ริคาโด้ขับรถออกไปแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านหลังเล็กของตนเองที่เปิดไฟไว้ทั่วบริเวณบ้าน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในบ้านก็เห็นคุณยายศรีนวลนั่งดูละครหลังข่าวตามลำพังในห้องรับแขก
“ขอโทษนะคะคุณยายที่หนูกลับบ้านดึก” มนัญชญาเข้ามานั่งข้างคุณยายศรีนวลแล้วกอดท่านไว้ด้วยความรัก
“ไม่เป็นไรจ้ะลูก ยายไม่ว่าหรอกนะถ้าหนูจะออกไปทำงานข้างนอกแล้วกลับดึกแต่ขอแค่อย่างเดียวให้หนูโทรมาบอกยายแค่นั้นเอง ยายจะได้หายห่วง” คุณยายศรีนวลบอกกับหลานสาวอย่างใจเย็น ปกติแล้วมนัญชญาจะกลับบ้านไม่ดึกต่างจากวันนี้ที่กลับดึกกว่าทุกวัน
“ค่ะคุณยาย วันนี้หนูไม่มีเวลาโทรมาบอกเลย แต่หนูสัญญานะคะว่าต่อไปจะโทรบอกคุณยายทุกครั้ง” เธอพูดอย่างรู้สึกผิด
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะไปสอนหนูอันนามาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะคุณยาย พอสอนเสร็จคุณเอเลนแม่ของหนูอันนาก็ทำอาหารเย็นเลี้ยงค่ะ หนูก็เลยอยู่ทานอาหารเย็นกับเขาค่ะ”
“เมื่อกี้ใครมาส่งล่ะลูก คุณภพใช่ไหม”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนที่มาส่งคือคุณริคาโด้พี่ชายของคุณเอเลนน่ะค่ะ”
“ชื่ออะไรนะ” คุณยายถามซ้ำ
“เขาชื่อริคาโด้ค่ะยายแต่เรียกง่ายๆ ก็ชื่อคุณริคค่ะ คุณริคเขาจะให้หนูสอนภาษาไทยเขาด้วยนะคะ”
“แต่ขิมของยายสอนเด็กอนุบาลนี่เขาให้สอนผู้ใหญ่แบบนี้จะไหวไหมลูก” คุณยายศรีนวลถามหลานสาวด้วยความเป็นห่วง
“หนูก็คิดเหมือนคุณยายค่ะ หนูบอกเขาไปแล้วแต่เขาก็บอกว่าถ้าจะให้ไปเรียนที่อื่นไม่สะดวกในเรื่องของเวลาค่ะคุณยาย” มนัญชญาอธิบายให้คุณยายฟังตามที่ตนเองได้คุยกับริคาโด้
“เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอแล้วหนูคิดว่าจะทำได้ไหมล่ะ”
“ก็คงต้องได้ล่ะค่ะคุณยาย ตอนนี้หนูกับเขายังไม่ตกลงกันเรื่องราคาค่ะ หนูจะบอกราคาเขาไปก่อนอาจจะเรียกแพงหน่อยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ”
“แต่ยายว่าทำแบบนั้นไม่ดีเลยนะลูก บอกเขาไปตามราคาตามปกติเหมือนที่หนูไปสอนหนูอันนาก็ได้นะ ถ้าหากเขามีความตั้งใจอยากจะเรียนขึ้นมาจริงๆ เขาจะเสียความรู้สึกเอาได้”
“เอางั้นก็ได้ค่ะคุณยาย แต่บางครั้งเขาบอกว่าอาจจะต้องให้หนูไปสอนช่วงหัวค่ำนะคะ”
“แล้วหนูจะไปสอนที่ไหนล่ะ ให้เขามาเรียนที่บ้านเราไหมจะได้ไม่ต้องเดินทาง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณยายหนูว่าจะนัดสอนที่คาเฟ่หน้าปากซอยค่ะใกล้บ้านเราดีด้วยที่นั่นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง”
“ถ้าสอนที่นั่นยายก็วางใจหน่อยนี่รถของหนูยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอลูก”
“ซ่อมเสร็จแล้วค่ะพรุ่งนี้หนูว่าจะไปเอารถอยู่เหมือนกัน ไม่มีรถใช้มันก็ค่อนข้างลำบาก พรุ่งนี้เย็นหนูว่าจะไปซื้อของใช้เข้าบ้านคุณยายไปด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ล่ะยายไม่อยากจะเดินไกลๆ แต่หนูแวะร้านประจำของยายให้หน่อยได้ไหมยายว่าจะฝากซื้อน้ำตาลกับแป้งน่ะ วันมะรืนก็วันพระแล้ว ยายว่าจะทำขนมไปขายสักหน่อย”
