดีเลย มันเต็มไปรอยฟกช้ำดำเขียว

เมื่อตัดกับผิวขาวเนียนละเอียดของเธอ มันยิ่งขับให้ดูสะเทือนใจ

แบบนี้เมื่อเทียบกับเมื่อสองวันก่อนที่หัวเข่าของเสิ่นหมิงถังแดงเล็กน้อยแล้ว มันเรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ความโกรธเกรี้ยวผุดขึ้นในใจของโจวอวี้ชวน เขาอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้วพาไปวางลงบนโซฟา ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ถูกตีแล้วทำไมไม่โทรมาหาฉัน?”

ตระกูลโจวกับตระกูลซางนั้น ต่างเป็นตระกูลที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันเสมอมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว

หลายปีมานี้ หลังจากที่ซางอวี้รับช่วงตระกูลซางต่อ ก็เฉียบขาดดุดันเกินไป ทั้งยังทำการปฏิรูปอย่างเด็ดขาด ทั้งสองตระกูลถึงได้ค่อย ๆ ห่างกันไป

ทว่าภรรยาของเขาโจวอวี้ชวนคนนี้ ก็ไม่ถึงขั้นที่ใครจะมารังแกขนาดนี้ได้

เวินซ่งเผยดวงตากระจ่างใส เธอเอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “ตอนที่นายไป บอกว่ามีธุระด่วนไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ ไม่ควรไปรบกวนนาย”

“...”

โจวอวี้ชวนถึงกับสะอึก

มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่ง เขาถึงกับคิดว่า ถ้าการที่เขาไปขัดขวางไม่ให้เสิ่นหมิงถังไปดูตัวนั้น ต้องแลกมาด้วยการที่เวินซ่งบาดเจ็บจนเป็นแบบนี้

เขายังเลือกที่จะไปอยู่ไหม

ตอนที่กำลังลังเลใจนั้น พอเขาเหลือบตาขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือดวงหน้าที่ว่าง่ายอ่อนโยน

โจวอวี้ชวนอึดอัดอยู่แถวช่วงอกเป็นอย่างยิ่ง เขาถือกล่องยาเข้ามา ช่วยเธอทายาไปพลาง ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไปพลาง “เมื่อก่อนถูกตี แล้วทำไมไม่เคยบอกฉันเลย?”

เวินซ่งเงียบ

เพราะว่า เมื่อก่อนเธออยากเป็นสะใภ้รองที่แสนดีของตระกูลโจวจริง ๆ น่ะสิ

แล้วก็คิดจริง ๆ ว่าโจวอวี้ชวนเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่แสนดี

ในสายตาของทุกคน ตระกูลซางนั้นเหมือนเป็นบ้านมารดาของเธอไม่มีผิด

จะมีสักกี่คนกันที่กล้าพูดว่าบ้านมารดาของทำกับตัวเองไม่ดีขนาดไหนต่อหน้าสามีของตัวเอง

เธอไม่ได้โง่ถึงขั้นนั้น แล้วก็ไม่ได้ถูกสามีของตัวเองรักอะไรขนาดนั้นด้วย

เธอรู้มาตลอด

ว่าโจวอวี้ชวนไม่ได้รักเธอมากมายนัก

เพียงแต่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนถึงได้รู้ว่า โจวอวี้ชวนไม่เคยรักเธอเลยสักนิด

โชคยังดีที่เธอไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตด้วยการอาศัยความรักของใคร

มือของเวินซ่งที่วางอยู่บนขาทั้งสองข้าง ขยี้ปลายนิ้วเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ฉันไม่อยากให้นายที่อยู่ระหว่างฉันกับตระกูลซางต้องลำบาก”

“เพราะถึงยังไง โจวซื่อก็ยังต้องร่วมมือกับตระกูลซางอยู่”

เธอไม่อาจพูดความจริงได้

เลยได้แต่พูดจาโกหกที่มีส่วนของความรู้สึกจริง ๆ ออกมา

แต่เมื่อโจวอวี้ชวนฟังจบ ลำคอของเขาก็ราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างอุดกั้น รู้สึกเพียงว่าเขาติดค้างเธอมากเหลือเกิน

ความรู้จักกาลเทศะของเธอ ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือทำร้ายตัวเธอเอง

โจวอวี้ชวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กดความติดขัดในหัวใจลงไป ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเวินซ่งเบา ๆ พลางง้อว่า “ขอโทษนะ ครั้งนี้ฉันไม่ดีเอง วันครบรอบแต่งงานเมื่อหลายวันก่อนก็ลืมไปฉลองกับเธอ เสี่ยวเวินซ่งมีของขวัญอะไรที่อยากได้หรือเปล่า?”

