เมื่อมาถึงโรงแรมมนัญชญากับริคาโด้ก็ตกลงกันว่าจะทานอาหารฝรั่งเศส ระหว่างทานอาหารทั้งสองก็พูดคุยและทำความรู้จักกันมากขึ้น
ข้อมูลที่เขาได้รับจากวสันต์ก็ไม่ต่างกับข้อมูลที่ได้ฟังจากปากของมนัญชญาแต่สิ่งที่เขารู้เพิ่มเติมอีกอย่างก็คือตอนนี้คุณยายของเธอกำลังจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวคนเล็กที่ต่างจังหวัด
ริคาโด้แอบยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะถ้ามนัญชญาอยู่บ้านคนเดียวมันก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะชวนเธอออกมาข้างนอกบ่อยๆ และคงมีโอกาสสนิทสนมกับหญิงสาวมากขึ้น
“อาหารที่นี่อร่อยมากเลยค่ะคุณริค” มนัญชญาชมหลังจากรับประทานอาหารไปได้สักพัก
“ถ้าคุณขิมชอบผมจะพามาทานบ่อยๆ นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะขิมเกรงใจคุณริคค่ะ”
“จะต้องเกรงใจกันทำไมล่ะ ผมสิที่ต้องเกรงใจเพราะการเรียนภาษาไทยของผมไม่เรียนในเวลาปกติก คุณขิมยังสละเวลาพักผ่อนมาสอนผม เรื่องเลี้ยงข้าวแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย อีกอย่างที่นี่ก็เป็นโรงแรมของผม วันหลังถ้าคุณขิมอยากมาทานอาหารที่นี่แล้วผมไม่ว่างคุณก็สามารถเข้ามาทำได้เลยนะครับ ผมจะสั่งคนที่โรงแรมไว้”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะคุณริค ขิมคงไม่มีโอกาสมาที่นี่บ่อยๆ หรอกค่ะ ส่วนใหญ่ขิมกับคุณยายจะทำอาหารทานเองที่บ้านค่ะ”
“แต่คุณขิมเพิ่งบอกผมไปนี่ครับว่าคุณยายจะต้องไปอยู่กับน้าสาวที่ต่างจังหวัด แล้วแบบนี้คุณคงต้องทำอาหารทานคนเดียวใช่ไหม”
“ถ้าขิมอยู่คนเดียวก็ไม่ทำอาหารให้เสียเวลาหรอกค่ะ คงต้องฝากท้องกับร้านอาหารตามสั่งหรือไม่ก็ทานที่โรงเรียนค่ะ”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจตอนเย็นเรามาทานอาหารด้วยกันก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องมาทานที่โรงแรมก็ได้ครับ ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ บ้านคุณขิมผมก็ได้”
“แน่เหรอคะคุณริคขิมกลัวว่าคนไม่เคยทานอาหารตามร้านข้างทางจะท้องเสียเอานะคะ”
“ผมทานครับ ผมเป็นคนทานง่ายขอแค่รสชาติอาหารอร่อยถูกใจและไม่เผ็ดมากก็พอ ถ้าวันไหนคุณขิมอยากได้เพื่อนทานข้าวก็โทรมาได้เลยนะครับ”
“ค่ะคุณริคถ้าขิมอยากได้เพื่อนทานข้าวแล้วขิมจะนึกถึงคุณเป็นคนแรกเลยค่ะ”
“ผมดีใจที่คุณขิมจะนึกถึงผมคนแรก การไปทานข้าวของเราคงไม่ทำให้ใครเข้าใจผิดใช่ไหมครับ” ริคาโด้ถามแล้วแอบสังเกตว่าก่อนตอบหญิงสาวแสดงท่าทางมีพิรุธอะไรหรือเปล่า
“คุณริคหมายความว่ายังไงคะ” มนัญชญาวางช้อนในมือแล้วมองหน้าเขาด้วยความสงสัย
“ผมหมายความว่าแฟนคุณขิมจะไม่ว่าใช่ไหมถ้าเราจะออกมาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ” ริคาโด้ตัดสินใจถามออกมาตรงๆ แม้จะรู้จากวสันต์แล้วว่าหญิงสาวยังไม่มีแฟนแต่ก็ต้องถามออกไปเหมือนตัวเองไม่รู้
“คุณริคไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ขิมยังไม่มีใคร” หญิงสาวบอกกับริคาโด้ไปตามจริงเพราะตอนนี้เธอโสดสนิทไม่มีแม้กระทั่งคนคุย
“จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคนสวยๆ อย่างคุณขิมจะยังไม่มีแฟน”
“มันแปลกเหรอคะ”
“นิดหน่อยครับ ผมหาสาเหตุไม่เจอเลยว่าทำไมคุณขิมถึงยังโสด” ริคาโด้ทำหน้าตาพาซื่อ
“คงเพราะขิมไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวหรือไปเจอใครมั้งคะ ขิมทำงานเสร็จก็ตรงกลับบ้านเลย”