“คุณยายขา คุณยายไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ”
“เหนื่อยที่ไหนกันล่ะกว่าจะถึงวันพระแต่ละทียายอยู่บ้านอย่างเดียวเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“คุณยายของหนูขยันจริงๆ เลยนะคะ”
“หนูขิมเองก็ขยันจ้ะ ไหนจะสอนที่โรงเรียนไหนจะรับงานสอนพิเศษอีก”
“ก็หนูเป็นหลานคุณยายนี่คะก็ต้องขยันเหมือนคุณยาย คุณยายคะหนูว่าปีหน้าหนูอาจจะซื้อรถใหม่สักคันดีไหม รถคันนี้มันเก่าแล้วซ่อมแต่ละทีค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างเยอะ”
“ทำไมจะต้องรอถึงปีหน้าล่ะลูกซื้อปีนี้เลยก็ได้เดี๋ยวยายเป็นคนซื้อให้เอง”
“อย่าเลยค่ะคุณยาย”
“แต่ยายมีเงินเก็บเยอะนะลูก จะซื้อรถใหม่ให้หลานสักคันมันไม่เดือดร้อนอะไรเลย”
“หนูรู้ค่ะว่าคุณยายมีเงินเก็บเยอะแต่หนูอยากซื้อรถด้วยตัวเองนี่คะ เก็บเงินดาวน์สักก้อนหนึ่งจากนั้นก็เอาเงินเดือนตัวเองผ่อนต่อหนูจะได้ภูมิใจด้วยค่ะคุณยาย”
“ถ้างั้นก็แล้วแต่หนูเลยจ้ะ ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านยายจะเป็นคนออกเองระหว่างที่หนูผ่อนรถดีไหม”
“คุณยายคะหนูไม่อยากให้คุณยายต้องมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายพวกนี้หรอกค่ะ หนูคิดว่าหนูจัดการคนเดียวเองได้”
“นี่หนูจะไม่รับเงินหรือความช่วยเหลือจากยายเลยเหรอลูก” คุณยายศรีนวลรู้สึกน้อยใจที่หลานสาวปฏิเสธความช่วยเหลือจากตนเอง
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณยายแต่หนูอยากลองทำอะไรด้วยตัวเองก่อน ถ้าหนูไม่ไหวจริงๆ หรือเงินขาดมือหนูขอคุณยายดีนะคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะ หนูขิมจำไว้นะลูกเงินทุกบาททุกสตางค์และของทุกอย่างของยายอีกหน่อยมันก็จะตกเป็นของหนู ยายไม่รู้ว่าจะอยู่กับหนูได้อีกนานเท่าไหร่”
“คุณยายขายายเพิ่งเกษียณมาได้สองปีเองนะคะ อายุยังไม่เยอะเลย”
“ยายก็แค่พูดเผื่อไว้ก่อนน่ะเราไม่รู้อนาคตข้างหน้า”
“แต่คุณยายของหนูยังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ หนูไม่อยากคุยกับยายเรื่องนี้หรอกค่ะ หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“ได้จ้ะเดี๋ยวยายดูละครต่ออีกนิดก็จะเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ตื่นสายหน่อยก็ได้นะแล้วตอนเช้าอยากกินอะไรล่ะ ยายจะตื่นมาทำให้”
“พรุ่งนี้หนูว่าจะจะกินโจ๊กในตลาดค่ะ”
“แล้วตอนกลางวันล่ะหนูอยากกินอะไร”
“ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ”
“ยายว่าจะทำราดหน้า หนูอยากกินไหม”
“หนูกำลังอยากกินพอดีเลยค่ะ ขอเป็นราดหน้าทะเลนะคะเดี๋ยวหนูจะซื้ออาหารสดเข้ามาเอง”
“แล้วหนูจะไปยังไงล่ะลูก”
“ตอนเช้าหนูว่าจะเดินไปซื้อโจ๊กค่ะ พอสายก็ว่าจะไปเอารถจากนั้นก็แวะซื้ออาหารทะเลเข้ามา”
“แล้วค่าซ่อมรถละเท่าไหร่ลูกมีเงินพอจ่ายไหม ถ้าไม่พอจะเอาของยายไปก่อนก็ได้นะ”