“ฉันจะมอบให้เธอให้ได้”

บ้าน รถ อัญมณี กระเป๋า ได้ทั้งนั้น

เขาใจกว้างกับเรื่องนี้มาตลอด

“อืม...”

เวินซ่งคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดกระจ่างใส “งั้นของที่ฉันอยากได้ ก็คือนายจะชอบของขวัญวันเกิดชิ้นนั้นที่ฉันให้นายไป”

“ง่าย ๆ แค่นี้เหรอ?”

“ใช่”

เธอพยักหน้าเบา ๆ

เวินซ่งในอายุยี่สิบปี พรในวันเกิดที่ขอก็คือได้แต่งงานกับโจวอวี้ชวน

เวินซ่งในวัยยี่สิบสี่ปี หัวใจปรารถนาที่จะไปจากโจวอวี้ชวน ไปจากเขาได้หมดจดและรวดเร็ว

ยามที่สบตาเข้ากับสายตาจริงใจของโจวอวี้ชวนนั้น เวินซ่งพลันรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ทว่าวินาทีถัดมา มือถือของโจวอวี้ชวนก็แผดเสียงร้องลั่น

มันไม่เหมือนกับในยามปกติ

มันเป็นสายเฉพาะ

เวินซ่งมองเพียงเล็กน้อย ก็เห็นชื่อที่โทรเข้ามาแล้ว หมิงถัง

โจวอวี้ชวนคว้าขึ้นมารับสาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เขาถึงได้ลุกขึ้นยืนขึ้นมาในทันที สีหน้าก็แข็งค้าง “หนักหรือเปล่า? ทำไมไม่รู้จักเรียกให้คนขับรถไปส่งเธอ อยู่ดี ๆ ยังจะขาแพลงอีก”

“ส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”

พอวางสาย เขาก็จะไปทันที เพียงแต่ เพิ่งช่วยเวินซ่งทายาไปได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

สำลีชุบยาในมือ ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เวินซ่งเอื้อมมือไปรับสำลีมา มอบทางลงให้เขาอย่างใส่ใจและรู้ประสา “ฉันทาเองได้ นายมีธุระก็ไปจัดการเถอะ”

คนอื่น ๆ มักจะพูดว่า เด็กที่ร้องไห้จะมีลูกอมกิน

ทว่าชีวิตของเวินซ่งนั้นไม่เหมือนกัน

ร้องไห้งอแง ไม่เพียงแต่ไม่มีลูกอมให้ ยังจะแลกมาด้วยกฎตระกูลอีกยกหนึ่งด้วยซ้ำ

ทว่า เธอคิดนะ ว่าต้องมีสักวันที่เธอจะซื้อลูกอมให้ตัวเองได้

เธอจะซื้อมันให้เยอะ ๆ เลย

“...ได้”

โจวอวี้ชวนราวกับเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วอธิบายต่อไปอีกประโยค “หมิงถังได้รับบาดเจ็บน่ะ จะให้เธอพาลูกไปข้างนอกคนเดียวก็จะไม่สะดวก ฉันไปดูหน่อยนะ”

พูดจบ เขาก็หมุนตัวแล้วเดินก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป

เวินซ่งเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “อวี้ชวน ทำไมถึงไม่เคยได้ยินนายเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ใหญ่เลยล่ะ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 64