“แล้วในโรงเรียนไม่มีครูมาจีบเลยเหรอครับ”
“พอมีค่ะ แต่บางคนก็มีแฟน มีครอบครัวแล้วขิมไม่อยากทำให้ครอบครัวคนอื่นมีปัญหาค่ะ”
ริคาโด้ฟังคำตอบแล้วรู้สึกขัดใจมากเพราะสิ่งที่เธอพูดกับสิ่งที่เธอทำนั้นมันตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเพราะคนที่เธอไปทานอาหารด้วยเมื่อวานนั้นคือน้องเขยของเขาซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว
“คุณขิมนอกจากสวยแล้วยังจิตใจดีอีกนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะขิมแค่ไม่อยากให้ใครรู้สึกแย่” หญิงสาวรู้สึกแบบนั้นจริง เพราะมารดาของเธอเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นและเธอรู้ว่าการทำแบบนั้นมันไม่มีความสุขเลย
“คุณขิมครับพรุ่งนี้ผมก็จะเริ่มเรียนกับคุณแล้วผมต้องเตรียมตัวหรือเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง” ริคาโด้เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะถ้ายังคุยเรื่องเดิมต่อเขาต้องโมโหและเผลอพูดเรื่องที่มนัญชญาไปทานข้าวกับสิรภพออกมาแน่ๆ
“ขิมเตรียมไว้ให้แล้วว่าแต่คุณแน่ใจนะว่าจะ เรียนจริงๆ”
“แน่ใจสิมาถึงขั้นนี้แล้วยังไงผมก็ต้องอ่านออกเขียนจนคล่องนั่นแหละครับ”
“ตอนแรกขิมก็ลังเลนะคะว่าจะสอนคุณริคดีหรือเปล่าแต่พอเห็นถึงความตั้งใจของคุณแล้วขิมก็ยินดีที่จะสอนค่ะ”
“ผมเองก็จะตั้งใจเรียนจริงๆ เหมือนกันครับ คุณคิดว่าจะใช้เวลานานไหม”
“ขิมคิดว่าคงไม่นานหรอกค่ะ คุณพูดภาษาไทยได้ดีและพอมีพื้นฐานอยู่แล้วคงเรียนกันไม่กี่ครั้งก็น่าจะคล่องขึ้น เราจะเรียนกันวันพุธและวันพฤหัสนะคะและอาจจะมีการบ้านให้คุณริคทำนิดหน่อยไหวไหมคะ”
“การบ้านเหรอครับ”
“จะเรียกว่าการบ้านก็คงไม่ถูกขิมคิดว่าจะมีแบบฝึกให้คุณอ่านและอาจต้องฝึกอ่านและเขียนคำยากๆ บ้างค่ะ”
“อ๋อ ถ้างั้นคงพอได้”
“ขิมรู้ว่าคุณริคต้องทำงานค่ะ”
“ผมกับหนูอันนาเรียนเหมือนกันไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ”
“ค่อยโล่งใจหน่อยครับผมนึกว่าผมกับหลานสาวจะเรียนพร้อมกัน ถ้าหนูอันนารู้ผมคงอายแย่เลย” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวันนี้มันดูผ่อนคลายกว่าการรับประทานอาหารที่บ้านของคุณเอเลน่าข้างมาก วันนี้ริคาโด้ชวนเธอคุยมากกว่าทุกครั้ง ทำให้มนัญชญารู้สึกผ่อนคลายและคิดว่าการสอนเขาอ่านและเขียนภาษาไทยไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“คุณขิมครับทานอาหารเสร็จผมว่าจะพาไปฟังเพลงดีไหมครับ ด้านบนของโรงแรมมีผับแบบเอาท์ดอร์เปิดอยู่บรรยากาศดีมากๆ มองเห็นวิวกรุงเทพรอบทิศเลยนะครับ”
“ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ แต่ขิมต้องขอโทษคุณริคด้วย วันนี้ขิมไม่สะดวกเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะครับคุณยายไม่ให้กลับดึกหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นก็ใช่ค่ะ แต่อีกเรื่องหนึ่งก็คือพรุ่งนี้คุณยายจะต้องเดินทางแล้ว ขิมกลัวตัวเองกลับดึกแล้วจะตื่นสายมาส่งคุณยายไม่ทันค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจดี เอาไว้โอกาสหน้าผมจะพาคุณขิมมาที่นี่ให้ได้ รับรองว่าคุณจะต้องชอบบรรยากาศที่นี่แน่นอน” ริคาโด้คิดว่ามนัญชญาจะต้องชอบผับที่เขาพูดถึงแน่ๆ
“ค่ะคุณริค”
หลังจากทานอาหารแล้วริคาโด้ก็ขับรถมาส่งมนัญชญาที่บ้านหลังเล็กของหญิงสาว
“ขอบคุณนะคะคุณริคพี่พาขิมไปทานอาหาร”