“พอค่ะคุณยาย รถซ่อมที่อู่ประจำค่าซ่อมไม่แพงหรอกค่ะ หนูขอไปอาบน้ำแล้วนะคะคุณยาย” หญิงสาวกอดและหอมแก้มคุณยายศรีนวลก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง
ครบหนึ่งหกเดือนแล้วที่ริคาโด้ประสบอุบัติเหตุตอนนี้เขากลับมาเดินได้ตามปกติแต่คุณหมอยังไม่อนุญาตให้วิ่งหรือออกแรงขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บมากจนเกินไปวันนี้เป็นโอกาสที่ที่เขาได้มาร่วมงานแต่งงานของน้องชายต่างมารดาที่อิตาลี การมาครั้งนี้นอกจากตัวเอาเองแล้วครอบครัวของเอเลน่ารวมถึงมนัญชญาก็มาร่วมงานแต่งงานด้วยหลังจากงานแต่งงานของน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้วริคาโด้ก็มาคุยกับบิดาและพามนัญชญามากับเขาด้วย“ฉันดีใจจะที่ความรักของนายยังไปได้สวย”“แน่นอนครับ เราสองคนยังรักกันดี”“น้องของแกก็แต่งงานไปแล้ว เมื่อไหร่แกจะแต่งล่ะ”“คงอีกไม่นานหรอกครับพ่อ”“ฉันขอถามเธออีกครั้งและมันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ” อัลแบโต้มองหน้าคนรักของลูกชายด้วยสายตาที่ยังคงเป็นกังวล“ได้ค่ะคุณอัลแบโต้”“เธอจะไม่เปลี่ยนใจจากลูกชายของฉันแน่ใช่ไหม”“แน่ค่ะ คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนเดิม”“พ่อจะถามเพื่ออะไรครับ หรือยังไม่เลิกคิดจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอีก”“เรื่องนั้นฉันเลิกคิดไปแล้ว”“พ่อเลิกคิดเองหรือเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับผมล่ะครับ ผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่มันไม่เป็นความลับ” ริคาโด้รู้จากคนของเขาว่าโซเฟียเอาเรื่องของเ
ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนนี้ริคาโด้ออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าซึ่งแต่ก่อนเขาก็เคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แต่พอน้องสาวแต่งงานชายหนุ่มจึงย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมเหตุผลที่ริคาโด้ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าก็เพราะถ้าเขาไปอยู่ที่คอนโดมนัญชญาจะไม่ยอมตามไปดูแลเขาที่นั่นเพราะหญิงสาวเป็นห่วงและกลัวว่าช่วงที่เธอไปทำงานริคาโด้จะไม่มีคนคอยดูแลตอนนี้ชายหนุ่มยังต้องใช้ไม้เท้าเวลาเดินและนั่งรถเข็นเวลาไปทำงานที่โรงแรมในบางวันที่เขามีประชุม ส่วนวันอื่นๆ ก็เอางานกลับมาทำที่บ้านโดยมีวสันต์และคนของเขาคอยประสานงาน“วันนี้เหนื่อยหรือเปล่าคะ” มนัญชญาถามหลังจากคนของเขาไปรับเธอมาจากโรงเรียน“ไม่เท่าไหร่ครับวันนี้ผมไปประชุมแค่ครึ่งวัน เสร็จแล้วก็รีบกลับมาพัก”“ดีมากค่ะ แบบนี้จะได้หายไวๆ นะคะ เราไปทานข้าวกันนะคะหนูอันนาน่าจะหิวแล้ว” หญิงสาวช่วยพยุงเขาลุกขึ้นจากนั้นก็ส่งไม้เท้าให้เขา ในตอนแรกเธอก็คอยช่วยประคองเวลาเขาเดิน แต่นักกายภาพบำบัดแนะนำว่าควรให้เขาเดินเองเพราะจะได้รู้จังหวะในการเดินและลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุซ้ำได้“ลุงริคขา วันเสาร์คุณพ่อคุณแม่จะพาอันนาไปเที่ยวทะ
