หิรัญรู้ดีกว่าใครว่าทำไมธีธวัชถึงไม่มีแฟนหรือคบกับผู้หญิงคนไหนอย่างจริงจังเขารู้ว่าชายหนุ่มยังคงจำฝังใจกับความรักครั้งแรกในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งหิรัญก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ธีธวัชมีแฟนอยู่คนหนึ่งเธอเป็นถึงดาวคณะอักษรศาสตร์ทั้งสองคบหากันอย่างเปิดเผยหลายคนต่างพากันอิจฉากับคู่รักต่างคณะคนหนึ่งสวยอีกคนก็หล่อ แต่ผ่านไปแค่หนึ่งภาคเรียนเรื่องราวของทั้งสองก็กลายเป็นอดีต เมื่อความจริงเปิดเผยออกมาว่าผู้หญิงคนนั้นคบกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ต่างมหาวิทยาลัย และเธอเลือกที่จะคบกับผู้ชายคนนั้นต่อ
ในตอนนั้นธีธวัชเสียใจและดื่มเหล้าเมาเกือบทุกวันกว่าที่หิรัญและเพื่อนๆ จะทำให้เขามีสติและกลับมาตั้งใจเรียนได้ก็ผ่านไปเกือบเดือน ตั้งแต่นั้นธีธวัชก็มองผู้หญิงเป็นของเล่นและไม่เคยจริงจังกับใครเลย เขาเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยแม้บางคนจะดีแสนดีแต่ก็ไม่เคยทำให้ธีธวัชหยุดที่ใครได้เลย
หิรัญเคยถามเรื่องนี้กับธีธวัช คำตอบที่ได้ก็คือชายหนุ่มไม่อยากจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเพราะไม่อยากจะเจ็บเหมือนในอดีตเขาจะไม่เอาตัวเองไปผูกติดกับใครนานเกินสามเดือนเพราะกลัวจะเกิดความผูกพันและมันจะกลายเป็นความรักซึ่งธีธวัชไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เขาอยากใช้ชีวิตไปด้วยหาความสุขให้กับตัวเองไปด้วย
“เราจะไปเยี่ยมคุณเนเน่กันเลยมั้ยครับ” หิรัญถามเจ้านายเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันหกโมงครึ่งแล้วแต่เขาก็ยังไม่ขยับตัวซักที
“ก็ว่ากำลังจะไปอยู่เหมือนกันนายนี่ใจร้อนมากเลยนะอยากจะไปเจอคุณหวานเขาใช่ไหมล่ะ”
“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวผมจะเปิดโอกาสให้คุณธีอยู่กับคุณเน่น่ตามลำพังนะครับ ส่วนผมจะชวนคุณหวานลงมาหาอะไรกินแถวหน้าโรงพยาบาล”
“นี่นายวางแผนไว้หมดแล้วเหรอรัญ” เขามองท่าทางกระตือรือร้นของหิรัญแล้วถามขึ้น
“ก็ไม่เชิงวางแผนหรอกครับ แต่ผมอยากให้คุณธีกับคุณเนเน่ได้พูดคุยกันโดยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เชื่อผมสิครับคุณลองเปิดใจดูสักหน่อยไม่เสียหายอะไรหรอก ถ้าครบสามเดือนแล้วเธอไม่ใช่ก็แค่บอกเลิกไม่ใช่เรื่องยากเลย”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ลูกน้องอย่างนายมีสิทธิ์สั่งฉันด้วย”
“ใครจะกล้าสั่งคุณธีล่ะครับ ผมก็เสนอไปแค่นั้นเอง แต่ถ้าคุณธีไม่สนใจเธอผมจะไปบังคับอะไรคุณธีได้ล่ะ”
หิรัญพูดแล้วยักไหล่ก่อนจะเปิดประตูเดินนำหน้าเจ้านายออกมาเพื่อลงไปเตรียมรถไว้รอเขา เย็นนี้ชายหนุ่มสั่งให้คุณขับรถกลับบ้านไปแล้วจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะขับรถพาเจ้านายไปยังโรงพยาบาล
“เดี๋ยวแวะร้านเค้กก่อนถึงโรงพยาบาลให้หน่อยนะ”
“คุณธีอยากจะกินเค้กเหรอครับ วันนี้มาแปลกจัง”
“เปล่าหรอกฉันว่าจะซื้อไปฝากเนเน่”
“ถ้างั้นผมลงไปซื้อด้วยแล้วกันผมจะซื้อไปฝากคุณหวาน”
“ทำไมนายจะต้องเลียนแบบฉันด้วย”