“ยินดีครับ”
“ขิมขอตัวเข้าบ้านก่อนนะ คุณริคขับรถดีๆ นะคะ ถ้าถึงแล้วผมจะโทรบอกนะครับ”
ริคาโด้ยืนรอจนมนัญชญาเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะขับรถกลับออกมา
การได้เจอและพูดคุยกับมนัญชญาโดยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียดายมากๆ ถ้าหากผู้หญิงนิสัยดีน่ารักคนนี้จะเป็นมือที่สามของครอบครัวน้องสาว
เขาไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางระหว่างมนัญชญากับสิรภพแต่ท่าทางของทั้งสองคนที่สนิทสนมกันแม้กระทั่งอยู่ในบ้านและนัดออกกันมาเจอข้างนอกมันก็ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
ริคาโด้นึกอยากจีบเธออยากจริงจังแต่ก็ไม่ชอบนิสัยข้อนี้ เขาคงต้องบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้หลงไปกับเสน่ห์ของมนัญชญาและคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าแยกเธอออกมาจากน้องเขยได้เรื่องระหว่างเธอกับเขาก็อาจจะต้องจบลง ชายหนุ่มเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ไปยุ่งกับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว แม้เธอคนนั้นจะน่ารักนิสัยดีและทำให้เขารู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยมากแค่ไหนก็ตาม
ครบหนึ่งหกเดือนแล้วที่ริคาโด้ประสบอุบัติเหตุตอนนี้เขากลับมาเดินได้ตามปกติแต่คุณหมอยังไม่อนุญาตให้วิ่งหรือออกแรงขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บมากจนเกินไปวันนี้เป็นโอกาสที่ที่เขาได้มาร่วมงานแต่งงานของน้องชายต่างมารดาที่อิตาลี การมาครั้งนี้นอกจากตัวเอาเองแล้วครอบครัวของเอเลน่ารวมถึงมนัญชญาก็มาร่วมงานแต่งงานด้วยหลังจากงานแต่งงานของน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้วริคาโด้ก็มาคุยกับบิดาและพามนัญชญามากับเขาด้วย“ฉันดีใจจะที่ความรักของนายยังไปได้สวย”“แน่นอนครับ เราสองคนยังรักกันดี”“น้องของแกก็แต่งงานไปแล้ว เมื่อไหร่แกจะแต่งล่ะ”“คงอีกไม่นานหรอกครับพ่อ”“ฉันขอถามเธออีกครั้งและมันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ” อัลแบโต้มองหน้าคนรักของลูกชายด้วยสายตาที่ยังคงเป็นกังวล“ได้ค่ะคุณอัลแบโต้”“เธอจะไม่เปลี่ยนใจจากลูกชายของฉันแน่ใช่ไหม”“แน่ค่ะ คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนเดิม”“พ่อจะถามเพื่ออะไรครับ หรือยังไม่เลิกคิดจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอีก”“เรื่องนั้นฉันเลิกคิดไปแล้ว”“พ่อเลิกคิดเองหรือเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับผมล่ะครับ ผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่มันไม่เป็นความลับ” ริคาโด้รู้จากคนของเขาว่าโซเฟียเอาเรื่องของเ
ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนนี้ริคาโด้ออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าซึ่งแต่ก่อนเขาก็เคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แต่พอน้องสาวแต่งงานชายหนุ่มจึงย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมเหตุผลที่ริคาโด้ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าก็เพราะถ้าเขาไปอยู่ที่คอนโดมนัญชญาจะไม่ยอมตามไปดูแลเขาที่นั่นเพราะหญิงสาวเป็นห่วงและกลัวว่าช่วงที่เธอไปทำงานริคาโด้จะไม่มีคนคอยดูแลตอนนี้ชายหนุ่มยังต้องใช้ไม้เท้าเวลาเดินและนั่งรถเข็นเวลาไปทำงานที่โรงแรมในบางวันที่เขามีประชุม