มนัญชญาพูดกับอัลแบโต้เพราะอยากให้เขามั่นใจว่าจากนี้ลูกชายของเขาจะมีเธอเป็นคนดูแลอย่างดี“แล้วเธอจะได้อะไรกับการทำแบบนี้” อัลแบโต้ถามไปตามตรงเพราะถ้าหากลูกชายเขารักษาไม่หายผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นทุกข์มาก เขารู้ว่าหญิงชายวัยนี้เรื่องบนเตียงมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต แล้วจะมีใครยอมเอาตัวเองมาจบอยู่กับผู้ชายที่ให้ความสุขไม่ได้แบบนี้“นั่นสิ เธอจะทนอยู่กับเขาได้ยังไง หรือคิดว่าเขาจะรักษาหาย” โซเฟียมองมนัญชญาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าเธอจะยอมอยู่กับริคาโด้ได้ยังไงเพราะถ้าเป็นตัวเธอเองคงไม่อยู่กับเขาแน่“เพราะคุณริคคือคนรักของฉันไงคะ เขาจะรักษาหายหรือไม่หายมันก็ไม่สำคัญหรอกนะ”“เธอจะทนอยู่ได้แน่เหรอ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ”“ฉันไม่สนใจว่าคุณหรือใครจะเชื่อหรือไม่ ฉันสนใจแค่คุณริคคนเดียว”“ขอบใจนะขิม แต่ที่โซเฟียพูดก็ถูกนะ ผมคงไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอก”“เรื่องของเราเอาไว้คุยกันสองคนดีกว่านะคุณริค” มนัญชญาไม่อยากให้ริคาโด้ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้“ก็ได้ครับ”“ฉันว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวๆ” อัลแบโต้ยังไม่แน่ใจว่ามนัญชญาจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่าและเขาก็จะลองให้โอกาสเธอดูสักครั้งถ้าหากเว
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัยไม่มีใครรู้ว่าริคาโด้กับคุณหมอพูดเรื่องอะไรกัน“ถ้าคุณตัดสินใจแล้วผมก็จะบอกความจริงทั้งหมดให้กับทุกคนรู้”คุณหมอวัยกลางคนมองหน้าริคาโด้และทุกคนในห้องแล้วถอนหายใจก่อนจะบอกถึงอาการของริคาโด้ให้กับทุกคนรู้“เท่าที่เราทุกคนทราบว่าคุณริคาโด้ประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหักแต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือระหว่างเกิดอุบัติเหตุนี้ร่างกายของคุณริคาโด้ถูกกระแทกตรงบริเวณหน้าอก ช่องท้องรวมถึงอุ้งเชิงกรานของเขาด้วย แรงกระแทกไม่ได้ส่งผลให้อวัยวะเสียหายอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็มีอวัยวะและเส้นประสาทบางส่วนเสียหายจากแรงกระแทกนี้” คุณหมออธิบายด้วยภาษาอังกฤษช้าๆ เพื่อให้ทุกคนในห้องเข้าใจอย่างชัดเจน“หมอคะ หมอกำลังจะบอกอะไรก็บอกมาเลยค่ะไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว” โซเฟียไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมอพูดและเธอก็คิดว่าคนอื่นก็คงไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันเพียงแต่ไม่มีใครกล้าถามคุณหมอยังคงมีท่าทางอึดอัดที่จะพูดออกมาตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ของเขา“ผมไม่อายหรอกครับหมอบอกทุกคนไปเลย” ริคาโด้พูดขึ้นเพราะเห็นทุกคนมีสีหน้าสงสัยและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่“เส้นประสาทบางส่วนของคุณริคาโด้ได้รับค