    “ถึงตอนนั้น พวกเราคงต้องไปที่ซางซื่อกรุ๊ปบ่อย ๆ…”เขาพูดพลางชำเลืองมองสีหน้าของเวินซ่งอย่างลังเลกลุ่มบริษัทซางซื่อกรุ๊ปมีอาคารอยู่สองหลัง ห้องทดลองและสถาบันวิจัยล้วนอยู่ในอาคารนั้น แม้โอกาสที่จะเจอซางอวี้นั้นมีไม่มากนัก แต่ก็ยังมีอยู่ดีเวินซ่งเผยรอยยิ้มจนใจ “ทำไมพี่ถึงเหมือนอาจารย์จัง?”เธอก็วางตะเกียบลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “พี่สวินมู่ พี่วางใจได้ ฉันแยกแยะออก จะไม่ให้เรื่องส่วนตัวมากระทบงานเด็ดขาด…”ชั้นสองของร้านอาหาร ประตูห้องส่วนตัวบานหนึ่งเปิดอยู่ ชายหนุ่มหน้าประตูเอามือใหญ่ที่มีกระดูกนิ้วชัดเจนเท้าลงบนราวบันได ดวงตาดำมืดคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ชั้นล่างหญิงสาวที่ต่อหน้าเขาจะทำสีหน้าห่างเหิน เวลานี้กลับดูเชื่อฟังเรียบร้อย ไม่รู้ว่ารับปากอะไรกับผู้ชายอีกคน“ซางอวี้ นายมองอะไรอยู่น่ะ? ไม่เข้ามาสักที”ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกันเดินออกมา ชำเลืองมองลงไปตามสายตาของเขา แล้วพูดโดยไม่สำรวม “อ๋อ ดูน้องสาวนายอยู่นี่เอง”“...ไปให้พ้น”ซางอวี้เหล่มองเขา พลางล้วงกระเป๋ากางเกงเดินลงชั้นล่างอย่างไม่ใส่ใจ “ที่เหลือพวกนายก็คุยกันต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ”“ได้ งั้น

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 63

    เธอไม่ได้คิดจะให้โจวอวี้ชวนมารับเธอหลังเลิกงานเลยแต่พอเห็นภาพนี้ ก็อดรู้สึกเยาะเย้ยเล็ก ๆ ไม่ได้โจวอวี้ชวนค่อย ๆ ผลักผู้หญิงในอ้อมแขนออก ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เพื่อนร่วมงานสายตาดีสองสามคนก็หัวเราะล้อเลียนขึ้นมา“พี่หมิงถัง นี่แฟนพี่ใช่ไหม?”ตอนกลางวันทำงาน เสิ่นหมิงถังก็แอบอวดทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอยู่ตลอดทั้งวันแล้วว่ามีแฟนที่สูงใหญ่ หล่อเหลา อ่อนโยน แถมยังรวยมากรถสปอร์ตคันนั้นเมื่อเช้า ก็เป็นแฟนหนุ่มที่มอบให้ตอนนี้ดูแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่ได้โป้ปดเลยสักนิด เป็นหนุ่มสูงหล่อรวยอย่างแท้จริงเอ่อไม่สิ ไม่ใช่ระดับเดียวกับหนุ่มสูงหล่อรวยทั่วไป บุคลิกก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสง่างามและสูงส่งเสิ่นหมิงถังปัดผมไปไว้หลังใบหูด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย ก่อนมองไปยังโจวอวี้ชวน “อวี้ชวน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเอง”โจวอวี้ชวนขมวดคิ้วแน่น พอเงยหน้ามองไปอีกที เวินซ่งก็เดินออกไปไกลแล้ว!เขาไม่ได้ตอบอะไร ทุกคนคิดว่าเขามีนิสัยเก็บตัวอีกอย่าง เจ้าพ่อที่ร่ำรวยขนาดนี้ ไม่ชอบคุยกับคนอื่นก็เป็นเรื่องปกติพอเสิ่นหมิงถังกับโจวอวี้ชวนขึ้นรถไปแล้ว เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนก็อิจฉาแทบบ้า“