“ผมไม่ได้เลียนแบบเลยนครับไหนๆ คุณธีก็ต้องจอดรถที่ร้านนั้นอยู่แล้ว คุณก็ซื้อไปฝากคุณเนเน่สิไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก ส่วนผมจะซื้อไปฝากคุณหวาน”
เมื่อหิรัญจอดรถที่หน้าร้านเค้กธีธวัชก็ลงไปเหลือเค้กให้ชญานิษฐ์สี่ชิ้น ส่วนหิรัญนั้นกำลังไลน์ไปถามณัฏฐพิมพ์ว่าอยากได้เค้กรสชาติไหนเมื่อได้คำตอบมาแล้วเขาก็สั่งให้พนักงานของร้านเอาใส่กล่องแล้วแยกกันจ่ายเงินกับธีธวัชเพราะอยากจะพูดให้เต็มปากว่าเค้กนี้เขาตั้งใจซื้อไปให้เธอจริงๆ
เมื่อกลับขึ้นมาถึงบนรถหิรัญก็มองหน้าเจ้านายก่อนจะถามเขาด้วยความแปลกใจ
“เมื่อกี้คุณธีซื้อเค้กรสไหนไปฝากคุณเนเน่บ้างครับ”
“ทำไมฉันจะต้องบอกนายด้วยล่ะ”
“ผมก็ถามดูเผื่อเป็นรสที่ไม่ถูกใจขึ้นมา เราจะได้ลงไปเปลี่ยนทันนะครับ”
“นายรู้เหรอว่าเนเน่เขาชอบกินเค้กรสไหน”
“รู้สิครับก็ผมตามเขามานานผมรู้ทุกอย่างแหละว่าเธอชอบกินอะไรหรือไม่ชอบกินอะไร”
“แล้วนายคิดว่าเรื่องนี้นายรู้แค่คนเดียวหรือไง”
“อย่าบอกนะครับว่าตลอดทั้งบ่ายนี้คุณตามไปดูประวัติเก่าๆ ของคุณเนเน่”
“ฉันจะต้องตามไปดูประวัติของเธอให้เสียเวลาทำไมมัน มีทางลัดอยู่นะ”
“ทางลัดยังไงครับ”
“ฉันก็แค่โทรไปถามเพื่อนของเธอไงไม่เห็นจะยากเลย”
“หมายถึงตอนกลางวันคุณโทรหาคุณหวานเหรอครับ นอกจากถามเรื่องความชอบของคุณเนเน่แล้วคุณธีได้คุยอะไรกับคุณหวานหรือเปล่า”
"ถ้าฉันจะคุยอะไรกับเธอมันจะเป็นปัญหาตรงไหน”
“มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรอกครับ แต่ผมกลัวว่าถ้าคุณติดต่อคุณหวานไปบ่อยๆ เดี๋ยวคุณแน่แน่เธอจะน้อยใจเอานะครับ” อันที่จริงแล้วหิรัญกลัวว่าถ้าหากเจ้านายของตนเองติดต่อกับณัฏฐพิมพ์บ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เธอหลงเสน่ห์เจ้านายของตนเองก็เป็นได้ซึ่งหิรัญจะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน
“นายไม่ต้องกลัวว่าฉันจะจีบคุณหวานของนายหรอกน่า ฉันตกลงจะเป็นแฟนกับเนเน่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น”
“ผมไม่ได้กลัวสักหน่อยเพราะผมรู้ว่าคุณธีไม่มีทางชอบคุณหวานเพราะคุณธีชอบเนเน่”
“ทำไมนายดูมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
“เอาเป็นว่าผมมั่นใจมากก็แล้วกันครับ”
“ถ้างั้นนายจะกังวลอะไรล่ะรีบออกรถได้แล้ว” ธีธวัชหันมาสั่งลูกน้องที่เอาแต่คุยจนไม่ยอมขับรถออกไปสักที
เมื่อเข้ามาถึงห้องพักและทักทายกันแล้วหิรัญก็ชวนณัฏฐพิมพ์ ออกมาคุยกันข้างนอกห้องเพราะอยากจะเปิดโอกาสให้เจ้านายกับชญานิษฐ์ได้อยู่กันตามลำพัง
“แผลคุณเป็นยังไงบ้างยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ หมอให้เนแน่อยู่ในนิ่งๆ แบบนี้แต่ถ้าขยับข้อเท้าก็จะรู้สึกเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่มีเลือดออกแล้ว หมอบอกว่าล้างแผลอีกแค่สองวันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วขอบคุณนะคะที่กลับมาเยี่ยมเนเน่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่งานผู้บริหารอย่างคุณน่าจะยุ่งมาก”
“ถึงจะยุ่งแต่เราก็ไม่ได้ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกครับช่วงเย็นก็เป็นเวลาที่ทุกคนจะพักผ่อน คุณเบื่อไหมที่ต้องนอนอยู่บนเตียงแบบนี้”