เข้าวันที่สี่แล้วในการนอนโรงพยาบาลของริคาโด้ ตอนนี้อาการปวดบริเวณแผลผ่าตัดของชายหนุ่มแทบไม่มีแล้วแต่หมอก็ยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้เพราะแผลยังไม่หายดีเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ได้อยากออกจากโรงพยาบาลเพราะรู้สึกดีที่มนัญชญามานอนเฝ้าเขาทุกคืนวันนี้หลังจากเลิกมนัญชญาแล้วก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านก่อนจะกลับมานอนเฝ้าริคาโด้ที่โรงพยาบาลเหมือนกับสามคืนก่อนหน้านี้“เป็นยังไงบ้างคะปวดแผลหรือเปล่า” หญิงสาวถามคนรักก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียง“ปวดครับแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ วันนี้ผมเลยไม่ขอยาแก้ปวดจากพยาบาลเลยครับ”“คุณริคเก่งมากและฟื้นตัวได้ดีมากๆ เลยนะคะ”“เพราะผมได้กำลังใจดีจากขิมไงล่ะครับ แล้วขิมเหนื่อยไหมที่ต้องมานอนเฝ้าผมทุกคืนแบบนี้ อดทนอีกนิดนะครับถ้าผมหายดีแล้วผมจะทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุดเลย”“ตอนนี้คงริคก็ดีที่สุดสำหรับขิมแล้วนะคะ”“ขิมของผมน่ารักที่สุดเลย” ริคาโด้จับมือเธอแล้วยกขึ้นมาจูบ ไปบนหลังมือด้วยความรักตั้งแต่เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาลมนัญชญาก็คอยดูแลมาตลอดเธอไม่เคยชักสีหน้าไม่พอใจหรือทำท่าทางเบื่อหน่ายที่ต้องมานอนเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลเลย มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกรักเธอมากขึ้นอีกและคิดว่าค
วันรุ่งขึ้นมนัญชญาก็แวะมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าเพื่อสอบถามอาการของริคาโด้จากพยาบาลประจำห้องไอซียูก่อนไปทำงานและพอเลิกงานหญิงสาวก็แวะมาหาเขาอีกครั้งก็เลยได้เจอกับสิรภพและเอเลน่าพอดีหลังจากคุยกับพยาบาลแล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับก่อนจะนัดกันมาเยี่ยมริคาโด้อีกครั้งในเช้าวันเสาร์ซึ่งพยาบาลบอกว่าจะย้ายชายหนุ่มไปยังห้องพักฟื้นเช้าวันเสาร์มนัญชญารีบออกมาจากบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถของสิรภพมาจอด ทั้งสามคนพากันมายังห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่เอเลน่าจองไว้ให้กับพี่ชาย พอประตูห้องเปิดเข้าไปก็เห็นริคาโด้นอนอยู่บนเตียงโดยมีวสันต์ผู้ช่วยของเขายืนอยู่ข้างๆ“อะไรคะพี่ริคเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะทำงานอีกเหรอคะ” เอเลน่าต่อว่าพี่ชาย“พี่แค่สั่งงานนิดหน่อยเอง” เขารีบส่งแฟ้มคืนให้วสันต์แล้วยิ้มให้กับน้องสาวและคนรัก“เจ็บมากมั้ยคะ” หญิงสาวมองขาของคนรักมีผ้าพันแผลแล้วถามด้วยความเป็นห่วงอันที่จริงมนัญชญาได้คุยกับริคาโด้แล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแต่ยังไม่ได้มาเยี่ยมเพราะหมอยังไม่อนุญาต“ตอนนี้ไม่เจ็บเพราะพยาบาลเพิ่งฉีดยาให้แต่ถ้าหมดฤทธิ์ยาก็เจ็บเอาการอยู่”“พี่ริคคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุแน่นะคะ”“ทำไมถามแบบนั้นล่ะเอเลน