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 62

    “ก็ได้”เจียงสวินมู่เห็นว่าเธอยังอารมณ์ดีอยู่ ก็อดยิ้มไม่ได้พลางกล่าวว่า “พวกเธอบอกว่า แทบไม่เคยเห็นหมอเวินทำหน้าไม่พอใจใส่ใคร เลยสงสัยกันว่า เธอกับเสิ่นหมิงถังมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”เวินซ่งไม่ได้พูดอะไร จ้องมองของในมือเขา “เอามาให้ฉันเหรอคะ?”“อืม”เจียงสวินมู่วางปิ่นโตเก็บอุณหภูมิลงตรงหน้าเธอ “เป็ดอบเบียร์ ปลาผัดมะเขือยาว แล้วก็ผักกาดขาวผัดน้ำส้มสายชู อาจารย์หญิงกำชับให้เอามาให้เธอโดยเฉพาะเลย”พอเวินซ่งเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็ลอยมาแตะจมูก จึงลองชิมมะเขือยาวอย่างอดใจไม่ไหว “พี่ไปบ้านอาจารย์มาเหรอ?”“ใช่ ไปคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจกต์นั้นของซางซื่อกรุ๊ป”เจียงสวินมู่นั่งลงตรงข้ามเธอ “รสชาติเป็นไงบ้าง?”“ต้องดีมากอยู่แล้ว”เวินซ่งยิ้ม “แล้วพี่กินหรือยังคะ?”“ฉัน…”เสียงเจียงสวินมู่ชะงักไปนิดหนึ่ง สายตาอันอ่อนโยนหยุดอยู่ที่แก้มเธอ เจือด้วยรอยยิ้ม “ยังเลย”“งั้นก็กินด้วยกันสิคะ”เวินซ่งหยิบตะเกียบใช้แล้วทิ้งจากลิ้นชักส่งให้เขา พลางถามต่อ “โปรเจกต์ของซางซื่อกรุ๊ปเป็นยังไงเหรอ? เมื่อไหร่จะเริ่มล่ะ?”“กินข้าวก่อนเถอะ”เจียงสวินมู่ชำเลืองมองเวลา “เรื่องโปรเจกต์ ไว้เธอเลิกงานคืนนี้

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 61

    ป้าอู๋ที่ยังนอนหลับฝันอยู่ ก็ถูกเสียงเคาะประตูอันเร่งรีบปลุกให้ตื่นพอเปิดประตูออก ก็เผชิญหน้ากับสีหน้าไม่สู้ดีของโจวอวี้ชวน ในใจพลันเกิดสัญญาณเตือนภัยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “คุณชาย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”สายตาโจวอวี้ชวนแฝงความคมกริบ “คุณนายรองกลับมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”เสิ่นหมิงถังที่อยู่ข้าง ๆ ใช้ปลายเล็บอันแหลมคมจิกลงไปในฝ่ามือนังชั้นต่ำนั่นย้ายออกไปแล้วเธอยากลำบากแทบตายกว่าจะได้เป็นคุณนายหญิงอยู่ไม่กี่วัน ไม่อยากเห็นเงาของเวินซ่งในบ้านอีกต่อไป!“คุณนายรอง เธอกลับมาทุกวันนะคะ…”ป้าอู๋ทำท่าเหมือนสงสัย แต่ตอบสนองได้เร็วมาก “เอ๊ะ ไม่ใช่สิ คืนนี้ไม่กลับ คุณนายใหญ่จะอายุครบแปดสิบแล้ว คุณนายเลยเรียกเธอกลับไปที่บ้านใหญ่ให้ช่วยออกความเห็นน่ะเจ้าค่ะ”แววตาของเสิ่นหมิงถังฉายความประหลาดใจ ในใจก็เต็มไปด้วยคำถามทำไมป้าอู๋ต้องช่วยปิดบังเรื่องที่เวินซ่งย้ายออกไปด้วยหรือว่า ป้าอู๋เองก็คิดว่าเมื่อเทียบกับเวินซ่งแล้ว เธอเหมาะที่จะเป็นคุณนายหญิงของบ้านนี้มากกว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เธออดไม่ได้ที่จะแย้มมุมปากขึ้น พลางมองไปยังโจวอวี้ชวน “เอาน่ะ เวินซ่งแค่ไม่กลับมาคืนเดียวเอง คุณจะระแวงไปทำไมกัน