“เบื่อมากๆ เลยค่ะแต่พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นหมายความว่ายังไงครับ”
“คุณธีดูกล่องนั่นสิคะ” หญิงสาวชี้ไปบนโต๊ะทานข้าวที่ตอนนี้มีกล่องสินค้าวางอยู่เต็มไปหมด
"ทำไมมันเยอะแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็เพราะข่าวว่าเนเน่เป็นแฟนกับคุณธีหลุดออกไปเจ้าของสินค้าพวกนี้ก็เลยส่งมาให้เนแน่รีวิวค่ะ”
“คุณจะต้องรีวิวทั้งหมดนั่นเลยเหรอ คงต้องใช้เวลานานมากๆ แน่เลย”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ แต่พวกเขาไม่ได้กำหนดระยะเวลาเนน่ก็เลยคิดว่าจะเลือกรีวิวไปวันละนิดค่ะ” ชญานิษฐ์เล่าไปด้วยยิ้มไปด้วย
ธีธวัชรู้สึกว่าการได้คุยกับหญิงสาวคนนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อเลย
งานแต่งงานของนักธุรกิจหนุ่มกับอินฟลูเอนเซอร์สาว ผ่านไปได้เกือบสองอาทิตย์แล้วชญานิษฐ์รู้สึกว่าสามีของตนเองแปลกไปเขากับเธอนอนด้วยกันครั้งสุดท้ายในคืนเข้าหอ หลังจากนั้นก็ผ่านมาสองอาทิตย์แต่ธีธวัชก็ไม่แตะต้องตัวเธอเลย เขาเลิกงานกลับมาก็อาบน้ำและนั่งทำงานต่อจนกระทั่งดึก จากนั้นก็เข้ามานอน ซึ่งต่างจากก่อนแต่งงานที่เขากับเธอมักจะมีอะไรด้วยกันทุกคืนชญานิษฐ์รู้สึกเป็นกังวลมาก แต่หญิงสาวก็ไม่รู้จะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเธอจึงได้แต่เก็บความน้อยใจไว้คนเดียว เพราะเป็นผู้หญิงการจะพูดเรื่องบนเตียงออกไปมันก็ดูน่าอายถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันแล้วก็ตามชญานิษฐ์อดคิดไม่ได้ว่าที่ธีธวัชเปลี่ยนไปเพราะเขาอาจจะมีผู้หญิงคนอื่นหญิงสาวตัดสินใจแล้วคืนนี้จะต้องคุยกับสามีให้รู้เรื่องธีธวัชเลิกงานกลับมาในเวลาหกโมงเย็นจากนั้นทั้งสองก็นั่งรับประทานอาหารค่ำด้วยกันเหมือนปกติเมื่ออาบน้ำแล้วเขาก็เดินเข้าห้องทำงานไปเหมือนอย่างเคย ชญานิษฐ์มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยน้ำตาคลอ ไม่คิดเลยว่าเวลาแค่นี้จะทำให้คนรักเปลี่ยนไปหญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนรักในห้องทำงานเพราะไม่อยากจะเก็บความรู้สึกแบบนี้
เย็นวันต่อมาธีธวัชก็พาชญานิษฐ์ไปยังบ้านของตนเองอีกครั้งเพื่อคุยกับบิดามารดาเรื่องกำหนดการแต่งงานหลังจากรับประทานอาหารค่ำแล้วทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น“ตกลงว่าชินแสให้ฤกษ์มาตอนไหนครับแม่” ธีธวัชถามมารดาเพราะตอนนี้เขาอยากจะแต่งงานและสร้างครอบครัวกับชญานิษฐ์มากๆ“ใจร้อนจังเลยนะธี”“แม่ครับบอกผมมาเถอะ”“ชินแสให้มาฤกษ์มาปลายเดือนหน้าน่ะ” คุณเมธีตอบลูกชายเพราะถ้ารอให้มารดาของชายหนุ่มเป็นคนตอบก็คงจะลีลาและไม่ยอมพูดออกสักที“จริงเหรอครับพ่อ”“จริงสิ เนเน่กับธีมีเวลาเตรียมตัวประมาณเดือนครึ่ง พ่อว่าเวลาขนาดนี้คงเตรียมตัวกันได้แบบสบายๆ นะ” เขาถามลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้“ไม่มีปัญหาครับพ่อ”“แล้วเนเน่ล่ะคิดว่าตัวเองเตรียมตัวทันไหม” คุณเมธีหันมาถามชญานิษฐ์บ้าง“น่าจะทันค่ะ งานแต่งงานของเราไม่ได้จัดใหญ่โตใช่ไหมคะคุณพ่อ”“ผิดแล้วเนเน่งานนี้ต้องเป็นงานใหญ่ทุกคนจะต้องพูดถึงไปอีกนานเลยล่ะ” คุณศรีประภาบอกกับว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มผ่อนคลายกว่าเมื่อวานมาก“เนเน่กลัวว่ามันจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปนะคะคุณแม่”“มันจะสิ้นเปลืองกันแค่ไหนเชียว แม่อนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันแล้วเพราะฉะนั้นเรื่