ส่วนวันอื่นๆ ก็เอางานกลับมาทำที่บ้านโดยมีวสันต์และคนของเขาคอยประสานงาน“วันนี้เหนื่อยหรือเปล่าคะ” มนัญชญาถามหลังจากคนของเขาไปรับเธอมาจากโรงเรียน“ไม่เท่าไหร่ครับวันนี้ผมไปประชุมแค่ครึ่งวัน เสร็จแล้วก็รีบกลับมาพัก”“ดีมากค่ะ แบบนี้จะได้หายไวๆ นะคะ เราไปทานข้าวกันนะคะหนูอันนาน่าจะหิวแล้ว” หญิงสาวช่วยพยุงเขาลุกขึ้นจากนั้นก็ส่งไม้เท้าให้เขา ในตอนแรกเธอก็คอยช่วยประคองเวลาเขาเดิน แต่นักกายภาพบำบัดแนะนำว่าควรให้เขาเดินเองเพราะจะได้รู้จังหวะในการเดินและลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุซ้ำได้“ลุงริคขา วันเสาร์คุณพ่อคุณแม่จะพาอันนาไปเที่ยวทะ
มนัญชญาพูดกับอัลแบโต้เพราะอยากให้เขามั่นใจว่าจากนี้ลูกชายของเขาจะมีเธอเป็นคนดูแลอย่างดี“แล้วเธอจะได้อะไรกับการทำแบบนี้” อัลแบโต้ถามไปตามตรงเพราะถ้าหากลูกชายเขารักษาไม่หายผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นทุกข์มาก เขารู้ว่าหญิงชายวัยนี้เรื่องบนเตียงมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต แล้วจะมีใครยอมเอาตัวเองมาจบอยู่กับผู้ชายที่ให้ความสุขไม่ได้แบบนี้“นั่นสิ เธอจะทนอยู่กับเขาได้ยังไง หรือคิดว่าเขาจะรักษาหาย” โซเฟียมองมนัญชญาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าเธอจะยอมอยู่กับริคาโด้ได้ยังไงเพราะถ้าเป็นตัวเธอเองคงไม่อยู่กับเขาแน่“เพราะคุณริคคือคนรักของฉันไงคะ เขาจะรักษาหายหรือไม่หายมันก็ไม่สำคัญหรอกนะ”“เธอจะทนอยู่ได้แน่เหรอ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ”“ฉันไม่สนใจว่าคุณหรือใครจะเชื่อหรือไม่ ฉันสนใจแค่คุณริคคนเดียว”“ขอบใจนะขิม แต่ที่โซเฟียพูดก็ถูกนะ ผมคงไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอก”“เรื่องของเราเอาไว้คุยกันสองคนดีกว่านะคุณริค” มนัญชญาไม่อยากให้ริคาโด้ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้“ก็ได้ครับ”“ฉันว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวๆ” อัลแบโต้ยังไม่แน่ใจว่ามนัญชญาจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่าและเขาก็จะลองให้โอกาสเธอดูสักครั้งถ้าหากเว
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัยไม่มีใครรู้ว่าริคาโด้กับคุณหมอพูดเรื่องอะไรกัน“ถ้าคุณตัดสินใจแล้วผมก็จะบอกความจริงทั้งหมดให้กับทุกคนรู้”คุณหมอวัยกลางคนมองหน้าริคาโด้และทุกคนในห้องแล้วถอนหายใจก่อนจะบอกถึงอาการของริคาโด้ให้กับทุกคนรู้“เท่าที่เราทุกคนทราบว่าคุณริคาโด้ประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหักแต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือระหว่างเกิดอุบัติเหตุนี้ร่างกายของคุณริคาโด้ถูกกระแทกตรงบริเวณหน้าอก ช่องท้องรวมถึงอุ้งเชิงกรานของเขาด้วย แรงกระแทกไม่ได้ส่งผลให้อวัยวะเสียหายอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็มีอวัยวะและเส้นประสาทบางส่วนเสียหายจากแรงกระแทกนี้” คุณหมออธิบายด้วยภาษาอังกฤษช้าๆ เพื่อให้ทุกคนในห้องเข้าใจอย่างชัดเจน“หมอคะ หมอกำลังจะบอกอะไรก็บอกมาเลยค่ะไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว” โซเฟียไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมอพูดและเธอก็คิดว่าคนอื่นก็คงไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันเพียงแต่ไม่มีใครกล้าถามคุณหมอยังคงมีท่าทางอึดอัดที่จะพูดออกมาตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ของเขา“ผมไม่อายหรอกครับหมอบอกทุกคนไปเลย” ริคาโด้พูดขึ้นเพราะเห็นทุกคนมีสีหน้าสงสัยและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่“เส้นประสาทบางส่วนของคุณริคาโด้ได้รับค