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 60 

    เวินซ่งกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น “งั้นก็ต้องวิจัยสำเร็จให้ได้”“ด้วยความสามารถของเธอ ฉันเชื่อว่าจะสำเร็จแน่”อวี๋เฉิงอั้นรู้จักความสามารถของเธอกว่าใครหลังจากวางสายโทรศัพท์ เขาก็อดมองไปทางภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ อย่างซาบซึ้งใจไม่ได้ “ไม่คิดเลยนะว่า เธอจะเข้าใจนิสัยของเด็กคนนี้ดีกว่าฉันอีก”“นั่นสิ”ซุนจิ้งหลันยิ้ม “เด็กคนนี้น่ะ โครงการอื่น ๆ เก้าในสิบเธอก็ปฏิเสธหมด แต่เรื่องที่สามารถรักษาโรคช่วยชีวิตคนได้ จะไม่ลังเลเลย”-เมืองไห่ห่างจากเมืองจิ่งไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร ตอนเช้าวันถัดไป โจวอวี้ชวนมีประชุมผู้ถือหุ้น ก็เลยไม่ได้ค้างคืนที่เมืองไห่เขากับเสิ่นหมิงถังสองคนกลับเมืองจิ่งในคืนนั้นเลยเมืองจิ่งในช่วงเวลานี้ ยังคงมีรถสัญจรไม่ขาดสาย911 รุ่นลิมิเต็ดสีแดงคำรามผ่านไป เมื่อจอดอยู่ที่สี่แยกไฟแดง ก็ดึงดูดให้คนบนถนนไม่น้อยหยิบมือถือถ่ายรูปความหยิ่งทะนงของเสิ่นหมิงถังถูกเติมเต็มอย่างเต็มที่“อวี้ชวน วันนี้ฉันมีความสุขมาก ขอบคุณนะ…”เธอเอียงหน้าหันมองทางที่นั่งข้างคนขับ พบว่าชายหนุ่มดูเหมือนเหม่อลอยผ่านไปราว ๆ สองสามวินาที โจวอวี้ชวนถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวแล้วหันมามองเธอ “เธอว่าอะไรนะ?

  • เลิกตื๊อสักทีผู้ชายเฮงซวย ฉันคนนี้มีสามีใหม่แล้ว   บทที่ 59

    ไม่ใช่แค่เสิ่นหมิงถังที่ตกใจเวินซ่งก็อึ้งเช่นกันเธอเงยหน้าขึ้น พยายามให้ตัวเองพูดอย่างนิ่งสงบที่สุด “นายจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจชัดเจนก่อน หรือไม่ก็ไปรับรถเป็นเพื่อนเสิ่นหมิงถังต่อ”เธอยอมรับที่เขานอกใจ แล้วก็ยอมเคลียร์แทนพวกเขาแต่ไม่ยอมรับความคลุมเครือถ้าก็ไปกับเสิ่นหมิงถังแบบนี้แล้ว ในสายตาคนนอก เสิ่นหมิงถังคือคุณนายโจวแล้วเธอเป็นอะไร แน่นอนว่าเป็นมือที่สามที่ทำลายการแต่งงานคนอื่นโจวอวี้ชวนเม้มริมฝีปากบางเบา ๆ “เสี่ยวเวินซ่ง……”“ประธานโจว ฉันยังมีธุระ ขอตัวไปก่อน”เวินซ่งมองความลังเลของเขาออก จึงทำการตัดสินใจแทนเขาเสียงไม่ดังและไม่เบาเกินไป เพียงพอที่คนรอบ ๆ จะได้ยินอย่างชัดเจน“ประธานโจว” คำเดียว ก็ขีดเส้นกั้นได้อย่างชัดเจนผู้จัดการฝ่ายขายเป็นคนหัวหมอ จึงพูดกับโจวอวี้ชวนด้วยรอยยิ้ม “ประธานโจว ที่แท้คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นเพื่อนของคุณนี่เอง คุณก็ไม่บอกก่อน ไม่งั้นยังไงผมก็ต้องลดราคาให้อยู่แล้ว”“……อืม” วินาทีที่โจวอวี้ชวนตอบรับ เวินซ่งก็ปิดประตูรถอย่างแรง แล้วขับออกไปทันทีเสิ่นหมิงถังยิ้มหวานแล้วคล้องแขนของโจวอวี้ชวน “ฉันเกือบคิดว่า คุณลืมว่ารับรถเสร็จ ต้องไปเดิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status