หลังจากขอชญานิษฐ์แต่งงานโดยมีพยานเป็นแฟนคลับในโลกโซเชียลของหญิงสาวแล้วธีธวัชก็พาเธอไปที่บ้านของตนเองเพื่อแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับบิดามารดาทราบ บิดาของเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะรู้ว่าลูกชายนั้นรักและจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มาก ส่วนมารดาของเขาไม่ค่อยจะพอใจมากนักเนื่องจากคาดหวังว่าลูกสะใภ้ของตนนั้นคือกวินตราลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่ธีธวัชช่วยไปสอนงาน“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอลูก” คุณศรีประภาถามลูกชายด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ไม่หรอกครับแม่ แม่ก็เคยบอกผมว่าอยากอุ้มหลานนี่ครับ” เขารู้ว่ามารดากำลังประวิงเวลาและอาจจะกำลังคิดวางแผนอะไรสักอย่างเพื่อให้เขากับชญานิษฐ์เลิกล้มงานแต่ง แต่ธีธวัชไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้วเพราะสำหรับเขาชญานิษฐ์คือคำตอบสุดท้ายถ้าไม่ใช่เธอเขาก็ไม่มีทางจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนอย่างเด็ดขาด“มันก็ถูกที่แม่อยากจะอุ้มหลาน แต่การจะแต่งงานทั้งทีมันก็ต้องดูฤกษ์ดูยามที่เหมาะสมนะ พรุ่งนี้แม่จะไปดูฤกษ์กับชินแสให้ก็แล้วกันนะ เนเน่เอาวันเดือนปีเกิดของหนูให้แม่ด้วยนะ” เธอหันไปบอกว่าที่ลูกสะใภ้“ได้ค่ะแม่”“เรื่องฤกษ์ผมอยากได้ฤกษ์สะดวกครับแม่” เขาไม่เชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจมารดามากไปกว่านี้
ตอนที่ 30เล่ห์รักท่านรอง (ตอนจบ)ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วที่ชญานิษฐ์ไม่ได้ติดต่อกับธีธวัชอีกเลยหญิงสาวกำลังจะลืมเขาได้และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติวันนี้เธอมีนัดรีวิวร้านอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งโทนอบอุ่นเหมือนกับการมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อนหลังจากรีวิวอาหารต่างๆ ครบแล้วชญานิษฐ์ก็เดินไปคุยกับเจ้าของร้านถึงรายละเอียดที่เธอจะลงในคลิปส่วนณัฏฐพิมพ์นั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่คนเดียว“คุณแน่ใจนะว่าจะทำอย่างนี้” ณัฏฐพิมพ์ถามธีธวัชที่ยืนแอบอยู่ในมุมหลับตาด้านหลังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่“ก็คุณเป็นคนเสนอเองนี่แล้วทำไมตอนนี้จะไม่มั่นใจล่ะ”“ก็หวานกลัวเนเน่โกรธ”“แต่ผมว่าเขาไม่โกรธหรอกเพราะคุณเป็นเพื่อนที่เขารักมาก”“ฉันขอถามอะไรคุณธีอย่างหนึ่งสิ”“ถามมาเลย”“คุณธีจริงจังกับเพื่อนของหวานจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าอยากจะทำเพราะเห็นว่าสนุก”“ไม่เลยผมจริงจังกับเนเน่มากๆ ผมรู้ใจตัวเองดีแต่คุณหายไปนานเกือบสามอาทิตย์เลยนะ”“ใช่ผมหายไปเพื่อไปเคลียร์ตัวเอง ผมรู้ว่ามันฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ที่ผมต้องไปสอนงานรุ่นน้องแต่มันก็มีความจำเป็นจริงๆ เพราะครอบครัวของเราสองคนนั้นสนิทกันมากๆ และพ่อของเขาก็ป่วย