เข้าวันที่สี่แล้วในการนอนโรงพยาบาลของริคาโด้ ตอนนี้อาการปวดบริเวณแผลผ่าตัดของชายหนุ่มแทบไม่มีแล้วแต่หมอก็ยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้เพราะแผลยังไม่หายดีเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ได้อยากออกจากโรงพยาบาลเพราะรู้สึกดีที่มนัญชญามานอนเฝ้าเขาทุกคืนวันนี้หลังจากเลิกมนัญชญาแล้วก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านก่อนจะกลับมานอนเฝ้าริคาโด้ที่โรงพยาบาลเหมือนกับสามคืนก่อนหน้านี้“เป็นยังไงบ้างคะปวดแผลหรือเปล่า” หญิงสาวถามคนรักก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียง“ปวดครับแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ วันนี้ผมเลยไม่ขอยาแก้ปวดจากพยาบาลเลยครับ”“คุณริคเก่งมากและฟื้นตัวได้ดีมากๆ เลยนะคะ”“เพราะผมได้กำลังใจดีจากขิมไงล่ะครับ แล้วขิมเหนื่อยไหมที่ต้องมานอนเฝ้าผมทุกคืนแบบนี้ อดทนอีกนิดนะครับถ้าผมหายดีแล้วผมจะทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุดเลย”“ตอนนี้คงริคก็ดีที่สุดสำหรับขิมแล้วนะคะ”“ขิมของผมน่ารักที่สุดเลย” ริคาโด้จับมือเธอแล้วยกขึ้นมาจูบ ไปบนหลังมือด้วยความรักตั้งแต่เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาลมนัญชญาก็คอยดูแลมาตลอดเธอไม่เคยชักสีหน้าไม่พอใจหรือทำท่าทางเบื่อหน่ายที่ต้องมานอนเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลเลย มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกรักเธอมากขึ้นอีกและคิดว่าค
วันรุ่งขึ้นมนัญชญาก็แวะมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าเพื่อสอบถามอาการของริคาโด้จากพยาบาลประจำห้องไอซียูก่อนไปทำงานและพอเลิกงานหญิงสาวก็แวะมาหาเขาอีกครั้งก็เลยได้เจอกับสิรภพและเอเลน่าพอดีหลังจากคุยกับพยาบาลแล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับก่อนจะนัดกันมาเยี่ยมริคาโด้อีกครั้งในเช้าวันเสาร์ซึ่งพยาบาลบอกว่าจะย้ายชายหนุ่มไปยังห้องพักฟื้นเช้าวันเสาร์มนัญชญารีบออกมาจากบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถของสิรภพมาจอด ทั้งสามคนพากันมายังห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่เอเลน่าจองไว้ให้กับพี่ชาย พอประตูห้องเปิดเข้าไปก็เห็นริคาโด้นอนอยู่บนเตียงโดยมีวสันต์ผู้ช่วยของเขายืนอยู่ข้างๆ“อะไรคะพี่ริคเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะทำงานอีกเหรอคะ” เอเลน่าต่อว่าพี่ชาย“พี่แค่สั่งงานนิดหน่อยเอง” เขารีบส่งแฟ้มคืนให้วสันต์แล้วยิ้มให้กับน้องสาวและคนรัก“เจ็บมากมั้ยคะ” หญิงสาวมองขาของคนรักมีผ้าพันแผลแล้วถามด้วยความเป็นห่วงอันที่จริงมนัญชญาได้คุยกับริคาโด้แล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแต่ยังไม่ได้มาเยี่ยมเพราะหมอยังไม่อนุญาต“ตอนนี้ไม่เจ็บเพราะพยาบาลเพิ่งฉีดยาให้แต่ถ้าหมดฤทธิ์ยาก็เจ็บเอาการอยู่”“พี่ริคคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแน่นะคะ”“ทำไมถามแบบนั้นล่ะเอเลน