แม้จะเป็นคนบอกเลิกธีธวัชเองแต่ชญานิษฐ์กลับเสียใจมากๆเพราะหลังจากวันนั้นชายหนุ่มก็โทรศัพท์มาหาเธออีกเพียงแค่ครั้งเดียวพอเธอไม่รับสายเขาก็ไม่โทรมาอีกเลยแม้กระทั่งไลน์หรือข้อความก็ไม่มีมาสักนิด หญิงสาวก็เลยคิดว่าเขาคงจะทำตามที่เธอบอกคือไปจัดการเรื่องการสอนงานให้กับกวินตราให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาคุยกับเธอแต่มันเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นอกจากเขาจะไม่ติดต่อมาหาเธอแล้วยังมีภาพข่าวที่ธีธวัชไปร่วมเปิดโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเธอนะว่าน่าจะเป็นโรงแรมของคุณกวินตรารูปที่ทั้งสองยืนข้างกันขณะที่หญิงสาวเป็นคนตัดริบบิ้นมันดูเหมาะสมมากๆ ซึ่งมันแตกต่างกับตนเองโดยสิ้นเชิง ดูแล้วกวินตราน่าจะเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับธีธวัชมากที่สุดทั้งสถานะทางสังคมทั้งรูปร่างหน้าตารวมถึงกิจการที่ทั้งสองมีนั้นเหมาะสมกันมากภาพที่เขาถ่ายพร้อมกับกวินตราถูกโพสต์ลงโซเชียลโดยเพจเพจหนึ่งหญิงสาวอ่านหัวข้อข่าวแล้วรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว‘เมื่อผู้บริหารหนุ่มหล่อกับผู้บริหารสาวสวยยืนเคียงข้างกัน มันเป็นภาพที่สวยงามและลงตัวจริงๆ น่าสงสารอินฟลูเอนเซอร์สาวคนนั้นน่ะจู่ๆ ก็อกหักโดยไม่รู้ตัว’ภายใต้ภาพนั้นมีคนเข้ามาแสดงคว
หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อมองลอดช่องเล็กๆ บริเวณประตูแล้วเห็นว่าตอนนี้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นเป็นใคร เธอรีบเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว”“พี่ธี” สาวยิ้มกว้าง“คิดถึง” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวแน่นด้วยความคิดถึง ตลอดทั้งสัปดาห์งานยุ่งมากๆ จนไม่มีเวลาให้กับชญานิษฐ์เลย เขาก็รู้สึกผิดมากๆ“พี่ธีมาทำไมดึกจังคะ”“พี่คิดถึงเนเน่” เขาเดินมานั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ“ทำไมสภาพพี่ธีเป็นแบบนี้ล่ะคะ” หญิงสาวมองใบหน้าที่ซูบและดวงตาคล้ำของเขาซึ่งปกติแล้วธีธวัชจะเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองค่อนข้างดีเขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองโทรมมากขนาดนี้มาก่อน“ช่วงนี้พี่ทำงานที่โรงแรมด้วยและก็ต้องสอนงานแฟร์ด้วยน่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ พี่ขอโทษเนเน่อาทิตย์นี้เราไม่ได้เจอกันเลยและยังได้คุยโทรศัพท์กันแค่นิดเดียว”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเนเน่เข้าใจว่าพี่ธีทำงานและยุ่งมากๆ แล้วกินอะไรมาหรือยังคะ”“พี่กินมาแล้วครับ”“พี่แค่แวะมาหาเนเน่หรือจะมาค้างคะ”“พี่ตั้งใจจะมาค้างกับเนเน่”“ถ้างั้นไปอาบน้ำนะเดี๋ยวเนเน่เตรียมชุดนอนให้” ชายหนุ่มเอาชุดนอนและชุดทำงานมาทิ้งไว้ที่นี่อยู่หลายชุดเผื่อเวลาที่มาพักจะได้ไม่ต้องขนมาทุกครั้งให้มันวุ่นวาย“เน